เมื่อเปลี่ยนความเชื่อ (เรื่องศาสนา อาหาร และโภชนาการ) อารมณ์ก็เปลี่ยนไป

เราเริ่มเรียน ป. ตรี เมื่ออายุ  67 เพราะเหงาและว้าเหว่ แต่อยู่ดีๆหายเหงาและหายว้าเหว่ เลยหยุดเรียน พออายุ 71 ก็ยังเรียนไม่จบ555

เราเป็นลูกคนเดียว ไม่มีญาติสนิท พ่อแม่ตายหมดเมื่อเราอายุ 63 และอีกไม่กี่เดือนต่อมาแฟนเราก็บอกเลิกเราแล้วไปแต่งงานกับคนใหม่ ตอนนั้นเราเหงาและว้าเหว่มากๆ ซื้อเสื้อผ้าแพงๆแต่งตัวหรูๆ เที่ยวกลางคืนทุกวัน จนหมดเงินไปเยอะ มีอยู่ระยะหนึ่งไปรู้จักสาววัยรุ่นคนหนึ่ง เธอชวนเราไปเที่ยวผับบาร์ซึ่งเราก็ไปเป็นเพื่อนเธอ ไปนั่งดูเธอกินเหล้าอ่อยเหยื่อผู้ชาย ซึ่งก็นับว่าเป็นบรรยากาศที่สนุกสนานร่าเริง ทำให้เราหายเหงาและรู้สึกมีชีวิตชีวา คืนหนึ่งเธอขอกลับมาทำอาหารที่บ้านเรา เราเผลอหลับไป เธอขโมยกล้องถ่ายรูปที่เราเอาไปถ่ายรูปตอนเที่ยวด้วยกัน ทำให้เราฉุกคิดได้ว่าถ้าไม่เลิกคบคนเที่ยวกลางคืนเราอาจโดนปาดคอตายชิงทรัพย์ตอนหลับ!

เราเลยเปลี่ยนวิธีหาเพื่อนด้วยการไปเรียนต่อ แต่เรามีวุฒิ แค่ ม.ศ.3 (เทียบเท่า ม.4 สมัยนี้) เราเลยไปเรียน กศน. ม.6 และกำลังจะลงเรียน predegree รามไปพร้อมๆกัน  ถ้าไปได้โอเคนะ เราจะได้เพื่อนที่ กศน. และ ที่ราม 

ตอนเรียน กศน. 2 วันแรก โห เริ่มได้เพื่อนดีๆนะ วัยรุ่นในห้องเรียนเริ่มทักทายเราชวนเราคุย เราอุตส่าห์ซื้อ Samsung tablet จอใหญ่มี keyboard เพื่อไปใช้เรียน แต่มีปัญหาตรงครูห้ามพิมพ์ด้วย computer หรือ tablet และบังคับให้ทำการบ้านด้วยการเขียนใส่สมุดแบบฝึกหัดอะ555 ตายละวา เราทำงานบน digital files มาหลายสิบปี (เป็นนักแปลอิสระ) เราพิมพ์ภาษาไทยและอังกฤษด้วยความเร็วนาทีละประมาณ 100 คำ  ไม่ได้เขียนด้วยปากกากับกระดาษมาหลายสิบปี ถ้าเขียนด้วยปากกากับกระดาษมันช้ามากๆ และเขียนไปเราก็อ่านลายมือตัวเองไม่ออก555 ก็เลยเลิกเรียน กศน. แล้วไม่คิดจะเรียนราม เพราะถ้าไม่มีวุฒิ ม.6 เราก็ไม่มีทางได้ ป.ตรี จากราม 

เราเลยเปลี่ยนแผนไปเรียน มสธ. ป. ตรี ศิลปศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ เพราะเอาวุฒิ ม.ต้นสมัครได้ ถ้าอายุ 25 ปีขึ้นไป หรือเคยทำงานมา 5 ปีขึ้นไป และเรากะต้อนหมู เพราะเราเคยพำนักศัยและทำงานในประเทศอังกฤษตอนเด็กๆ 20 ปี ก่อนกลับมาเมืองไทย ซึ่งทีแรกก็กะจะเรียนมนุษย์ศาสตร์เอกอังกฤษที่ราม แต่ก็ต้องเปลี่ยนไปเรียน ที่ มสธ. เพราะไม่ต้องการเรียน กศน. แต่เรียน มสธ. ก็ไม่ได้เพื่อนแบบพบหน้ากัน เพราะไม่มีการเข้าเรียน เราเลยฝันเฟื่องว่าจบ ป. ตรี แล้วจะไปเรียน ป. โท มหาลัยปิดเพื่อหาเพื่อน555

การเรียน มสธ. ราบรื่นมากๆ ตอนเริ่มเรียนใหม่ๆ เราไม่เรียน 4 วิชาบังคับ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ  เช่น ไทยศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต ทักษะชีวิต สังคมมนุษย์...หรืออะไรทำนองนี้  แต่จะเอาไว้เรียนปี4 
 
เราเลยลงเรียนแต่วิชาภาษาอังกฤษ ตั้ง แต่ ปี1 ไปเรื่อย จนถึง ปี3 เราสอบผ่านไป 16 วิชา ได้ H เกือบหมด รู้สึกจะได้ S ประมาณ 2 หรือ 3 วิชานะ 
วิธีการเรียนที่เราใช้ก็คือ สำหรับทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน grammar และการแปล เราไม่อ่านตำราเรียนกับบทเรียน online เลย (ยกเว้นวิชาที่มีเนื้อหาทฤษฎี sociolinguistics เราต้องอ่านบ้าง เพราะเรารู้แต่ปฏิบัติ แต่ไม่รู้ทฤษฎี แต่ก็อ่านแบบกระโดดข้ามไปข้ามมานะ555) 

เราแค่ทำการบ้านส่ง แล้วทำกิจกรรม online ร่วมกับนักศึกษาคนอื่นๆ แล้วก็ทำซ่าเดินเข้าห้องสอบเฉยเลย โชคดีที่ข้อสอบเป็นปรนัยซะเป็นส่วนใหญ่ เราจึงแค่กามั่วๆไป ไม่ต้องคัดลายมือให้เครียด555 มีข้อสอบแบบอัตนัยแค่ไม่กี่วิชาเรายอมคัดลายมือตอนทำข้อสอบซึ่งก็ผ่านมาได้อย่างราบรื่น  ตอนนี้เหลืออีก 7 วิชาจะครบ 23 วิชา ก็จะจบรับปริญญา แต่พอมาเจอโควิดระบาด เราเซ็งสุดๆอะ รำคาญกับการสอบ online ที่มีพิธีรีตองน่าเวียนหัว กับการสอบที่สนามสอบยุคโควิดระบาดที่มีขั้นตอนยุ่งยากมากๆ และเผอิญช่วงนี้ยุ่งกับการหาเงิน online มากขึ้น เราเลยหยุดเรียนไปเกือบ 2 ปี จนตอนนี้เราอายุ 71 แล้วแต่ก็ยังเรียนไม่จบซักที555

และที่ประหลาดก็คือว่าหลังจากเราโดน pantip ban ไปแล้ว 4 ครั้ง เราไม่ได้เล่น pantip น่าจะประมาณ 3 ปี ซึ่งทำให้เราออกไปสู่โลกอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปเล่น facebook และดู youtube clips มากขึ้น และใช้เวลาหน้าคอมฯ search เป็นภาษาอังกฤษ online แล้วค้นพบ ข้อมูลใหม่ๆที่ทันต่อเหตุการณ์ ที่หาไม่มีใน pantip และหาไม่มีในทีวีไทย แต่หาเจอในโลก online บน platforms อื่นๆอันหลากหลาย 

ทีแรกก็ไล่ล่าหาแต่ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และการลงทุน แต่ทำไปทำมา ไปค้นเจอ facebook posts, youtube clips และหนังสือภาษาอังกฤษ ที่หมอฝรั่งยุคใหม่ ทำเผยแพร่เพื่อ debunk myths (สลายความเชื่อผิด) เรื่องอาหารและโภชนาการ ที่พวกเราโดนหลอกให้เชื่อผิดๆมาช้านาน บางความเชื่อมีมานานกว่า 100 ปี! ทำให้ตาสว่างรู้ว่า อาหารและเครื่องดื่มบางอย่างที่คนยุค baby boomer generation โดนหลอกให้เชื่อว่ากินแล้วดีต่อสุขภาพ แท้จริงแล้ว มันทำลายสุขภาพ หลังจากหยุดกินอาหารและเครื่องดื่มที่อันตรายต่อสุขภาพพวกนี้ไปแล้ว และเปลี่ยนวิถีการกินแบบรื้อระบบใหม่หมด โดยที่...

โดยที่ เราเปลี่ยนการกินจาก การกินแบบ zero sugar high carb low fat ไปเป็น กินแบบ zero sugar low carb high (animal) fat โดยกินแบบ  carnivore diet (กิน carb เกือบศูนย์ต่อวัน) หรือกินแบบ ketogenic diet (กิน carb ไม่เกิน 20 กรัมต่อวัน) สลับกัน (แต่ช่วงหลังๆกินแต่แบบ carnivore diet) และกินแค่วันละมื้อเดียว และทำ IF (intermittent fasting) บ่อยๆ 

กินแบบนี้ไปได้เกือบๆ 3 ปี อยู่ดีๆเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ นั่นก็คือ โรคภัยไข้เจ็บแบบคนแก่ทั้งหลายอยู่ดีๆหายไปเกลี้ยง และสุขภาพเราดีเยี่ยม เท่านั้นไม่พอ เรากลายเป็น หายเหงา หายว้าเหว่ หายเครียด อารมณ์ดีสุดๆ วันๆเราเขียน posts ที่ตลกขบขันและให้ความรู้บน facebook ตัวเอง มีความสุขจนเปี่ยมล้น มหัศจรรย์สุดๆ แค่เปลี่ยนวิถีการกิน ก็เปลี่ยนอารมณ์ได้  ซึ่งต่างกันลิบลับจากสมัยวัยรุ่นที่วันไหนไม่มีเพื่อนคุยหรือช่วงไหนไม่มีแฟน เราจะเหงา ว้าเหว่ และสุดแสนจะเศร้าหดหู่รันทดใจมากๆ มันเป็นเพราะวิถีการกินแบบเก่าๆที่เราถูกสอนมาผิดๆตั้งแต่เด็กๆนั่นเอง โอ้! ในโลกนี้มีอะไรที่ลึกลับมหัศจรรย์มากๆที่เราต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิตเพื่อให้ทันโลก!

พอเรากลับมาเล่น pantip ได้แค่ไม่กี่วัน เราไปเล่าให้คนใน pantip ฟังว่าเราหายป่วยจากหลายๆโรค และสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้นตั้งมากมาย เพราะวิถีการกินแบบใหม่ๆ (ให้รายละเอียดไปว่ากินแบบไหน ไม่กินแบบไหน) แล้วแปะ youtube clips ที่หมอฝรั่งยุคใหม่บรรยาย ซึ่งมีคนติดตามทั่วโลก 

แต่สิ่งที่ได้รับ ก็คือมีคน กด "ขำกลิ้ง" กับ กด "สยอง" ให้เราเพียบเลย ซึ่งก็ทำให้เรายิ่งอารมณ์ดีสุดๆอะ
5555555
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่