คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
เป็นเรื่องธรรมดาครับที่ยังวางใจไม่ลง คือทรัพย์เราเมื่ออยากให้ทานแล้วก็อยากให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นมากๆ ไม่ใช่เอาทรัพย์เราไปบำรุงบำเรอกามสนองกิเลสเจ้าของ ผมก็เคยเป็นนะ แต่ปัญหานี้หมดไปได้เมื่อพยายามหาเนื้อนาบุญให้เจอ มีพระปฎิบัติวัดปฎิบัติตามพระธรรมวินัยแบบเคร่งครัดพอหาได้อยู่ครับในยุคสมัยนี้ แต่ท่านจขกท ต้องมีความพยายามไปหานะ ถ้าไม่มีความพยายามไปหาจะเอาสะดวกสบายทำบุญแถวบ้าน ทำง่ายๆแบบนี้ก็ได้บุญเหมือนกัน แต่ความรู้สึกผู้ให้จะเป็นแบบนั้นล่ะมีคิดมีกังวล แต่ถ้าไปทำกับพระที่ปฎิบัติ สำนักที่ปฎิบัติ คุณจะรู้สึกอิ่มบุญอยู่นาน แต่ๆมีข้อให้คำนึงอยู่อย่าง การจะหาพระดีให้เจอต้องดูท่านนานๆ ดูตั้งแต่ท่านบวชท่านประพฤติแบบไหน ดูคำสอนของท่านถูกต้องไหม อันนี้ถ้าเราไม่รู้พระไตรปิฎกก็ต้องหาข้อมูลจากผู้อื่น ถ้ามั่นใจแล้วว่าใช่ มีศรัทธาในตัวท่านแล้วค่อยไปหา ทำแบบนี้จะสบายใจไม่มีกังวล
แสดงความคิดเห็น
ทำบุญ แต่เสียดายเงิน เพราะไม่รู้เขาเอาเงินเราไปทำอะไร
เรื่องมีอยู่ว่าเราตั้งใจที่จะทำบุญบ่อยๆ เรามีรายได้เยอะระดับนึง แต่เวลาทำบุญ ทำแค่หลักสิบหลักร้อย แต่เราทำบ่อยนะคะ อาทิตย์ละครั้ง สองครั้ง พอรวมออกมารายเดือน ก็ประมาณนึง
เหตุผลคือ เราไม่รู้ว่าเงินที่เราให้ไป เขาจะเอาไปสร้างประโยชน์จริงมั้ย? เดี๋ยวนี้ข่าวในแง่ลบๆกับมูลนิธิ กับวัดมีเยอะมาก จนเรารู้สึกไม่อยากทำเยอะๆ ทำแค่หลักสิบ หลักร้อย แต่ทำหลายๆที่ กระจายๆไป(เหมือนกระจายความเสี่ยงหนะค่ะ) ให้บ้านเด็กกำพร้าบ้าง บ้านคนชราบ้าง วัดบ้าง
เพื่อนๆเป็นกันมั้ย แล้วคิดเห็นยังไงกัน
ปล. เรารู้ค่ะ ว่าการทำบุญอยู่ที่ใจ ทำมากทำน้อยก็เหมือนๆกัน เราแค่รู้สึกตะหงิดๆใจ เรามีรายได้แบบนี้ แต่จะทำบุญแค่นี้จริงๆเหรอ? แต่ถ้าทำเยอะๆ แล้วเขาไม่ได้เอาไปสร้างประโยชน์ ก็เท่ากับเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์