ง้อเพราะรัก
ล. วิลิศมาหรา
ฉันนั่งอึ้งมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างพิจารณา ปนกับอัศจรรย์ใจ สาวสวยถอนสะอื้นพลางเช็ดน้ำตาที่เลอะดวงหน้าออก ก่อนเอ่ยปากเล่าถึงเรื่องราวความรักอันพิลึกพิลั่นของเธอให้ฉันฟังต่อไป
“คนรักของฉันบอกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วค่ะ เขาโกรธฉันมาก เราทะเลาะกันรุนแรงกว่าทุกครั้ง ฉันไม่เชื่อว่าอยู่ที่โน่นเขาจะไม่มีใคร”
ด้วยอาชีพที่ต้องรับฟังคนอื่นอยู่เสมอ ฉันจึงพยักหน้าให้เธอ เป็นนัยว่ากำลังตั้งใจรับฟัง แม้ในใจจะแอบนึกค้านเรื่องที่ได้ยินสักเพียงใดก็ตาม กล่าวเปิดหัวข้อสู่บริการให้คำปรึกษาว่า
“เคยได้ยินมาว่าคนรักกันต้องเชื่อใจกัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นไม่ให้เกียรติกับอีกฝ่าย คุณคิดยังไงกับคำพูดนี้คะ” ฉันพูดเพื่อตรวจสอบความคิดของคู่สนทนา
“แต่ฉันหึงเขานี่คะ เราอยู่ไกลกัน ฉันกลัวเขาจะมีผู้หญิงคนอื่นอีก นอกจากฉัน ผู้หญิงเรายอมได้ทุกอย่าง ต่อให้ผู้ชายที่เรารักจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง เป็นคนดุมุทะลุแค่ไหน จะเสียงดังเอะอะ หรือเป็นขี้เหล้าเมาหยำเปทั้งวัน แต่ถึงเขาเป็นแบบนั้น เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร คุณคงเคยได้ยินนะคะ”
นี่ก็เป็นอีกเคสหนึ่งซึ่งธรรมดามากในอาชีพที่ทำอยู่ ฉันมักพบเจอไม่เว้นแต่ละวัน กับความคิดแบบนั้นของผู้หญิงดังเช่นเรา ๆ ความรักกับการหึงหวง...ปกติฉันจัดการให้คำปรึกษาได้ไม่ยาก แต่ละเคสเมื่อสนทนากัน และได้รับคำปรึกษาไปแล้ว พวกเธอก็จะนำไปไตร่ตรอง ปูทางสู่การเจรจาแก้ปัญหาด้วยกันกับฉัน ยกเว้นเคสนี้ที่เป็นเคสซึ่งยากมาก จนฉันคิดว่าไม่ธรรมดา...เพราะว่าเธอคนนี้มีคนรักเป็นมนุษย์ต่างดาว!
ใช่...ฉันฟังไม่ผิด เธอบอกกับฉันแบบนั้นจริง ๆ ทั้งสีหน้าและแววตาดูขึงขังจริงจัง เศร้าจริงเสียใจจริง ไม่ได้แกล้งทำแน่นอน
หญิงสาวคนนี้เอ่ยชื่อดาวแปลกประหลาดชื่อหนึ่งออกมา ซึ่งมันทำให้ฉันถึงกับนั่งอึ้ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ก่อนลอบถอนหายใจยาว หยุดความคิดที่จะส่งเธอไปพบแผนกจิตเวชลง ตอนนี้ฉันควรตั้งใจฟังสิ่งที่เธอเล่ามากกว่า
“เมื่อวานเขาร้องไห้หนักมาก ฉันไม่เคยเห็นเขาหลั่งน้ำตามาก่อนเลยค่ะ ความจริงเขาเคยเล่าให้ฟังว่า กว่าจะผ่านชั้นบรรยากาศของโลกมาหาฉันได้ ร่างกายของเขาต้องทนเจ็บปวดทรมานสักแค่ไหน หัวใจของเขาเจ็บปวด แขนขาบิดงอผิดรูปผิดร่างมาตลอดทาง แต่เพราะรักฉันเขาจึงยอมทน”
เล่ามาถึงตรงนี้น้ำหูน้ำตาของเธอก็ไหลหลั่งราวทำนบแตก ฉันยื่นกระดาษทิชชูในกล่องให้ซับน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็ยกมาตั้งตรงหน้าให้เธอทั้งกล่อง
“อืม...เล่าต่อสิคะ”
“แต่ฉันมันงี่เง่าเอง ที่ไม่ยอมฟังเขา แม้เขาจะพยายามอธิบายสักแค่ไหน ดื้อดึงจะตามเขากลับไปที่ดาวดวงนั้นให้ได้ ไปให้เห็นกับตาว่าเขาไม่มีใครแอบซ่อนอยู่ แม้เขาบอกว่าฉันจะต้องตายจากการเดินทางก็ตาม หรือถ้ารอดก็ต้องตายอยู่ดี เพราะที่นั่นไม่เหมาะกับชาวโลกมนุษย์อย่างเรา ฉันโวยวายไม่ยอมฟังเขาท่าเดียว จนเขาโกรธ ผลุนผลันหายวับไป ก่อนไปเขาบอกว่าเป็นเพราะรักฉันเขาจึงต้องไป เขากลัวฉันตาย เขาจึงจะไม่กลับมาหาฉันอีกแล้วค่ะ”
ฉันนิ่งฟังเธอเงียบ ๆ ไม่พูดสอดแทรก ปล่อยให้เธอร่ำไห้ฟูมฟาย ระบายความโศกเศร้าออกมาอย่างเต็มที่ ฉันคงช่วยเธอได้เพียงแค่นี้ จนกระทั่งเรื่องเล่าของเธอจบลง ฉันไม่สามารถให้คำปรึกษาใด ๆ แก่เธอได้ และยังไม่ส่งต่อเธอไปยังแผนกจิตเวช แค่นัดเธอให้มาหาอีกครั้ง เมื่อฉันทำบางอย่างสำเร็จ...
ฉันกลับมาถึงบ้าน นั่งคิดตรึกตรองบนเตียงนอนอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะง้อ...
น้ำตาเจ้ากรรมค่อย ๆ รินไหล เมื่อนึกถึงใบหน้าหม่นหมองเศร้าสร้อย และคำพูดน้อยใจแต่ยังสุภาพอ่อนโยนของเขาเมื่อคืนนี้ ฉันใช้หลังมือเช็ดมันออกจากใบหน้า ว้าเหว่เดียวดายเหลือเกิน ยามไม่มีเขาอยู่ที่นี่ บัดนี้เขาได้หนีหายไปเสียแล้ว คำพูดสุดท้ายของเขาเป็นประโยคเดียวกันกับที่ฉันได้ยินจากเรื่องเล่าของผู้หญิงคนนั้น...เขาจากฉันไปเพราะรัก...
ยกมือขึ้นแตะอากาศเบื้องหน้าเบา ๆ พลันแผงเรืองแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมา มันเป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างฉันกับเขา ที่เขามอบไว้ให้ ยามเมื่อเราอยากติดต่อสื่อสารกัน เขายอมลงทุนซื้อมันมาจากดาวแอรอน ด้วยราคาแสนแพง
ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ปุ่มหนึ่งบนแผงนั้น กล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาจุกแน่นตรงลำคอ
วันนี้ฉันต้องงอนง้อผู้ชายจากดาวแอรอนคนที่ฉันแสนรักให้สำเร็จ พ่อมนุษย์ต่างดาวผู้น่ารัก เพราะรักเหลือเกินจึงเผลอทำร้ายจิตใจเขา ด้วยคำพูดที่ไม่ตั้งใจ ฉันทำร้ายเขาด้วยคำพูดครั้งแล้วครั้งเล่า จนเขาหนีหายไปต่อหน้า
หากเขายังอยู่บนโลกมนุษย์ใบนี้ วิธีนี้จะทำให้เขาได้ยิน แต่ถ้าเขาหนีกลับดาวแอรอนไปแล้ว ชีวิตของฉันคงจบสิ้น เหมือนฉันตายทั้งเป็น
เปล่งเสียงเรียกแผ่วหวิวออกไป ต่อหน้าเจ้าแผงเรืองแสงสีเขียว คำพูดประโยคเดียวที่บ่งบอกถึงความสำนึกผิด ฉันคิดจะสื่อสารมันให้ถึงหูผู้ชายเพียงคนเดียวที่ฉันรัก
“ที่รักคะ..ขอโทษนะคะ.”
จบ
ง้อเพราะรัก
ล. วิลิศมาหรา
ฉันนั่งอึ้งมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างพิจารณา ปนกับอัศจรรย์ใจ สาวสวยถอนสะอื้นพลางเช็ดน้ำตาที่เลอะดวงหน้าออก ก่อนเอ่ยปากเล่าถึงเรื่องราวความรักอันพิลึกพิลั่นของเธอให้ฉันฟังต่อไป
“คนรักของฉันบอกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วค่ะ เขาโกรธฉันมาก เราทะเลาะกันรุนแรงกว่าทุกครั้ง ฉันไม่เชื่อว่าอยู่ที่โน่นเขาจะไม่มีใคร”
ด้วยอาชีพที่ต้องรับฟังคนอื่นอยู่เสมอ ฉันจึงพยักหน้าให้เธอ เป็นนัยว่ากำลังตั้งใจรับฟัง แม้ในใจจะแอบนึกค้านเรื่องที่ได้ยินสักเพียงใดก็ตาม กล่าวเปิดหัวข้อสู่บริการให้คำปรึกษาว่า
“เคยได้ยินมาว่าคนรักกันต้องเชื่อใจกัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นไม่ให้เกียรติกับอีกฝ่าย คุณคิดยังไงกับคำพูดนี้คะ” ฉันพูดเพื่อตรวจสอบความคิดของคู่สนทนา
“แต่ฉันหึงเขานี่คะ เราอยู่ไกลกัน ฉันกลัวเขาจะมีผู้หญิงคนอื่นอีก นอกจากฉัน ผู้หญิงเรายอมได้ทุกอย่าง ต่อให้ผู้ชายที่เรารักจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง เป็นคนดุมุทะลุแค่ไหน จะเสียงดังเอะอะ หรือเป็นขี้เหล้าเมาหยำเปทั้งวัน แต่ถึงเขาเป็นแบบนั้น เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร คุณคงเคยได้ยินนะคะ”
นี่ก็เป็นอีกเคสหนึ่งซึ่งธรรมดามากในอาชีพที่ทำอยู่ ฉันมักพบเจอไม่เว้นแต่ละวัน กับความคิดแบบนั้นของผู้หญิงดังเช่นเรา ๆ ความรักกับการหึงหวง...ปกติฉันจัดการให้คำปรึกษาได้ไม่ยาก แต่ละเคสเมื่อสนทนากัน และได้รับคำปรึกษาไปแล้ว พวกเธอก็จะนำไปไตร่ตรอง ปูทางสู่การเจรจาแก้ปัญหาด้วยกันกับฉัน ยกเว้นเคสนี้ที่เป็นเคสซึ่งยากมาก จนฉันคิดว่าไม่ธรรมดา...เพราะว่าเธอคนนี้มีคนรักเป็นมนุษย์ต่างดาว!
ใช่...ฉันฟังไม่ผิด เธอบอกกับฉันแบบนั้นจริง ๆ ทั้งสีหน้าและแววตาดูขึงขังจริงจัง เศร้าจริงเสียใจจริง ไม่ได้แกล้งทำแน่นอน
หญิงสาวคนนี้เอ่ยชื่อดาวแปลกประหลาดชื่อหนึ่งออกมา ซึ่งมันทำให้ฉันถึงกับนั่งอึ้ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ก่อนลอบถอนหายใจยาว หยุดความคิดที่จะส่งเธอไปพบแผนกจิตเวชลง ตอนนี้ฉันควรตั้งใจฟังสิ่งที่เธอเล่ามากกว่า
“เมื่อวานเขาร้องไห้หนักมาก ฉันไม่เคยเห็นเขาหลั่งน้ำตามาก่อนเลยค่ะ ความจริงเขาเคยเล่าให้ฟังว่า กว่าจะผ่านชั้นบรรยากาศของโลกมาหาฉันได้ ร่างกายของเขาต้องทนเจ็บปวดทรมานสักแค่ไหน หัวใจของเขาเจ็บปวด แขนขาบิดงอผิดรูปผิดร่างมาตลอดทาง แต่เพราะรักฉันเขาจึงยอมทน”
เล่ามาถึงตรงนี้น้ำหูน้ำตาของเธอก็ไหลหลั่งราวทำนบแตก ฉันยื่นกระดาษทิชชูในกล่องให้ซับน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็ยกมาตั้งตรงหน้าให้เธอทั้งกล่อง
“อืม...เล่าต่อสิคะ”
“แต่ฉันมันงี่เง่าเอง ที่ไม่ยอมฟังเขา แม้เขาจะพยายามอธิบายสักแค่ไหน ดื้อดึงจะตามเขากลับไปที่ดาวดวงนั้นให้ได้ ไปให้เห็นกับตาว่าเขาไม่มีใครแอบซ่อนอยู่ แม้เขาบอกว่าฉันจะต้องตายจากการเดินทางก็ตาม หรือถ้ารอดก็ต้องตายอยู่ดี เพราะที่นั่นไม่เหมาะกับชาวโลกมนุษย์อย่างเรา ฉันโวยวายไม่ยอมฟังเขาท่าเดียว จนเขาโกรธ ผลุนผลันหายวับไป ก่อนไปเขาบอกว่าเป็นเพราะรักฉันเขาจึงต้องไป เขากลัวฉันตาย เขาจึงจะไม่กลับมาหาฉันอีกแล้วค่ะ”
ฉันนิ่งฟังเธอเงียบ ๆ ไม่พูดสอดแทรก ปล่อยให้เธอร่ำไห้ฟูมฟาย ระบายความโศกเศร้าออกมาอย่างเต็มที่ ฉันคงช่วยเธอได้เพียงแค่นี้ จนกระทั่งเรื่องเล่าของเธอจบลง ฉันไม่สามารถให้คำปรึกษาใด ๆ แก่เธอได้ และยังไม่ส่งต่อเธอไปยังแผนกจิตเวช แค่นัดเธอให้มาหาอีกครั้ง เมื่อฉันทำบางอย่างสำเร็จ...
ฉันกลับมาถึงบ้าน นั่งคิดตรึกตรองบนเตียงนอนอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะง้อ...
น้ำตาเจ้ากรรมค่อย ๆ รินไหล เมื่อนึกถึงใบหน้าหม่นหมองเศร้าสร้อย และคำพูดน้อยใจแต่ยังสุภาพอ่อนโยนของเขาเมื่อคืนนี้ ฉันใช้หลังมือเช็ดมันออกจากใบหน้า ว้าเหว่เดียวดายเหลือเกิน ยามไม่มีเขาอยู่ที่นี่ บัดนี้เขาได้หนีหายไปเสียแล้ว คำพูดสุดท้ายของเขาเป็นประโยคเดียวกันกับที่ฉันได้ยินจากเรื่องเล่าของผู้หญิงคนนั้น...เขาจากฉันไปเพราะรัก...
ยกมือขึ้นแตะอากาศเบื้องหน้าเบา ๆ พลันแผงเรืองแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมา มันเป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างฉันกับเขา ที่เขามอบไว้ให้ ยามเมื่อเราอยากติดต่อสื่อสารกัน เขายอมลงทุนซื้อมันมาจากดาวแอรอน ด้วยราคาแสนแพง
ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ปุ่มหนึ่งบนแผงนั้น กล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาจุกแน่นตรงลำคอ
วันนี้ฉันต้องงอนง้อผู้ชายจากดาวแอรอนคนที่ฉันแสนรักให้สำเร็จ พ่อมนุษย์ต่างดาวผู้น่ารัก เพราะรักเหลือเกินจึงเผลอทำร้ายจิตใจเขา ด้วยคำพูดที่ไม่ตั้งใจ ฉันทำร้ายเขาด้วยคำพูดครั้งแล้วครั้งเล่า จนเขาหนีหายไปต่อหน้า
หากเขายังอยู่บนโลกมนุษย์ใบนี้ วิธีนี้จะทำให้เขาได้ยิน แต่ถ้าเขาหนีกลับดาวแอรอนไปแล้ว ชีวิตของฉันคงจบสิ้น เหมือนฉันตายทั้งเป็น
เปล่งเสียงเรียกแผ่วหวิวออกไป ต่อหน้าเจ้าแผงเรืองแสงสีเขียว คำพูดประโยคเดียวที่บ่งบอกถึงความสำนึกผิด ฉันคิดจะสื่อสารมันให้ถึงหูผู้ชายเพียงคนเดียวที่ฉันรัก
“ที่รักคะ..ขอโทษนะคะ.”