.
“อี่หลุยส์อ่ะ ของแก! พี่อ่านหน้าเดียวนะ พี่ไม่กล้าอ่านต่อ เพราะว่าคนที่สมควรอ่านคือแก ไม่ใช่คนอื่น” เมื่อคืนมดเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้ เขารับสมุดมาด้วยความงุนงงและเมาด้วย จึงรับมาแบบไม่ถามอะไร “ของเจเจอ่ะ มันคงอยากให้แกรู้ แกเปิดอ่านไม่ผิดหรอก ถ้าพวกพี่เปิดอ่านน่ะผิดมหันต์”
“ครับ” เขาตอบ
“อี่หลุยส์แกต้องเปิดอ่านนะ ไม่อย่างนั้นแกจะพลาดมาก เชื่อพี่! เจเจมันไม่ว่าหรอกถ้าเป็นแก” มดพูด ก่อนจะเดินจากไป
เมื่อคืนเขารับสมุดจากรุ่นพี่มายังไม่ได้เปิดอ่าน เช้าวันนี้เขาจึงคิดจะเปิดดูสักหน่อย ดูคร่าว ๆ ก็รู้ว่าเป็นไดอารี่ เพราะเจ้าของเขียนแปะเอาไว้อยู่แล้วว่า ‘ไดอารี่ของฉัน’ แค่นเสียงหัวเราะยิ้มให้กับสมุดตรงหน้า
“เจเจมีอารมณ์แบบนี้ด้วยแฮะ” พูดถึงเจ้าของสมุด
หลุยส์เปิดอ่านดูทีละหน้า ๆ อ่านคร่าว ๆ ก็พอเข้าใจ ยิ้มให้กับเรื่องราวที่เจเจเขียนเอาไว้ ได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ได้รู้ความเป็นตัวตนของเจเจด้วย
“แท้จริงเป็นคนแบบนี้เองเหรอ ยัยโก๊ะเอ้ย” เขาสบถด้วยรอยยิ้ม
หลุยส์อ่านไปยิ้มไปบ่นไป บ่นถึงผู้หญิงที่ตนเองก็แอบรู้สึกพิเศษด้วย ทว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องบอกความรู้สึกนั้นไป ก็อีกไม่นานแล้วล่ะ อีกไม่นานจะบอกความรู้สึกที่มีออกไปให้หมด เพราะแน่ใจอะไรบางอย่างแล้ว
ต้น ๆ เล่มไม่มีอะไรน่าสนใจ เป็นเรื่องราวชีวิตรายวันของสาวเจ้า เขาจึงเปิดอ่านคร่าว ๆ ไปอย่างรวดเร็ว แต่ไปสะดุดตากับหน้า ๆ หนึ่ง ดูวันเดือนปีที่เขียนกำกับไว้ เป็นวันเดียวกันกับวันที่เขากับเจเจไปสมัครงานเจอกัน จึงเกิดสะดุดตาต้องใจขึ้นมา ตั้งใจค่อย ๆ อ่านไป
อ่านไปยิ้มไปหัวเราะไป บางประโยคเจเจก็พูดถึงตนเอง “ผีบ้าเอ้ย! มาพูดถึงกันแบบนี้ได้ไง” นั่งอ่านไดอารี่ไป หัวเราะชอบใจไปด้วย หันไปมองเพื่อนร่วมห้องที่นอนอยู่บนเตียง จึงสงบปากสงบคำเอาไว้ พูดเบา ๆ ไม่อยากให้เพื่อนตื่นมาเจอ ไม่อยากให้คนอื่นรู้ แม้มดเพื่อนรุ่นพี่จะรู้แล้วก็ตาม เจมส์นอนยังไม่ตื่น เขาก็ไม่คิดจะปลุก เพราะนี่ก็ยังเช้าอยู่
เขาค่อย ๆ อ่านไปทีละบรรทัด ๆ และค่อย ๆ อ่านไปทีละหน้า อ่านไปเขินไป หัวเราะอึกอักไปอยู่คนเดียว ได้รู้ได้ทราบอะไรหลายอย่าง จากที่เขามั่นใจแล้วว่าจะขอเจเจเป็นแฟน จากที่แอบดูใจกับเจเจมาระยะหนึ่ง เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม เขาก็มั่นใจว่าเจเจสนใจในตัวเขาเหมือนกัน ยิ่งมาได้อ่านไดอารี่เล่มนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้คิดไปเอง เจเจก็มีใจให้กับเขาด้วย
มันถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยความรู้สึกออกมาจริง ๆ แล้ว ไม่อยากเก็บมันเอาไว้อีก ไม่อยากทรยศความรู้สึกของตนเองที่มีให้กันและกันอีกต่อไป
เขามองไปรอบ ๆ ห้องไม่มีปากกาสักเล่ม “เจมส์ ๆ!” เขาเขย่าปลุกเพื่อนเพื่อจะถามหาปากกา
“อะไร! ตื่นเช้าจังวะ” เจมส์พูดเสียงเอื่อยตอบเขา
“แกมีปากกา หรือ ดินสอปะ ขอยืมหน่อยดิ” หลุยส์ถาม แม้เจมส์จะตื่นมาเห็นในเวลานี้เขาก็ไม่แคร์
“จำได้ว่าเอาติดกระเป๋ามาด้วยอยู่นะ ไปค้นเอาเลยในกระเป๋าเสื้อผ้าแหละ” เจมส์บอกพิกัด จากนั้นก็หลับต่อ
เขาเดินไปค้นกระเป๋าเสื้อผ้าของเจมส์ เจอปากกาที่ว่า จากนั้นจึงหยิบมาเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดไดอารี่ของเจเจ ถือวิสาสะกันไปเลย ค่อยนำไปคืนเมื่อเขียนเสร็จ
บันทึก ณ วันที่….
หลุยส์ นายรัฐศาสตร์
ถึงเจเจ กลีบจันทร์ เราขอพูดไว้ ณ สมุดไดอารี่ของเจเจเล่มนี้ ที่ห้องพัก 302 ตึกจามจุรี พัทยาใต้ มีไอ้เจมส์นอนหลับเป็นพยานในการเขียน ณ ตอนนี้
เราหลุยส์ขอสาบานว่า ณ ที่เขียนอยู่ตอนนี้เราโสดครับ เราเองก็แอบมองเจเจมานานแล้ว ถูกใจ ถูกชะตา ถูกจริตตั้งแต่วันแรกที่ไปสมัครงานเจอกัน เราดีใจมากนะที่ได้เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับเจเจ
เรานำชื่อของเจเจไปค้นหาในเฟซบุ๊ก ลองพิมพ์ทุกชื่อที่คาดว่าน่าจะเป็น ทั้งไทยและอังกฤษ สุดท้ายเราก็เจอโพร์ไฟล์ของเจเจ สิ่งที่ทำให้เราทึ่งและตื่นเต้นคือ ‘เจเจกับเราเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกันมาก่อนแล้ว’
เราดีใจมากที่พบว่าเรากับเจเจเรียนอยู่ในจังหวัดเดียวกัน แม้จะคนละสถาบันก็ตาม เราตื่นเต้นมากที่วันนั้นเจเจทักหาเรา เพราะเราเองก็ลังเลว่าจะทักหาเจเจดีไหม เรากลัว! เรากลัวเจเจไม่โสด หรือไม่ก็รังเกียจในตัวเรา ทว่าเจเจทักมาคุยกับเรา ก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาเปราะหนึ่ง
เราภาวนาขอให้ตัวเราได้งานทำกับบริษัทต้องรัก และ ขอให้เจเจก็ได้งานทำที่นี่ด้วย เพราะเราอยากเจอเจเจอีก สุดท้ายคำขอของเราก็เป็นจริง เราดีใจมาก แอบมองเจเจทุกวัน ดีใจที่ได้กลับบ้านพร้อมกัน เราไม่กล้าแสดงอะไรออกไปมากมาย เรากลัวว่าเจเจจะมีคนของใจอยู่ก่อนแล้ว
แต่ว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ที่เราเล่นด้วยกัน ทำงานด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน ก็ทำให้เรามั่นใจว่าเจเจไม่มีใคร และ วันนี้ได้มาอ่านบันทึกเล่มนี้ ก็ยิ่งทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้นว่า เราควรจะพูดเรื่องสำคัญได้แล้วล่ะ ถ้าเจเจจะปฏิเสธความต้องการของเรา เราก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าเจเจเลยนะ เรายังจะเป็นเพื่อนกับเจเจ กลับบ้านพร้อมกันกับเจเจเหมือนเดิม สบายใจได้นะครับ
‘เจเจเป็นแฟนกับเรานะครับ เราเป็นแฟนกันนะ เรารักเจเจ พลีสสสสส……’
จาก : หลุยส์ รัฐศาสตร์
เขาเขียนเรื่องราวที่อยู่ในใจ ที่อยากพูดกับเจ้าของสมุดไว้เรียบร้อย ที่เหลือก็มารอลุ้นว่าเจ้าของสมุดจะว่าอย่างไร แต่ ลึก ๆ ก็มั่นใจว่าเจ้าของสมุดจะไม่ปฏิเสธเขา เพราะมีอะไรบางอย่างบอกให้เขามั่นใจแบบนั้น จากนั้นก็แค่หาทางนำสมุดไปคืนเจ้าของเท่านั้นเอง
จากนั้นจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปสูดอากาศข้างนอก รับไอทะเลยามเช้า ๆ เพื่อไปหาใครบางคนด้วย คนของใจเสมอมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่แอบมอง วันนี้และตลอดไปเขาจะไม่แอบมองอีกแล้ว จะนั่งมองยืนมองให้เต็ม ๆ สองตาเลย
ออกมาเดินเล่นชายหาดก็เจอเจเจจริง ๆ ทว่าสีหน้าและแววตาแลดูเศร้า ๆ คงจะรู้ตัวแล้วว่าทำไดอารี่หาย เขาแอบยืนมองพร้อมยิ้มให้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาสาวเจ้าที่ชายหาด
“เจเจทำอะไร” เขาเรียก สาวเจ้าสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะหันมาตอบ
“อ่ะ… อะไร! อะไรหลุยส์” เจเจหลุดออกจากภวังค์ กำลังใจลอยถึงสมุดไดอารี่ที่หายไป ไม่รู้ไปอยู่ในกำมือของใครก็ไม่รู้ ป่านนี้รู้ความในใจของตนเองไปหมดแล้ว ก่อนจะทำเป็นคุยกับหลุยส์ปกติ เพราะอีกใจมันก็ยังมีหวังว่าหลุยส์จะยังไม่เจอสมุดไดอารี่เล่มนั่นของเธอ
จบบท…
https://ppantip.com/topic/41168899….บทที่ 13
บันทึกของเจเจ บทที่ 14
.
“อี่หลุยส์อ่ะ ของแก! พี่อ่านหน้าเดียวนะ พี่ไม่กล้าอ่านต่อ เพราะว่าคนที่สมควรอ่านคือแก ไม่ใช่คนอื่น” เมื่อคืนมดเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้ เขารับสมุดมาด้วยความงุนงงและเมาด้วย จึงรับมาแบบไม่ถามอะไร “ของเจเจอ่ะ มันคงอยากให้แกรู้ แกเปิดอ่านไม่ผิดหรอก ถ้าพวกพี่เปิดอ่านน่ะผิดมหันต์”
“ครับ” เขาตอบ
“อี่หลุยส์แกต้องเปิดอ่านนะ ไม่อย่างนั้นแกจะพลาดมาก เชื่อพี่! เจเจมันไม่ว่าหรอกถ้าเป็นแก” มดพูด ก่อนจะเดินจากไป
เมื่อคืนเขารับสมุดจากรุ่นพี่มายังไม่ได้เปิดอ่าน เช้าวันนี้เขาจึงคิดจะเปิดดูสักหน่อย ดูคร่าว ๆ ก็รู้ว่าเป็นไดอารี่ เพราะเจ้าของเขียนแปะเอาไว้อยู่แล้วว่า ‘ไดอารี่ของฉัน’ แค่นเสียงหัวเราะยิ้มให้กับสมุดตรงหน้า
“เจเจมีอารมณ์แบบนี้ด้วยแฮะ” พูดถึงเจ้าของสมุด
หลุยส์เปิดอ่านดูทีละหน้า ๆ อ่านคร่าว ๆ ก็พอเข้าใจ ยิ้มให้กับเรื่องราวที่เจเจเขียนเอาไว้ ได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ได้รู้ความเป็นตัวตนของเจเจด้วย
“แท้จริงเป็นคนแบบนี้เองเหรอ ยัยโก๊ะเอ้ย” เขาสบถด้วยรอยยิ้ม
หลุยส์อ่านไปยิ้มไปบ่นไป บ่นถึงผู้หญิงที่ตนเองก็แอบรู้สึกพิเศษด้วย ทว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องบอกความรู้สึกนั้นไป ก็อีกไม่นานแล้วล่ะ อีกไม่นานจะบอกความรู้สึกที่มีออกไปให้หมด เพราะแน่ใจอะไรบางอย่างแล้ว
ต้น ๆ เล่มไม่มีอะไรน่าสนใจ เป็นเรื่องราวชีวิตรายวันของสาวเจ้า เขาจึงเปิดอ่านคร่าว ๆ ไปอย่างรวดเร็ว แต่ไปสะดุดตากับหน้า ๆ หนึ่ง ดูวันเดือนปีที่เขียนกำกับไว้ เป็นวันเดียวกันกับวันที่เขากับเจเจไปสมัครงานเจอกัน จึงเกิดสะดุดตาต้องใจขึ้นมา ตั้งใจค่อย ๆ อ่านไป
อ่านไปยิ้มไปหัวเราะไป บางประโยคเจเจก็พูดถึงตนเอง “ผีบ้าเอ้ย! มาพูดถึงกันแบบนี้ได้ไง” นั่งอ่านไดอารี่ไป หัวเราะชอบใจไปด้วย หันไปมองเพื่อนร่วมห้องที่นอนอยู่บนเตียง จึงสงบปากสงบคำเอาไว้ พูดเบา ๆ ไม่อยากให้เพื่อนตื่นมาเจอ ไม่อยากให้คนอื่นรู้ แม้มดเพื่อนรุ่นพี่จะรู้แล้วก็ตาม เจมส์นอนยังไม่ตื่น เขาก็ไม่คิดจะปลุก เพราะนี่ก็ยังเช้าอยู่
เขาค่อย ๆ อ่านไปทีละบรรทัด ๆ และค่อย ๆ อ่านไปทีละหน้า อ่านไปเขินไป หัวเราะอึกอักไปอยู่คนเดียว ได้รู้ได้ทราบอะไรหลายอย่าง จากที่เขามั่นใจแล้วว่าจะขอเจเจเป็นแฟน จากที่แอบดูใจกับเจเจมาระยะหนึ่ง เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม เขาก็มั่นใจว่าเจเจสนใจในตัวเขาเหมือนกัน ยิ่งมาได้อ่านไดอารี่เล่มนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้คิดไปเอง เจเจก็มีใจให้กับเขาด้วย
มันถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยความรู้สึกออกมาจริง ๆ แล้ว ไม่อยากเก็บมันเอาไว้อีก ไม่อยากทรยศความรู้สึกของตนเองที่มีให้กันและกันอีกต่อไป
เขามองไปรอบ ๆ ห้องไม่มีปากกาสักเล่ม “เจมส์ ๆ!” เขาเขย่าปลุกเพื่อนเพื่อจะถามหาปากกา
“อะไร! ตื่นเช้าจังวะ” เจมส์พูดเสียงเอื่อยตอบเขา
“แกมีปากกา หรือ ดินสอปะ ขอยืมหน่อยดิ” หลุยส์ถาม แม้เจมส์จะตื่นมาเห็นในเวลานี้เขาก็ไม่แคร์
“จำได้ว่าเอาติดกระเป๋ามาด้วยอยู่นะ ไปค้นเอาเลยในกระเป๋าเสื้อผ้าแหละ” เจมส์บอกพิกัด จากนั้นก็หลับต่อ
เขาเดินไปค้นกระเป๋าเสื้อผ้าของเจมส์ เจอปากกาที่ว่า จากนั้นจึงหยิบมาเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดไดอารี่ของเจเจ ถือวิสาสะกันไปเลย ค่อยนำไปคืนเมื่อเขียนเสร็จ
บันทึก ณ วันที่….
หลุยส์ นายรัฐศาสตร์
ถึงเจเจ กลีบจันทร์ เราขอพูดไว้ ณ สมุดไดอารี่ของเจเจเล่มนี้ ที่ห้องพัก 302 ตึกจามจุรี พัทยาใต้ มีไอ้เจมส์นอนหลับเป็นพยานในการเขียน ณ ตอนนี้
เราหลุยส์ขอสาบานว่า ณ ที่เขียนอยู่ตอนนี้เราโสดครับ เราเองก็แอบมองเจเจมานานแล้ว ถูกใจ ถูกชะตา ถูกจริตตั้งแต่วันแรกที่ไปสมัครงานเจอกัน เราดีใจมากนะที่ได้เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับเจเจ
เรานำชื่อของเจเจไปค้นหาในเฟซบุ๊ก ลองพิมพ์ทุกชื่อที่คาดว่าน่าจะเป็น ทั้งไทยและอังกฤษ สุดท้ายเราก็เจอโพร์ไฟล์ของเจเจ สิ่งที่ทำให้เราทึ่งและตื่นเต้นคือ ‘เจเจกับเราเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกันมาก่อนแล้ว’
เราดีใจมากที่พบว่าเรากับเจเจเรียนอยู่ในจังหวัดเดียวกัน แม้จะคนละสถาบันก็ตาม เราตื่นเต้นมากที่วันนั้นเจเจทักหาเรา เพราะเราเองก็ลังเลว่าจะทักหาเจเจดีไหม เรากลัว! เรากลัวเจเจไม่โสด หรือไม่ก็รังเกียจในตัวเรา ทว่าเจเจทักมาคุยกับเรา ก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาเปราะหนึ่ง
เราภาวนาขอให้ตัวเราได้งานทำกับบริษัทต้องรัก และ ขอให้เจเจก็ได้งานทำที่นี่ด้วย เพราะเราอยากเจอเจเจอีก สุดท้ายคำขอของเราก็เป็นจริง เราดีใจมาก แอบมองเจเจทุกวัน ดีใจที่ได้กลับบ้านพร้อมกัน เราไม่กล้าแสดงอะไรออกไปมากมาย เรากลัวว่าเจเจจะมีคนของใจอยู่ก่อนแล้ว
แต่ว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ที่เราเล่นด้วยกัน ทำงานด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน ก็ทำให้เรามั่นใจว่าเจเจไม่มีใคร และ วันนี้ได้มาอ่านบันทึกเล่มนี้ ก็ยิ่งทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้นว่า เราควรจะพูดเรื่องสำคัญได้แล้วล่ะ ถ้าเจเจจะปฏิเสธความต้องการของเรา เราก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าเจเจเลยนะ เรายังจะเป็นเพื่อนกับเจเจ กลับบ้านพร้อมกันกับเจเจเหมือนเดิม สบายใจได้นะครับ
‘เจเจเป็นแฟนกับเรานะครับ เราเป็นแฟนกันนะ เรารักเจเจ พลีสสสสส……’
จาก : หลุยส์ รัฐศาสตร์
เขาเขียนเรื่องราวที่อยู่ในใจ ที่อยากพูดกับเจ้าของสมุดไว้เรียบร้อย ที่เหลือก็มารอลุ้นว่าเจ้าของสมุดจะว่าอย่างไร แต่ ลึก ๆ ก็มั่นใจว่าเจ้าของสมุดจะไม่ปฏิเสธเขา เพราะมีอะไรบางอย่างบอกให้เขามั่นใจแบบนั้น จากนั้นก็แค่หาทางนำสมุดไปคืนเจ้าของเท่านั้นเอง
จากนั้นจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปสูดอากาศข้างนอก รับไอทะเลยามเช้า ๆ เพื่อไปหาใครบางคนด้วย คนของใจเสมอมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่แอบมอง วันนี้และตลอดไปเขาจะไม่แอบมองอีกแล้ว จะนั่งมองยืนมองให้เต็ม ๆ สองตาเลย
ออกมาเดินเล่นชายหาดก็เจอเจเจจริง ๆ ทว่าสีหน้าและแววตาแลดูเศร้า ๆ คงจะรู้ตัวแล้วว่าทำไดอารี่หาย เขาแอบยืนมองพร้อมยิ้มให้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาสาวเจ้าที่ชายหาด
“เจเจทำอะไร” เขาเรียก สาวเจ้าสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะหันมาตอบ
“อ่ะ… อะไร! อะไรหลุยส์” เจเจหลุดออกจากภวังค์ กำลังใจลอยถึงสมุดไดอารี่ที่หายไป ไม่รู้ไปอยู่ในกำมือของใครก็ไม่รู้ ป่านนี้รู้ความในใจของตนเองไปหมดแล้ว ก่อนจะทำเป็นคุยกับหลุยส์ปกติ เพราะอีกใจมันก็ยังมีหวังว่าหลุยส์จะยังไม่เจอสมุดไดอารี่เล่มนั่นของเธอ
จบบท…
https://ppantip.com/topic/41168899….บทที่ 13