คนโง่
ล. วิลิศมาหรา
สี่แยกถนนลาร์มาสพลุกพล่านจอแจไปด้วยยวดยานและผู้คนสัญจรไปมา ริมถนนด้านที่ติดกับสวนสาธารณะ ชายวัยกลางคนร่างผอม ผมขาวโพลนทั่วศีรษะ ผิวซีดเผือดเหมือนคนตาย ยืนพิงเสาไฟฟ้าเหมือนรอคอยใครอยู่ ม่านตาสีชมพูหรี่ปรือ คล้ายคนยังไม่ตื่นนอนดีเปล่งประกายขึ้นแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มส่งหนังสือพิมพ์ปั่นจักรยานตรงมาหา
“ฉันต้องการดัสเชรีนิวส์”
เด็กหนุ่มยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับที่เขาอยากได้ให้ รับเงินค่าหนังสือพิมพ์มายัดใส่ลงในกระเป๋าเสื้อโค้ท พร้อมกับกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง ก่อนจะปั่นจักรยานจากไป...
อันเดรคลี่ยิ้มมุมปาก เมื่อในที่สุดเขาก็เข้ามายืนอยู่หน้าห้องใต้ดินลึกลับของตึกสีน้ำตาลแดง อันเคยเป็นทัณฑสถานเก่าของเมืองได้สำเร็จ ไม่มีใครคาดคิดว่าหนึ่งในห้องคุมขังนักโทษจะถูกขุดเป็นอุโมงค์ทอดยาวไกลหลายร้อยเมตร ไปหาห้องคล้ายหลุมหลบภัยนี้ได้ ชายผิวเผือกก้าวตรงเข้าไปเคาะประตูเป็นรหัสที่ได้มาจากลายแทง ซึ่งซุกซ่อนในหลืบของหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อเช้านี้
ผู้ชายร่างใหญ่ที่เปิดประตูรับเขายังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ นัยน์ตาสีฟ้าเคยคมกริบของเขาดูหม่นมัวและอ่อนล้าลง เคราครึ้มขึ้นเต็มบริเวณขากรรไกรและคาง เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูเก่า ขะมุกขะมอม บ่งบอกถึงความขัดสนและยากลำบากในการดำรงชีวิต
“หวัดดีซิมโบ”
อันเดรเป็นฝ่ายทักทายก่อน ชายหนุ่มในห้องเพียงแค่พยักหน้านิดเดียว คิ้วหนาขมวดเป็นปม ขณะมองหน้าแขก เขาทำท่าเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนยอมเปิดทางให้ชายผิวเผือกผ่านประตูเข้ามา สายตาส่ายมองนอกห้องอย่างระแวดระวังก่อนงับบานประตูปิดลง
“ได้ยินมาว่าพี่มีแผนเด็ด สามารถขุดรากถอนโคนพวกนั้นได้อย่างนั้นหรือ จะทำได้ยังไงล่ะ ในเมื่อรังของพวกมันถูกคุ้มกันแน่นหนาออกปานนั้น แม้แต่แมลงวันสักตัวยังเล็ดลอดเข้าไปไม่ได้”
หลังชวนอันเดรนั่งลงบนลังไม้ บนพื้นซีเมนต์แข็ง ๆ แทนเก้าอี้ ซิมโบก็เอ่ยถามขึ้นทันที นัยน์ตาสีอ่อนของชายผิวเผือก กวาดมองไปรอบห้องอย่างเคยชินกับอาชีพตำรวจ อันเดรพบว่านอกจากลังไม้ที่เขากับซิมโบกำลังนั่งอยู่นี้ ก็มีเสื่อผ้าใบตรงมุมห้องอีกผืนหนึ่ง ชายหญิงคู่หนึ่งนั่งเงียบอยู่บนนั้น คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาของ ‘หัวหน้าซิมโบ’ กับนายตำรวจของจักรวรรดิ ที่ครอบงำประเทศตนเองอยู่ อาหารกระป๋องกับขวดน้ำดื่มวางกลิ้งโค่โร่บนพื้นสองสามกระป๋อง แน่นอน พวกเขากำลังอดอยากอย่างแสนสาหัส และมันบีบบังคับให้พวกเขาต้องเข้าตาจน
อันเดรกำลังสงสัยว่า หากคนในนี้คิดจะหลบหนีคนที่บุกเข้ามา พวกเขาจะหนีไปทางไหน...
“แน่นอนสิซิมโบ เรื่องนี้พี่คิดไว้นานมาก แต่ยังหาโอกาสเหมาะลงมือไม่ได้ จนกระทั่งคิดว่าได้เวลาแล้ว และเพราะมันเป็นความลับสุดยอดพี่ถึงไม่ไว้ใจใคร ต้องหาทางมาเจอแกด้วยตัวเอง” เขาหันมาบอกหนุ่มรุ่นน้องเสียงขึงขัง
“อืม...บอกพี่ตามตรงนะ เพราะว่าเราหมดหนทางแล้วจริง ๆ ถึงยอมเสี่ยงให้พี่มาหาถึงที่นี่”
แม้ซิมโบจะผงกศีรษะรับ แต่ปมหัวคิ้วยังไม่คลายออก เขาชำเลืองมองหน้าขาวเผือดของอันเดร น้ำเสียงบอกว่ายังไม่ใคร่ไว้ใจชายผิวเผือกเท่าใดนัก แน่ละ เป็นใครก็ต้องคิดระแวงในใจ ตำรวจที่ไหนจะมาเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏใต้ดิน ถึงแม้อันเดรจะยืนยันว่าตัวเขาเองไม่เคยลืมกำพืดก็ตาม
“อยากได้ลูกเสือมันก็ต้องเข้าถ้ำเสือ พี่รู้ แม้ว่าพวกเราจะโตมาด้วยกันในบ้านเกิดที่เซกัสโซ แต่พี่ก็ทำงานให้กับนายพลเปโตรด้วย พี่จึงถูกพวกเราบางคนระแวง ถือว่าเป็นโชคดีที่พี่ถูกหมอผีประจำหมู่บ้านขับไล่ออกมา ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสเข้ามาทำงานเป็นตำรวจในกรม พวกนั้นค่อนข้างไว้ใจพี่ที่ถูกหาว่าเป็นตัวกาลกิณีของหมู่บ้าน”
นั่นเป็นสิ่งที่เขายืนยันกับกลุ่มใต้ดินมาตลอดหลายปีที่แฝงตัวแอบให้ข้อมูลลับหลายอย่างแก่ทางกลุ่ม
“บอกแผนพี่มาซิ”
ซิมโบโน้มตัวลงมาถาม ข้อศอกสองข้างวางบนเข่า นิ้วมือดำ ๆ ประกอบด้วยเล็บหักบิ่นประสานเข้าด้วยกันระหว่างเข่า อันเดรมองหนุ่มรุ่นน้องอย่างอนาถใจ ซิมโบอ่อนกว่าเขาหลายปี เป็นลูกชายคนเดียวของคหบดีในหมู่บ้านเซกัสโซ เขาเรียนเก่ง มีดีกรีวิศวกรไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศ สงสัยว่าซิมโบทนลำบากอยู่ในห้องแคบๆ นี้ได้ยังไงตั้งหลายปี
“แผนก็คือ....”
ปึ้งๆๆๆปั้งๆๆๆ!!!
อันเดรและทุกคนในห้องชะงัก มองไปที่บานประตูห้องซึ่งกำลังถูกของหนักกระแทกอย่างแรงซ้ำ ๆ กัน จนกลอนประตูเริ่มหักเป็นตาเดียว ก่อนซิมโบจะผุดลุกขึ้นยืน เขารับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และสิ่งผิดปกตินั้นก็ทำให้รู้อีกว่าพวกตนเองกำลังถูกหักหลัง เขาหันมายกมือชี้หน้าชายผิวเผือก ตวาดด่าอย่างแค้นใจ
“แก...ไอ้คนทรยศ แกพาพวกมันมา” มือข้างหนึ่งตวัดปืนพกสั้นออกมาจากซองข้างเอว เขาเล็งปากกระบอกปืนไปยังร่างบนลังไม้ ก่อนจะลั่นไกเปรี้ยง!!!
อันเดรซึ่งระวังตัวอยู่แล้ว พุ่งตัวหลบไปทางขวา คมกระสุนจึงถากต้นแขนซ้ายเขาไปจนเลือดไหลโกรก ชายผิวเผือกร้องโอ้ย!...มือขวากุมแขนซ้ายโชกเลือดของตัวเองไว้แน่น พอเห็นว่ายิงพลาดเป้า ซิมโบก็วาดปากกระบอกปืนตามร่างที่กลิ้งอยู่กับพื้นใหม่ แต่ผู้หญิงในห้องเข้ามาลากแขนเขาไปที่เสื่อเสียก่อน ซึ่งผู้ชายอีกคนตวัดเสื่อออก เผยให้เห็นแผ่นไม้ที่ปกปิดปากหลุมข้างใต้ไว้
“รีบหนีไปเร็วเข้า ไม่มีเวลาแล้ว” หล่อนเร่งพลางรุนหลังชายคนเป็นหัวหน้าให้ลงไป ซิมโบกัดกรามกรอด ถลึงตามองคนทรยศ ก่อนทิ้งตัวผลุบลงปากหลุม ซึ่งคงถูกขุดเป็นอุโมงค์เพื่อใช้หลบหนีไปอีกฝั่ง
อา...แผนของเขาสำเร็จ! อันเดรถอนหายใจใหญ่ นึกถึงหลายวันก่อน เมื่อตอนที่เขาได้มีโอกาสเข้าพบกับท่านอธิบดีกรมตำรวจ นับเป็นเกียรติอย่างสูงเมื่อบุคคลระดับสูงยอมให้ตำรวจชั้นประทวนผู้มาจากหมู่บ้านกบฏเข้าพบ เพื่อเสนอแผนขุดรากถอนโคนกลุ่มคนที่คอยก่อกวน สร้างความเดือดร้อนให้กับรัฐไม่หยุดหย่อน อย่างกลุ่มของซิมโบ
“ไหน ว่าแผนมาซิ” ท่านอธิบดีพยักหน้าให้เขาเล่า
“พวกนั้นเข้าตาจนเต็มที โอกาสนี้ผมจึงคิดว่าได้เวลาจัดการกับเจ้าตัวหัวโจกมันแล้ว ดีกว่าจะไปเล่นงานกับพวกหางแถวของกลุ่ม เหมือนผ่าน ๆ มาให้เปลืองแรง”
เขาตอบพินอบพิเทาแก่ชายอ้วนผู้แต่งเครื่องแบบนายตำรวจยศสูง ประดับเหรียญตราไว้เต็มแผงอก
“แน่ใจนะว่าจะสำเร็จ”
“ผมเข้าถึงตัวหัวหน้ากลุ่มได้ พวกนั้นจำเป็นต้องไว้ใจผมครับท่าน เพราะพวกมันไม่มีทางเลือก” ตอบท่านอธิบดีไปอย่างมั่นอกมั่นใจในวันนั้น ซึ่งในที่สุดมันก็เป็นไปตามแผนการของเขาทุกอย่าง
(มีต่อ)
คนโง่!!!
ล. วิลิศมาหรา
สี่แยกถนนลาร์มาสพลุกพล่านจอแจไปด้วยยวดยานและผู้คนสัญจรไปมา ริมถนนด้านที่ติดกับสวนสาธารณะ ชายวัยกลางคนร่างผอม ผมขาวโพลนทั่วศีรษะ ผิวซีดเผือดเหมือนคนตาย ยืนพิงเสาไฟฟ้าเหมือนรอคอยใครอยู่ ม่านตาสีชมพูหรี่ปรือ คล้ายคนยังไม่ตื่นนอนดีเปล่งประกายขึ้นแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มส่งหนังสือพิมพ์ปั่นจักรยานตรงมาหา
“ฉันต้องการดัสเชรีนิวส์”
เด็กหนุ่มยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับที่เขาอยากได้ให้ รับเงินค่าหนังสือพิมพ์มายัดใส่ลงในกระเป๋าเสื้อโค้ท พร้อมกับกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง ก่อนจะปั่นจักรยานจากไป...
อันเดรคลี่ยิ้มมุมปาก เมื่อในที่สุดเขาก็เข้ามายืนอยู่หน้าห้องใต้ดินลึกลับของตึกสีน้ำตาลแดง อันเคยเป็นทัณฑสถานเก่าของเมืองได้สำเร็จ ไม่มีใครคาดคิดว่าหนึ่งในห้องคุมขังนักโทษจะถูกขุดเป็นอุโมงค์ทอดยาวไกลหลายร้อยเมตร ไปหาห้องคล้ายหลุมหลบภัยนี้ได้ ชายผิวเผือกก้าวตรงเข้าไปเคาะประตูเป็นรหัสที่ได้มาจากลายแทง ซึ่งซุกซ่อนในหลืบของหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อเช้านี้
ผู้ชายร่างใหญ่ที่เปิดประตูรับเขายังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ นัยน์ตาสีฟ้าเคยคมกริบของเขาดูหม่นมัวและอ่อนล้าลง เคราครึ้มขึ้นเต็มบริเวณขากรรไกรและคาง เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูเก่า ขะมุกขะมอม บ่งบอกถึงความขัดสนและยากลำบากในการดำรงชีวิต
“หวัดดีซิมโบ”
อันเดรเป็นฝ่ายทักทายก่อน ชายหนุ่มในห้องเพียงแค่พยักหน้านิดเดียว คิ้วหนาขมวดเป็นปม ขณะมองหน้าแขก เขาทำท่าเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนยอมเปิดทางให้ชายผิวเผือกผ่านประตูเข้ามา สายตาส่ายมองนอกห้องอย่างระแวดระวังก่อนงับบานประตูปิดลง
“ได้ยินมาว่าพี่มีแผนเด็ด สามารถขุดรากถอนโคนพวกนั้นได้อย่างนั้นหรือ จะทำได้ยังไงล่ะ ในเมื่อรังของพวกมันถูกคุ้มกันแน่นหนาออกปานนั้น แม้แต่แมลงวันสักตัวยังเล็ดลอดเข้าไปไม่ได้”
หลังชวนอันเดรนั่งลงบนลังไม้ บนพื้นซีเมนต์แข็ง ๆ แทนเก้าอี้ ซิมโบก็เอ่ยถามขึ้นทันที นัยน์ตาสีอ่อนของชายผิวเผือก กวาดมองไปรอบห้องอย่างเคยชินกับอาชีพตำรวจ อันเดรพบว่านอกจากลังไม้ที่เขากับซิมโบกำลังนั่งอยู่นี้ ก็มีเสื่อผ้าใบตรงมุมห้องอีกผืนหนึ่ง ชายหญิงคู่หนึ่งนั่งเงียบอยู่บนนั้น คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาของ ‘หัวหน้าซิมโบ’ กับนายตำรวจของจักรวรรดิ ที่ครอบงำประเทศตนเองอยู่ อาหารกระป๋องกับขวดน้ำดื่มวางกลิ้งโค่โร่บนพื้นสองสามกระป๋อง แน่นอน พวกเขากำลังอดอยากอย่างแสนสาหัส และมันบีบบังคับให้พวกเขาต้องเข้าตาจน
อันเดรกำลังสงสัยว่า หากคนในนี้คิดจะหลบหนีคนที่บุกเข้ามา พวกเขาจะหนีไปทางไหน...
“แน่นอนสิซิมโบ เรื่องนี้พี่คิดไว้นานมาก แต่ยังหาโอกาสเหมาะลงมือไม่ได้ จนกระทั่งคิดว่าได้เวลาแล้ว และเพราะมันเป็นความลับสุดยอดพี่ถึงไม่ไว้ใจใคร ต้องหาทางมาเจอแกด้วยตัวเอง” เขาหันมาบอกหนุ่มรุ่นน้องเสียงขึงขัง
“อืม...บอกพี่ตามตรงนะ เพราะว่าเราหมดหนทางแล้วจริง ๆ ถึงยอมเสี่ยงให้พี่มาหาถึงที่นี่”
แม้ซิมโบจะผงกศีรษะรับ แต่ปมหัวคิ้วยังไม่คลายออก เขาชำเลืองมองหน้าขาวเผือดของอันเดร น้ำเสียงบอกว่ายังไม่ใคร่ไว้ใจชายผิวเผือกเท่าใดนัก แน่ละ เป็นใครก็ต้องคิดระแวงในใจ ตำรวจที่ไหนจะมาเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏใต้ดิน ถึงแม้อันเดรจะยืนยันว่าตัวเขาเองไม่เคยลืมกำพืดก็ตาม
“อยากได้ลูกเสือมันก็ต้องเข้าถ้ำเสือ พี่รู้ แม้ว่าพวกเราจะโตมาด้วยกันในบ้านเกิดที่เซกัสโซ แต่พี่ก็ทำงานให้กับนายพลเปโตรด้วย พี่จึงถูกพวกเราบางคนระแวง ถือว่าเป็นโชคดีที่พี่ถูกหมอผีประจำหมู่บ้านขับไล่ออกมา ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสเข้ามาทำงานเป็นตำรวจในกรม พวกนั้นค่อนข้างไว้ใจพี่ที่ถูกหาว่าเป็นตัวกาลกิณีของหมู่บ้าน”
นั่นเป็นสิ่งที่เขายืนยันกับกลุ่มใต้ดินมาตลอดหลายปีที่แฝงตัวแอบให้ข้อมูลลับหลายอย่างแก่ทางกลุ่ม
“บอกแผนพี่มาซิ”
ซิมโบโน้มตัวลงมาถาม ข้อศอกสองข้างวางบนเข่า นิ้วมือดำ ๆ ประกอบด้วยเล็บหักบิ่นประสานเข้าด้วยกันระหว่างเข่า อันเดรมองหนุ่มรุ่นน้องอย่างอนาถใจ ซิมโบอ่อนกว่าเขาหลายปี เป็นลูกชายคนเดียวของคหบดีในหมู่บ้านเซกัสโซ เขาเรียนเก่ง มีดีกรีวิศวกรไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศ สงสัยว่าซิมโบทนลำบากอยู่ในห้องแคบๆ นี้ได้ยังไงตั้งหลายปี
“แผนก็คือ....”
ปึ้งๆๆๆปั้งๆๆๆ!!!
อันเดรและทุกคนในห้องชะงัก มองไปที่บานประตูห้องซึ่งกำลังถูกของหนักกระแทกอย่างแรงซ้ำ ๆ กัน จนกลอนประตูเริ่มหักเป็นตาเดียว ก่อนซิมโบจะผุดลุกขึ้นยืน เขารับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และสิ่งผิดปกตินั้นก็ทำให้รู้อีกว่าพวกตนเองกำลังถูกหักหลัง เขาหันมายกมือชี้หน้าชายผิวเผือก ตวาดด่าอย่างแค้นใจ
“แก...ไอ้คนทรยศ แกพาพวกมันมา” มือข้างหนึ่งตวัดปืนพกสั้นออกมาจากซองข้างเอว เขาเล็งปากกระบอกปืนไปยังร่างบนลังไม้ ก่อนจะลั่นไกเปรี้ยง!!!
อันเดรซึ่งระวังตัวอยู่แล้ว พุ่งตัวหลบไปทางขวา คมกระสุนจึงถากต้นแขนซ้ายเขาไปจนเลือดไหลโกรก ชายผิวเผือกร้องโอ้ย!...มือขวากุมแขนซ้ายโชกเลือดของตัวเองไว้แน่น พอเห็นว่ายิงพลาดเป้า ซิมโบก็วาดปากกระบอกปืนตามร่างที่กลิ้งอยู่กับพื้นใหม่ แต่ผู้หญิงในห้องเข้ามาลากแขนเขาไปที่เสื่อเสียก่อน ซึ่งผู้ชายอีกคนตวัดเสื่อออก เผยให้เห็นแผ่นไม้ที่ปกปิดปากหลุมข้างใต้ไว้
“รีบหนีไปเร็วเข้า ไม่มีเวลาแล้ว” หล่อนเร่งพลางรุนหลังชายคนเป็นหัวหน้าให้ลงไป ซิมโบกัดกรามกรอด ถลึงตามองคนทรยศ ก่อนทิ้งตัวผลุบลงปากหลุม ซึ่งคงถูกขุดเป็นอุโมงค์เพื่อใช้หลบหนีไปอีกฝั่ง
อา...แผนของเขาสำเร็จ! อันเดรถอนหายใจใหญ่ นึกถึงหลายวันก่อน เมื่อตอนที่เขาได้มีโอกาสเข้าพบกับท่านอธิบดีกรมตำรวจ นับเป็นเกียรติอย่างสูงเมื่อบุคคลระดับสูงยอมให้ตำรวจชั้นประทวนผู้มาจากหมู่บ้านกบฏเข้าพบ เพื่อเสนอแผนขุดรากถอนโคนกลุ่มคนที่คอยก่อกวน สร้างความเดือดร้อนให้กับรัฐไม่หยุดหย่อน อย่างกลุ่มของซิมโบ
“ไหน ว่าแผนมาซิ” ท่านอธิบดีพยักหน้าให้เขาเล่า
“พวกนั้นเข้าตาจนเต็มที โอกาสนี้ผมจึงคิดว่าได้เวลาจัดการกับเจ้าตัวหัวโจกมันแล้ว ดีกว่าจะไปเล่นงานกับพวกหางแถวของกลุ่ม เหมือนผ่าน ๆ มาให้เปลืองแรง”
เขาตอบพินอบพิเทาแก่ชายอ้วนผู้แต่งเครื่องแบบนายตำรวจยศสูง ประดับเหรียญตราไว้เต็มแผงอก
“แน่ใจนะว่าจะสำเร็จ”
“ผมเข้าถึงตัวหัวหน้ากลุ่มได้ พวกนั้นจำเป็นต้องไว้ใจผมครับท่าน เพราะพวกมันไม่มีทางเลือก” ตอบท่านอธิบดีไปอย่างมั่นอกมั่นใจในวันนั้น ซึ่งในที่สุดมันก็เป็นไปตามแผนการของเขาทุกอย่าง
(มีต่อ)