JJNY : 4in1 คาดหมูตลอดปี65 โลละ190-220บ.│ดีเซลพรุ่งนี้ขึ้นอีก40สต.│วง ศบค.อย่างเดือด!│สัมภาษณ์พิเศษ เจาะลึกวิกฤตหมูแพง

คาดราคาหมูตลอดปี 65 จะอยู่ที่กิโลละ 190-220 บาท เนื้อไก่จะแพงขึ้นด้วย
https://www.thairath.co.th/business/feature/2282465
 
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด ราคาเนื้อหมูตลอดปี 65 จะอยู่ในกรอบ 190-220 บาทต่อกิโลกรัม อาจส่งผลให้ราคาเนื้อไก่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

เศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา แม้ยังคงไม่ได้ฟื้นตัวกลับสู่ระดับเดิมก่อนโควิด-19 แต่กลับเริ่มเห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ สะท้อนผ่านราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งราคาพลังงานและอาหารสด โดยเฉพาะราคาเนื้อสุกรที่ปรับตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี
 
ทั้งนี้ ราคาหมูเนื้อแดง ล่าสุดขยับมาอยู่ที่ราวกิโลกรัมละ 200 บาท และคาดว่าราคาอาจจะขยับสูงขึ้นอีก ส่งผลให้ผู้ประกอบการขายปลีกเนื้อสุกร หรือหมูหน้าเขียง โดยเฉพาะรายย่อย และผู้ประกอบร้านอาหารหลายรายเริ่มแบกรับต้นทุนไม่ไหว จนต้องทยอยปรับเพิ่มราคา หรือแม้กระทั่งชะลอ หยุดขายชั่วคราว
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยภายหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทำให้เกิด Pent-up demand ประกอบกับมีความต้องการบริโภคเนื้อสุกรในช่วงเทศกาลปลายปี ขณะที่ปริมาณเนื้อสุกรมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยมีสาเหตุมาจาก
 
- ปัญหาโรคระบาดในสุกรที่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้จำเป็นต้องกำจัดสุกรที่มีความเสี่ยงจำนวนมากเพื่อควบคุมโรค ยิ่งกดดันให้ปริมาณสุกรขาดตลาดมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงต่อโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งโรคดังกล่าวยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาโรค
       
- ต้นทุนการผลิตเนื้อสุกรปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งต้นทุนค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน และต้นทุนค่าอาหารสัตว์ซึ่งคิดเป็นกว่า 70% ของต้นทุนทั้งหมดก็ปรับเพิ่มขึ้น โดยวัตถุดิบที่ใช้ผลิตอาหารสัตว์ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพงขึ้นตามค่าขนส่งและยังต้องเสียภาษีนำ
เข้า เช่น ราคากากถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นกว่า 30% ตลอดจนต้นทุนในการควบคุมและป้องกันโรคระบาดในฟาร์มที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มราว 500 บาทต่อตัว
 
- เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร โดยเฉพาะรายย่อยลดการเลี้ยงสุกรลง บางส่วนปิดกิจการหรืออาจจะยังไม่มีความมั่นใจที่จะกลับมาเลี้ยงสุกรเต็มกำลัง เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรในช่วงล็อกดาวน์จากแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม ประกอบกับในช่วงก่อนหน้าภาครัฐขอให้ตรึงราคาเนื้อสุกรไว้ เกษตรกรจึงต้องแบกรับต้นทุนจำนวนมากและเกิดภาวะขาดทุนสะสมมาอย่างต่อเนื่อง
 
จากปัญหาความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานที่ต้องใช้เวลาในการคลี่คลาย รวมถึงปัจจัยด้านฤดูกาลที่สภาพอากาศร้อนอาจทำให้สุกรเติบโตช้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่า ราคาหมูเนื้อแดง ในช่วงครึ่งแรกปี 2565 จะยังยืนสูงและอาจปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีนและช่วงเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้สมมติฐานที่การระบาดของโควิดในประเทศไม่ลุกลามจนส่งผลกระทบต่อเส้นทางการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
 
ขณะที่มาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น การห้ามส่งออก การช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในด้านต้นทุนและมาตรการทางการเงิน โครงการหมูธงฟ้า การขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่ในการตรึงราคา เป็นต้น มีส่วนช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้บ้าง
       
แต่คงต้องรอจนกว่าผลผลิตสุกรรอบใหม่จะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง ราคาเนื้อสุกรจึงจะย่อตัวลง ทั้งนี้ คาดว่าราคาเนื้อสุกรเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2565 จะยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง โดยราคาอาจอยู่ในกรอบ 190-220 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นราว 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของราคาเนื้อสุกรส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งผู้ประกอบการขายปลีกหมูหน้าเขียงโดยเฉพาะรายย่อย ผู้ประกอบการร้านอาหาร ตลอดจนส่งผ่านมายังผู้บริโภคทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
 
- ผู้ประกอบการขายหมู โดยเฉพาะรายย่อยที่มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 5,000 รายทั่วประเทศไม่สามารถแบกรับต้นทุนทั้งราคาเนื้อสุกรหน้าฟาร์มที่แพงขึ้นและการเพิ่มขึ้นของค่าขนส่ง ตลอดจนไม่สามารถแข่งขันราคาได้เหมือนผู้ประกอบการรายใหญ่ นอกจากนี้ผู้บริโภคบางรายอาจเปลี่ยนไปบริโภคเนื้อสัตว์ประเภทอื่นที่ราคาถูกกว่าแทน ทำให้ขายได้ปริมาณน้อยลงจนอาจทำให้จำเป็นต้องปิดกิจการ
 
- ผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารที่ใช้เนื้อสุกรเป็นวัตถุดิบหลัก เช่น ร้านชาบู-หมูกระทะ เป็นต้น จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แม้ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหารอาจจะเริ่มฟื้นตัวบ้างภายหลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยกลับมาฟื้นตัว
 
แต่กลับต้องมาเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงอีกทำให้หลายรายจำเป็นต้องปรับเพิ่มราคาอาหาร แต่คาดว่าคงเพิ่มราคาได้ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจร้านอาหารมีค่อนข้างสูง
       
- ผู้บริโภคจะต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายด้านอาหารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยผู้บริโภคมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายอาหารสดต่อคนต่อเดือนราว 50% เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายอาหารทั้งหมด ซึ่งส่วนนี้ผู้บริโภคจะต้องแบกรับราคาเนื้อสุกรที่เพิ่มขึ้นโดยตรงหากไม่มีทางเลือกในการหันไปหาอาหารประเภทอื่น
ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำหรับรับประทานอาหารนอกบ้านและซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จต่อคนต่อเดือนมีสัดส่วนราว 50%2 ผู้บริโภคก็อาจจะต้องแบกรับต้นทุนบางส่วนจากการขึ้นราคาค่าอาหาร
 
ทั้งนี้ จากราคาเนื้อสุกรที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ผู้บริโภคบางส่วนหันไปบริโภคเนื้อสัตว์อื่นๆ ทดแทน ซึ่งจะผลักดันให้ราคาเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อไก่ปรับสูงขึ้นตาม นอกจากนี้ ราคาวัตถุดิบอาหารอื่นๆ เช่น ผัก น้ำมันพืชก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
 
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า จากราคาเนื้อสัตว์เช่น เนื้อสุกรและเนื้อไก่ และวัตถุดิบอาหารที่สำคัญอื่นๆ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น น่าจะกดดันให้ค่าใช้จ่ายด้านอาหารของผู้บริโภคต่อคนต่อเดือนในปี 2565 เพิ่มขึ้นราว 8-10% ซึ่งส่วนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่ก็เริ่มมีสัญญาณปรับตัวสูงขึ้น เช่น ค่าสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ค่าเดินทาง เป็นต้น สวนทางกับรายได้ครัวเรือนที่ยังคงเปราะบางซึ่งสะท้อนถึงกำลังซื้อครัวเรือนที่น่าจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก


 
ดีเซลอั้นไม่อยู่! พรุ่งนี้ดีดขึ้นอีก 40 สต. ด้านเบนซิน-โซฮอล์รอดคงเดิม
https://www.dailynews.co.th/news/645349/

รถดีเซลแวะปั๊มด่วน พรุ่งนี้ ตี 5 ขึ้นราคา 40 สต. ด้านเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ คงเดิม

พีทีที สเตชั่น และบางจาก คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลทุกชนิดขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด คงเดิม มีผล 8 ม.ค.65 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
 
โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้
 
เบนซิน 39.16, แก๊สโซฮอล์ 95 = 31.75, E20 = 30.24, แก๊สโซฮอล์ 91 = 31.48, E85 = 24.14, ดีเซล – B7= 29.44, ดีเซล – B10 = 29.44, ดีเซล – B20=29.44, ดีเซลพรีเมียม B7 = 35.46 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
 

 
วง ศบค.อย่างเดือด! สธ.ชงคว่ำ Test & Go แต่ทีมเศรษฐกิจค้าน หวั่นเจ๊ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6821680

วง ศบค.อย่างเดือด! สธ.ชงคว่ำ Test & Go แต่ทีมเศรษฐกิจค้าน หวั่นเจ๊งทั้งประเทศ เจอ “อนุทิน” สวน อย่าลืมมีคนยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ด้าน ‘ประยุทธ์’ เบรกวิวาทะ

วันนี้ (7 ม.ค.2565) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในที่ประชุม ศบค. มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในฐานะ ผอ.ศบค. ใช้เวลาหารือเรื่องมาตรการเทสต์ แอนด์ โก (Test & Go) ค่อนข้างยาวนาน และตึงเครียด โดยกระทรวงสาธารณสุขเสนอขอให้ใช้ช่องทางนี้ถึงวันที่ 15 ม.ค. เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อจากช่องทางดังกล่าวค่อนข้างมาก บางคนตรวจหาเชื้อวันแรกไม่พบ แต่ไปพบเชื้อวันที่ 2-3 ขณะเดียวกันการติดตามตัวนักท่องเที่ยวเหล่านี้ยังทำได้ยาก บางคนหนี

แต่ปรากฏว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ไม่เห็นด้วย ระบุว่าประเทศอื่นไม่มีการเทสด้วยซ้ำ มีเพียงผลยืนยันว่าตรวจไม่พบเชื้อสามารถท่องเที่ยวได้เลย ไม่มีการกักตัว เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงไม่อยากให้ยกเลิกเทสต์แอนด์โก นอกจากนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ยังเสนอว่า ให้มีการแถลงข่าวสื่อสารประชาชนว่าเชื้อโอมิครอนไม่มีความรุนแรง ประชาชนจะได้เข้าใจ ไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป เพื่อให้มีการเปิดประเทศอย่างยั่งยืน นักท่องเที่ยวจะได้เข้ามา เศรษฐกิจจะได้ขับเคลื่อน
 
ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข อภิปรายว่า เข้าใจในความห่วงใยด้านเศรษฐกิจของนายสุพัฒนพงษ์ แต่เรื่องนี้เป็นเพราะหมอเขากังวล บางทีตรวจหาเชื้อไม่เจอครั้งแรกแล้วเดินทางไปทั่ว และขณะนี้ในยุโรประบาดหนักมาก แม้โอมิครอนจะไม่มีอาการรุนแรง แต่อย่าลืมว่าสำหรับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนยังเป็นอันตรายอยู่
 
รวมถึงขณะนี้เทสต์แอนด์โกเองก็ยกเลิกไปเยอะเหมือนกัน นักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อยกว่าที่ขอไว้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกล่าวคั่นพร้อมกับพูดกับนายสุพัฒนพงษ์ และนายอนุทินว่า “ผมเข้าใจรองนายกฯ ทั้งสองคน อีกคนฝ่ายเศรษฐกิจ อีกคนฝ่ายสุขภาพ อย่างไรขอให้ดูยอดติดเชื้อจะเป็นอย่างไร
 
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในที่ประชุม ยังมีแพทย์รายหนึ่งเสนอให้ปิดร้านเหล้าใน กทม. และชลบุรี เพราะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นมาส่วนใหญ่มาจากร้านเหล้า แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นด้วย โดยระบุว่าจะดูเป็นพื้นที่ไป ให้แต่ละพื้นที่ตัดสินใจเอง เหมือนกับการปิดโรงเรียน ก็ไม่ได้กำหนดเปิด-ปิด แต่ให้พื้นที่ประเมินสถานการณ์ความรุนแรง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่