สวัสดีครับ เมื่อวาน (2มค.65) ช่วงหัวค่ำมีโอกาสได้ฟัง Live ของช่องคิดไซด์โค้ง เนื้อหาน่าสนใจมาก
ขออนุญาตเอามาสรุปให้ได้อ่านกันนะครับ ในส่วนความเห็นเพิ่มเติมของ จขกท จะใส่วงเล็บไว้
ลิงก์อ้างอิงของคลิปแปะไว้ตอนท้ายบทความนะครับ
Live นี้ทางคุณเจ วรปัฐ เชิญคนของบริษัท Sport Tech Pro ชื่อคุณหนุ่ย (น่าจะเป็นเจ้าของ บ.) มาพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทีมชาติไทยใช้เก็บสถิติต่างๆในการฝึกซ้อมระหว่างทัวร์นาเมนต์ AFF Suzuki Cup
จริงๆแล้วบริษัท Sport Tech Pro ไม่ใช่เรื่องใหม่ของทีมชาติไทย มีการใช้บริการกันมานานเกือบๆ 10 ปีแล้ว
แต่เป็นลักษณะของการจ้างมาเป็นครั้งๆไป เช่น U23 มีแข่ง โค้ชอยากได้ก็จ้างมา พอจบทัวร์นาเมนต์ก็แยกย้าย หรือ ชุดใหญ่อยากใช้กับทัวร์นาเมนต์นี้ก็จ้างมา จบทัวร์นาเมนต์ก็จบไป เป็นแบบนี้มาตลอด (เดี๋ยวจะมีเรื่องให้พูดถึงข้อเสียที่จ้างมาเป็นครั้งๆในช่วงท้ายๆ)
กับทีมชาติไทยชุดที่ไปได้แชมป์ AFF เนี่ย ทางคุณหนุ่ยได้มีการเข้าไปเสนอมาโน่ (ใน Live แกบอกว่าไปเตะบอลกับมาโน่ แล้วสาธิตอุปกรณ์ให้ดู)
พอมาโน่เห็นก็สนใจ แต่กว่าจะคุย จะดีลกันลงตัว ก็เกือบถึงวันที่ทีมชาติต้องเดินทางไปสิงคโปร์แล้ว และด้วยเหตุผลเรื่องการจัดการแข่งที่จัดเป็นบับเบิ้ล
พวกรายชื่อนักเตะ และ ทีมสต๊าฟ เราจะต้องส่งไปให้ทางสิงคโปร์ล่วงหน้า ทำให้ทีมงานของ Sport Tech Pro ไม่ได้เดินทางไปด้วย
ตรงนี้มีการแก้ปัญหาด้วยการสอนการใช้งานให้โค้ชฟิตเนส (ชื่อคุณอ๊อพ) ให้เป็นคนใช้งานและจัดการอุปกรณ์ ในช่วงแรกๆก็มีปัญหาขลุกขลักอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ได้ผลที่น่าพอใจ
เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้หน้าตาเป็นแบบไหน? ใช้แล้วได้ผลออกมาเป็นไง?
(ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นเสื้อกล้าม GPS แบบที่เห็นหลายๆทีมในไทยลีกใส่ไว้ด้านในเสื้อแข่ง แต่ไม่ใช่ครับ เจ้าตัวนี้ล้ำกว่านั้น การสวมใส่ก็จะสวมทับรองเท้าสตั๊ดตามรูป)
รูปภาพจากเฟซบุ๊ค Sport Tech Pro
จากในรูปอาจจะดูเหมือนอุปกรณ์ค่อนข้างเกะกะข้างเท้าด้านนอกหรือเปล่า
เรื่องนี้คุณหนุ่ยบอกใน Live ว่าตอนแรก เจ ชนาธิป มีนอยด์หน่อยๆเหมือนกัน เพราะชอบจับบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก
แต่พอใส่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
ซึ่งเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ ให้ข้อมูลที่ลึกกว่าเสื้อกล้ามพอสมควร
เช่น เรื่องการครองบอล ความไวในการเล่นบอล ใครส่งให้ใคร ใครทำบอลเสีย ใครแย่งบอลได้
นักเตะคนนี้ใช้เท้าข้างไหนรับ-ส่ง และใช้เท้าข้างไหนได้ดี/ไม่ดี
(ส่วนตัวเข้าใจว่าเสื้อกล้าม จะบอกฮีทแมพ การสปริ้นต์ ระยะทางวิ่ง แต่ไม่ละเอียดถึงขนาดการครองบอล การใช้เท้าของนักเตะแต่ละคน)
ตัวอย่างข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์นี้คือ มาโน่ลองซ้อมด้วย 4-4-2 ไดมอนด์ กับ 4-2-3-1
ข้อมูลที่ได้ จะบอกว่าแผนไหนครองบอลนานกว่ากัน (บอกเป็นวินาทีเลย)
การลำเลียงบอลขึ้นหน้าแผนไหนใช้เวลาน้อยกว่า และใครที่เป็นคนจ่ายบอล/พาบอล ขึ้นหน้า
นักเตะคนไหนแกะเพรสเก่ง คนไหนคิดไวเล่นบอลไว คนไหนออกบอลดี/ไม่ดี
ตัวอย่างข้อมูลที่ได้ ลองดูในคลิปยาวนาทีที่ 31 นะครับ
(ส่วนตัวคิดว่าข้อมูลพวกนี้สำคัญมากๆ สำหรับการตัดสินใจว่าใช้แผนนี้ใครควรลง และลงไปเล่นจุดไหน ยังไง และอาจจะเป็นสาเหตุของการกล้าโรเตชั่นของมาโน่หลายๆตำแหน่งในนัดสำคัญ)
อุปกรณ์นี้ทำให้ทีมสต๊าฟได้ข้อมูลที่ค่อนข้างลึกและชัดเจนจากการฝึกซ้อม คือปกติข้อมูลละเอียดขนาดนี้จะได้จากการแข่งจริง
โดยตอนนี้เนื่องจากทางฟีฟ่ายังไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ตัวนี้ในการแข่งขัน (ใช้ได้แต่เสื้อกล้าม GPS) ดังนั้นโดยทั่วไปก็จะใช้คนจด หรือถ้าใครเคยเห็นที่ข้างสนามจะมีคนกดจอยเหมือนเล่นเกมอยู่ นั่นแหละเขากำลังเก็บข้อมูลพวกนี้อยู่
แน่นอนว่าการมีอุปกรณ์นี้ใช้ ทำให้ในการซ้อมแต่ละครั้ง เราจะได้ข้อมูลทางสถิติละเอียดเหมือนลงไปแข่งจริงเลยทีเดียว
ใน Live มีการถามว่า ถ้ามีนักบอลบางคนไม่ยอมใส่ เช่น ใส่แล้วกลัวเล่นไม่ดี กลัวทำให้จับบอลยาก จะเกิดอะไรขึ้น
คำตอบคือข้อมูลที่ได้จะมีความผิดพลาด
เช่น นักบอล A ไม่ยอมใส่ และ ในการฝึกซ้อมมีนักบอล B ส่งบอลให้นักบอล A
ข้อมูลที่ได้จะกลายเป็นนักบอล B จ่ายบอลเสีย ทีมเสียการครองบอล
สรุปคือ ทุกคนควรใส่เพื่อจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเพื่อการพัฒนาการเล่นส่วนตัวด้วย
เรื่องนี้คุณหนุ่ยให้ข้อมูลว่า ทีมในยุโรปหลายทีมใช้อุปกรณ์นี้ เช่น ลิเวอร์พูล กลาสโกว เรนเจอร์
(และน่าจะวิลล่าด้วย เข้าใจว่าเป็นเจอร์ราดที่ใช้ที่เรนเจอร์)
คือถ้านักเตะระดับท็อปเขาใช้แล้วไม่มีปัญหา เราก็ไม่ควรปฏิเสธ เพราะมีอคติว่ามันจะทำให้เราเล่นยากขึ้น
(ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีผลเรื่องการจับบอลบ้างแหละ แต่ประโยชน์มีมากกว่าเยอะ)
สถิติที่ได้ในการซ้อมแต่ละวันก็มีการส่งให้ทีมสต๊าฟอันนี้แน่นอน และมีการส่งให้นักบอลแต่ละคนด้วย ซึ่งหลายคนมีฟีดแบ็คที่ดี
ที่คุณหนุ่ยพูดถึงก็มี
ปกเกล้า สถิติในการซ้อมออกมาดีมาก ขยันวิ่ง ทำผลงานในการซ้อมได้ดี (และในนัดชิงนัดแรก ปกลงไปเล่นได้ดีมากๆ)
วรชิต พอเห็นสถิติส่วนตัวก็ถามกลับมาว่าเขาควรปรับอะไร ยังไง ถึงจะทำได้ดีกว่านี้
ศุภโชค คนนี้สุดยอด น้องเช็คถามคุณหนุ่ยว่าสถิติของตัวเองห่างนักเตะระดับโลกมากแค่ไหน (ฟังแล้วรู้สึกใจน้องมันได้มากๆ)
เจ ชนาธิป จากสถิติ เจเป็นนักบอลไทยคนเดียวที่เล่น 2 เท้าได้ดีพอๆกัน คือหลายคนอาจจะเล่นได้ 2 เท้า แต่ไม่ถึงขนาดเจ
สำหรับนักบอลอาชีพแล้วเนี่ย การที่ใช้เท้าได้ข้างเดียวนับเป็นความเสียเปรียบมากๆ
นอกจากนี้ยังมีนักฟุตบอลระดับ T2 มาซื้ออุปกรณ์จากคุณหนุ่ยไปใช้
นักเตะคนนี้ถามกับทางคุณหนุ่ยว่า สถิติของบดินทร์ ผาลา ออกแนวไหน
เช่น ระยะทาง และ ความเร็วในการสปริ้นต์ คือเขาอยากซ้อมให้ได้แบบบดินทร์ อันนี้ฟังแล้วก็รู้สึกว่านักเตะคนนั้นมีทัศนคติที่ดีแบบสุดๆ
ลองคิดดูเล่นๆว่าถ้ามีนักบอล หรือ สโมสรซักครึ่งของลีก มีความคิดแบบนี้ ลีกเราจะแข็งแกร่งขึ้นได้อีกมากๆ
ซึ่งเอาจริงๆแล้วตอนนี้นักบอลมีการเริ่ม ลงทุนใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่พวกนี้ด้วยตัวเองแล้ว
คุณเจ วรปัฐบอกว่าให้ไปดูคลิปนักบอลที่เดินทางกลับ จะเห็นบางคนหิ้วอุปกรณ์ที่ช่วยเรื่องการ Recovery กลับมาด้วย
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ
ที่คุยกันใน Live นอกจากเรื่องอุปกรณ์ที่สวมเท้าแล้ว ยังมีเรื่องน่าสนใจอีกเรื่อง นั่นคือการฝึกพิเศษของยิม วรชิต กับ และห์ กฤษดา
ทั้ง 2 คนนี้ ชลบุรีส่งมาเข้าคอร์สพิเศษเพื่อปรับปรุงจุดอ่อน และ เสริมจุดแข็งกับทาง Sport Tech Pro
คือนอกจากฝึกเรื่องทางกายภาพแล้ว มีการฝึกเรื่องสมาธิในเกมด้วย เช่น ไฟสีนี้สว่างต้องออกไปแตะสีอะไร
(ดูคล้ายๆการซ้อมของนักแบดมินตัน)
(ในคลิปยาวมีคลิปการฝึกของ 2 คนนี้ตั้งแต่นาทีที่ 48 ถึงนาทีที่ 57 ส่วนตัวคิดว่านี่คงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ 2 คนนี้ฟอร์มโหดมากๆในฤดูกาลนี้)
และ เจ ชนาธิป ช่วงปิดฤดูกาลก็มีมาฝึกที่นี่ด้วย ทาง Sport Tech Pro เขาก็ออกแบบการฝึกให้ โดยดูจากลักษณะการเล่น
ว่าควรจะพัฒนากล้ามเนื้อส่วนไหน อย่างไร
(เจซ้อมด้วยการใส่เสื้อหนัก 10 กิโล ยังกะโงกุนตอนไปดาวนาแม็ก 5555 ไม่แปลกที่โดนเวียดนามเตะ 3 ทีกว่าจะล้ม)
สรุปสุดท้าย การเก็บสถิติแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก ในแง่ของการกำหนดทิศทางในการพัฒนานักบอล และแน่นอนเพื่อสร้างไทยแลนด์เวย์
(นักเตะเรามีจุดอ่อนตรงไหน ควรพัฒนาอะไร สถิติพวกนี้จะช่วยได้มาก)
อย่างไรก็ตาม การจ้างบริษัทมาทำงานเป็นครั้งๆไป แล้วไม่มีทีมงานของสมาคมที่เก็บข้อมูลตรงนี้ไว้
มันเลยกลายเป็นว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ที่ Sport Tech Pro (แทนที่จะอยู่กับฝ่ายพัฒนานักเตะของสมาคม)
คือทีมชาติแต่ละชุด พอทีมสต๊าฟที่เข้ามาทำงานเปลี่ยนไปก็จบ ก็ไม่มีการส่งต่อข้อมูลกัน
ทำให้ข้อมูลที่ควรจะเอามาพัฒนานักบอลในภาพรวมตั้งแต่ระดับเยาวชน ไม่ได้ถูกเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์แบบเต็มที่
คลิปเวอร์ชั่นยาว (ยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่คุยจริงประมาณ 1 ชั่วโมงแรก ที่เหลือเป็นการตอบคอมเมนต์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.youtube.com/watch?v=Vc-uswkKCnc
คลิปเวอร์ชั่นตัด (22 นาที)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.youtube.com/watch?v=ynKyFAp5l98
สรุป Live คิดไซด์โค้ง (2มค.65) เทคโนโลยีที่เป็นส่วนหนึ่งของเบื้องหลังการคว้าแชมป์ AFF Suzuki Cup
ขออนุญาตเอามาสรุปให้ได้อ่านกันนะครับ ในส่วนความเห็นเพิ่มเติมของ จขกท จะใส่วงเล็บไว้
ลิงก์อ้างอิงของคลิปแปะไว้ตอนท้ายบทความนะครับ
Live นี้ทางคุณเจ วรปัฐ เชิญคนของบริษัท Sport Tech Pro ชื่อคุณหนุ่ย (น่าจะเป็นเจ้าของ บ.) มาพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทีมชาติไทยใช้เก็บสถิติต่างๆในการฝึกซ้อมระหว่างทัวร์นาเมนต์ AFF Suzuki Cup
จริงๆแล้วบริษัท Sport Tech Pro ไม่ใช่เรื่องใหม่ของทีมชาติไทย มีการใช้บริการกันมานานเกือบๆ 10 ปีแล้ว
แต่เป็นลักษณะของการจ้างมาเป็นครั้งๆไป เช่น U23 มีแข่ง โค้ชอยากได้ก็จ้างมา พอจบทัวร์นาเมนต์ก็แยกย้าย หรือ ชุดใหญ่อยากใช้กับทัวร์นาเมนต์นี้ก็จ้างมา จบทัวร์นาเมนต์ก็จบไป เป็นแบบนี้มาตลอด (เดี๋ยวจะมีเรื่องให้พูดถึงข้อเสียที่จ้างมาเป็นครั้งๆในช่วงท้ายๆ)
กับทีมชาติไทยชุดที่ไปได้แชมป์ AFF เนี่ย ทางคุณหนุ่ยได้มีการเข้าไปเสนอมาโน่ (ใน Live แกบอกว่าไปเตะบอลกับมาโน่ แล้วสาธิตอุปกรณ์ให้ดู)
พอมาโน่เห็นก็สนใจ แต่กว่าจะคุย จะดีลกันลงตัว ก็เกือบถึงวันที่ทีมชาติต้องเดินทางไปสิงคโปร์แล้ว และด้วยเหตุผลเรื่องการจัดการแข่งที่จัดเป็นบับเบิ้ล
พวกรายชื่อนักเตะ และ ทีมสต๊าฟ เราจะต้องส่งไปให้ทางสิงคโปร์ล่วงหน้า ทำให้ทีมงานของ Sport Tech Pro ไม่ได้เดินทางไปด้วย
ตรงนี้มีการแก้ปัญหาด้วยการสอนการใช้งานให้โค้ชฟิตเนส (ชื่อคุณอ๊อพ) ให้เป็นคนใช้งานและจัดการอุปกรณ์ ในช่วงแรกๆก็มีปัญหาขลุกขลักอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ได้ผลที่น่าพอใจ
เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้หน้าตาเป็นแบบไหน? ใช้แล้วได้ผลออกมาเป็นไง?
(ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นเสื้อกล้าม GPS แบบที่เห็นหลายๆทีมในไทยลีกใส่ไว้ด้านในเสื้อแข่ง แต่ไม่ใช่ครับ เจ้าตัวนี้ล้ำกว่านั้น การสวมใส่ก็จะสวมทับรองเท้าสตั๊ดตามรูป)
รูปภาพจากเฟซบุ๊ค Sport Tech Pro
จากในรูปอาจจะดูเหมือนอุปกรณ์ค่อนข้างเกะกะข้างเท้าด้านนอกหรือเปล่า
เรื่องนี้คุณหนุ่ยบอกใน Live ว่าตอนแรก เจ ชนาธิป มีนอยด์หน่อยๆเหมือนกัน เพราะชอบจับบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก
แต่พอใส่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
ซึ่งเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ ให้ข้อมูลที่ลึกกว่าเสื้อกล้ามพอสมควร
เช่น เรื่องการครองบอล ความไวในการเล่นบอล ใครส่งให้ใคร ใครทำบอลเสีย ใครแย่งบอลได้
นักเตะคนนี้ใช้เท้าข้างไหนรับ-ส่ง และใช้เท้าข้างไหนได้ดี/ไม่ดี
(ส่วนตัวเข้าใจว่าเสื้อกล้าม จะบอกฮีทแมพ การสปริ้นต์ ระยะทางวิ่ง แต่ไม่ละเอียดถึงขนาดการครองบอล การใช้เท้าของนักเตะแต่ละคน)
ตัวอย่างข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์นี้คือ มาโน่ลองซ้อมด้วย 4-4-2 ไดมอนด์ กับ 4-2-3-1
ข้อมูลที่ได้ จะบอกว่าแผนไหนครองบอลนานกว่ากัน (บอกเป็นวินาทีเลย)
การลำเลียงบอลขึ้นหน้าแผนไหนใช้เวลาน้อยกว่า และใครที่เป็นคนจ่ายบอล/พาบอล ขึ้นหน้า
นักเตะคนไหนแกะเพรสเก่ง คนไหนคิดไวเล่นบอลไว คนไหนออกบอลดี/ไม่ดี
ตัวอย่างข้อมูลที่ได้ ลองดูในคลิปยาวนาทีที่ 31 นะครับ
(ส่วนตัวคิดว่าข้อมูลพวกนี้สำคัญมากๆ สำหรับการตัดสินใจว่าใช้แผนนี้ใครควรลง และลงไปเล่นจุดไหน ยังไง และอาจจะเป็นสาเหตุของการกล้าโรเตชั่นของมาโน่หลายๆตำแหน่งในนัดสำคัญ)
อุปกรณ์นี้ทำให้ทีมสต๊าฟได้ข้อมูลที่ค่อนข้างลึกและชัดเจนจากการฝึกซ้อม คือปกติข้อมูลละเอียดขนาดนี้จะได้จากการแข่งจริง
โดยตอนนี้เนื่องจากทางฟีฟ่ายังไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ตัวนี้ในการแข่งขัน (ใช้ได้แต่เสื้อกล้าม GPS) ดังนั้นโดยทั่วไปก็จะใช้คนจด หรือถ้าใครเคยเห็นที่ข้างสนามจะมีคนกดจอยเหมือนเล่นเกมอยู่ นั่นแหละเขากำลังเก็บข้อมูลพวกนี้อยู่
แน่นอนว่าการมีอุปกรณ์นี้ใช้ ทำให้ในการซ้อมแต่ละครั้ง เราจะได้ข้อมูลทางสถิติละเอียดเหมือนลงไปแข่งจริงเลยทีเดียว
ใน Live มีการถามว่า ถ้ามีนักบอลบางคนไม่ยอมใส่ เช่น ใส่แล้วกลัวเล่นไม่ดี กลัวทำให้จับบอลยาก จะเกิดอะไรขึ้น
คำตอบคือข้อมูลที่ได้จะมีความผิดพลาด
เช่น นักบอล A ไม่ยอมใส่ และ ในการฝึกซ้อมมีนักบอล B ส่งบอลให้นักบอล A
ข้อมูลที่ได้จะกลายเป็นนักบอล B จ่ายบอลเสีย ทีมเสียการครองบอล
สรุปคือ ทุกคนควรใส่เพื่อจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเพื่อการพัฒนาการเล่นส่วนตัวด้วย
เรื่องนี้คุณหนุ่ยให้ข้อมูลว่า ทีมในยุโรปหลายทีมใช้อุปกรณ์นี้ เช่น ลิเวอร์พูล กลาสโกว เรนเจอร์
(และน่าจะวิลล่าด้วย เข้าใจว่าเป็นเจอร์ราดที่ใช้ที่เรนเจอร์)
คือถ้านักเตะระดับท็อปเขาใช้แล้วไม่มีปัญหา เราก็ไม่ควรปฏิเสธ เพราะมีอคติว่ามันจะทำให้เราเล่นยากขึ้น
(ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีผลเรื่องการจับบอลบ้างแหละ แต่ประโยชน์มีมากกว่าเยอะ)
สถิติที่ได้ในการซ้อมแต่ละวันก็มีการส่งให้ทีมสต๊าฟอันนี้แน่นอน และมีการส่งให้นักบอลแต่ละคนด้วย ซึ่งหลายคนมีฟีดแบ็คที่ดี
ที่คุณหนุ่ยพูดถึงก็มี
ปกเกล้า สถิติในการซ้อมออกมาดีมาก ขยันวิ่ง ทำผลงานในการซ้อมได้ดี (และในนัดชิงนัดแรก ปกลงไปเล่นได้ดีมากๆ)
วรชิต พอเห็นสถิติส่วนตัวก็ถามกลับมาว่าเขาควรปรับอะไร ยังไง ถึงจะทำได้ดีกว่านี้
ศุภโชค คนนี้สุดยอด น้องเช็คถามคุณหนุ่ยว่าสถิติของตัวเองห่างนักเตะระดับโลกมากแค่ไหน (ฟังแล้วรู้สึกใจน้องมันได้มากๆ)
เจ ชนาธิป จากสถิติ เจเป็นนักบอลไทยคนเดียวที่เล่น 2 เท้าได้ดีพอๆกัน คือหลายคนอาจจะเล่นได้ 2 เท้า แต่ไม่ถึงขนาดเจ
สำหรับนักบอลอาชีพแล้วเนี่ย การที่ใช้เท้าได้ข้างเดียวนับเป็นความเสียเปรียบมากๆ
นอกจากนี้ยังมีนักฟุตบอลระดับ T2 มาซื้ออุปกรณ์จากคุณหนุ่ยไปใช้
นักเตะคนนี้ถามกับทางคุณหนุ่ยว่า สถิติของบดินทร์ ผาลา ออกแนวไหน
เช่น ระยะทาง และ ความเร็วในการสปริ้นต์ คือเขาอยากซ้อมให้ได้แบบบดินทร์ อันนี้ฟังแล้วก็รู้สึกว่านักเตะคนนั้นมีทัศนคติที่ดีแบบสุดๆ
ลองคิดดูเล่นๆว่าถ้ามีนักบอล หรือ สโมสรซักครึ่งของลีก มีความคิดแบบนี้ ลีกเราจะแข็งแกร่งขึ้นได้อีกมากๆ
ซึ่งเอาจริงๆแล้วตอนนี้นักบอลมีการเริ่ม ลงทุนใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่พวกนี้ด้วยตัวเองแล้ว
คุณเจ วรปัฐบอกว่าให้ไปดูคลิปนักบอลที่เดินทางกลับ จะเห็นบางคนหิ้วอุปกรณ์ที่ช่วยเรื่องการ Recovery กลับมาด้วย
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ
ที่คุยกันใน Live นอกจากเรื่องอุปกรณ์ที่สวมเท้าแล้ว ยังมีเรื่องน่าสนใจอีกเรื่อง นั่นคือการฝึกพิเศษของยิม วรชิต กับ และห์ กฤษดา
ทั้ง 2 คนนี้ ชลบุรีส่งมาเข้าคอร์สพิเศษเพื่อปรับปรุงจุดอ่อน และ เสริมจุดแข็งกับทาง Sport Tech Pro
คือนอกจากฝึกเรื่องทางกายภาพแล้ว มีการฝึกเรื่องสมาธิในเกมด้วย เช่น ไฟสีนี้สว่างต้องออกไปแตะสีอะไร
(ดูคล้ายๆการซ้อมของนักแบดมินตัน)
(ในคลิปยาวมีคลิปการฝึกของ 2 คนนี้ตั้งแต่นาทีที่ 48 ถึงนาทีที่ 57 ส่วนตัวคิดว่านี่คงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ 2 คนนี้ฟอร์มโหดมากๆในฤดูกาลนี้)
และ เจ ชนาธิป ช่วงปิดฤดูกาลก็มีมาฝึกที่นี่ด้วย ทาง Sport Tech Pro เขาก็ออกแบบการฝึกให้ โดยดูจากลักษณะการเล่น
ว่าควรจะพัฒนากล้ามเนื้อส่วนไหน อย่างไร
(เจซ้อมด้วยการใส่เสื้อหนัก 10 กิโล ยังกะโงกุนตอนไปดาวนาแม็ก 5555 ไม่แปลกที่โดนเวียดนามเตะ 3 ทีกว่าจะล้ม)
สรุปสุดท้าย การเก็บสถิติแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก ในแง่ของการกำหนดทิศทางในการพัฒนานักบอล และแน่นอนเพื่อสร้างไทยแลนด์เวย์
(นักเตะเรามีจุดอ่อนตรงไหน ควรพัฒนาอะไร สถิติพวกนี้จะช่วยได้มาก)
อย่างไรก็ตาม การจ้างบริษัทมาทำงานเป็นครั้งๆไป แล้วไม่มีทีมงานของสมาคมที่เก็บข้อมูลตรงนี้ไว้
มันเลยกลายเป็นว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ที่ Sport Tech Pro (แทนที่จะอยู่กับฝ่ายพัฒนานักเตะของสมาคม)
คือทีมชาติแต่ละชุด พอทีมสต๊าฟที่เข้ามาทำงานเปลี่ยนไปก็จบ ก็ไม่มีการส่งต่อข้อมูลกัน
ทำให้ข้อมูลที่ควรจะเอามาพัฒนานักบอลในภาพรวมตั้งแต่ระดับเยาวชน ไม่ได้ถูกเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์แบบเต็มที่
คลิปเวอร์ชั่นยาว (ยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่คุยจริงประมาณ 1 ชั่วโมงแรก ที่เหลือเป็นการตอบคอมเมนต์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คลิปเวอร์ชั่นตัด (22 นาที)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้