ขอเพิ่มส่วนบนนี้ขึ้นมาหน่อยจะได้ไม่เข้าใจความหมายที่ผมต้องการสื่อผิด
คือ กฏหมายลิขสิทธิ์ ทรัพสินทางปัญญา หรืออะไรแนวๆนี้ ไม่ได้จะให้เลิกนะแต่ต้องทำให้มันยุติธรรมมากกว่านี้และไม่ใช่จะต้องการให้ใครเจ๊ง แค่คือถ้ามันทำให้ใครบางคนรวยมากกก เวอร์ ก็เหลือแค่รวยพอประมาณที่เหลือก็เอามาช่วยเหลือเผื่อแผ่กัน มันจะทำให้สังคมน่าอยู่มากกว่านี้
คนเราสมัยนี้ความเอื้อเฝื้อมันหายไปเยอะเพราะอะไรก็ธุรกิจไปหมด ถ้าค้าขายอย่างยุติธรรมมันไม่ใช่ปัญหา
รายละเอียดความคิดเห็นผมก็ตามข้างล่างนั้น ก็ช่วยอ่านกันให้ดีๆด้วยครับ จะได้ไม่เข้าใจผมผิด (ส่วนบนนี้เพิ่มเมื่อ 110122 10.55น)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คือในส่วนนึงมันเอามากเกินนนไป ก็เลยอยากบอกตามหัวกระทู้ที่ตั้ง "ไม่ต้องรู้สึกผิดนัก เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์"
มันเกี่ยวกับกฏหมายที่เอื้อพวกนายทุนมากไปไหม? คือควรจะมีการปรับกฏหมายลิขสิทธิ์ให้เหมาะสมกว่านี้ ไม่ใช่ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พวกนายทุนที่รวยอยู่แล้วรวยหนักขึ้นไปอีก ให้มันยุติธรรมกับประชาชนโดยทั่วไปมากขึ้น
นึกถึงข่าวไม่นานนักที่เด็กขายสักอย่างที่เป็นรูปการ์ตูนมั๊ง แล้วโดนเจ้าหน้าที่หลอกจับ โดยเป็นเด็กยากจนที่เขาหาเงินช่วยพ่อแม่ (ถ้าไม่จำข่าวผิด) กรณีแบบนี้มาใช้กฏหมายลิขสิทธิ์เล่นงานเด็ก มันไม่ดีเลยในด้านความเป็นมนุษย์
นึกถึงแต่ก่อน โปรแกรมWindow office ต่างๆ มันแพงมาก คนทั่วไปก็ซื้อแผ่นผี ร้อยกว่าบาท เทียบกับของแท้เป็นหลายๆพัน หรือบางโปรแกรมเป็นหมื่น มันเอากำไรกันเวอร์โดยอ้างว่ามันเป็นทรัพย์สินทางปัญญา แค่คำนี้คนนึงคือคนดี๋ดี อีกคนใช้แผ่นผีเลวไปเลย มันถูกต้องจริงๆเหรอ???
หรือเป็นการใช้กฏหมายให้ฝ่ายนึงเอาเปรียบได้มากๆๆๆ ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย???
บิลเกตก็รวยเวอร์ ทำเป็นบริจาคจากไม่รู้แค่กี่เสี้ยวจากที่เอาไปจากผู้คนทั่วโลก คนที่ตามไม่ทันก็ยกย่องเป็นคนดีมีน้ำใจมากกกก สำหรับผมหรืออีกหลายคนแบบนี้มันไม่ใช่ เพียงแต่ก็ดีอะนะที่ยังรู้จักบริจาค คือจริงๆคนที่รู้จักให้จริงๆก็คือคนที่ให้จริงๆ ไม่ใช่ได้เงินมาจากการทำให้หลายคนเดือดร้อน แพงจังโปรแกรม ซึ่งจริงๆมันก็ใช่ ถึงทำให้เขารวยเวอร์ ยังมีอีกหลายคนที่เขาทำธุรกิจด้วยความเป็นธรรมมากกว่านี้ ไม่ได้ทำใครเดือดร้อน กำไรพอประมาณ ผู้คนซื้อใช้ด้วยความเต็มใจพอใจกับสินค้าและราคา,คุณภาพ ไม่ใช่ต้องมาแอบซื้อแผ่นปลอม กลายเป็นตัวเราเลวเหมือนไปโขมยของเขา
อีกสาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็อยากเตือนสติคนรุ่นใหม่ด้วย เดี๋ยวจะตามนายทุนไม่ทันแล้วก็สร้างปัญหาสังคม แล้วก็ทำเป็นไม่รู้ว่าพวกนายทุนแย่ๆบางคนนั่นแหละสร้างปัญหา เอาเปรียบผู้คน
++++นึกถึงที่ True จะซื้อ DTac ตอนนี้เหมือนกันในแง่ ที่ดูเหมือนนายทุนญ่ายยย...จะพยายามเอาเปรียบประชาชนอย่างถูกต้องตามกฏหมายอีกแล้ว! ซึ่งก็ดีที่ยังมีหลายคนออกมาเคลื่อนไหว ก็ดูต่อไปว่าจะเป็นไง++++
นึกถึงความเป็นมนุษย์ร่วมโลกกันให้มากหน่อย งั้นปัญหามันก็จะเยอะ ความสงบสุขร่มเย็น คนรักใคร่กัน มีแต่เสื่อมหายไป เพราะฝ่ายนึงก็มัวแต่จ้องหาประโยชน์อีกฝ่ายตลอด ในโลกแห่งธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน
มันเป็นปัญหาสังคม เช่นความเหลื่อมล้ำ เมืองไทยเราก็ติดอันดับต้นๆของโลกเลย(เท่าที่จำได้จากข่าว)
และที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาตอนนี้ คือไปเห็นจากกระทู้คุยเรื่องหนังที่บางคนไปดูจากwebเถื่อน แล้วก็จะมีคนมาต่อว่าเยอะ ไม่ไปดูโรง คนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอะนะ 555
ก็มันดูได้ง่ายๆมากสมัยนี้นี่นะ (มันเป็นความขัดแย้งกันเองของเทคโนโลยี่ เพราะเทคโนโลยี่การcopyก็มีอยู่ ก็ก้าวหน้าเหมือนกัน)
เข้าโรงทีมันเสียไม่น้อย ประมาณ 250 บาท คิดดูไปดูพ่อแม่ลูก2รวม4คน ก็ประมาณพันแล้ว โดยที่ความจริงดูที่บ้านผ่านwebเถื่อนเสียค่าไฟเท่าไหร่กัน แอร์ก็ไม่ได้เปิด เปิดพัดลมดู เก้าอี้ก็ธรรมดาๆหรือนั่งพื้นดูด้วยหล่ะ รวมๆคิดเป็นกี่บาทหล่ะดูกันที่บ้านอย่างมีความสุข
มันเป็นกฏหมายที่ช่วยส่งเสริมความเหลื่อมล้ำมากอยู่ระดับนึงนะ มันแฝงความไม่ยุติธรรมในระดับนึง คือจริงๆแอร์ก็ไม่จำเป็น เก้าอี้ดีๆก็ไม่ได้จำเป็น สถานที่หรูๆก็ไม่จำเป็น แต่เราโดนยัดเยียดว่าต้องเอาถ้าจะดู แล้วก็มาคิดตังเราซะเป็นพันจากความจริงดูกันที่บ้านไม่กี่สิบบาท
ถ้าหนัง avenger หนังดีๆ หรือหนังทุนสูงก็อาจอุดหนุนเขาหน่อยถ้าตัวเองมีตัง แต่ถ้าไม่มีตังก็ผิดเท่าที่จับผิดได้ก็แล้วกัน คือถ้าจับไม่ได้ก็ไม่ผิด ก็ถือว่ายุติธรรม
ยิ่งถ้าหนังไม่ได้เรื่องก็เหมือนมาหลอกเราก่อน เราก็เอาคืน ก็ดูฟรีผ่านwebเถื่อนซะเลย ก็มีเยอะโฆษณาซะดีแต่ไปดู โอ้ย...เหมือนโดนหลอกหรือโดนนักวิจารณ์หลอก แล้วมีใครมารับผิดชอบที่พวกนั้นมาโกหกเราแบบนี้ไหมหล่ะ???
และอย่างที่บอกจุดสำคัญที่ตั้งกระทู้นี้คือห่วงคนรุ่นใหม่ ที่จะโดนพวกนายทุนแย่ๆยัดเยียดความคิดที่เห็นแก่เงินมากเกินไป อยากให้คนรุ่นใหม่เห็นกับความเป็นมนุษย์กันให้มากๆ จะได้อยูร่วมกันอย่างสงบสุขร่มเย็น คนรักใคร่กัน ไม่ใช่มีแต่เสื่อมหายไป เพราะฝ่ายนึงก็มัวแต่จ้องหาประโยชน์อีกฝ่ายตลอด ในโลกแห่งธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขันมุ่งหากำไรกันไม่รู้จักพอ รวยกระจุก จนกระจาย
กฏหมายลิขสิทธิ์ ทรัพสินทางปัญญา ต้องทำให้มันยุติธรรมมากกว่านี้
อีกเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันเกี่ยวกับแนวคิดที่นายทุนจะเอาเปรียบผู้คนมากกกไป ซึ่งก็มีการเคลื่อไหวออกมาต่อต้านกันคือเรื่อง การเข้าร่วม CPTPP ที่จะเป็นการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ "หลายคนเริ่มหันมาเป็นมือปลูก และแบ่งปันเมล็ดพันธุ์และผลผลิตให้กันและกัน ความหลากหลายทางพืชพรรณธัญญาหารเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย และการเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกต่อและส่งต่อกันเช่นนี้เป็นวิถีชีวิตของเกษตรกรไทยมาช้านาน แต่การเข้าร่วมภาคี CPTPP จะส่งผลต่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนในด้านเมล็ดพันธุ์อย่างร้ายแรง"
แล้วก็นึกถึงมุมเรื่องการพัฒนา การพัฒนาที่เต็มไปด้วยการทำลาย (ไม่ได้พัฒนาอย่างยั่งยืน) จนสร้างปัญหาระดับโลก เช่น โลกร้อน ฝุ่นPM2.5 สร้างปัญหาหนักขนาดนี้แล้วเอาเงินมาชดใช้กันบ้างไหมหล่ะพวกนายทุนใหญ่ๆที่ทำเป็นพูดดีๆทั้งหลาย พัฒนาเพื่อให้สังคมน่าอยู่ เพื่ออนาคตที่ดี เพื่ออนาคตที่สดใส พอมีปัญหาก็ทำเป็นไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รู้ บางส่วนก็ยังดีที่ตอนนี้ก็เหมือนพยายามหาทางกันอยู่เรื่องโลกร้อน จะจริงใจแค่ไหนก็ไม่แน่ใจ
ประเด็นที่จะฝากไว้สุดท้ายนี้ก็เกี่ยวกับว่ามันผิดศีล5 ไหม เอาแค่ระดับศีล 5 นะ คือทางธรรมความดีมันมีหลายระดับ แค่ศีล8 ดูหนังทั่วๆไปก็ผิดศีล8 แล้ว จะดูถูกลิขสิทธ์หรือไม่ถูกลิขสิทธิ์ ไม่เกี่ยว
ศีล5 ทั้ง 5ข้อ นั่นยังอยู่ในระดับการทำผิดที่เป็นรูปธรรมคือของที่จับต้องได้ ข้อที่ว่าเรื่องการโขมย มันก็ต้องเป็นรูปธรรม คือโขมยสิ่งของ มาอ้างว่าโขมยความคิด ถือว่าผิดศีล 5 ก็คงไม่ถูก ผมก็ถือว่าก็ผิดเท่าที่จับผิดได้ คือถ้าจับไม่ได้ก็ไม่ผิด
ไม่ใช่อย่างฆ่าคน ถึงแม้จับไม่ได้แต่ตายไปก็ต้องชดใช้กรรม และชดใช้หลายชาติด้วยนะ
และอีกอย่างก็มีคำสอน เมตตาค้ำจุนโลก ดังนั้นทางธรรมก็ไม่น่าจะสนับสนุนเรื่องลิขสิทธิ์ที่มีความไม่ยุติธรรมอยู่เยอะแบบนี้ แสดงถึงความไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเลย เอากำไรกันมากกก....ไป
นึกถึงอาหารต่างๆ เช่น ผัดกะเพรา ถ้าต้องเสียค่าลิขสิทธ มันจะทำให้คนมากมายมีปัญหาแค่ไหน แต่ก็ใช่จะมีคนที่รวยมากกก....ขึ้นหนึ่งคนหนึ่งตระกูล รวยแย่เลย แค่คิดผัดกะเพราขึ้นมาได้
ก็ยกเป็นตัวอย่างว่าก็มีคนดีๆอยู่อีกเยอะที่เขาไม่หวง รู้จักแบ่งปัน ซึ่งนี่แหละเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่เอากันไม่รู้จักพอ
ไม่ต้องรู้สึกผิดนัก เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์!
คือ กฏหมายลิขสิทธิ์ ทรัพสินทางปัญญา หรืออะไรแนวๆนี้ ไม่ได้จะให้เลิกนะแต่ต้องทำให้มันยุติธรรมมากกว่านี้และไม่ใช่จะต้องการให้ใครเจ๊ง แค่คือถ้ามันทำให้ใครบางคนรวยมากกก เวอร์ ก็เหลือแค่รวยพอประมาณที่เหลือก็เอามาช่วยเหลือเผื่อแผ่กัน มันจะทำให้สังคมน่าอยู่มากกว่านี้
คนเราสมัยนี้ความเอื้อเฝื้อมันหายไปเยอะเพราะอะไรก็ธุรกิจไปหมด ถ้าค้าขายอย่างยุติธรรมมันไม่ใช่ปัญหา
รายละเอียดความคิดเห็นผมก็ตามข้างล่างนั้น ก็ช่วยอ่านกันให้ดีๆด้วยครับ จะได้ไม่เข้าใจผมผิด (ส่วนบนนี้เพิ่มเมื่อ 110122 10.55น)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คือในส่วนนึงมันเอามากเกินนนไป ก็เลยอยากบอกตามหัวกระทู้ที่ตั้ง "ไม่ต้องรู้สึกผิดนัก เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์"
มันเกี่ยวกับกฏหมายที่เอื้อพวกนายทุนมากไปไหม? คือควรจะมีการปรับกฏหมายลิขสิทธิ์ให้เหมาะสมกว่านี้ ไม่ใช่ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พวกนายทุนที่รวยอยู่แล้วรวยหนักขึ้นไปอีก ให้มันยุติธรรมกับประชาชนโดยทั่วไปมากขึ้น
นึกถึงข่าวไม่นานนักที่เด็กขายสักอย่างที่เป็นรูปการ์ตูนมั๊ง แล้วโดนเจ้าหน้าที่หลอกจับ โดยเป็นเด็กยากจนที่เขาหาเงินช่วยพ่อแม่ (ถ้าไม่จำข่าวผิด) กรณีแบบนี้มาใช้กฏหมายลิขสิทธิ์เล่นงานเด็ก มันไม่ดีเลยในด้านความเป็นมนุษย์
นึกถึงแต่ก่อน โปรแกรมWindow office ต่างๆ มันแพงมาก คนทั่วไปก็ซื้อแผ่นผี ร้อยกว่าบาท เทียบกับของแท้เป็นหลายๆพัน หรือบางโปรแกรมเป็นหมื่น มันเอากำไรกันเวอร์โดยอ้างว่ามันเป็นทรัพย์สินทางปัญญา แค่คำนี้คนนึงคือคนดี๋ดี อีกคนใช้แผ่นผีเลวไปเลย มันถูกต้องจริงๆเหรอ???
หรือเป็นการใช้กฏหมายให้ฝ่ายนึงเอาเปรียบได้มากๆๆๆ ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย???
บิลเกตก็รวยเวอร์ ทำเป็นบริจาคจากไม่รู้แค่กี่เสี้ยวจากที่เอาไปจากผู้คนทั่วโลก คนที่ตามไม่ทันก็ยกย่องเป็นคนดีมีน้ำใจมากกกก สำหรับผมหรืออีกหลายคนแบบนี้มันไม่ใช่ เพียงแต่ก็ดีอะนะที่ยังรู้จักบริจาค คือจริงๆคนที่รู้จักให้จริงๆก็คือคนที่ให้จริงๆ ไม่ใช่ได้เงินมาจากการทำให้หลายคนเดือดร้อน แพงจังโปรแกรม ซึ่งจริงๆมันก็ใช่ ถึงทำให้เขารวยเวอร์ ยังมีอีกหลายคนที่เขาทำธุรกิจด้วยความเป็นธรรมมากกว่านี้ ไม่ได้ทำใครเดือดร้อน กำไรพอประมาณ ผู้คนซื้อใช้ด้วยความเต็มใจพอใจกับสินค้าและราคา,คุณภาพ ไม่ใช่ต้องมาแอบซื้อแผ่นปลอม กลายเป็นตัวเราเลวเหมือนไปโขมยของเขา
อีกสาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็อยากเตือนสติคนรุ่นใหม่ด้วย เดี๋ยวจะตามนายทุนไม่ทันแล้วก็สร้างปัญหาสังคม แล้วก็ทำเป็นไม่รู้ว่าพวกนายทุนแย่ๆบางคนนั่นแหละสร้างปัญหา เอาเปรียบผู้คน
++++นึกถึงที่ True จะซื้อ DTac ตอนนี้เหมือนกันในแง่ ที่ดูเหมือนนายทุนญ่ายยย...จะพยายามเอาเปรียบประชาชนอย่างถูกต้องตามกฏหมายอีกแล้ว! ซึ่งก็ดีที่ยังมีหลายคนออกมาเคลื่อนไหว ก็ดูต่อไปว่าจะเป็นไง++++
นึกถึงความเป็นมนุษย์ร่วมโลกกันให้มากหน่อย งั้นปัญหามันก็จะเยอะ ความสงบสุขร่มเย็น คนรักใคร่กัน มีแต่เสื่อมหายไป เพราะฝ่ายนึงก็มัวแต่จ้องหาประโยชน์อีกฝ่ายตลอด ในโลกแห่งธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน
มันเป็นปัญหาสังคม เช่นความเหลื่อมล้ำ เมืองไทยเราก็ติดอันดับต้นๆของโลกเลย(เท่าที่จำได้จากข่าว)
และที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาตอนนี้ คือไปเห็นจากกระทู้คุยเรื่องหนังที่บางคนไปดูจากwebเถื่อน แล้วก็จะมีคนมาต่อว่าเยอะ ไม่ไปดูโรง คนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอะนะ 555
เข้าโรงทีมันเสียไม่น้อย ประมาณ 250 บาท คิดดูไปดูพ่อแม่ลูก2รวม4คน ก็ประมาณพันแล้ว โดยที่ความจริงดูที่บ้านผ่านwebเถื่อนเสียค่าไฟเท่าไหร่กัน แอร์ก็ไม่ได้เปิด เปิดพัดลมดู เก้าอี้ก็ธรรมดาๆหรือนั่งพื้นดูด้วยหล่ะ รวมๆคิดเป็นกี่บาทหล่ะดูกันที่บ้านอย่างมีความสุข
มันเป็นกฏหมายที่ช่วยส่งเสริมความเหลื่อมล้ำมากอยู่ระดับนึงนะ มันแฝงความไม่ยุติธรรมในระดับนึง คือจริงๆแอร์ก็ไม่จำเป็น เก้าอี้ดีๆก็ไม่ได้จำเป็น สถานที่หรูๆก็ไม่จำเป็น แต่เราโดนยัดเยียดว่าต้องเอาถ้าจะดู แล้วก็มาคิดตังเราซะเป็นพันจากความจริงดูกันที่บ้านไม่กี่สิบบาท
ถ้าหนัง avenger หนังดีๆ หรือหนังทุนสูงก็อาจอุดหนุนเขาหน่อยถ้าตัวเองมีตัง แต่ถ้าไม่มีตังก็ผิดเท่าที่จับผิดได้ก็แล้วกัน คือถ้าจับไม่ได้ก็ไม่ผิด ก็ถือว่ายุติธรรม
ยิ่งถ้าหนังไม่ได้เรื่องก็เหมือนมาหลอกเราก่อน เราก็เอาคืน ก็ดูฟรีผ่านwebเถื่อนซะเลย ก็มีเยอะโฆษณาซะดีแต่ไปดู โอ้ย...เหมือนโดนหลอกหรือโดนนักวิจารณ์หลอก แล้วมีใครมารับผิดชอบที่พวกนั้นมาโกหกเราแบบนี้ไหมหล่ะ???
และอย่างที่บอกจุดสำคัญที่ตั้งกระทู้นี้คือห่วงคนรุ่นใหม่ ที่จะโดนพวกนายทุนแย่ๆยัดเยียดความคิดที่เห็นแก่เงินมากเกินไป อยากให้คนรุ่นใหม่เห็นกับความเป็นมนุษย์กันให้มากๆ จะได้อยูร่วมกันอย่างสงบสุขร่มเย็น คนรักใคร่กัน ไม่ใช่มีแต่เสื่อมหายไป เพราะฝ่ายนึงก็มัวแต่จ้องหาประโยชน์อีกฝ่ายตลอด ในโลกแห่งธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขันมุ่งหากำไรกันไม่รู้จักพอ รวยกระจุก จนกระจาย
กฏหมายลิขสิทธิ์ ทรัพสินทางปัญญา ต้องทำให้มันยุติธรรมมากกว่านี้
อีกเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันเกี่ยวกับแนวคิดที่นายทุนจะเอาเปรียบผู้คนมากกกไป ซึ่งก็มีการเคลื่อไหวออกมาต่อต้านกันคือเรื่อง การเข้าร่วม CPTPP ที่จะเป็นการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ "หลายคนเริ่มหันมาเป็นมือปลูก และแบ่งปันเมล็ดพันธุ์และผลผลิตให้กันและกัน ความหลากหลายทางพืชพรรณธัญญาหารเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย และการเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกต่อและส่งต่อกันเช่นนี้เป็นวิถีชีวิตของเกษตรกรไทยมาช้านาน แต่การเข้าร่วมภาคี CPTPP จะส่งผลต่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนในด้านเมล็ดพันธุ์อย่างร้ายแรง"
แล้วก็นึกถึงมุมเรื่องการพัฒนา การพัฒนาที่เต็มไปด้วยการทำลาย (ไม่ได้พัฒนาอย่างยั่งยืน) จนสร้างปัญหาระดับโลก เช่น โลกร้อน ฝุ่นPM2.5 สร้างปัญหาหนักขนาดนี้แล้วเอาเงินมาชดใช้กันบ้างไหมหล่ะพวกนายทุนใหญ่ๆที่ทำเป็นพูดดีๆทั้งหลาย พัฒนาเพื่อให้สังคมน่าอยู่ เพื่ออนาคตที่ดี เพื่ออนาคตที่สดใส พอมีปัญหาก็ทำเป็นไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รู้ บางส่วนก็ยังดีที่ตอนนี้ก็เหมือนพยายามหาทางกันอยู่เรื่องโลกร้อน จะจริงใจแค่ไหนก็ไม่แน่ใจ
ประเด็นที่จะฝากไว้สุดท้ายนี้ก็เกี่ยวกับว่ามันผิดศีล5 ไหม เอาแค่ระดับศีล 5 นะ คือทางธรรมความดีมันมีหลายระดับ แค่ศีล8 ดูหนังทั่วๆไปก็ผิดศีล8 แล้ว จะดูถูกลิขสิทธ์หรือไม่ถูกลิขสิทธิ์ ไม่เกี่ยว
ศีล5 ทั้ง 5ข้อ นั่นยังอยู่ในระดับการทำผิดที่เป็นรูปธรรมคือของที่จับต้องได้ ข้อที่ว่าเรื่องการโขมย มันก็ต้องเป็นรูปธรรม คือโขมยสิ่งของ มาอ้างว่าโขมยความคิด ถือว่าผิดศีล 5 ก็คงไม่ถูก ผมก็ถือว่าก็ผิดเท่าที่จับผิดได้ คือถ้าจับไม่ได้ก็ไม่ผิด
ไม่ใช่อย่างฆ่าคน ถึงแม้จับไม่ได้แต่ตายไปก็ต้องชดใช้กรรม และชดใช้หลายชาติด้วยนะ
และอีกอย่างก็มีคำสอน เมตตาค้ำจุนโลก ดังนั้นทางธรรมก็ไม่น่าจะสนับสนุนเรื่องลิขสิทธิ์ที่มีความไม่ยุติธรรมอยู่เยอะแบบนี้ แสดงถึงความไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเลย เอากำไรกันมากกก....ไป
นึกถึงอาหารต่างๆ เช่น ผัดกะเพรา ถ้าต้องเสียค่าลิขสิทธ มันจะทำให้คนมากมายมีปัญหาแค่ไหน แต่ก็ใช่จะมีคนที่รวยมากกก....ขึ้นหนึ่งคนหนึ่งตระกูล รวยแย่เลย แค่คิดผัดกะเพราขึ้นมาได้