รับคำท้าฯ
ตอนที่ 40
“อย่านะ…!! อย่ามาทะลึ่งแถวนี้” น้ำเสียงของปริมาเฉียบขาด รีบขยับตัวออกไปยืนห่าง ๆ สีหน้าพาลซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ในแววตามีความกลัวซ่อนอยู่
“ก็ใส่สิ หรือว่า...อยากลองดูก็ได้นะ” ปฏิการขยับตัวตามเข้าไปใกล้เป็นการข่มขวัญ อันที่จริงก็ไม่กล้าเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำอะไรอย่างนั้นกับใครที่ไหน
“ยุ่งกับชีวิตฉันจังเลย” เธอบ่นเพื่อบังหน้า ปกปิดความรู้สึกกลัวเอาไว้ข้างใน แล้วรีบใส่เสื้อหนาวของเขาอย่างด่วนจี๋ กลัวหนุ่มจอมกวนจะทำอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เมื่อยังเห็นหมอนั่นยังก้าวเท้าเข้ามาหาไม่หยุด
“อุ่นมั้ย…” หนุ่มผมยาวยิ้มระรื่นเมื่อเห็นเธอยอมสวมเสื้อหนาวจนได้
ยัยตัวแสบพยักหน้าโดยไม่หันไปมองคนถาม ไออุ่นจากตัวเขาที่มาพร้อมกับตัวเสื้อบวกกับความหนาของเสื้อหนาว ทำให้รู้สึกอุ่นเป็นพิเศษ แล้วย่อตัวลงนั่งข้างกองฟาง
“ทำไม? ปริมออกมานั่งคนเดียวล่ะ” หนุ่มจอมกวนนั่งลงข้าง ๆ ยัยตัวแสบ ถามอย่างสงสัย
“แล้วทำไมนายต้องออกมานั่งตรงนี้ด้วยล่ะ” ปริมาสวนคำ น้ำเสียงนั้นดูรำคาญไม่น้อย อุตส่าห์หนีเขายังตามมารังควานอีก
“ฉันกลัวว่า ฉันจะตบะแตก เพราะพวกนั้นเริ่มตั้งวงกินเหล้ากันอีกแล้ว” ชายหนุ่มบ้ายหน้าไปทางกลุ่มพวกผู้ชายที่ตั้งวงล้อมรอบกองไฟอยู่ทางด้านหลัง
“ที่จริง การกินเหล้า ก็เป็นสร้างสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนนะ” หนุ่มนักดนตรีพยายามยกข้อดีของการทานเหล้า
“การสร้างสัมพันธ์ใช้วิธีอื่นก็ได้ มีวิธีนี้วิธีเดียวหรือ ไม่เห็นต้องกินเหล้าเลย ไม่งั้นผู้หญิงเราต้องไปกินเหล้าเพื่อสร้างสัมพันธ์กันด้วยใช่ไหม เงินก็ต้องเสีย ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย ตัวก็เหม็น อร่อยก็ไม่อร่อย ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย” เธอสาธยายออกมาเป็นชุด
“การกินเหล้าจะทำให้เลือดเป็นกรด ตับ ไต ต้องทำงานหนักเพื่อขจัดของเสียนะ”
“ที่ปรามไม่กินเหล้าเลย เพราะได้รับอิทธิพลจากปริมนี่เอง” เพื่อนซี้ของเขาไม่เคยดื่มเหล้าเลยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ไม่ใช่หรอก พี่ปรามไม่กินเหล้า เพราะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับฉัน เพราะหากพี่ปรามยังกินอยู่ พี่ปรามจะห้ามไม่ให้กินเหล้า ฉันคงไม่เชื่อหรอกนะ เหมือนครูอาจารย์ที่ยังกินเหล้า สูบบุหรี่อยู่ไง ห้ามนักเรียน มันก็ดูไม่มีน้ำหนัก เพราะครูอาจารย์เองก็ยังทำไม่ได้เลย จริงไหม” เธอคิดว่า ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน
ปฏิการได้แต่ยิ้มแหย ๆ แทนคำตอบ ข้ออ้างของเขามันฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย
“แล้วนายไม่อยากกินเหล้าแล้วหรอ” เธอหันมาจ้องหน้าหนุ่มจอมกวน
“อยาก…” เขาทิ้งเสียงหายลงไปในลำคอ
“แต่…อยากเป็นเพื่อนกับปริมมากกว่า” แล้วหันมาสบตากับคนที่นั่งข้าง ๆ
“และฉันก็จำได้เสมอว่า ฉันสัญญากับเธอเอาไว้ ว่าจะเลิกกินเหล้า สูบบุหรี่ และเที่ยวเตร่เกเรเสเพล”
“จริง ๆ นายไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาก็ได้” เธอหลบสายตาของชายหนุ่ม มองพระจันทร์เสี้ยวที่คืนนี้มีดาวศุกร์เป็นเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ส่องแสงสว่างเจิดจ้า
“ไม่นะ ถ้าฉันสัญญาอะไรกับใครแล้ว จะต้องทำให้ได้เสมอ ที่สำคัญ…” เขาเงียบลงชั่วอึดใจก่อนที่จะพูดต่อไป
“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะ” ประโยคสุดท้ายเน้นเสียงชัดเจน
ความรู้สึกหวิวไหวในหัวใจวิ่งแทรกเข้ามาผ่านจากคำพูดทุกถ้อยคำของเขา ปริมารีบกลบเกลื่อนด้วยเสียงห้วน ๆ อย่างเคย ก่อนที่อีกฝ่ายจะจับความรู้สึกในใจของเธอได้
“ทำไมล่ะ”
“เพราะเธอทำให้ฉันมีแรงฮึดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย”
“ฉันไม่รู้…รู้แต่…อยากทำเพื่อเธอนะ ปริม”
แวบหนึ่งที่ความรู้สึกแปลก ๆ วิ่งผ่านเข้ามาในหัวสมองของปริมาอีกแล้ว พยายามมีสติตื่นเต็มฟังเพื่อนพี่ชายพูดอย่างเป็นกลางที่สุด แต่หัวใจก็ยังอดปลื้มไม่ได้ เมื่อมีคน ๆ หนึ่งเข้ามาให้ค่าให้ความสำคัญกับเธอ
“ทำเพื่อตัวเองเถอะ ไม่ต้องทำเพื่อฉันหรอก สิ่งที่ฉันบอกนายก็คือสิ่งที่ดีสำหรับตัวนายเอง” เสียงห้วน ๆ ลดดีกรีลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในพฤติกรรมของชายหนุ่มจากคำบอกเล่าของพี่ชาย และจากสายตาของตัวเอง
“ปริม…ฉันมีอะไรจะให้เธอดู” คนข้าง ๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้เธออีกนิด หยิบกระดาษสีขาวจากกระเป๋าเสื้อออกมาคลี่
“ผ่านมาหนึ่งปีกว่าแล้วนะ ที่ฉันพยายามทำตามสัญญา และนี่คือหลักฐานที่ฉันจะเอามาให้เธอดู” เขาเปิดไฟฉายขึ้นส่องแสงลงบนกระดาษขาว แล้วส่งแผ่นกระดาษสีขาวอีกใบให้เธอ
“ที่เธอถืออยู่คือผลการเรียนของฉันปีก่อน และแผ่นที่อยู่ในมือฉันคือผลการเรียนล่าสุดนะ”
ปริมาใช้สายตาไล่ตัวอักษรแต่ละวิชาเทียบกันระหว่างปีก่อนกับปีที่ผ่านมา ผลการเรียนของปฏิการดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เรียกว่า พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว คะแนนทุกวิชาของเขาสูงมาก และเรียนได้เกรดดีกว่าเธอเสียอีก
“นายเรียนได้ดีขึ้นมาก ๆ เลยนะ ตั้งใจเรียนก็เรียนได้ดีนี่”
หนุ่มผมยาวยิ้มหน้าบานเมื่อได้รับคำชมเป็นครั้งแรก ที่สำคัญมีโอกาสได้นั่งใกล้ชิดกับเธอขนาดนี้ ได้มองยัยตัวแสบใกล้ ๆ รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วส่งผักให้โรงพยาบาลเป็นยังไงมั่ง” เขาอยากรู้ว่า โรงพยาบาลโอนเงินให้เธอไวขึ้นหรือยัง?
“ขายดีอยู่ แต่ตอนนี้ฉันต้องใช้เงินส่วนที่กู้ธนาคารมาจ่ายให้เกษตรกรไปก่อน”
“แล้ว...ได้ไปคุยกับโรงพยาบาลเรื่องการโอนเงินดูหรือยัง?”
“ฉันจะไปคุยได้ไง กลับไปดูสัญญามันระบุไว้ในสัญญาเรื่องการจ่ายเงินด้วยนะ”
ปฏิการขมวดคิ้ว ที่เขาไปคุยกับพ่อ คุยกับปักษา หรือแม้แต่คุยกับปกป้อง มันไม่มีผลอะไรเลย ไม่มีใครช่วยได้เลยแม้แต่คนเดียว
“มันแปลกนะ มีเงินโอนจากโรงพยาบาลมา แต่ฉันหาไม่เจอเลยว่า เป็นการส่งผักบิลไหน ฉันตัดบิลไม่ถูกเลย โอนมาหลายครั้งแล้วด้วย ครั้งหนึ่งเป็น
หมื่น ๆ ฉันเลยไม่กล้าใช้เงินนี้เลย ไม่รู้เงินของใครกันแน่!” เธออดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นเงินของใคร?
หนุ่มจอมกวนอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบไปว่า
“ตรวจดีแล้วเหรอ” เขาไม่คิดว่าเธอจะละเอียดขนาดนี้เลย เกือบลืมไปว่าเธอเรียนบัญชี
“ถึงมันจะระบุในสัญญา แต่มันก็น่าจะคุยกันได้นะ”
“ไว้ฉันจะลองไปคุยดู” หลังจากกลับจากงานนี้ เธอคงต้องหาเวลาไปถามโรงพยาบาลให้รู้เรื่องว่า โอนค่าผักบิลไหนกันแน่!
แสงสีขาววิ่งตัดผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มพุ่งหลาวลงสู่พื้นเบื้องล่าง
“ปริม…ดาวตกอธิษฐานสิ”
เขาและเธอต่างหลับตาอธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง
“อธิษฐานว่าไงหรอปริม บอกได้ไหม”
“นายล่ะ” เธอหันหน้ามาย้อนถาม
“ฉันถามก่อนนะ” หนุ่มผมหน้าหวานขมวดคิ้วย่น ทำหน้างอ
“นายก็บอกก่อนดิ” เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“ไม่บอก!”
“ก็ไม่ต้องบอก! ไม่เห็นจะอยากรู้เลย โธ่…!!” ปริมาเบะปาก
ปฏิการอมยิ้มที่ยัยตัวแสบดูเป็นกันเองกับเขามากขึ้นอีกนิด พยายามชวนพูดคุย เพื่อจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ ๆ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ปริมชอบดูดาวมั้ย” หนุ่มนักดนตรีมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ชอบสิ” ปริมายกเข่าขึ้นมากอดไว้ สายตาจดจ้องอย่างหลงใหลในความงามของดวงดาว
“ชอบดาวอะไรหรอ”
“ดาวศุกร์” เธอมองไปยังดาวที่ส่องแสงสว่างสุกใสอยู่ใกล้พระจันทร์เสี้ยว
“ทำไมล่ะ”
“ก็ฉันเกิดวันศุกร์ไง อีกอย่างนะ ดาวศุกร์จะเป็นดาวที่ใสสว่างกว่าเพื่อนเสมอเลย มีหน้าที่คอยติดตามพระจันทร์ในบางคืนนะ” เธอยิ้มบาง ๆ ในสีหน้า สายตาไม่หนีห่างจากแสงระยิบระยับของดวงดาวนับร้อยพันบนผืนฟ้ากว้าง
ท้องฟ้าคืนนี้ปลอดโปร่ง ยิ่งนั่งดูอยู่บนยอดเขาเช่นนี้ ทำให้ได้สัมผัสกับความกว้างของท้องฟ้าอย่างแท้จริง และได้อยู่ใกล้ชิดอาณาจักรของดวงดาวอันงดงาม
“โน่นดาวอะไรหรอปริม” เขาชี้ไปที่ดาวเรียงตัวกันสามดวง
เธอมองตามมือของเขาก่อนตอบ “ดาวไถไง”
“นั่นดาวเต่านะ” หญิงสาวชี้ไปที่ดาวสี่ดวงเรียงกันเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีดาวสามดวงเรียงกันอยู่ตรงกลาง “อันโน้น ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าดาวอะไร แต่ฉันเรียกว่าดาวกระบวยนะ หน้าตามันเหมือนกระบวยดี” คนพูดหัวเราะเบา ๆ
หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้เธอคนนี้ เขามองเห็นดวงตาใสแจ๋วปริมาเป็นประกายเวลาจ้องมองดวงดาว ได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากแห่งความเฉยชาและเคร่งเครียดเสมอที่พบกัน เขารู้สึกว่าขณะนี้คนข้าง ๆ กำลังอารมณ์ดีทีเดียว กำลังเพลินกับการพูดคุยกับดวงดาวงดงามบนท้องฟ้า เขาอยากรักษาความรู้สึกของเธอและเขาขณะนี้เอาไว้ ที่ได้มีโอกาสจูนคลื่นความถี่แห่งมิตรภาพให้ขยับเข้ามาใกล้กัน
“ปริม…เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“ฮื่อ…ได้สิ”
“ฉันไม่ต้องตัดผมได้มั้ย” หนุ่มหน้าหวานจำได้ว่าเงื่อนไขในการเป็นเพื่อนกับเธอข้อหนึ่งต้องตัดผมสั้นด้วย
“ได้” ยัยตัวแสบหลุดปากพูดออกไปอย่างกำลังเพลิน ๆ ไม่ได้ตั้งใจ
“จริงนะ เธอรับปากแล้วนะ” เขาหันมาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างดีใจ ที่ได้ขยับฐานะจากแค่คนรู้จักขึ้นมาเป็นเพื่อนของเธอได้แล้ว
“เธอยอมรับฉันแล้วใช่ไหม”
“ก็…เป็นเพื่อนไง นายก็เป็นคนดีแล้วหนิ” สาวชาวสวนหันมายิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก
“นายเห็นรึเปล่าว่า นายทุกข์กับปัญหาครอบครัวไปก็เปล่าประโยชน์ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อะไร ๆ มันก็จะดีเอง ที่สำคัญนายจะได้เป็นกำลังใจให้กับคนในบ้านนายได้ ไม่ใช่สร้างปัญหาขึ้นมาอีกให้มันยิ่งย่ำแย่กว่าเดิมนะ”
“ขอบใจ…ปริมมาก ๆ นะ” เขามองเธออย่างชื่นชม ทุกถ้อยคำของหญิงสาวมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เหมือนที่เขาได้พิสูจน์ตามคำพูดของเธอด้วยตัวเองแล้ว
“ปริมดูรูปแม่ฉันมั้ย” เขารู้สึกอยากให้เธอรู้จักกับแม่ของเขาจัง และอยากให้ผู้หญิงที่เขารักที่สุดได้รู้จักกับเธอด้วย อยากอวดแม่ว่า เขามีแฟนน่ารัก และเก่งมาก เหมือนที่แม่เคยสอนเสมอว่า ให้ดูแลตัวเองและพึ่งตัวเองให้ได้ ไม่ต้องรอพึ่งคนอื่น แต่ตอนนี้ไม่รู้แม่อยู่ที่ไหน ไม่เป็นไร! ให้เธอรู้จักแม่ของเขาก่อนก็แล้วกัน เขาดึงสร้อยล็อกเกตออกมาจากด้านในของเสื้อ เปิดฝาล็อกเกตยื่นให้คนข้าง ๆ ดู พลางขยับตัวเข้าไปใกล้เธออีกนิด
“แม่ฉันเอง”
ปริมายื่นหน้ามองรูปจากล็อกเกตในมือของหนุ่มหน้าหวาน เธอคิดว่า เขาต้องรักแม่มากถึงได้พบรูปแม่ห้อยติดตัวขนาดนี้
“แม่นายสวยมาก” เธอมองผู้หญิงในรูปกำลังยิ้มหวาน
“นายหน้าเหมือนแม่เปี๊ยบเลย สำเนาถูกต้องนะ” สาวชาวสวนมองดูรูปในล็อกเกตแล้วเงยหน้ามองเจ้าของสร้อย โดยเฉพาะรอยยิ้มหวานของเขาเหมือนแม่มาก หญิงสาวผงะเล็กน้อย เมื่อพบสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองเธอนิ่งงัน รอยยิ้มบาง ๆ ระบายอยู่บนสีหน้าของหนุ่มผมยาว เธอมองเห็นเงาของตัวเองอยู่ในดวงตาคู่นั้น แล้วขยับตัวรีบถอยตัวออกมาให้ห่างจากใบหน้าของชายหนุ่มที่รู้สึกว่า อยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมด รีบหันหน้าหนีมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 40 อยากเป็น ฟอ แอ นอ แฟน...
ตอนที่ 40
“อย่านะ…!! อย่ามาทะลึ่งแถวนี้” น้ำเสียงของปริมาเฉียบขาด รีบขยับตัวออกไปยืนห่าง ๆ สีหน้าพาลซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ในแววตามีความกลัวซ่อนอยู่
“ก็ใส่สิ หรือว่า...อยากลองดูก็ได้นะ” ปฏิการขยับตัวตามเข้าไปใกล้เป็นการข่มขวัญ อันที่จริงก็ไม่กล้าเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำอะไรอย่างนั้นกับใครที่ไหน
“ยุ่งกับชีวิตฉันจังเลย” เธอบ่นเพื่อบังหน้า ปกปิดความรู้สึกกลัวเอาไว้ข้างใน แล้วรีบใส่เสื้อหนาวของเขาอย่างด่วนจี๋ กลัวหนุ่มจอมกวนจะทำอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เมื่อยังเห็นหมอนั่นยังก้าวเท้าเข้ามาหาไม่หยุด
“อุ่นมั้ย…” หนุ่มผมยาวยิ้มระรื่นเมื่อเห็นเธอยอมสวมเสื้อหนาวจนได้
ยัยตัวแสบพยักหน้าโดยไม่หันไปมองคนถาม ไออุ่นจากตัวเขาที่มาพร้อมกับตัวเสื้อบวกกับความหนาของเสื้อหนาว ทำให้รู้สึกอุ่นเป็นพิเศษ แล้วย่อตัวลงนั่งข้างกองฟาง
“ทำไม? ปริมออกมานั่งคนเดียวล่ะ” หนุ่มจอมกวนนั่งลงข้าง ๆ ยัยตัวแสบ ถามอย่างสงสัย
“แล้วทำไมนายต้องออกมานั่งตรงนี้ด้วยล่ะ” ปริมาสวนคำ น้ำเสียงนั้นดูรำคาญไม่น้อย อุตส่าห์หนีเขายังตามมารังควานอีก
“ฉันกลัวว่า ฉันจะตบะแตก เพราะพวกนั้นเริ่มตั้งวงกินเหล้ากันอีกแล้ว” ชายหนุ่มบ้ายหน้าไปทางกลุ่มพวกผู้ชายที่ตั้งวงล้อมรอบกองไฟอยู่ทางด้านหลัง
“ที่จริง การกินเหล้า ก็เป็นสร้างสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนนะ” หนุ่มนักดนตรีพยายามยกข้อดีของการทานเหล้า
“การสร้างสัมพันธ์ใช้วิธีอื่นก็ได้ มีวิธีนี้วิธีเดียวหรือ ไม่เห็นต้องกินเหล้าเลย ไม่งั้นผู้หญิงเราต้องไปกินเหล้าเพื่อสร้างสัมพันธ์กันด้วยใช่ไหม เงินก็ต้องเสีย ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย ตัวก็เหม็น อร่อยก็ไม่อร่อย ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย” เธอสาธยายออกมาเป็นชุด
“การกินเหล้าจะทำให้เลือดเป็นกรด ตับ ไต ต้องทำงานหนักเพื่อขจัดของเสียนะ”
“ที่ปรามไม่กินเหล้าเลย เพราะได้รับอิทธิพลจากปริมนี่เอง” เพื่อนซี้ของเขาไม่เคยดื่มเหล้าเลยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ไม่ใช่หรอก พี่ปรามไม่กินเหล้า เพราะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับฉัน เพราะหากพี่ปรามยังกินอยู่ พี่ปรามจะห้ามไม่ให้กินเหล้า ฉันคงไม่เชื่อหรอกนะ เหมือนครูอาจารย์ที่ยังกินเหล้า สูบบุหรี่อยู่ไง ห้ามนักเรียน มันก็ดูไม่มีน้ำหนัก เพราะครูอาจารย์เองก็ยังทำไม่ได้เลย จริงไหม” เธอคิดว่า ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน
ปฏิการได้แต่ยิ้มแหย ๆ แทนคำตอบ ข้ออ้างของเขามันฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย
“แล้วนายไม่อยากกินเหล้าแล้วหรอ” เธอหันมาจ้องหน้าหนุ่มจอมกวน
“อยาก…” เขาทิ้งเสียงหายลงไปในลำคอ
“แต่…อยากเป็นเพื่อนกับปริมมากกว่า” แล้วหันมาสบตากับคนที่นั่งข้าง ๆ
“และฉันก็จำได้เสมอว่า ฉันสัญญากับเธอเอาไว้ ว่าจะเลิกกินเหล้า สูบบุหรี่ และเที่ยวเตร่เกเรเสเพล”
“จริง ๆ นายไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาก็ได้” เธอหลบสายตาของชายหนุ่ม มองพระจันทร์เสี้ยวที่คืนนี้มีดาวศุกร์เป็นเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ส่องแสงสว่างเจิดจ้า
“ไม่นะ ถ้าฉันสัญญาอะไรกับใครแล้ว จะต้องทำให้ได้เสมอ ที่สำคัญ…” เขาเงียบลงชั่วอึดใจก่อนที่จะพูดต่อไป
“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะ” ประโยคสุดท้ายเน้นเสียงชัดเจน
ความรู้สึกหวิวไหวในหัวใจวิ่งแทรกเข้ามาผ่านจากคำพูดทุกถ้อยคำของเขา ปริมารีบกลบเกลื่อนด้วยเสียงห้วน ๆ อย่างเคย ก่อนที่อีกฝ่ายจะจับความรู้สึกในใจของเธอได้
“ทำไมล่ะ”
“เพราะเธอทำให้ฉันมีแรงฮึดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย”
“ฉันไม่รู้…รู้แต่…อยากทำเพื่อเธอนะ ปริม”
แวบหนึ่งที่ความรู้สึกแปลก ๆ วิ่งผ่านเข้ามาในหัวสมองของปริมาอีกแล้ว พยายามมีสติตื่นเต็มฟังเพื่อนพี่ชายพูดอย่างเป็นกลางที่สุด แต่หัวใจก็ยังอดปลื้มไม่ได้ เมื่อมีคน ๆ หนึ่งเข้ามาให้ค่าให้ความสำคัญกับเธอ
“ทำเพื่อตัวเองเถอะ ไม่ต้องทำเพื่อฉันหรอก สิ่งที่ฉันบอกนายก็คือสิ่งที่ดีสำหรับตัวนายเอง” เสียงห้วน ๆ ลดดีกรีลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในพฤติกรรมของชายหนุ่มจากคำบอกเล่าของพี่ชาย และจากสายตาของตัวเอง
“ปริม…ฉันมีอะไรจะให้เธอดู” คนข้าง ๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้เธออีกนิด หยิบกระดาษสีขาวจากกระเป๋าเสื้อออกมาคลี่
“ผ่านมาหนึ่งปีกว่าแล้วนะ ที่ฉันพยายามทำตามสัญญา และนี่คือหลักฐานที่ฉันจะเอามาให้เธอดู” เขาเปิดไฟฉายขึ้นส่องแสงลงบนกระดาษขาว แล้วส่งแผ่นกระดาษสีขาวอีกใบให้เธอ
“ที่เธอถืออยู่คือผลการเรียนของฉันปีก่อน และแผ่นที่อยู่ในมือฉันคือผลการเรียนล่าสุดนะ”
ปริมาใช้สายตาไล่ตัวอักษรแต่ละวิชาเทียบกันระหว่างปีก่อนกับปีที่ผ่านมา ผลการเรียนของปฏิการดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เรียกว่า พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว คะแนนทุกวิชาของเขาสูงมาก และเรียนได้เกรดดีกว่าเธอเสียอีก
“นายเรียนได้ดีขึ้นมาก ๆ เลยนะ ตั้งใจเรียนก็เรียนได้ดีนี่”
หนุ่มผมยาวยิ้มหน้าบานเมื่อได้รับคำชมเป็นครั้งแรก ที่สำคัญมีโอกาสได้นั่งใกล้ชิดกับเธอขนาดนี้ ได้มองยัยตัวแสบใกล้ ๆ รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วส่งผักให้โรงพยาบาลเป็นยังไงมั่ง” เขาอยากรู้ว่า โรงพยาบาลโอนเงินให้เธอไวขึ้นหรือยัง?
“ขายดีอยู่ แต่ตอนนี้ฉันต้องใช้เงินส่วนที่กู้ธนาคารมาจ่ายให้เกษตรกรไปก่อน”
“แล้ว...ได้ไปคุยกับโรงพยาบาลเรื่องการโอนเงินดูหรือยัง?”
“ฉันจะไปคุยได้ไง กลับไปดูสัญญามันระบุไว้ในสัญญาเรื่องการจ่ายเงินด้วยนะ”
ปฏิการขมวดคิ้ว ที่เขาไปคุยกับพ่อ คุยกับปักษา หรือแม้แต่คุยกับปกป้อง มันไม่มีผลอะไรเลย ไม่มีใครช่วยได้เลยแม้แต่คนเดียว
“มันแปลกนะ มีเงินโอนจากโรงพยาบาลมา แต่ฉันหาไม่เจอเลยว่า เป็นการส่งผักบิลไหน ฉันตัดบิลไม่ถูกเลย โอนมาหลายครั้งแล้วด้วย ครั้งหนึ่งเป็น
หมื่น ๆ ฉันเลยไม่กล้าใช้เงินนี้เลย ไม่รู้เงินของใครกันแน่!” เธออดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นเงินของใคร?
หนุ่มจอมกวนอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบไปว่า
“ตรวจดีแล้วเหรอ” เขาไม่คิดว่าเธอจะละเอียดขนาดนี้เลย เกือบลืมไปว่าเธอเรียนบัญชี
“ถึงมันจะระบุในสัญญา แต่มันก็น่าจะคุยกันได้นะ”
“ไว้ฉันจะลองไปคุยดู” หลังจากกลับจากงานนี้ เธอคงต้องหาเวลาไปถามโรงพยาบาลให้รู้เรื่องว่า โอนค่าผักบิลไหนกันแน่!
แสงสีขาววิ่งตัดผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มพุ่งหลาวลงสู่พื้นเบื้องล่าง
“ปริม…ดาวตกอธิษฐานสิ”
เขาและเธอต่างหลับตาอธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง
“อธิษฐานว่าไงหรอปริม บอกได้ไหม”
“นายล่ะ” เธอหันหน้ามาย้อนถาม
“ฉันถามก่อนนะ” หนุ่มผมหน้าหวานขมวดคิ้วย่น ทำหน้างอ
“นายก็บอกก่อนดิ” เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“ไม่บอก!”
“ก็ไม่ต้องบอก! ไม่เห็นจะอยากรู้เลย โธ่…!!” ปริมาเบะปาก
ปฏิการอมยิ้มที่ยัยตัวแสบดูเป็นกันเองกับเขามากขึ้นอีกนิด พยายามชวนพูดคุย เพื่อจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ ๆ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ปริมชอบดูดาวมั้ย” หนุ่มนักดนตรีมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ชอบสิ” ปริมายกเข่าขึ้นมากอดไว้ สายตาจดจ้องอย่างหลงใหลในความงามของดวงดาว
“ชอบดาวอะไรหรอ”
“ดาวศุกร์” เธอมองไปยังดาวที่ส่องแสงสว่างสุกใสอยู่ใกล้พระจันทร์เสี้ยว
“ทำไมล่ะ”
“ก็ฉันเกิดวันศุกร์ไง อีกอย่างนะ ดาวศุกร์จะเป็นดาวที่ใสสว่างกว่าเพื่อนเสมอเลย มีหน้าที่คอยติดตามพระจันทร์ในบางคืนนะ” เธอยิ้มบาง ๆ ในสีหน้า สายตาไม่หนีห่างจากแสงระยิบระยับของดวงดาวนับร้อยพันบนผืนฟ้ากว้าง
ท้องฟ้าคืนนี้ปลอดโปร่ง ยิ่งนั่งดูอยู่บนยอดเขาเช่นนี้ ทำให้ได้สัมผัสกับความกว้างของท้องฟ้าอย่างแท้จริง และได้อยู่ใกล้ชิดอาณาจักรของดวงดาวอันงดงาม
“โน่นดาวอะไรหรอปริม” เขาชี้ไปที่ดาวเรียงตัวกันสามดวง
เธอมองตามมือของเขาก่อนตอบ “ดาวไถไง”
“นั่นดาวเต่านะ” หญิงสาวชี้ไปที่ดาวสี่ดวงเรียงกันเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีดาวสามดวงเรียงกันอยู่ตรงกลาง “อันโน้น ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าดาวอะไร แต่ฉันเรียกว่าดาวกระบวยนะ หน้าตามันเหมือนกระบวยดี” คนพูดหัวเราะเบา ๆ
หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้เธอคนนี้ เขามองเห็นดวงตาใสแจ๋วปริมาเป็นประกายเวลาจ้องมองดวงดาว ได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากแห่งความเฉยชาและเคร่งเครียดเสมอที่พบกัน เขารู้สึกว่าขณะนี้คนข้าง ๆ กำลังอารมณ์ดีทีเดียว กำลังเพลินกับการพูดคุยกับดวงดาวงดงามบนท้องฟ้า เขาอยากรักษาความรู้สึกของเธอและเขาขณะนี้เอาไว้ ที่ได้มีโอกาสจูนคลื่นความถี่แห่งมิตรภาพให้ขยับเข้ามาใกล้กัน
“ปริม…เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“ฮื่อ…ได้สิ”
“ฉันไม่ต้องตัดผมได้มั้ย” หนุ่มหน้าหวานจำได้ว่าเงื่อนไขในการเป็นเพื่อนกับเธอข้อหนึ่งต้องตัดผมสั้นด้วย
“ได้” ยัยตัวแสบหลุดปากพูดออกไปอย่างกำลังเพลิน ๆ ไม่ได้ตั้งใจ
“จริงนะ เธอรับปากแล้วนะ” เขาหันมาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างดีใจ ที่ได้ขยับฐานะจากแค่คนรู้จักขึ้นมาเป็นเพื่อนของเธอได้แล้ว
“เธอยอมรับฉันแล้วใช่ไหม”
“ก็…เป็นเพื่อนไง นายก็เป็นคนดีแล้วหนิ” สาวชาวสวนหันมายิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก
“นายเห็นรึเปล่าว่า นายทุกข์กับปัญหาครอบครัวไปก็เปล่าประโยชน์ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อะไร ๆ มันก็จะดีเอง ที่สำคัญนายจะได้เป็นกำลังใจให้กับคนในบ้านนายได้ ไม่ใช่สร้างปัญหาขึ้นมาอีกให้มันยิ่งย่ำแย่กว่าเดิมนะ”
“ขอบใจ…ปริมมาก ๆ นะ” เขามองเธออย่างชื่นชม ทุกถ้อยคำของหญิงสาวมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เหมือนที่เขาได้พิสูจน์ตามคำพูดของเธอด้วยตัวเองแล้ว
“ปริมดูรูปแม่ฉันมั้ย” เขารู้สึกอยากให้เธอรู้จักกับแม่ของเขาจัง และอยากให้ผู้หญิงที่เขารักที่สุดได้รู้จักกับเธอด้วย อยากอวดแม่ว่า เขามีแฟนน่ารัก และเก่งมาก เหมือนที่แม่เคยสอนเสมอว่า ให้ดูแลตัวเองและพึ่งตัวเองให้ได้ ไม่ต้องรอพึ่งคนอื่น แต่ตอนนี้ไม่รู้แม่อยู่ที่ไหน ไม่เป็นไร! ให้เธอรู้จักแม่ของเขาก่อนก็แล้วกัน เขาดึงสร้อยล็อกเกตออกมาจากด้านในของเสื้อ เปิดฝาล็อกเกตยื่นให้คนข้าง ๆ ดู พลางขยับตัวเข้าไปใกล้เธออีกนิด
“แม่ฉันเอง”
ปริมายื่นหน้ามองรูปจากล็อกเกตในมือของหนุ่มหน้าหวาน เธอคิดว่า เขาต้องรักแม่มากถึงได้พบรูปแม่ห้อยติดตัวขนาดนี้
“แม่นายสวยมาก” เธอมองผู้หญิงในรูปกำลังยิ้มหวาน
“นายหน้าเหมือนแม่เปี๊ยบเลย สำเนาถูกต้องนะ” สาวชาวสวนมองดูรูปในล็อกเกตแล้วเงยหน้ามองเจ้าของสร้อย โดยเฉพาะรอยยิ้มหวานของเขาเหมือนแม่มาก หญิงสาวผงะเล็กน้อย เมื่อพบสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองเธอนิ่งงัน รอยยิ้มบาง ๆ ระบายอยู่บนสีหน้าของหนุ่มผมยาว เธอมองเห็นเงาของตัวเองอยู่ในดวงตาคู่นั้น แล้วขยับตัวรีบถอยตัวออกมาให้ห่างจากใบหน้าของชายหนุ่มที่รู้สึกว่า อยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมด รีบหันหน้าหนีมองขึ้นไปบนท้องฟ้า