รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 40 อยากเป็น ฟอ แอ นอ แฟน...

รับคำท้าฯ
ตอนที่ 40
 
“อย่านะ…!!  อย่ามาทะลึ่งแถวนี้”  น้ำเสียงของปริมาเฉียบขาด  รีบขยับตัวออกไปยืนห่าง ๆ  สีหน้าพาลซีดลงอย่างเห็นได้ชัด  ในแววตามีความกลัวซ่อนอยู่

“ก็ใส่สิ  หรือว่า...อยากลองดูก็ได้นะ”  ปฏิการขยับตัวตามเข้าไปใกล้เป็นการข่มขวัญ  อันที่จริงก็ไม่กล้าเหมือนกัน  เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำอะไรอย่างนั้นกับใครที่ไหน

“ยุ่งกับชีวิตฉันจังเลย”  เธอบ่นเพื่อบังหน้า  ปกปิดความรู้สึกกลัวเอาไว้ข้างใน  แล้วรีบใส่เสื้อหนาวของเขาอย่างด่วนจี๋  กลัวหนุ่มจอมกวนจะทำอย่างที่พูดไว้จริง ๆ  เมื่อยังเห็นหมอนั่นยังก้าวเท้าเข้ามาหาไม่หยุด

“อุ่นมั้ย…”   หนุ่มผมยาวยิ้มระรื่นเมื่อเห็นเธอยอมสวมเสื้อหนาวจนได้

ยัยตัวแสบพยักหน้าโดยไม่หันไปมองคนถาม ไออุ่นจากตัวเขาที่มาพร้อมกับตัวเสื้อบวกกับความหนาของเสื้อหนาว  ทำให้รู้สึกอุ่นเป็นพิเศษ  แล้วย่อตัวลงนั่งข้างกองฟาง

“ทำไม? ปริมออกมานั่งคนเดียวล่ะ” หนุ่มจอมกวนนั่งลงข้าง ๆ ยัยตัวแสบ ถามอย่างสงสัย       
   
“แล้วทำไมนายต้องออกมานั่งตรงนี้ด้วยล่ะ” ปริมาสวนคำ น้ำเสียงนั้นดูรำคาญไม่น้อย อุตส่าห์หนีเขายังตามมารังควานอีก

“ฉันกลัวว่า ฉันจะตบะแตก   เพราะพวกนั้นเริ่มตั้งวงกินเหล้ากันอีกแล้ว”  ชายหนุ่มบ้ายหน้าไปทางกลุ่มพวกผู้ชายที่ตั้งวงล้อมรอบกองไฟอยู่ทางด้านหลัง

“ที่จริง   การกินเหล้า ก็เป็นสร้างสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนนะ”  หนุ่มนักดนตรีพยายามยกข้อดีของการทานเหล้า

“การสร้างสัมพันธ์ใช้วิธีอื่นก็ได้   มีวิธีนี้วิธีเดียวหรือ   ไม่เห็นต้องกินเหล้าเลย   ไม่งั้นผู้หญิงเราต้องไปกินเหล้าเพื่อสร้างสัมพันธ์กันด้วยใช่ไหม   เงินก็ต้องเสีย   ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย  ตัวก็เหม็น อร่อยก็ไม่อร่อย ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย”  เธอสาธยายออกมาเป็นชุด

“การกินเหล้าจะทำให้เลือดเป็นกรด ตับ ไต ต้องทำงานหนักเพื่อขจัดของเสียนะ”

“ที่ปรามไม่กินเหล้าเลย   เพราะได้รับอิทธิพลจากปริมนี่เอง”  เพื่อนซี้ของเขาไม่เคยดื่มเหล้าเลยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“ไม่ใช่หรอก  พี่ปรามไม่กินเหล้า  เพราะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับฉัน  เพราะหากพี่ปรามยังกินอยู่  พี่ปรามจะห้ามไม่ให้กินเหล้า  ฉันคงไม่เชื่อหรอกนะ  เหมือนครูอาจารย์ที่ยังกินเหล้า สูบบุหรี่อยู่ไง  ห้ามนักเรียน  มันก็ดูไม่มีน้ำหนัก  เพราะครูอาจารย์เองก็ยังทำไม่ได้เลย  จริงไหม”  เธอคิดว่า ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน

ปฏิการได้แต่ยิ้มแหย ๆ แทนคำตอบ  ข้ออ้างของเขามันฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย

“แล้วนายไม่อยากกินเหล้าแล้วหรอ”  เธอหันมาจ้องหน้าหนุ่มจอมกวน

“อยาก…”   เขาทิ้งเสียงหายลงไปในลำคอ    

“แต่…อยากเป็นเพื่อนกับปริมมากกว่า”   แล้วหันมาสบตากับคนที่นั่งข้าง ๆ

“และฉันก็จำได้เสมอว่า   ฉันสัญญากับเธอเอาไว้   ว่าจะเลิกกินเหล้า  สูบบุหรี่  และเที่ยวเตร่เกเรเสเพล” 

“จริง ๆ นายไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาก็ได้”   เธอหลบสายตาของชายหนุ่ม มองพระจันทร์เสี้ยวที่คืนนี้มีดาวศุกร์เป็นเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ   ส่องแสงสว่างเจิดจ้า

“ไม่นะ  ถ้าฉันสัญญาอะไรกับใครแล้ว  จะต้องทำให้ได้เสมอ  ที่สำคัญ…”  เขาเงียบลงชั่วอึดใจก่อนที่จะพูดต่อไป 

“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะ”  ประโยคสุดท้ายเน้นเสียงชัดเจน

ความรู้สึกหวิวไหวในหัวใจวิ่งแทรกเข้ามาผ่านจากคำพูดทุกถ้อยคำของเขา  ปริมารีบกลบเกลื่อนด้วยเสียงห้วน ๆ อย่างเคย  ก่อนที่อีกฝ่ายจะจับความรู้สึกในใจของเธอได้

“ทำไมล่ะ”

“เพราะเธอทำให้ฉันมีแรงฮึดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง”

“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย”  

“ฉันไม่รู้…รู้แต่…อยากทำเพื่อเธอนะ ปริม”

แวบหนึ่งที่ความรู้สึกแปลก ๆ  วิ่งผ่านเข้ามาในหัวสมองของปริมาอีกแล้ว  พยายามมีสติตื่นเต็มฟังเพื่อนพี่ชายพูดอย่างเป็นกลางที่สุด  แต่หัวใจก็ยังอดปลื้มไม่ได้  เมื่อมีคน ๆ หนึ่งเข้ามาให้ค่าให้ความสำคัญกับเธอ   

“ทำเพื่อตัวเองเถอะ ไม่ต้องทำเพื่อฉันหรอก สิ่งที่ฉันบอกนายก็คือสิ่งที่ดีสำหรับตัวนายเอง”  เสียงห้วน ๆ ลดดีกรีลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ  เธอรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในพฤติกรรมของชายหนุ่มจากคำบอกเล่าของพี่ชาย  และจากสายตาของตัวเอง

“ปริม…ฉันมีอะไรจะให้เธอดู”  คนข้าง ๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้เธออีกนิด  หยิบกระดาษสีขาวจากกระเป๋าเสื้อออกมาคลี่

“ผ่านมาหนึ่งปีกว่าแล้วนะ  ที่ฉันพยายามทำตามสัญญา  และนี่คือหลักฐานที่ฉันจะเอามาให้เธอดู”  เขาเปิดไฟฉายขึ้นส่องแสงลงบนกระดาษขาว  แล้วส่งแผ่นกระดาษสีขาวอีกใบให้เธอ

“ที่เธอถืออยู่คือผลการเรียนของฉันปีก่อน  และแผ่นที่อยู่ในมือฉันคือผลการเรียนล่าสุดนะ”

ปริมาใช้สายตาไล่ตัวอักษรแต่ละวิชาเทียบกันระหว่างปีก่อนกับปีที่ผ่านมา  ผลการเรียนของปฏิการดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เรียกว่า พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว คะแนนทุกวิชาของเขาสูงมาก  และเรียนได้เกรดดีกว่าเธอเสียอีก

“นายเรียนได้ดีขึ้นมาก ๆ เลยนะ  ตั้งใจเรียนก็เรียนได้ดีนี่”

หนุ่มผมยาวยิ้มหน้าบานเมื่อได้รับคำชมเป็นครั้งแรก  ที่สำคัญมีโอกาสได้นั่งใกล้ชิดกับเธอขนาดนี้  ได้มองยัยตัวแสบใกล้ ๆ  รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“แล้วส่งผักให้โรงพยาบาลเป็นยังไงมั่ง”  เขาอยากรู้ว่า โรงพยาบาลโอนเงินให้เธอไวขึ้นหรือยัง?

“ขายดีอยู่  แต่ตอนนี้ฉันต้องใช้เงินส่วนที่กู้ธนาคารมาจ่ายให้เกษตรกรไปก่อน”

“แล้ว...ได้ไปคุยกับโรงพยาบาลเรื่องการโอนเงินดูหรือยัง?”

“ฉันจะไปคุยได้ไง  กลับไปดูสัญญามันระบุไว้ในสัญญาเรื่องการจ่ายเงินด้วยนะ”

ปฏิการขมวดคิ้ว ที่เขาไปคุยกับพ่อ คุยกับปักษา หรือแม้แต่คุยกับปกป้อง  มันไม่มีผลอะไรเลย  ไม่มีใครช่วยได้เลยแม้แต่คนเดียว

“มันแปลกนะ มีเงินโอนจากโรงพยาบาลมา  แต่ฉันหาไม่เจอเลยว่า เป็นการส่งผักบิลไหน ฉันตัดบิลไม่ถูกเลย  โอนมาหลายครั้งแล้วด้วย ครั้งหนึ่งเป็น
หมื่น ๆ ฉันเลยไม่กล้าใช้เงินนี้เลย ไม่รู้เงินของใครกันแน่!”  เธออดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นเงินของใคร?

หนุ่มจอมกวนอึ้งไปชั่วขณะ  ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบไปว่า  

“ตรวจดีแล้วเหรอ”  เขาไม่คิดว่าเธอจะละเอียดขนาดนี้เลย  เกือบลืมไปว่าเธอเรียนบัญชี

“ถึงมันจะระบุในสัญญา แต่มันก็น่าจะคุยกันได้นะ” 

“ไว้ฉันจะลองไปคุยดู”  หลังจากกลับจากงานนี้ เธอคงต้องหาเวลาไปถามโรงพยาบาลให้รู้เรื่องว่า โอนค่าผักบิลไหนกันแน่!
 
แสงสีขาววิ่งตัดผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มพุ่งหลาวลงสู่พื้นเบื้องล่าง

“ปริม…ดาวตกอธิษฐานสิ” 

เขาและเธอต่างหลับตาอธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง

“อธิษฐานว่าไงหรอปริม  บอกได้ไหม”

“นายล่ะ” เธอหันหน้ามาย้อนถาม

“ฉันถามก่อนนะ” หนุ่มผมหน้าหวานขมวดคิ้วย่น  ทำหน้างอ

“นายก็บอกก่อนดิ” เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน

“ไม่บอก!”

“ก็ไม่ต้องบอก!  ไม่เห็นจะอยากรู้เลย  โธ่…!!”  ปริมาเบะปาก

ปฏิการอมยิ้มที่ยัยตัวแสบดูเป็นกันเองกับเขามากขึ้นอีกนิด  พยายามชวนพูดคุย  เพื่อจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ ๆ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ปริมชอบดูดาวมั้ย”  หนุ่มนักดนตรีมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ชอบสิ”  ปริมายกเข่าขึ้นมากอดไว้  สายตาจดจ้องอย่างหลงใหลในความงามของดวงดาว

“ชอบดาวอะไรหรอ”               

“ดาวศุกร์”  เธอมองไปยังดาวที่ส่องแสงสว่างสุกใสอยู่ใกล้พระจันทร์เสี้ยว

“ทำไมล่ะ”

“ก็ฉันเกิดวันศุกร์ไง   อีกอย่างนะ  ดาวศุกร์จะเป็นดาวที่ใสสว่างกว่าเพื่อนเสมอเลย  มีหน้าที่คอยติดตามพระจันทร์ในบางคืนนะ”  เธอยิ้มบาง ๆ ในสีหน้า  สายตาไม่หนีห่างจากแสงระยิบระยับของดวงดาวนับร้อยพันบนผืนฟ้ากว้าง  

ท้องฟ้าคืนนี้ปลอดโปร่ง  ยิ่งนั่งดูอยู่บนยอดเขาเช่นนี้  ทำให้ได้สัมผัสกับความกว้างของท้องฟ้าอย่างแท้จริง   และได้อยู่ใกล้ชิดอาณาจักรของดวงดาวอันงดงาม

“โน่นดาวอะไรหรอปริม”  เขาชี้ไปที่ดาวเรียงตัวกันสามดวง

เธอมองตามมือของเขาก่อนตอบ  “ดาวไถไง”

“นั่นดาวเต่านะ”  หญิงสาวชี้ไปที่ดาวสี่ดวงเรียงกันเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า  และมีดาวสามดวงเรียงกันอยู่ตรงกลาง  “อันโน้น  ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าดาวอะไร  แต่ฉันเรียกว่าดาวกระบวยนะ  หน้าตามันเหมือนกระบวยดี”  คนพูดหัวเราะเบา ๆ

หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้เธอคนนี้  เขามองเห็นดวงตาใสแจ๋วปริมาเป็นประกายเวลาจ้องมองดวงดาว  ได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากแห่งความเฉยชาและเคร่งเครียดเสมอที่พบกัน  เขารู้สึกว่าขณะนี้คนข้าง ๆ กำลังอารมณ์ดีทีเดียว  กำลังเพลินกับการพูดคุยกับดวงดาวงดงามบนท้องฟ้า   เขาอยากรักษาความรู้สึกของเธอและเขาขณะนี้เอาไว้  ที่ได้มีโอกาสจูนคลื่นความถี่แห่งมิตรภาพให้ขยับเข้ามาใกล้กัน

“ปริม…เราเป็นเพื่อนกันนะ”

“ฮื่อ…ได้สิ”

“ฉันไม่ต้องตัดผมได้มั้ย”  หนุ่มหน้าหวานจำได้ว่าเงื่อนไขในการเป็นเพื่อนกับเธอข้อหนึ่งต้องตัดผมสั้นด้วย

“ได้” ยัยตัวแสบหลุดปากพูดออกไปอย่างกำลังเพลิน ๆ ไม่ได้ตั้งใจ   

“จริงนะ  เธอรับปากแล้วนะ”  เขาหันมาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างดีใจ  ที่ได้ขยับฐานะจากแค่คนรู้จักขึ้นมาเป็นเพื่อนของเธอได้แล้ว

“เธอยอมรับฉันแล้วใช่ไหม”

“ก็…เป็นเพื่อนไง  นายก็เป็นคนดีแล้วหนิ”  สาวชาวสวนหันมายิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก  

“นายเห็นรึเปล่าว่า  นายทุกข์กับปัญหาครอบครัวไปก็เปล่าประโยชน์  ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี  อะไร ๆ มันก็จะดีเอง  ที่สำคัญนายจะได้เป็นกำลังใจให้กับคนในบ้านนายได้  ไม่ใช่สร้างปัญหาขึ้นมาอีกให้มันยิ่งย่ำแย่กว่าเดิมนะ”

“ขอบใจ…ปริมมาก ๆ นะ”  เขามองเธออย่างชื่นชม  ทุกถ้อยคำของหญิงสาวมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ  เหมือนที่เขาได้พิสูจน์ตามคำพูดของเธอด้วยตัวเองแล้ว

“ปริมดูรูปแม่ฉันมั้ย”  เขารู้สึกอยากให้เธอรู้จักกับแม่ของเขาจัง  และอยากให้ผู้หญิงที่เขารักที่สุดได้รู้จักกับเธอด้วย อยากอวดแม่ว่า เขามีแฟนน่ารัก และเก่งมาก เหมือนที่แม่เคยสอนเสมอว่า ให้ดูแลตัวเองและพึ่งตัวเองให้ได้ ไม่ต้องรอพึ่งคนอื่น  แต่ตอนนี้ไม่รู้แม่อยู่ที่ไหน  ไม่เป็นไร! ให้เธอรู้จักแม่ของเขาก่อนก็แล้วกัน  เขาดึงสร้อยล็อกเกตออกมาจากด้านในของเสื้อ เปิดฝาล็อกเกตยื่นให้คนข้าง ๆ ดู  พลางขยับตัวเข้าไปใกล้เธออีกนิด

“แม่ฉันเอง”

ปริมายื่นหน้ามองรูปจากล็อกเกตในมือของหนุ่มหน้าหวาน  เธอคิดว่า เขาต้องรักแม่มากถึงได้พบรูปแม่ห้อยติดตัวขนาดนี้

“แม่นายสวยมาก”  เธอมองผู้หญิงในรูปกำลังยิ้มหวาน

“นายหน้าเหมือนแม่เปี๊ยบเลย สำเนาถูกต้องนะ”  สาวชาวสวนมองดูรูปในล็อกเกตแล้วเงยหน้ามองเจ้าของสร้อย  โดยเฉพาะรอยยิ้มหวานของเขาเหมือนแม่มาก  หญิงสาวผงะเล็กน้อย  เมื่อพบสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองเธอนิ่งงัน  รอยยิ้มบาง ๆ ระบายอยู่บนสีหน้าของหนุ่มผมยาว  เธอมองเห็นเงาของตัวเองอยู่ในดวงตาคู่นั้น  แล้วขยับตัวรีบถอยตัวออกมาให้ห่างจากใบหน้าของชายหนุ่มที่รู้สึกว่า อยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว  เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมด  รีบหันหน้าหนีมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่