ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) หมายถึงอะไร?
ลัทธิชนเผ่าหมายถึง ทัศนคติของกลุ่มชนที่รักกลุ่มชนหรือพรรคพวกและชนชาติของตนเองอย่างบ้าคลั่ง, มีความรังเกียจ,ดูถูกเหยียดหยาม, ไม่มีความยุติ ธรรม ต่อบุคลหรือกลุ่มชนอื่นๆ ที่ไม่ใช่พรรคพวกของตน หรือผู้ที่มีผิวพรรณที่แตกต่างจากพวกตน มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต่างกัน มีความเชื่อถือทางศาสนาที่ต่างจากตน (คือผู้นับถือศาสนาอื่นที่ต่างจากศาสนาของตน) มีการเหยียดผิว บางครั้งมีเมื่อการดูหมิ่นเหยียดหยามกันอาจจะนำไปสู่การทำร้ายร่าง กายกัน หรือก่อให้เกิดสงครามขึ้นได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พระเจ้าทรงประทานศาสนาอิสลามมาท่ามกลางลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ในคาบสมุทธอรับ เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะขจัด ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ซึ่งมีอยู่ท่ามกลางความป่าเถื่อนของชาวอรับทะเลทราย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยุติธรรม ในสังคมชาวอรับในสมัยเมื่อหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าปี ที่มีการค้าขายมนุษย์ทั้งชายหญิงเพื่อเป็นทาส และ การแบ่งชั้นวรรณะ การเหยียดผิว การกดขี่ข่มเหงเด็กและเพศหญิง และผู้ที่อ่อนแอกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ The peninsula consists of 7 countries, Saudi Arabia, Yemen, Oman, the United Arab Emirates, Bahrain, Qatar, and Kuwait.
ศาสนาอิสลามห้ามการถือศักดินา การแบ่งชั้นวรรณะ ทุกๆคนเกิดมามีความเป็นมนุษย์เท่ากันหมด ห้ามการค้าขายทาสและค้าขายมนุษย์ มนุษย์ทุกๆคนอยู่ภายใต้อำนาจสูงสุดของพระเจ้าเท่านั้น ห้ามมนุษย์กราบเท้ามนุษย์ด้วยกัน (สูญูด) การสูญูดสงวนไว้สำหรับพระเจ้าเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลข้อหนึ่ง ที่ศาสนาอิสลามไม่มีนักบวช หรือตำแหน่งยศศักดิ์ทางศาสนา มุสลิมทุกๆคนมีหน้าที่ๆจะต้องรักษาและปฏิบัติตามบัญญัติของพระเจ้า และคำสอนของท่านศาสดามูฮัมมัด เท่ากันหมดไม่มีข้อยกเว้น
มีนักเขียนบทความทางยุโรปและในอเมริกา พยายามที่จะทำลายศาสนาอิสลามโดยกล่าวประณามว่าอิสลามเป็นลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ด้วยความเขลาที่ไม่มีความรู้ในหลักศรัทธาและคำสอนของอิสลามอย่างแท้จริง มีข้อเขียนเศษขยะที่กล่าวหาว่าอิสลามเป็นลัทธิชนเผ่า (Tribalism) อยู่บน Internet เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ที่ Ignorance ต่อหลักการของศาสนาอิสลามมักจะ นำมาอ้างอิงอยู่เสมอ โดยขาดความรู้ว่า "ลัทธิชนเผ่า (Tribalism)",มีกำเนิดมาจากผู้บูชาเจว็ดและอิสลามถูกส่งมาเพื่อขจัดลัทธินี้
ลัทธิชนเผ่าเป็นอุดมการณ์ที่เป็นอันตรายและโหดร้ายที่กระทบต่อสังคมมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ไม่เป็นที่ยอมรับของศาสนาที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว (อัลลอฮ์), ทั้งนี้เพราะว่า ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) มีต้นกำเนิดมาจากการบูชารูปเคารพ และ/หรือวัตถุต่างๆ รวมทั้งการบูชาธรรมชาคิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://arisebharat.com/2020/11/27/inherent-incompatibility-of-christianity-and-indian-tribal-faiths/
INHERENT INCOMPATIBILITY OF CHRISTIANITY AND INDIAN TRIBAL FAITHS องค์ประกอบทั่วไปตามธรรมกาที่สุดของความเชื่อของชนเผ่าซึ่งมีการปฏิบัติกันทั่วอนุทวีปอินเดียที่ทอดยาวจากลาดักห์ (Ladakh) ทางตอนเหนือไปตลอดทางในมุมทางใต้และตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย โดยไม่คำนึงถึงเผ่าหรือภูมิภาค องค์ประกอบทั่วไปในความเชื่อของชนเผ่า(Tribalism) คือ:
1) การบูชาธรรมชาติ
2) การบูชาแม่เทพธิดา
3) การบูชาเทวรูป
4) บูชาบรรพบุรุษ
รวมทั้งนวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ ตลอดทุกยุคทุกสมัย ในยุคปัจจุบัน เรารู้ว่า ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) เป็นปรากฏการณ์ของการเหยียดเชื้อชาติ ความหวาดกลัวผู้ที่ต่างจากพวกเขา ความเหนือกว่า, ลัทธิจักรวรรดินิยมการล่าเมืองขึ้น ลัทธิฟาสซิสต์ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการกวาดล้างชาติพันธุ์ ในทางปฏิบัติมันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ในลักษณะของความมีอคติ ความคลั่งไคล้ในพวกพ้องตัวเองและการเลือกปฏิบัติ (อยุติธรรม)
มีหลายบัญญัติในอัลกุรอานรวมทั้งคำสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดที่ต่อต้านและกำชับให้มุสลิมห่างจาก ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ซึ่งเป็นหลักการที่ขัดต่อศาสนาอิสลามที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว ในทางตรงกันข้าม พวกลัทธิชนเผ่า(Tribalists) พวกเขาจะไม่ยอมรับมาตรฐานสากลแห่งความยุติ ธรรม พวกเขาจะแบ่งโลกออกเป็นกลุ่มที่มีอภิสิทธิ์เฉพาะในกลุ่มของพวกเขา และกลุ่มภายนอกจากพวกเขา ด้วยความรักที่มีต่อพรรคพวกของตนเองและความเกลียดชังของผู้คนที่แตกต่างไปจากพวกเขา ทำให้พวกเขาหาเหตุผลเข้าข้างตนเองและให้เหตุผลกับผู้ที่อยู่นอกกลุ่มอย่างไม่ยุติธรรม
อัลกุรอานเน้นหนักในเรื่องที่มุสลิมจะต้องรักษาความยุติธรรมต่อมวลมนุษยชาติไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้แต่บิดามารดาของมุสลามเองจะต้องได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกับเพื่อนมนุษย์ทุกๆคน
{4:135} โอ้ บรรดาผู้ที่มีศรัทธา! จงเป็นผู้ที่ดํารงความยุติธรรม จงเป็นสักขีพยานเพื่ออัลลอฮฺ และ(ไม่ลำเอียง)แม้ว่าจะ(เป็นสักขีพยาน)แก่ตัวของพวกเธอเอง หรือบิดามารดาและญาติที่ใกล้ชิดก็ตาม แม้จะเป็นคนมั่งมีหรือคนยากจน อัลลอฮฺก็สมควรยิ่งกว่าเขาทั้งสอง ดังนั้นจงอย่าปฏิบัติตามอารมณ์แล้วไม่ยุติธรรม และหากพวกเธอบิดเบือนหรือผินหลังให้ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเธอกระทำกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้33:70} โอ้ บรรดาผู้ที่มีศรัทธา! จงยำเกรงอัลลอฮฺ และจงกล่าวถ้อยคําที่เที่ยงธรรมเถิด
{33:71} พระองค์ก็จะทรงปรับปรุงการงานของพวกเธอให้ดีขึ้นสำหรับพวกเธอ และจะทรงอภัยโทษความผิดของพวกเธอให้แก่พวกเธอ และผู้ใดภักดีต่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ แน่นอนเขาก็ได้รับความสำเร็จใหญ่หลวง
{3:114} พวกเขามีศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลก และสั่งให้ทำสิ่งที่ชอบธรรม และสั่งห้ามไม่ให้กระทำสิ่งทุจริต และพวกเขารีบเร่งในการกระทำคุณงามความดี และชนเหล่านี้อยู่ในหมู่ที่ประพฤติดี
{3:115} และความดีอันใดที่พวกเขากระทำ พวกเขาจะไม่ถูกปฏิเสธในความดีนั้นเป็นอันขาด และอัลลอฮฺทรงรู้ดีต่อบรรดาผู้ที่ยำเกรง
ตามคำจำกัดความของ ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ศาสนาอิสลามได้ปฏิเสธ ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุด โดยประณามว่า ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) เป็นรูปแบบหนึ่งของ "การตามกันแบบคนตาบอดไม่ใช้ความคิด" ซึ่งบรรดาสมัครพรรคพวกของเขาอาศัยอยู่ใน "ความไม่รู้" ซึ่งเป็นการพาดพิงถึงการบูชารูปเคารพ ก้อนอิฐก้อนหินในยุคก่อนอิสลาม
ศาสนาอิสลามปฏิเสธ ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) อันมีรากฐานมาจากผู้บูชารูปเคารพและก้อนกรวดก้อนหิน อิสลามปฏิเสธทุกรูปแบบของ ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) การเหยียดผิวและเชื้อชาติและแสดงความคลั่งไคล้ต่อกลุ่มชนของตัวเอง มุสลิมจะต้องไม่สร้างภาพเท็จแสดงความเลวร้ายของกลุ่มชนอื่น ตั้งข้อกล่าวหาอย่างครอบคุม เพื่อหาเรื่องเข้าไปบุกรุกกดขี่ และลงลงโทษพวกเขา, มุสลิมจะต้องเป็นผู้นำในการรักษาความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ไม่เพียงแต่ในสังคมมุสลิมเท่านั้น แต่รวมถึงของมนุษย์ทุกๆคนบนโลกนี้
ศาสนาอิสลามปฏิเสธ,"ลัทธิชนเผ่า (Tribalism)" อันถือกำเนิดมาจากอรับผู้บูชาเจว็ด
มีหลายบัญญัติในอัลกุรอานรวมทั้งคำสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดที่ต่อต้านและกำชับให้มุสลิมห่างจาก ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ซึ่งเป็นหลักการที่ขัดต่อศาสนาอิสลามที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว ในทางตรงกันข้าม พวกลัทธิชนเผ่า(Tribalists) พวกเขาจะไม่ยอมรับมาตรฐานสากลแห่งความยุติ ธรรม พวกเขาจะแบ่งโลกออกเป็นกลุ่มที่มีอภิสิทธิ์เฉพาะในกลุ่มของพวกเขา และกลุ่มภายนอกจากพวกเขา ด้วยความรักที่มีต่อพรรคพวกของตนเองและความเกลียดชังของผู้คนที่แตกต่างไปจากพวกเขา ทำให้พวกเขาหาเหตุผลเข้าข้างตนเองและให้เหตุผลกับผู้ที่อยู่นอกกลุ่มอย่างไม่ยุติธรรม
อัลกุรอานเน้นหนักในเรื่องที่มุสลิมจะต้องรักษาความยุติธรรมต่อมวลมนุษยชาติไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้แต่บิดามารดาของมุสลามเองจะต้องได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกับเพื่อนมนุษย์ทุกๆคน
ตามคำจำกัดความของ ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ศาสนาอิสลามได้ปฏิเสธ ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุด โดยประณามว่า ลัทธิชนเผ่า (Tribalism) เป็นรูปแบบหนึ่งของ "การตามกันแบบคนตาบอดไม่ใช้ความคิด" ซึ่งบรรดาสมัครพรรคพวกของเขาอาศัยอยู่ใน "ความไม่รู้" ซึ่งเป็นการพาดพิงถึงการบูชารูปเคารพ ก้อนอิฐก้อนหินในยุคก่อนอิสลาม