ด่วน! กทม.ยกเลิก ‘เคาต์ดาวน์-สวดมนต์ข้ามปี’ ขอเอกชนที่จัดงานเข้มโควิดฟรีเซตติ้ง
https://www.matichon.co.th/local/news_3100606
กทม.ยกเลิกจัดเคาต์ดาวน์ปีใหม่ สวดมนต์ ขอเอกชนเข้มโควิด แนะ ปชช.งดสังสรรค์-รวมพลกับคนหมู่มาก
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นาย
เกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีการจัดงานปีใหม่และสวดมนต์ข้ามปี ว่าในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กได้มีแนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดงานปีใหม่ในกรุงเทพฯ โดยให้ยกเลิกการจัดงานขึ้นปีใหม่ และสวดมนต์ข้ามปีที่ทาง กทม.เองนั้นเป็นเจ้าภาพ
“เนื่องจากทางองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้มีการเรียกร้องให้ยกเลิกวันหยุดบางส่วนเพื่อปกป้องสาธารณสุข เนื่องจากสายพันธุ์โอไมครอนแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้าอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโลก และการแพร่ระบาดในประเทศไทย พบว่ามีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์โอไมครอน
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 22 ธันวาคม ผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอไมครอนมีมากกว่า 100 ราย ยืนยันสายพันธุ์แล้ว 27 ราย และรอการยืนยันอีก 97 ราย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด ทาง กทม.ได้ทำการประชุมหารือกันแล้ว โดยทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขอยกเลิกการจัดงานประเพณีวันขึ้นปีใหม่ และการสวดมนต์ข้ามปี 2565 ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2564-1 มกราคม 2565 ที่จะจัดขึ้น ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงของสำนักงานเขตและหน่วยงานเขตของ กทม.ทั้งหมด แต่ส่วนภาคเอกชนที่ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว ทาง กทม.ขอความร่วมมือให้ ‘งด’ แต่หากต้องการจะจัด ท่านจะต้องมีมาตรการที่เข้มขึ้น” นายเกรียงยศกล่าว
นาย
เกรียงยศกล่าวว่า ขอให้ทางเอกชนที่ต้องการจะจัดงานปีใหม่ ดำเนินการตามมาตรการโควิด ฟรี เซตติ้ง ที่รัฐบาลกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองคนเข้างาน เจลแอลกอฮอล์ การทำความสะอาดสถานที่ ก็เว้นระยะห่างให้คนที่มาร่วมงาน สวมหน้ากากอนามัยตลอดทั้งงาน รวมถึงจะต้องมีจุดที่เตรียมไว้ให้กักตัวหากพบว่าผู้ที่มาร่วมงานติดเชื้อ และผู้ที่มาเข้าร่วมงานกับทางเอกชนต้องมีผลการฉีดวัคซีน 2 เข็ม หรือต้องตรวจหาเชื้อแบบเอทีเคที่หน้างาน จึงขอความร่วมมือไปที่ทางเอกชนที่จะต้องจัดงาน ให้มีสิ่งเหล่านี้เตรียมตัวไว้ด้วย รวมถึงลดจำนวนคนเข้างาน
“ทาง กทม.ขอความร่วมมือประชาชนงดการจัดกิจกรรมสังสรรค์ ตลอดจนหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่ที่มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เข้าใจว่าเทศกาลปีใหม่เป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง แต่กิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนหมู่มาก หรือจำนวนมาก ก็ขอความร่วมมือ ท่านจะเลี้ยงฉลองกันในครอบครัวเราคงไม่ห้าม แต่ถ้าเป็นการรวมตัวของคนหมู่มาก ทางเราขอความร่วมมือด้วยนะครับ อย่างไรก็ตาม คงเป็นอีกปีที่เราต้องงด สำหรับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ทั้งนี้ ก็ด้วยความเป็นห่วง”
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ทางภาคเอกชนที่ต้องการจัดงานเทศกาลปีใหม่มีที่ไหนบ้าง นาย
เกรียงยศกล่าวว่า ขณะนี้มีที่ ICONSIAM และ Central World ที่ได้ขออนุญาตมา ซึ่งทาง กทม.เองก็ได้ทำการอนุญาตแล้ว ซึ่งทางเราก็ไม่ได้ห้าม แต่ขอความร่วมมืองดได้ก็งด งดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องมีการคุมเข้มข้นตามมาตรการของทางสาธารณสุข
“ยังไงก็ต้องฝากถึงประชาชนทั่วไปด้วยว่า ทาง กทม.หรือว่าทางรัฐบาลก็พยายามดูแลพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 เราก็พยายามจำกัดผู้คน ไม่ว่างานอะไรก็แล้วแต่ แต่ทีนี้ทางเราทำฝ่ายเดียวไม่ได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชน ขอความร่วมมือไม่ไปที่ที่คนรวมตัวกันมาก ท่านอาจจะสังสรรค์ในกลุ่มพี่น้อง ในครอบครัว ในที่เขาจัดงานใหญ่ๆ ถ้าไม่จำเป็นขอให้งด ให้อยู่บ้าน สวดมนต์ หรือว่าทำบุญตามประเพณีไป” นายเกรียงยศกล่าวย้ำ
อนามัยโลกชี้ ยังสรุปไม่ได้ว่าโอไมครอนแรงกว่าเดลต้า
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3101032
อนามัยโลกชี้ ยังสรุปไม่ได้ว่าโอไมครอนแรงกว่าเดลต้า
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า ขณะนี้ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนมีความร้ายแรงกว่าสายพันธุ์เดลต้า
นาง
มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19ของดับเบิลยูเอชโอ ระบุว่า
“เรามีข้อมูลอยู่จำนวนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าอัตราการเข้าโรงพยาบาลต่ำกว่า แต่ยังไม่สามารถสรุปด้วยข้อมูลที่มีในเบื้องต้นได้ เนื่องจากเชื้อนี้ยังแพร่ระบาดในโลกไม่นานมากพอ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เราขอให้ทุกประเทศคอยเฝ้าระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทศกาลเฉลิมฉลองกำลังจะมาถึง”
ในขณะที่นาย
ทีโดรส อัดฮานอม กาบรีเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ ขอให้ประเทศต่างๆเรียนรู้จากการแพร่ระบาดในสองปีที่ผ่านมา และเรียกร้องให้มีการกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรม ด้วยความหวังที่ว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงในปีหน้า
ด้านนายฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปของดับเบิลยูเอชโอระบุว่า เชื้อโอไมครอนจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในยุโรปในต้นปี 2022 และต้องใช้เวลาอีก 3-4 สัปดาห์จึงจะสามารถตอบประเด็นความรุนแรงของเชื้อโอไมครอนได้ พร้อมยังเตือนประเทศต่างๆให้ระวังคลื่นผู้ติดเชื้อ
ผลพวงรถไฟลาว-จีน ทำผักผลไม้จีน ทะลักเข้าไทย หวั่นกระทบเกษตรกร
https://ch3plus.com/news/category/271340
หลังการเปิดเดินรถไฟความเร็วสูงลาว - จีน ล่าสุดมีข้อมูลของกรมศุลกากร พบว่ามีการนำสินค้าผักจากจีนเข้ามาแล้ว 33 ตู้ บรรจุตู้ละ 20 ตัน ประมาณ 660 ตัน ในสัปดาห์แรกของการเปิดเดินรถไฟ เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีสินค้าจำนวนมากเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากการขนส่งจากจีนมาถึงไทยใช้เวลาเพียง 2 วัน
ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ หรือ ฟรุ๊ตบอร์ด (Fruit Board) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือแสดงความกังวลในเรื่องนี้ และมีมติให้กรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าผักและผลไม้ของด่านนำเข้า
รวมทั้งศึกษาโอกาสและผลกระทบการขนส่งผักและผลไม้ทางรถไฟผ่าน 3 ประเทศ ไทย - ลาว - จีน เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเกษตรจากต่างประเทศ เข้ามาส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและภาคการเกษตรของไทย
ขณะเดียวกัน กำชับให้เพิ่มการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรไทย ในการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรผ่านด่านส่งออกด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งออกผลไม้ สำหรับฤดูกาลผลิตที่กำลังจะมาถึงนี้
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :
https://youtu.be/n7nxUEJmkSM
JJNY : กทม.ยกเลิก‘เคาต์ดาวน์-สวดมนต์ข้ามปี’│ยังสรุปไม่ได้โอไมคอนแรงกว่า│ผลพวงรถไฟลาว-จีน│เทพไทชี้สิระอาฟเตอร์ช็อก6ข้อ
https://www.matichon.co.th/local/news_3100606
กทม.ยกเลิกจัดเคาต์ดาวน์ปีใหม่ สวดมนต์ ขอเอกชนเข้มโควิด แนะ ปชช.งดสังสรรค์-รวมพลกับคนหมู่มาก
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีการจัดงานปีใหม่และสวดมนต์ข้ามปี ว่าในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กได้มีแนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดงานปีใหม่ในกรุงเทพฯ โดยให้ยกเลิกการจัดงานขึ้นปีใหม่ และสวดมนต์ข้ามปีที่ทาง กทม.เองนั้นเป็นเจ้าภาพ
“เนื่องจากทางองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้มีการเรียกร้องให้ยกเลิกวันหยุดบางส่วนเพื่อปกป้องสาธารณสุข เนื่องจากสายพันธุ์โอไมครอนแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้าอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโลก และการแพร่ระบาดในประเทศไทย พบว่ามีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์โอไมครอน
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 22 ธันวาคม ผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอไมครอนมีมากกว่า 100 ราย ยืนยันสายพันธุ์แล้ว 27 ราย และรอการยืนยันอีก 97 ราย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด ทาง กทม.ได้ทำการประชุมหารือกันแล้ว โดยทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขอยกเลิกการจัดงานประเพณีวันขึ้นปีใหม่ และการสวดมนต์ข้ามปี 2565 ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2564-1 มกราคม 2565 ที่จะจัดขึ้น ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงของสำนักงานเขตและหน่วยงานเขตของ กทม.ทั้งหมด แต่ส่วนภาคเอกชนที่ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว ทาง กทม.ขอความร่วมมือให้ ‘งด’ แต่หากต้องการจะจัด ท่านจะต้องมีมาตรการที่เข้มขึ้น” นายเกรียงยศกล่าว
นายเกรียงยศกล่าวว่า ขอให้ทางเอกชนที่ต้องการจะจัดงานปีใหม่ ดำเนินการตามมาตรการโควิด ฟรี เซตติ้ง ที่รัฐบาลกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองคนเข้างาน เจลแอลกอฮอล์ การทำความสะอาดสถานที่ ก็เว้นระยะห่างให้คนที่มาร่วมงาน สวมหน้ากากอนามัยตลอดทั้งงาน รวมถึงจะต้องมีจุดที่เตรียมไว้ให้กักตัวหากพบว่าผู้ที่มาร่วมงานติดเชื้อ และผู้ที่มาเข้าร่วมงานกับทางเอกชนต้องมีผลการฉีดวัคซีน 2 เข็ม หรือต้องตรวจหาเชื้อแบบเอทีเคที่หน้างาน จึงขอความร่วมมือไปที่ทางเอกชนที่จะต้องจัดงาน ให้มีสิ่งเหล่านี้เตรียมตัวไว้ด้วย รวมถึงลดจำนวนคนเข้างาน
“ทาง กทม.ขอความร่วมมือประชาชนงดการจัดกิจกรรมสังสรรค์ ตลอดจนหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่ที่มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เข้าใจว่าเทศกาลปีใหม่เป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง แต่กิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนหมู่มาก หรือจำนวนมาก ก็ขอความร่วมมือ ท่านจะเลี้ยงฉลองกันในครอบครัวเราคงไม่ห้าม แต่ถ้าเป็นการรวมตัวของคนหมู่มาก ทางเราขอความร่วมมือด้วยนะครับ อย่างไรก็ตาม คงเป็นอีกปีที่เราต้องงด สำหรับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ทั้งนี้ ก็ด้วยความเป็นห่วง”
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ทางภาคเอกชนที่ต้องการจัดงานเทศกาลปีใหม่มีที่ไหนบ้าง นายเกรียงยศกล่าวว่า ขณะนี้มีที่ ICONSIAM และ Central World ที่ได้ขออนุญาตมา ซึ่งทาง กทม.เองก็ได้ทำการอนุญาตแล้ว ซึ่งทางเราก็ไม่ได้ห้าม แต่ขอความร่วมมืองดได้ก็งด งดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องมีการคุมเข้มข้นตามมาตรการของทางสาธารณสุข
“ยังไงก็ต้องฝากถึงประชาชนทั่วไปด้วยว่า ทาง กทม.หรือว่าทางรัฐบาลก็พยายามดูแลพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 เราก็พยายามจำกัดผู้คน ไม่ว่างานอะไรก็แล้วแต่ แต่ทีนี้ทางเราทำฝ่ายเดียวไม่ได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชน ขอความร่วมมือไม่ไปที่ที่คนรวมตัวกันมาก ท่านอาจจะสังสรรค์ในกลุ่มพี่น้อง ในครอบครัว ในที่เขาจัดงานใหญ่ๆ ถ้าไม่จำเป็นขอให้งด ให้อยู่บ้าน สวดมนต์ หรือว่าทำบุญตามประเพณีไป” นายเกรียงยศกล่าวย้ำ
อนามัยโลกชี้ ยังสรุปไม่ได้ว่าโอไมครอนแรงกว่าเดลต้า
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3101032
อนามัยโลกชี้ ยังสรุปไม่ได้ว่าโอไมครอนแรงกว่าเดลต้า
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า ขณะนี้ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนมีความร้ายแรงกว่าสายพันธุ์เดลต้า
นางมาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19ของดับเบิลยูเอชโอ ระบุว่า “เรามีข้อมูลอยู่จำนวนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าอัตราการเข้าโรงพยาบาลต่ำกว่า แต่ยังไม่สามารถสรุปด้วยข้อมูลที่มีในเบื้องต้นได้ เนื่องจากเชื้อนี้ยังแพร่ระบาดในโลกไม่นานมากพอ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เราขอให้ทุกประเทศคอยเฝ้าระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทศกาลเฉลิมฉลองกำลังจะมาถึง”
ในขณะที่นายทีโดรส อัดฮานอม กาบรีเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ ขอให้ประเทศต่างๆเรียนรู้จากการแพร่ระบาดในสองปีที่ผ่านมา และเรียกร้องให้มีการกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรม ด้วยความหวังที่ว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงในปีหน้า
ด้านนายฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปของดับเบิลยูเอชโอระบุว่า เชื้อโอไมครอนจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในยุโรปในต้นปี 2022 และต้องใช้เวลาอีก 3-4 สัปดาห์จึงจะสามารถตอบประเด็นความรุนแรงของเชื้อโอไมครอนได้ พร้อมยังเตือนประเทศต่างๆให้ระวังคลื่นผู้ติดเชื้อ
ผลพวงรถไฟลาว-จีน ทำผักผลไม้จีน ทะลักเข้าไทย หวั่นกระทบเกษตรกร
https://ch3plus.com/news/category/271340
หลังการเปิดเดินรถไฟความเร็วสูงลาว - จีน ล่าสุดมีข้อมูลของกรมศุลกากร พบว่ามีการนำสินค้าผักจากจีนเข้ามาแล้ว 33 ตู้ บรรจุตู้ละ 20 ตัน ประมาณ 660 ตัน ในสัปดาห์แรกของการเปิดเดินรถไฟ เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีสินค้าจำนวนมากเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากการขนส่งจากจีนมาถึงไทยใช้เวลาเพียง 2 วัน
ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ หรือ ฟรุ๊ตบอร์ด (Fruit Board) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือแสดงความกังวลในเรื่องนี้ และมีมติให้กรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าผักและผลไม้ของด่านนำเข้า
รวมทั้งศึกษาโอกาสและผลกระทบการขนส่งผักและผลไม้ทางรถไฟผ่าน 3 ประเทศ ไทย - ลาว - จีน เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเกษตรจากต่างประเทศ เข้ามาส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและภาคการเกษตรของไทย
ขณะเดียวกัน กำชับให้เพิ่มการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรไทย ในการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรผ่านด่านส่งออกด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งออกผลไม้ สำหรับฤดูกาลผลิตที่กำลังจะมาถึงนี้
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/n7nxUEJmkSM