ขอพื้นที่ระบายเรื่องในใจ ถ้าใครมีแนวคิดดีๆ บวกๆ (ไม่เอาพร้อมบวก) แนะนำได้นะ
เราเป็นคนๆ นึงที่แต่งงาน มีครอบครัว ยังไม่มีลูก แต่เรามีหลาน 7 ขวบ ซึ่งเป็นลูกพี่สาวแฟน ปกติ เราจะคอยเตือน คอยสอนหลาน บางทีก็ดุ บางทีก็อาจมีตีบ้าง ซึ่งช่วงหลังๆ ก็เน้นไปทางอธิบายเหตุผลให้เค้าฟัง ไม่ได้ตีแล้ว ซึ่งเราพยายามให้เค้าอยู่ในกรอบของเด็กที่น่ารัก สอนการเข้าสังคม สอนทุกอย่าง เตือนทุกอย่าง
อาจมีคนสงสัยอ้าว แล้วทำไมพ่อแม่เค้าไม่สอน ไม่ปล่อยไปเป็นหน้าที่พ่อแม่เค้าล่ะ (เราคือคนว่างงานไง เราออกจากงานเพื่อมาให้เวลากับการมีลูก เราเป็นเคสมีบุตรยาก ต้องเข้า ออก รพ บ่อย มันไม่ดีถ้ายังทำงานอยู่ ) เราเลยดูมีเวลาดูแลหลานมากกว่าคนอื่นๆ
ซึ่งพ่อแม่เค้าก็คงสอนแหล่ะ แต่สิ่งที่เราสังเกตุ คือ เด็กไม่ค่อยฟัง เพราะดุแล้วก็ยอม แต่เราดุแล้วเราไม่ยอม ไม่ได้ก็คือไม่ได้ โดยยึดเหตุผลว่า ถ้าดุแล้วยังปล่อยเค้าทำ มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
หลายๆ ครั้งที่เราพยายามข่มใจ ตอนดุหลานแล้วเค้าร้องไห้ เราสงสารเค้าไม่ต่างกับคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่เราก็คิดว่า ถ้าเราปล่อยให้เค้าทำอะไรผิดๆ โดยไม่ได้ทำให้เค้ารู้ว่านั่นคือผิดนะ มันจะมีผลกับเค้าตอนโต (แม่และยายเค้าคงไม่คิดแบบนั้น เพราะทุกครั้งที่ลูกร้องจะเข้ามาปลอบแล้วก็ยอม และเราก็กลายเป็นคุณน้าใจร้ายไปเลย)
จริงๆด้วยพื้นฐานเราไม่ใช่คนดุ หรือใจร้ายอะไร เราว่าเราใจดีนะ แต่ไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นหลานทำอะไรที่ไม่น่ารัก เค้าก็อดที่จะเตือนเค้าไม่ได้ พอเค้าไม่ฟัง มันก็เข้าสู่การใช้กฏ ใช้ข้อกำหนด จนหลายคนมองว่าเราบังคับเค้าเกินไปหรือเปล่า สำหรับเรา นั่นคือทำวิธีนุ่มนวลแล้วไม่ได้ผล มันถึงจะมาจบด้วยสิ่งนี้
ถ้าเล่าก็คงไม่หมด เอาคร่าวๆ แบบนี้
สิ่งที่เราได้รับ เวลาที่หลานไปบอกแม่ บอกยายว่าเค้าเครียด เค้าจะอดทนไม่ไหวแล้ว (ทั้งๆที่ ตัวเองก็ยังดื้ออยู่) เค้ามักจะบอกว่าน้าไม่รักเค้า ขัดใจเค้าตลอด ลงโทษเค้าตลอด แต่ไม่เคยมีใครบอกหลานเลยว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมด เราแค่รักและอยากให้เค้าเป็นผู้ใหญ่ที่ดีคนนึง
วิธีเรามันอาจจะสมัยก่อน เราว่าพ่อแม่เราสอนมาแบบนี้ แล้วเราโตมา เราก็เป็นคนดี คนที่รู้จักเราหลายคนก็ชมเราตลอดว่าเราถูกเลี้ยงมาอย่างดี น่ารัก วางตัวในสังคมดี แปลว่าการสอนแบบนี้มันต้องดีถูกไหม ก็ยอมรับนะตอนเราเป็นเด็กเราไม่เข้าใจหรอก เราก็คงเหมือนหลานที่ไม่เข้าใจ แต่เราก็ทำตามที่ผู้ใหญ่เค้าสั่งสอนแม้ว่าเราจะต่อต้านในตอนเด็ก พอโตมาเราถึงรู้ว่า มันดีอ่ะ ที่เค้าสอนเรามา มันดีมากๆ เลย ถ้าเรามีลูก เราจะสอนแบบนี้
ล่าสุด ทั้งยายทั้งแม่พูดกับเราด้วยอารมย์ที่ว่า สงสารหลานบ้างเถอะ อบรมอะไรกันเยอะ หลานจะรับไม่ไหวแล้ว และคำพูดที่เจ็บปวดที่สุดที่ได้ยิน ครั้งนี้คือครั้งที่ 2 ละ (นั่นลูกเค้านะ ไม่ใช่ลูกเรา ถ้าลูกเค้าเป็นอะไรไปจะทำยังไง ถ้าหลานเครียดเกินไป สติแตก เส้นเลือดแตกไป จะทำยังไง)
เราผิดขนาดนั้นเลยหรอ???? ในหัวมันมีแต่คำนี้เข้ามา
แล้วเวลาที่เราชื่อเราไปอ้างเวลาจะดุหลาน ทำให้หลานกลัวด้วยชื่อเรา , เวลาที่หลานได้รับคำชมจากคนนอกบ้านในสิ่งที่เราสอน ก็ไม่ใช่เรานะ ที่ได้รับคำชม คือพ่อแม่เค้าตะหากที่ได้รับคำชม....แล้วคำพูดแบบนี้...เราควรได้รับจริงๆ ใช่ไหม???
เรายอมรับว่าเค้าไม่ใช่ลูกเรา แต่เราก็เลี้ยงเค้ามาตั้งแต่เค้าเกิด เราอาจจะดุ อาจจะสกัดความดื้อเค้าทุกทาง เพราะเราอยากให้เค้าเป็นเด็กน่ารัก ทุกอย่างที่เราทำเราแค่คิดว่า เรารักเค้าเหมือนเค้าเป็นลูกเรา เพราะจริงๆ หลานเราก็น่ารัก เรามักจะใจอ่อนกับหลานเฉพาะเรื่องดีๆ
ปัญหาโลกแตกไหม ไม่ใช่แม่ผัว ลูกสะใภ้ นะ เราว่าเราไม่ได้ลดความเคารพนับถือใครในบ้านนี้เลย พวกเค้าก็เอ็นดูเรามาตลอด เพียงแต่เรื่องหลานเท่านั้น ที่ทำให้เรารู้สึกไม่มีพรรคพวก พ่อแม่เราเสียแล้ว พี่สาวเราก็อยู่ไกล เรามีบ้านแค่ที่นี่ เพื่อนก็ไม่ค่อยมี
แต่อยู่ดีๆ ที่ๆเราคิดว่าเป็นบ้าน มันดูไม่ค่อยเป็นบ้านเราเท่าไหร่ อาจเพราะเราคิดว่าเราไม่ใช่สายเลือดโดยตรง มันเลยกลายเป็นแค่คนอาศัย เราว่าเราสามารถแบ่งเบาเค้าได้หลายๆ เรื่อง เราว่าเราก็ทำได้ดีอยู่นะ ในฐานะลูกสะใภ้ น้องสะใภ้ แต่มันคงดีไม่พอ หรือเราคิดไปเอง คิดมากไปเอง อย่างที่แฟนเราบอก
แฟนบอกว่า ถ้ารู้สึกว่าอะไรไม่โอเคให้ขึ้นมาอยู่ในห้อง ห้องคือหลุมหลบภัยของเรา และเค้าก็อยู่ข้างเรา แต่นั่นแม่เค้า พี่สาวเค้า หลานเค้า หลับยังไงก็ไม่พ้นหรอก เจอปัญหาวันนี้ เข้ามาห้อง ตื่นมาก็ต้องลงไปเจอกันอยู่ดี ต้องใจแข็งขนาดไหน ต้องเข้มแข็งเบอร์ไหน บางทีก็อยากจะไปไหนสักที่ที่สบายใจ โควิดก็ระบาด ไปไหนได้ บ้านพ่อแม่ก็ไม่มี
ได้ระบายแล้วก็สบายใจหน่อย เราก็จะหายใจเข้าออกลึกๆ ดึงสติกลับมาให้เร็วที่สุด ยังไงตรงนี้ ก็คงเรียกว่า "ครอบครัว" ก็ไม่มีใครแล้วนี่ มีแค่นี้
สักวันคงจะหาหลุมหลบภัยได้เอง ต้องหาที่ที่สบายใจให้ได้ มันเคว้งเกินไป เวลาใจมันห่อเหี่ยว แล้วหาที่พึ่งไม่ได้
ปล. แปลกไหม ที่เราเริ่มไม่อยากมีลูกแล้ว เรารู้แล้วว่าเค้าต้องเจอกับอะไรบ้าง แล้วเราต้องเจอกับอะไรบ้าง
เมื่อความหวังดีกลายเป็นหนามทิ่มแทงใจ
เราเป็นคนๆ นึงที่แต่งงาน มีครอบครัว ยังไม่มีลูก แต่เรามีหลาน 7 ขวบ ซึ่งเป็นลูกพี่สาวแฟน ปกติ เราจะคอยเตือน คอยสอนหลาน บางทีก็ดุ บางทีก็อาจมีตีบ้าง ซึ่งช่วงหลังๆ ก็เน้นไปทางอธิบายเหตุผลให้เค้าฟัง ไม่ได้ตีแล้ว ซึ่งเราพยายามให้เค้าอยู่ในกรอบของเด็กที่น่ารัก สอนการเข้าสังคม สอนทุกอย่าง เตือนทุกอย่าง
อาจมีคนสงสัยอ้าว แล้วทำไมพ่อแม่เค้าไม่สอน ไม่ปล่อยไปเป็นหน้าที่พ่อแม่เค้าล่ะ (เราคือคนว่างงานไง เราออกจากงานเพื่อมาให้เวลากับการมีลูก เราเป็นเคสมีบุตรยาก ต้องเข้า ออก รพ บ่อย มันไม่ดีถ้ายังทำงานอยู่ ) เราเลยดูมีเวลาดูแลหลานมากกว่าคนอื่นๆ
ซึ่งพ่อแม่เค้าก็คงสอนแหล่ะ แต่สิ่งที่เราสังเกตุ คือ เด็กไม่ค่อยฟัง เพราะดุแล้วก็ยอม แต่เราดุแล้วเราไม่ยอม ไม่ได้ก็คือไม่ได้ โดยยึดเหตุผลว่า ถ้าดุแล้วยังปล่อยเค้าทำ มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
หลายๆ ครั้งที่เราพยายามข่มใจ ตอนดุหลานแล้วเค้าร้องไห้ เราสงสารเค้าไม่ต่างกับคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่เราก็คิดว่า ถ้าเราปล่อยให้เค้าทำอะไรผิดๆ โดยไม่ได้ทำให้เค้ารู้ว่านั่นคือผิดนะ มันจะมีผลกับเค้าตอนโต (แม่และยายเค้าคงไม่คิดแบบนั้น เพราะทุกครั้งที่ลูกร้องจะเข้ามาปลอบแล้วก็ยอม และเราก็กลายเป็นคุณน้าใจร้ายไปเลย)
จริงๆด้วยพื้นฐานเราไม่ใช่คนดุ หรือใจร้ายอะไร เราว่าเราใจดีนะ แต่ไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นหลานทำอะไรที่ไม่น่ารัก เค้าก็อดที่จะเตือนเค้าไม่ได้ พอเค้าไม่ฟัง มันก็เข้าสู่การใช้กฏ ใช้ข้อกำหนด จนหลายคนมองว่าเราบังคับเค้าเกินไปหรือเปล่า สำหรับเรา นั่นคือทำวิธีนุ่มนวลแล้วไม่ได้ผล มันถึงจะมาจบด้วยสิ่งนี้
ถ้าเล่าก็คงไม่หมด เอาคร่าวๆ แบบนี้
สิ่งที่เราได้รับ เวลาที่หลานไปบอกแม่ บอกยายว่าเค้าเครียด เค้าจะอดทนไม่ไหวแล้ว (ทั้งๆที่ ตัวเองก็ยังดื้ออยู่) เค้ามักจะบอกว่าน้าไม่รักเค้า ขัดใจเค้าตลอด ลงโทษเค้าตลอด แต่ไม่เคยมีใครบอกหลานเลยว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมด เราแค่รักและอยากให้เค้าเป็นผู้ใหญ่ที่ดีคนนึง
วิธีเรามันอาจจะสมัยก่อน เราว่าพ่อแม่เราสอนมาแบบนี้ แล้วเราโตมา เราก็เป็นคนดี คนที่รู้จักเราหลายคนก็ชมเราตลอดว่าเราถูกเลี้ยงมาอย่างดี น่ารัก วางตัวในสังคมดี แปลว่าการสอนแบบนี้มันต้องดีถูกไหม ก็ยอมรับนะตอนเราเป็นเด็กเราไม่เข้าใจหรอก เราก็คงเหมือนหลานที่ไม่เข้าใจ แต่เราก็ทำตามที่ผู้ใหญ่เค้าสั่งสอนแม้ว่าเราจะต่อต้านในตอนเด็ก พอโตมาเราถึงรู้ว่า มันดีอ่ะ ที่เค้าสอนเรามา มันดีมากๆ เลย ถ้าเรามีลูก เราจะสอนแบบนี้
ล่าสุด ทั้งยายทั้งแม่พูดกับเราด้วยอารมย์ที่ว่า สงสารหลานบ้างเถอะ อบรมอะไรกันเยอะ หลานจะรับไม่ไหวแล้ว และคำพูดที่เจ็บปวดที่สุดที่ได้ยิน ครั้งนี้คือครั้งที่ 2 ละ (นั่นลูกเค้านะ ไม่ใช่ลูกเรา ถ้าลูกเค้าเป็นอะไรไปจะทำยังไง ถ้าหลานเครียดเกินไป สติแตก เส้นเลือดแตกไป จะทำยังไง)
เราผิดขนาดนั้นเลยหรอ???? ในหัวมันมีแต่คำนี้เข้ามา
แล้วเวลาที่เราชื่อเราไปอ้างเวลาจะดุหลาน ทำให้หลานกลัวด้วยชื่อเรา , เวลาที่หลานได้รับคำชมจากคนนอกบ้านในสิ่งที่เราสอน ก็ไม่ใช่เรานะ ที่ได้รับคำชม คือพ่อแม่เค้าตะหากที่ได้รับคำชม....แล้วคำพูดแบบนี้...เราควรได้รับจริงๆ ใช่ไหม???
เรายอมรับว่าเค้าไม่ใช่ลูกเรา แต่เราก็เลี้ยงเค้ามาตั้งแต่เค้าเกิด เราอาจจะดุ อาจจะสกัดความดื้อเค้าทุกทาง เพราะเราอยากให้เค้าเป็นเด็กน่ารัก ทุกอย่างที่เราทำเราแค่คิดว่า เรารักเค้าเหมือนเค้าเป็นลูกเรา เพราะจริงๆ หลานเราก็น่ารัก เรามักจะใจอ่อนกับหลานเฉพาะเรื่องดีๆ
ปัญหาโลกแตกไหม ไม่ใช่แม่ผัว ลูกสะใภ้ นะ เราว่าเราไม่ได้ลดความเคารพนับถือใครในบ้านนี้เลย พวกเค้าก็เอ็นดูเรามาตลอด เพียงแต่เรื่องหลานเท่านั้น ที่ทำให้เรารู้สึกไม่มีพรรคพวก พ่อแม่เราเสียแล้ว พี่สาวเราก็อยู่ไกล เรามีบ้านแค่ที่นี่ เพื่อนก็ไม่ค่อยมี
แต่อยู่ดีๆ ที่ๆเราคิดว่าเป็นบ้าน มันดูไม่ค่อยเป็นบ้านเราเท่าไหร่ อาจเพราะเราคิดว่าเราไม่ใช่สายเลือดโดยตรง มันเลยกลายเป็นแค่คนอาศัย เราว่าเราสามารถแบ่งเบาเค้าได้หลายๆ เรื่อง เราว่าเราก็ทำได้ดีอยู่นะ ในฐานะลูกสะใภ้ น้องสะใภ้ แต่มันคงดีไม่พอ หรือเราคิดไปเอง คิดมากไปเอง อย่างที่แฟนเราบอก
แฟนบอกว่า ถ้ารู้สึกว่าอะไรไม่โอเคให้ขึ้นมาอยู่ในห้อง ห้องคือหลุมหลบภัยของเรา และเค้าก็อยู่ข้างเรา แต่นั่นแม่เค้า พี่สาวเค้า หลานเค้า หลับยังไงก็ไม่พ้นหรอก เจอปัญหาวันนี้ เข้ามาห้อง ตื่นมาก็ต้องลงไปเจอกันอยู่ดี ต้องใจแข็งขนาดไหน ต้องเข้มแข็งเบอร์ไหน บางทีก็อยากจะไปไหนสักที่ที่สบายใจ โควิดก็ระบาด ไปไหนได้ บ้านพ่อแม่ก็ไม่มี
ได้ระบายแล้วก็สบายใจหน่อย เราก็จะหายใจเข้าออกลึกๆ ดึงสติกลับมาให้เร็วที่สุด ยังไงตรงนี้ ก็คงเรียกว่า "ครอบครัว" ก็ไม่มีใครแล้วนี่ มีแค่นี้
สักวันคงจะหาหลุมหลบภัยได้เอง ต้องหาที่ที่สบายใจให้ได้ มันเคว้งเกินไป เวลาใจมันห่อเหี่ยว แล้วหาที่พึ่งไม่ได้
ปล. แปลกไหม ที่เราเริ่มไม่อยากมีลูกแล้ว เรารู้แล้วว่าเค้าต้องเจอกับอะไรบ้าง แล้วเราต้องเจอกับอะไรบ้าง