น้ำเสกคาทอลิก อาวุธประจำกายและประจำบ้าน
น้ำเสกหรือน้ำศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งเสมือนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ถูกนำออกไประหว่างสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ (Triduum วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ถึงวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีการเสกน้ำปัสกา) ในปีปัจจุบันนี้ บางวัดได้นำวิธีใหม่ซึ่งรวมเอาสิ่งอื่นมาแทนน้ำเสก คือทรายหรือกรวดเข้ามาในระหว่างเทศกาลมหาพรต เพื่อแสดงออกให้คนทั่วไปเห็นเป็นการเรียกร้องให้รำลึกถึง 40 วันของพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดาน เป็นการยากที่จะเข้าใจว่าทำไมบางวัดจึงยกเลิกสิ่งเสมือนของศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพเช่นนั้น จงปรึกษาอย่างสุภาพกับพระสงฆ์เจ้าอาวาสของคุณ เพื่อกระตุ้นการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือน้ำเสกกลับคืนมาสู่สถานะที่ถูกต้องเสียใหม่
🏠 น้ำเสกในบ้านคาทอลิก
บ้านคาทอลิกหลายบ้านติดตั้งภาชนะใส่น้ำเสกไว้ที่ประตูหน้าบ้าน เราจุ่มน้ำเสกตัวเราเองทุกครั้งที่เราออกจากบ้าน ขอพระตรีเอกภาพทรงนำความนึกคิดของเรา คำพูดจาและการกระทำของเราขณะที่เราออกไปสู่โลก ขอวิงวอนขอความคุ้มครองและการนำทางของพระองค์ในทุกสิ่งที่เราทำ เมื่อเรากลับบ้าน เราเสกตัวเราอีก เรียกจิตใจให้ระลึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของบ้าน ในเวลาไม่นานก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัวอย่างลึกซึ้ง และถ้าสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวพรวดพราดออกไปโดยไม่ขอพระพร คนอื่นจะรีบตะโกนบอกโดยไม่ต้องเชื้อเชิญทันทีว่า “ อย่าลืมเสกตัวเองด้วยนะ!”
ขอให้พวกเรานึกถึงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในไฟชำระ ทุกครั้งที่เราเสกตัวเอง หนึ่งหยดเพื่อวิญญาณเหล่านั้นอาจเป็นทั้งหมดที่สามารถปลดปล่อยวิญญาณดวงหนึ่งไปสู่สวรรค์
สัตบุรุษอาจได้รับพระคุณการุณย์ 100 วัน แต่ละครั้งที่ทำสำคัญมหากางเขนพร้อมจุ่มน้ำเสกขณะสวดและมีความเป็นทุกข์ถึงบาป เป็นที่น่าเสียใจ สัตบุรุษที่เดินผ่านประตูเข้าวัด จุ่มนิ้วอย่างรีบร้อนลงไปในน้ำเสกทำท่าแกว่งมือคล้ายกำลังปัดแมลงที่บินรบกวน มากกว่าจะขอพระพรอย่างสง่าช้าๆ สำรวมตัวเพื่อรับพระหรรษทานยิ่งใหญ่ โปรดเลือกบทสวดเพื่อเสกตัวเอง โดยเติมบทภาวนาว่า : “ด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้และด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระองค์ โปรดชะล้างบาปทั้งหมดของข้าพระองค์ด้วย พระเจ้าข้า”
💦 ต่อไปนี้เป็นการใช้น้ำเสกเพิ่มเติมในชีวิตประจำวันของคาทอลิก
เสกห้องต่างๆในบ้านของท่าน เป็นต้นห้องนอนต่างๆ เพื่อซาตานจะไม่เข้าไปข้างใน เป็นประเพณีคาทอลิกที่งดงามสำหรับบิดามารดา ที่จะพรมน้ำเสกแก่เด็กๆทุกคืน พร้อมกับสวดภาวนาสั้นๆว่า “จงหลับในศานติของพระเยซูเจ้า“ หรือตามธรรมเนียมชาวลาตินว่า “Que Te Bendigo” ขอพระองค์ประทานพรแก่ลูก ครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆที่กลัวความเลวร้ายกลางคืน บางครั้งจะติดตั้งอ่างน้ำเสกเล็กๆในห้องนอนของเด็กๆเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
อย่าเสกบ้านครั้งเดียวแล้วลืมไปเลย แต่จงใช้น้ำเสกพรมบ้านบ่อยๆ ใครก็ตามที่ทนทุกข์น่ากลัวจากความไม่สงบสุขภายในบ้าน จงใช้น้ำเสกและเครื่องหมายกางเขน ในมุมของแต่ละห้องเพื่อผลดีจะเกิดขึ้นได้
จงเสกเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยน้ำเสก และวางเหรียญนักบุญเบเนดิกต์บนเครื่อง เพื่อคุณจะได้ระลึกถึงอันตรายของอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน น้ำเสกจะช่วยได้เพื่อให้เครื่องมือของคุณศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเลี้ยงชีพได้
จงเสกพรมยานพาหนะของครอบครัวและยานเพื่อธุรกิจของคุณ และจงพิจารณาเข้าร่วมในองค์การยานยนต์คาทอลิก
จงพรมเสกจักรยานของลูกๆ หนังสือเรียนของพวกเขา และสิ่งอื่นๆ พร้อมสวดภาวนาที่จะไม่ทำให้แตกออกไปจากความเชื่อ หรือนำไปสู่การประจญล่อลวง
จงใช้ภาชนะรองรับน้ำเสกที่สะอาดและใหม่ และระมัดระวังอย่านำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น จงสลายน้ำเสกเก่าๆโดยรินลงบนพื้นดินในบริเวณที่คนจะไม่เหยียบย่ำ
โดยเป็นกรณีเช่นเดียวกับของที่เสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ น้ำเสกควรใช้อย่างศรัทธา โดยไม่มีความเชื่อถือแบบไสยศาสตร์ในการนำมาใช้ แต่ตรงข้าม ต้องใช้ด้วยการรับรู้ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้น ตรงมาจากพลังอำนาจของพระตรีเอกภาพและพระมหาไถ่ของเรา พระเยซูคริสตเจ้า วัตถุที่ได้รับการเสก ไม่ควรจะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางโลกใดๆ
น้ำเสกเป็นสิ่งคล้ายศีลพื้นฐานที่สุด จัดให้คาทอลิกทุกแห่ง มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีพลังที่สุดด้วย ชีวิตของเราคาทอลิกถูกซึมซับด้วยน้ำเสกจากนาทีแรกที่เรารับตราประทับของพระจิตเจ้าตอนล้างบาป จนกระทั่งร่างที่เหลือได้รับการเสกในพิธีกรรมบรรจุศพก่อนการฝัง การใช้น้ำเสกในบ้านเป็นประเพณีคาทอลิกอย่างหนึ่งที่คาทอลิกน้อยคนรับไปปฏิบัติ เป็นความสูญเสียอะไรเช่นนั้น! น้ำเสกมีพลังอำนาจยกบาปเบา นักบุญเวียนเนย์ ในคำสอนของท่านเกี่ยวกับการแก้บาป เสนอแนะว่า นาทีที่คิดว่าตนมีบาปเบา “จุ่มน้ำเสกด้วยความเคารพ ทำอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นงานดีๆที่การอภัยบาปเบาโปรดให้ : เช่น ให้ทาน คุกเข่าสักการะศีลมหาสนิท ฟังมิสซา” ศาสนจักรกระตุ้นเตือนการใช้น้ำเสกบ่อยๆในช่วงเวลาอันตราย เช่น ขณะมีพายุ อัคคีภัย ความเจ็บไข้ได้ป่วย และเมื่อมีการขัดแย้งชนิดใดๆในบ้านหรือในชุมชน
⏳ ประวัติศาสตร์ของการใช้น้ำเสก
การใช้น้ำเสกย้อนวันเวลาไปสู่ยุคคริสตชนเริ่มแรก แต่ก่อนศตวรรษที่ 5 ไม่มีหลักฐานทางเอกสารใดๆเป็นพิเศษ ตั้งแต่สมัยกฎหมายยิวได้จัดการให้มีน้ำสำหรับการทำความบริสุทธิ์ทางพิธีกรรม เป็นการปลอดภัยที่จะอนุมานเอาว่า คริสตชนได้รับเอาการใช้น้ำนี้ตั้งแต่ต้น พระเยซูพระองค์เองก็ถูกล้างบาปด้วยน้ำ
หนึ่งในเอกสารทางพิธีกรรมแรกเริ่มที่สุดโดยพระสังฆราชศตวรรษที่ 4 อ้างอิงถึงการทำพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์(น้ำเสก) โดยอ้างพระนามของพระองค์เหนือน้ำนั้น และอนุมานว่า น้ำนั้นจะมีพลังอำนาจบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และโรคอื่นๆ โดยการดื่มหรือนวดทา และว่าจิตวิญญาณชั่วร้ายทั้งหลายจะลอยจากไป นักบุญเอปีฟานีโอได้เสกน้ำด้วยเครื่องหมายกางเขน และใช้อย่างได้ผลในการขับไล่ปีศาจตนหนึ่ง ต่อมา บรรดาเอกสารเต็มไปด้วยเรื่องราวของการหายจากโรค ที่ได้มาจากการดื่มน้ำเสกในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า
ในศตวรรษที่ 9 พระสันตะปาปาเลโอที่ 6 ได้ออกกฤษฎีกาว่า ทุกวันอาทิตย์ พระสงฆ์ควรจัดเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือน้ำเสก และสวด(หรือขับบท) Asperges ท่านยังกระตุ้นสัตบุรุษให้นำน้ำเสกใส่ภาชนะที่สะอาด กลับไปเสกบ้านของตน เรือนสวนไร่นาและฝูงปศุสัตว์ด้วย
✝️ จารีตพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์
ก่อนสังคายนาวาติกันที่ 2 การเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์รวมการขับไล่ปีศาจของน้ำและเกลือที่ผสมกันเพื่อกำจัดจิตชั่วร้าย ประเพณีถือว่าซาตาน ในการก่อเหตุล่อลวงให้อาดัมและเอวาพลาดพลั้ง ก็สามารถเข้ายึดครองเหนือทุกสิ่งที่ไม่มีวิญญาณที่มนุษย์นำมาใช้งาน ดังนั้น จำเป็นที่จะไล่ปีศาจจากเกลือ จากน้ำ และส่วนผสมของทั้งสองอย่าง พระสงฆ์ ในการเสกเกลือ ก็ปลุกอำนาจของพระเจ้าทรงชีวิต พระเจ้าเที่ยงแท้ พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่ใครก็ตามนำมันมาใช้(เกลือและน้ำ) ก็อาจได้รับสุขภาพของวิญญาณและร่างกาย คือ ที่ใดที่มีการสาดพรมน้ำเสกทุกการปรากฎตัวตัว ทุกความชั่วเลวทราม และทุกรอบการฉ้อฉลแบบปีศาจ และ วิญญาณไม่สะอาดทุกวิญญาณ ได้รับคำมั่นสัญญาโดยพระองค์ซึ่งจะมาพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตายและโลกด้วยไฟ และว่าใครก็ตามที่แตะต้องสิ่งนี้ จะถูกทำให้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นอิสระจากความไม่สะอาดทั้งหมดและ การโจมตีทั้งหมดของอำนาจแห่งความมืด
การไล่ปีศาจจากน้ำเรียกร้องหาพระตรีเอกภาพให้ขับไล่จิตวิญญาณชั่วร้ายจากโลกนี้ เพื่อพวกมันจะได้สูญเสียอิทธิพลทั้งหมดเหนือมนุษย์ และยิ่งกว่านั้น จะไม่มีกลิ่นไอของความเจ็บไข้หรือเชื้อโรคในอากาศคงอยู่ในที่ๆมันเคยอยู่ ที่สุด พระสงฆ์จะเชื้อเชิญพระเป็นเจ้าให้อวยพระพรน้ำ เพื่อว่า อาศัยการออกพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ มันจะเปลี่ยนกลับข้างการโจมตีของจิตวิญญาณสกปรก และขับไล่ความน่ากลัวของงูพิษร้าย ในการบำบัดรักษาโรค และปลดปล่อยพวกเราจากโรคร้ายและกับดักที่ชั่วร้ายของปีศาจ
น่าเสียใจ บทภาวนาสวยสดงดงามเหล่านี้ ซึ่งมอบผลได้ที่มีประสิทธิภาพอย่างทรงพลังสู่น้ำเสก ไม่มีการใช้อีกต่อไปแล้วในบรรดาวัดสมัยใหม่ที่สุดปัจจุบันนี้ นักบุญเทเรซาแห่งอาวิลา ได้พิสูจน์ยืนยันพลังอำนาจของน้ำเสกนี้ และในอัตตชีวประวัติเธอเขียนไว้ว่า :
“จากประสบการณ์ยาวนาน ดิฉันได้ศึกษาพบว่า ไม่มีอะไรเหมือนกับน้ำเสก ที่จะทำให้ปีศาจเผ่นหนี และขจัดพวกมันมิให้หวนกลับคืนมาอีก พวกมันยังหนีจากไม้กางเขน แต่ยังกลับมา ดังนั้น น้ำเสกต้องมีคุณธรรมล้ำเลิศเป็นแน่”
ในคืนวันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ ท่านนักบุญ(เทเรซา)ถูกทรมานโดยพวกปีศาจ ซึ่งเข้ามาขัดขวางความศรัทธาในการสวดภาวนาของท่าน ที่สุดพวกมันได้ถูกขับไล่ไปโดยการสาดพรมน้ำเสก เมื่อคุณอวยพรตัวเองด้วยส่วนผสมทรงคุณค่าของเกลือและน้ำ คุณอาจจะปรารถนาที่จะนึกในใจในการภาวนาเสมอ เหมือนดังที่นักบุญยอห์น คริสโตสตอม ปฏิบัติ “การหลั่งเลือดและน้ำไหลจากสีข้างของพระเยซูเจ้า” จะเปิดทางไปสู่ดวงใจศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ในท้ายสุดของมหาทรมานของพระองค์ ทำให้พระองค์ปลอดโปร่งสมบูรณ์เพื่อทำการไถ่บาปของพวกเรา
ที่มา
https://www.facebook.com/441756286241666/posts/1251792288571391/
-------------------
พลังอำนาจของน้ำเสกที่คริสตชนลืมไปแล้ว
น้ำเสกหรือน้ำศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งเสมือนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ถูกนำออกไประหว่างสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ (Triduum วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ถึงวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีการเสกน้ำปัสกา) ในปีปัจจุบันนี้ บางวัดได้นำวิธีใหม่ซึ่งรวมเอาสิ่งอื่นมาแทนน้ำเสก คือทรายหรือกรวดเข้ามาในระหว่างเทศกาลมหาพรต เพื่อแสดงออกให้คนทั่วไปเห็นเป็นการเรียกร้องให้รำลึกถึง 40 วันของพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดาน เป็นการยากที่จะเข้าใจว่าทำไมบางวัดจึงยกเลิกสิ่งเสมือนของศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพเช่นนั้น จงปรึกษาอย่างสุภาพกับพระสงฆ์เจ้าอาวาสของคุณ เพื่อกระตุ้นการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือน้ำเสกกลับคืนมาสู่สถานะที่ถูกต้องเสียใหม่
🏠 น้ำเสกในบ้านคาทอลิก
บ้านคาทอลิกหลายบ้านติดตั้งภาชนะใส่น้ำเสกไว้ที่ประตูหน้าบ้าน เราจุ่มน้ำเสกตัวเราเองทุกครั้งที่เราออกจากบ้าน ขอพระตรีเอกภาพทรงนำความนึกคิดของเรา คำพูดจาและการกระทำของเราขณะที่เราออกไปสู่โลก ขอวิงวอนขอความคุ้มครองและการนำทางของพระองค์ในทุกสิ่งที่เราทำ เมื่อเรากลับบ้าน เราเสกตัวเราอีก เรียกจิตใจให้ระลึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของบ้าน ในเวลาไม่นานก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัวอย่างลึกซึ้ง และถ้าสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวพรวดพราดออกไปโดยไม่ขอพระพร คนอื่นจะรีบตะโกนบอกโดยไม่ต้องเชื้อเชิญทันทีว่า “ อย่าลืมเสกตัวเองด้วยนะ!”
ขอให้พวกเรานึกถึงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในไฟชำระ ทุกครั้งที่เราเสกตัวเอง หนึ่งหยดเพื่อวิญญาณเหล่านั้นอาจเป็นทั้งหมดที่สามารถปลดปล่อยวิญญาณดวงหนึ่งไปสู่สวรรค์
สัตบุรุษอาจได้รับพระคุณการุณย์ 100 วัน แต่ละครั้งที่ทำสำคัญมหากางเขนพร้อมจุ่มน้ำเสกขณะสวดและมีความเป็นทุกข์ถึงบาป เป็นที่น่าเสียใจ สัตบุรุษที่เดินผ่านประตูเข้าวัด จุ่มนิ้วอย่างรีบร้อนลงไปในน้ำเสกทำท่าแกว่งมือคล้ายกำลังปัดแมลงที่บินรบกวน มากกว่าจะขอพระพรอย่างสง่าช้าๆ สำรวมตัวเพื่อรับพระหรรษทานยิ่งใหญ่ โปรดเลือกบทสวดเพื่อเสกตัวเอง โดยเติมบทภาวนาว่า : “ด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้และด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระองค์ โปรดชะล้างบาปทั้งหมดของข้าพระองค์ด้วย พระเจ้าข้า”
💦 ต่อไปนี้เป็นการใช้น้ำเสกเพิ่มเติมในชีวิตประจำวันของคาทอลิก
เสกห้องต่างๆในบ้านของท่าน เป็นต้นห้องนอนต่างๆ เพื่อซาตานจะไม่เข้าไปข้างใน เป็นประเพณีคาทอลิกที่งดงามสำหรับบิดามารดา ที่จะพรมน้ำเสกแก่เด็กๆทุกคืน พร้อมกับสวดภาวนาสั้นๆว่า “จงหลับในศานติของพระเยซูเจ้า“ หรือตามธรรมเนียมชาวลาตินว่า “Que Te Bendigo” ขอพระองค์ประทานพรแก่ลูก ครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆที่กลัวความเลวร้ายกลางคืน บางครั้งจะติดตั้งอ่างน้ำเสกเล็กๆในห้องนอนของเด็กๆเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
อย่าเสกบ้านครั้งเดียวแล้วลืมไปเลย แต่จงใช้น้ำเสกพรมบ้านบ่อยๆ ใครก็ตามที่ทนทุกข์น่ากลัวจากความไม่สงบสุขภายในบ้าน จงใช้น้ำเสกและเครื่องหมายกางเขน ในมุมของแต่ละห้องเพื่อผลดีจะเกิดขึ้นได้
จงเสกเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยน้ำเสก และวางเหรียญนักบุญเบเนดิกต์บนเครื่อง เพื่อคุณจะได้ระลึกถึงอันตรายของอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน น้ำเสกจะช่วยได้เพื่อให้เครื่องมือของคุณศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเลี้ยงชีพได้
จงเสกพรมยานพาหนะของครอบครัวและยานเพื่อธุรกิจของคุณ และจงพิจารณาเข้าร่วมในองค์การยานยนต์คาทอลิก
จงพรมเสกจักรยานของลูกๆ หนังสือเรียนของพวกเขา และสิ่งอื่นๆ พร้อมสวดภาวนาที่จะไม่ทำให้แตกออกไปจากความเชื่อ หรือนำไปสู่การประจญล่อลวง
จงใช้ภาชนะรองรับน้ำเสกที่สะอาดและใหม่ และระมัดระวังอย่านำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น จงสลายน้ำเสกเก่าๆโดยรินลงบนพื้นดินในบริเวณที่คนจะไม่เหยียบย่ำ
โดยเป็นกรณีเช่นเดียวกับของที่เสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ น้ำเสกควรใช้อย่างศรัทธา โดยไม่มีความเชื่อถือแบบไสยศาสตร์ในการนำมาใช้ แต่ตรงข้าม ต้องใช้ด้วยการรับรู้ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้น ตรงมาจากพลังอำนาจของพระตรีเอกภาพและพระมหาไถ่ของเรา พระเยซูคริสตเจ้า วัตถุที่ได้รับการเสก ไม่ควรจะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางโลกใดๆ
น้ำเสกเป็นสิ่งคล้ายศีลพื้นฐานที่สุด จัดให้คาทอลิกทุกแห่ง มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีพลังที่สุดด้วย ชีวิตของเราคาทอลิกถูกซึมซับด้วยน้ำเสกจากนาทีแรกที่เรารับตราประทับของพระจิตเจ้าตอนล้างบาป จนกระทั่งร่างที่เหลือได้รับการเสกในพิธีกรรมบรรจุศพก่อนการฝัง การใช้น้ำเสกในบ้านเป็นประเพณีคาทอลิกอย่างหนึ่งที่คาทอลิกน้อยคนรับไปปฏิบัติ เป็นความสูญเสียอะไรเช่นนั้น! น้ำเสกมีพลังอำนาจยกบาปเบา นักบุญเวียนเนย์ ในคำสอนของท่านเกี่ยวกับการแก้บาป เสนอแนะว่า นาทีที่คิดว่าตนมีบาปเบา “จุ่มน้ำเสกด้วยความเคารพ ทำอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นงานดีๆที่การอภัยบาปเบาโปรดให้ : เช่น ให้ทาน คุกเข่าสักการะศีลมหาสนิท ฟังมิสซา” ศาสนจักรกระตุ้นเตือนการใช้น้ำเสกบ่อยๆในช่วงเวลาอันตราย เช่น ขณะมีพายุ อัคคีภัย ความเจ็บไข้ได้ป่วย และเมื่อมีการขัดแย้งชนิดใดๆในบ้านหรือในชุมชน
⏳ ประวัติศาสตร์ของการใช้น้ำเสก
การใช้น้ำเสกย้อนวันเวลาไปสู่ยุคคริสตชนเริ่มแรก แต่ก่อนศตวรรษที่ 5 ไม่มีหลักฐานทางเอกสารใดๆเป็นพิเศษ ตั้งแต่สมัยกฎหมายยิวได้จัดการให้มีน้ำสำหรับการทำความบริสุทธิ์ทางพิธีกรรม เป็นการปลอดภัยที่จะอนุมานเอาว่า คริสตชนได้รับเอาการใช้น้ำนี้ตั้งแต่ต้น พระเยซูพระองค์เองก็ถูกล้างบาปด้วยน้ำ
หนึ่งในเอกสารทางพิธีกรรมแรกเริ่มที่สุดโดยพระสังฆราชศตวรรษที่ 4 อ้างอิงถึงการทำพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์(น้ำเสก) โดยอ้างพระนามของพระองค์เหนือน้ำนั้น และอนุมานว่า น้ำนั้นจะมีพลังอำนาจบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และโรคอื่นๆ โดยการดื่มหรือนวดทา และว่าจิตวิญญาณชั่วร้ายทั้งหลายจะลอยจากไป นักบุญเอปีฟานีโอได้เสกน้ำด้วยเครื่องหมายกางเขน และใช้อย่างได้ผลในการขับไล่ปีศาจตนหนึ่ง ต่อมา บรรดาเอกสารเต็มไปด้วยเรื่องราวของการหายจากโรค ที่ได้มาจากการดื่มน้ำเสกในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า
ในศตวรรษที่ 9 พระสันตะปาปาเลโอที่ 6 ได้ออกกฤษฎีกาว่า ทุกวันอาทิตย์ พระสงฆ์ควรจัดเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือน้ำเสก และสวด(หรือขับบท) Asperges ท่านยังกระตุ้นสัตบุรุษให้นำน้ำเสกใส่ภาชนะที่สะอาด กลับไปเสกบ้านของตน เรือนสวนไร่นาและฝูงปศุสัตว์ด้วย
✝️ จารีตพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์
ก่อนสังคายนาวาติกันที่ 2 การเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์รวมการขับไล่ปีศาจของน้ำและเกลือที่ผสมกันเพื่อกำจัดจิตชั่วร้าย ประเพณีถือว่าซาตาน ในการก่อเหตุล่อลวงให้อาดัมและเอวาพลาดพลั้ง ก็สามารถเข้ายึดครองเหนือทุกสิ่งที่ไม่มีวิญญาณที่มนุษย์นำมาใช้งาน ดังนั้น จำเป็นที่จะไล่ปีศาจจากเกลือ จากน้ำ และส่วนผสมของทั้งสองอย่าง พระสงฆ์ ในการเสกเกลือ ก็ปลุกอำนาจของพระเจ้าทรงชีวิต พระเจ้าเที่ยงแท้ พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่ใครก็ตามนำมันมาใช้(เกลือและน้ำ) ก็อาจได้รับสุขภาพของวิญญาณและร่างกาย คือ ที่ใดที่มีการสาดพรมน้ำเสกทุกการปรากฎตัวตัว ทุกความชั่วเลวทราม และทุกรอบการฉ้อฉลแบบปีศาจ และ วิญญาณไม่สะอาดทุกวิญญาณ ได้รับคำมั่นสัญญาโดยพระองค์ซึ่งจะมาพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตายและโลกด้วยไฟ และว่าใครก็ตามที่แตะต้องสิ่งนี้ จะถูกทำให้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นอิสระจากความไม่สะอาดทั้งหมดและ การโจมตีทั้งหมดของอำนาจแห่งความมืด
การไล่ปีศาจจากน้ำเรียกร้องหาพระตรีเอกภาพให้ขับไล่จิตวิญญาณชั่วร้ายจากโลกนี้ เพื่อพวกมันจะได้สูญเสียอิทธิพลทั้งหมดเหนือมนุษย์ และยิ่งกว่านั้น จะไม่มีกลิ่นไอของความเจ็บไข้หรือเชื้อโรคในอากาศคงอยู่ในที่ๆมันเคยอยู่ ที่สุด พระสงฆ์จะเชื้อเชิญพระเป็นเจ้าให้อวยพระพรน้ำ เพื่อว่า อาศัยการออกพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ มันจะเปลี่ยนกลับข้างการโจมตีของจิตวิญญาณสกปรก และขับไล่ความน่ากลัวของงูพิษร้าย ในการบำบัดรักษาโรค และปลดปล่อยพวกเราจากโรคร้ายและกับดักที่ชั่วร้ายของปีศาจ
น่าเสียใจ บทภาวนาสวยสดงดงามเหล่านี้ ซึ่งมอบผลได้ที่มีประสิทธิภาพอย่างทรงพลังสู่น้ำเสก ไม่มีการใช้อีกต่อไปแล้วในบรรดาวัดสมัยใหม่ที่สุดปัจจุบันนี้ นักบุญเทเรซาแห่งอาวิลา ได้พิสูจน์ยืนยันพลังอำนาจของน้ำเสกนี้ และในอัตตชีวประวัติเธอเขียนไว้ว่า :
“จากประสบการณ์ยาวนาน ดิฉันได้ศึกษาพบว่า ไม่มีอะไรเหมือนกับน้ำเสก ที่จะทำให้ปีศาจเผ่นหนี และขจัดพวกมันมิให้หวนกลับคืนมาอีก พวกมันยังหนีจากไม้กางเขน แต่ยังกลับมา ดังนั้น น้ำเสกต้องมีคุณธรรมล้ำเลิศเป็นแน่”
ในคืนวันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ ท่านนักบุญ(เทเรซา)ถูกทรมานโดยพวกปีศาจ ซึ่งเข้ามาขัดขวางความศรัทธาในการสวดภาวนาของท่าน ที่สุดพวกมันได้ถูกขับไล่ไปโดยการสาดพรมน้ำเสก เมื่อคุณอวยพรตัวเองด้วยส่วนผสมทรงคุณค่าของเกลือและน้ำ คุณอาจจะปรารถนาที่จะนึกในใจในการภาวนาเสมอ เหมือนดังที่นักบุญยอห์น คริสโตสตอม ปฏิบัติ “การหลั่งเลือดและน้ำไหลจากสีข้างของพระเยซูเจ้า” จะเปิดทางไปสู่ดวงใจศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ในท้ายสุดของมหาทรมานของพระองค์ ทำให้พระองค์ปลอดโปร่งสมบูรณ์เพื่อทำการไถ่บาปของพวกเรา
ที่มา https://www.facebook.com/441756286241666/posts/1251792288571391/
-------------------