[CR] รีวิว...LIVIST Resort เพชรบูรณ์ กับอีก 1 ร้านไก่ย่างวิเชียรบุรี แถมคาเฟ่ให้อีกที่



          ช่วงปลายปีที่ผ่านมาผมเดินทางไปภาคอีสานซึ่งด้วยความที่ขี้เกียจขับรถรวดเดียวยาวๆเลยหา(เรื่อง)แวะพักที่เพชรบูรณ์ จริงๆทีแรกจะพักแถวเขาค้อแต่เห็นราคาที่พักแต่ละที่แล้วลมจะจับ ไม่รู้จะแพงอะไรกันขนาดนั้นเลยเปลี่ยนใจเลือกที่พักในเมือง นึกได้ว่าเคยเห็นโรงแรมหนึ่งออกแบบได้สวยงามอยู่พอเข้าไปหาข้อมูลเรียบร้อยก็จองอย่างรวดเร็ว

          ตามมาครับจะพาไปดูว่าโรงแรม Livist Resort เป็นอย่างไรบ้างจากประสบการณ์ของผม แถมรีวิวร้านไก่ย่างวิเชียรบุรีกับคาเฟ่ให้อีกที่หนึ่ง...ไปกันครับ



          ขับรถออกจากกรุงเทพฯแบบไม่รีบร้อน ประมาณเกือบเที่ยงก็ถึงวิเชียรบุรี...เมืองที่ต้อนรับนักเดินทางอย่างผมด้วยควันไก่ย่าง ตามความจำของผม มีร้านไก่ย่างชื่อคุ้นอยู่อยู่ 3 ที่ที่เห็นขายอยู่ทั่วไปในประเทศไทย ไก่ย่างวิเชียรบุรี...ไก่ย่างเขาสวนกวาง...แล้วก็ไก่ย่าง 5 ดาว(อันนี้ไม่นับก็ได้นะ) ส่วนไก่ทอดก็ต้องเป็นไก่ทอดหาดใหญ่

          แถบวิเชียรบุรีมีร้านไก่ย่างให้เลือกเยอะไปหมด ผมก็เลือกง่ายๆคือเอาร้านที่คุ้นๆว่าเคยไปทาน เพราะไปครั้งสุดท้ายก็หลายปีเต็มที จิ้มนิ้วเอาที่ร้านบัวตอง 2 นี่แหละ



          มาถึงตอนก่อนเที่ยง รถยังไม่เยอะแต่ตอนกลับรถเต็มลานจอด คนเต็มร้านเลยครับ ร้านเป็นแบบเปิดโล่งมีเตาย่างไก่อยู่หน้าร้านริมถนนจังหวะลมพัดดีๆควันไก่ย่างก็ตลบเข้าร้าน...กลับไปบ้านเพื่อนทักแน่ๆว่าไปกินไก่ย่างมาใช่มั้ย รายการอาหารมาแบบเป็นรายชื่อให้ใส่จำนวนลงไป เขียนราคาชัดเจน



          หน้าร้านเป็นเตาย่างไก่แบบยาวๆย่างพร้อมกันได้หลายสิบไม้ แต่ช่วงคนเยอะๆก็มีช่วงที่ย่างไม่ทันอยู่บ้างผมโชคดีหน่อยตรงที่ได้ไก่ย่างชุดใหม่พอดี มาแบบร้อนๆเลย



          อาหารมาแล้วครับ สั่งไก่ไปครึ่งตัว ส้มตำ คอหมูย่าง ลาบหมู เริ่มที่ไก่ย่างก่อนเลยครับ เอกลักษณ์ของไก่ย่างวิเชียรบุรีคือหนังกรอบแห้ง เนื้อนุ่ม รสชาติเค็มเล็กน้อย ที่ได้มานี่ก็ค่อนข้างจะตามนั้นครับ หนังไก่แห้งกรอบ เนื้อด้านในยังนุ่มอยู่แต่ก็มีบางส่วนที่อาจจะแห้งไปนิด ส่วนรสชาติก็ออกเค็มเล็กน้อยแล้วก็หอมเครื่องเทศ ถูกปากใช้ได้ ส่วนคอหมูย่างค่อนข้างจะแข็งไปหน่อย รสชาติออกเค็มเล็กน้อยใช้ได้อยู่แต่ติดที่แข็งไปนี่แหละครับ ส้มตำกับลาบผมว่าเฉยๆไม่แย่แต่ก็ไม่ได้อร่อยจนตกใจ เรียกว่าทานได้เรื่อยๆ

          โดยรวมเป็นมื้อแก้หิวมากกว่าจะเป็นมื้อประทับใจ สิ่งที่ชอบคือพนักงานที่ร้านครับสุภาพมาก ขออนุญาตทุกครั้งที่วางจานอาหาร ส่วนอาหารโดยรวมก็ทานได้เรื่อยๆครับ อิ่มท้องแล้วก็ไปกันต่อได้



          ไปดื่มน้ำเย็นๆเสียหน่อยครับ ร้านนี้ชื่อ Dark cafe & Bistro อยู่ไม่ไกลโรงแรม Livist มากนัก ทานน้ำก่อนแล้วค่อยไปโรงแรมกัน



          ร้านขนาดไม่ใหญ่โตมากนักครับ เป็นอาคารแนวยุโรปหลังเดียวโดดๆอยู่ริมถนน หาง่ายข้างในตกแต่งปนกันระหว่างวินเทจกับลอฟท์ เน้นปูนเปลือย ก้อนอิฐ เฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคแบบลอยตัว มีเค้กให้สั่งทานด้วยแต่วันนี้ขอแค่เครื่องดื่มก่อน สั่งลิ้นจี่โซดากับชาพีชไป รสชาติโดยรวมทั่วๆไปครับแต่สิ่งที่ควรตำหนิเลยคือ ลิ้นจี่ที่ให้มา 3 ชิ้นซึ่งจำนวนไม่ใช่ปัญหาแต่ลิ้นจี่เหมือนเป็นลิ้นจี่กระป๋องที่แช่แข็งเอาไว้ ที่เห็นอยู่ในแก้วนั่นแข็งโป๊กเลยนะครับ ผมเอาแก้วนี้กลับไปที่โรงแรมด้วยเพราะอยากทานลิ้นจี่ ทิ้งไว้ตั้งนานยังแข็งอยู่เลย(ตู้เย็นยี่ห้ออะไร ดีจัง)



          ที่พักของผมคืนนี้คือที่นี่ครับ Livist Resort เพชรบูรณ์ ชื่อแปลกๆถ้าหาคำว่า Livist ในพจนานุกรมไม่เจอแน่นอน พอหาไปเรื่อยๆจึงรู้ว่าชื่อ Livist มาจาก Livistona Speciosa หรือ ลิวิซโทนา สเปซิโอซา อย่างกับคาถาในแฮรี พอตเตอร์ เป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ของต้นค้อ ต้นไม้ที่มีอยู่มากบนเขาค้อ พอได้รู้ดังนี้ทุกอย่างก็ดูเข้ากันได้



          ทางเข้ามีอาคารพาณิชย์อยู่ด้านหน้าจนไม่นึกว่าจะมีโรงแรมใหญ่อยู่ด้านใน ขับรถเข้ามาด้านในเป็นที่จอดรถ รองรับได้เยอะพอสมควรเลยครับมีทั้งที่จอดใต้หลังคาและกลางแจ้ง ซึ่งที่จอดใต้หลังคากันฝนได้มากกว่ากันแดด เพราะแดดเข้าแบบเต็มๆ





          เดินจากที่จอดรถมาจะเจอสวนและพื้นที่นั่งพักผ่อน สวนบางส่วนจะออกแบบเป็นสวนหินญี่ปุ่น ส่วนต้อนรับเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่โตนักมีโต๊ะรับลูกค้า 1ตัว ขั้นตอนการเช็คอินไม่มีอะไรมากครับ รวดเร็ว แป๊บเดียวเข้าห้อง



          ห้องพักเป็นส่วนที่ผมชอบอย่างหนึ่งที่นี่ ห้องแต่ละห้องจะมีระเบียงเป็นของตัวเอง ประตูทางเข้าห้องจะต่อกับระเบียงและผนังฝั่งห้องนอนก็จะติดกับระเบียงห้องข้างๆ ดังนั้นจะไม่มีพื้นที่กำแพงห้องที่ติดกันทั้งซ้ายและขวา เสียงรบกวนก็จะเหลือแค่ทางเดินหน้าห้อง ห้องชั้นบน และเสียงจากระเบียงเท่านั้น(ซึ่งก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนเลย) ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวและสงบดีทีเดียวครับ



          ห้องที่ได้เป็นห้องประเภท Superior Mountain View ราคา 1,100 บาท ไม่มีอาหารเช้าเพราะที่นี่ยังไม่มีบริการอาหารเช้า ขนาดห้องใหญ่โตเกินราคาไปพอสมควรครับ ทรงของห้องไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมแบบทั่วๆไปแต่จะออกแนวเฉียงด้านหนึ่ง เข้าไปทีแรกอาจจะงงๆหน่อย ฝั่งหนึ่งของห้องเป็นกระจกยาวตลอดแนว ได้วิวเต็มตาและได้แดดช่วงบ่ายแบบเต็มที่เหมือนกันช่วงบ่ายเปิดเครื่องปรับอากาศแรงๆไว้หน่อยก็ดีครับ แถวๆตรงกระจกร้อนมากๆ
          ห้องตกแต่งแบบสมัยใหม่เลยครับ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็มีให้ครบถ้วนทีเดียว ตรงโทรทัศน์เดินระวังนิดหนึ่งนะครับไม่ค่อยชินกับทีวีที่ห้อยลงมาแบบนี้อาจจะหัวโขกได้



          ห้องน้ำขนาดค่อนข้างใหญ่และลึก โถสุขภัณฑ์กับห้องอาบน้ำอยู่ลึกเข้าไปด้านใน มีอ่างล้างหน้าอยู่ด้านหนึ่งและพื้นที่วางของอีกยาวๆ ด้านหนึ่งเป็นที่แขวนเสื้อผ้าและวางผ้าเช็ดตัว





          มื้อเย็นทานอาหารที่โรงแรมนี่แหละ ห้องอาหารชั้นล่างเป็นแบบเปิดโล่งมีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบใต้หลังคาและอยู่ในสวน เป็นร้านที่คนมาทานมื้อค่ำกันเยอะทีเดียวครับ ช่วงค่ำๆนี่ที่นั่งเต็มเกือบหมด รายการอาหารมีให้เลือกหลากหลายพอสมควรราคาก็ประมาณโรงแรม 3-4 ดาวทั่วๆไป สั่งสเต็กมาทาน เนื้อนุ่มดีทีเดียว อาหารประเภทยำอื่นๆรสชาติจัดจ้านใช้ได้ครับเผ็ดปากบานใช้ได้ รสชาติอาหารโดยรวมใช้ได้ครับ
ชื่อสินค้า:   Livist Resort Phetchabun
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่