สวัสดีค่ะ คุณเคยอยากย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขอะไรไหม?
เราเป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนที่อยากย้อนเวลากลับไปเพื่อช่วยคนที่เรารักที่สุดในชีวิต เพราะทุกอย่างมันยังติดอยู่ในใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเรา....
คืนวันที่ 8 กันยายน 2021
แม่ : ฟ้า วันนี้อย่านอนดึกนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำบุญให้ยาย
ฟ้า : อืม
“ พรุ่งนี้ เป็นวันครบรอบ 12 ปี ที่ยายได้จากไปแบบไม่มีวันกลับ คิดถึงยายจัง ถ้ายายยังอยู่ป่านนี้หนูคงมีความสุขมากกว่านี้ “
เช้าวันที่ 9 กันยายน 2021
เราได้ไปทำบุญให้ยายและไปทำงานต่อ เราคิดถึงยายทั้งวัน และได้แต่นั่งโทษตัวเองว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่านะ ที่ทำให้ยายต้องตาย
เมื่อสองปีที่แล้วพี่สาวเราพูดกับเราว่า ที่ยายต้องตายนั่นเป็นเพราะเรา จากที่เราก็รู้สึกผิดอยู่แล้วพอพี่สาวมาพูดแบบนี้มันยิ่งทำให้เราเสียใจ ยิ่งทำให้เรารู้และมั่นใจว่า เรื่องทุกอย่างสาเหตุมันมาจากเรา
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เราอายุ 9 ขวบ และด้วยความที่เป็นโรงเรียนบ้านนอก เราเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ 1 ปี ทำให้ตอนนี้เราอยู่ชั้น ป. 4 ในอายุ แค่ 9 ขวบ เรามีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เราเป็นลูกคนที่ 2 เราอาศัยอยู่กับตาและยาย ส่วนพี่สาวและน้องเราทั้งหมดอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ระยอง มีแค่เราคนเดียวที่แม่ทิ้งให้อยู่กับตาและยาย เราเคยน้อยใจว่าทำไมไม่เอาเราไปอยู่ด้วย แต่เราไม่เคยเสียใจเลยที่ได้อยู่กับตาและยาย เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้เราได้อยู่กับยายจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
ทุกๆ วันของการไปโรงเรียนตาจะไปส่งเรา บางวันก็ขับรถอีแต๊กไปส่ง บางวันก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่ง เป็นแบบนี้ทุกวันเลยค่ะ นึกถึงช่วงนั้นแล้วมีความสุขจังเลยเนอะ เราไม่เคยอายเพื่อนๆเลยที่ตาขับรถอีแต๊กไปส่ง เราดีใจและภูมิใจมากที่ตาไปส่งทุกวัน เราไม่เคยรู้สึกขาดความอบอุ่นเลย ทั้งๆที่เราไม่เคยได้อยู่กับพ่อและแม่ จำความได้เราก็อยู่กับตาและยายแล้ว เราไปไร่กับตายายทุกครั้งที่มีโอกาส เรามีความสุขที่สุดแบบหาไม่ได้แล้วในชีวิตนี้
จนกระทั่งวันนั้น.......
เมื่อวัน พุธ ที่ 9 กันยายน 2009 วันนั้นเป็นวันที่เรามีเรียนวิชาลูกเสือเนตรนารี คุณตาได้มาส่งเราที่โรงเรียนตามปกติ แต่เราก็ดันลืมหมวกเนตรนารี คุณตาเลยกลับไปเอาหมวกมาให้พร้อมกับยายที่มาด้วยกัน ตาเอาหมวกเข้ามาให้เราในโรงเรียนคนเดียวส่วนคุณยายยืนรอที่หน้าโรงเรียน และคุณตาก็ขับรถออกไปรับยายส่วนเราก็ขึ้นห้องเรียนตามปกติ
และหลังจากขึ้นห้องเรียนไปแค่ไม่กี่นาที ตอนนั้นเวลา 09.00 น. เราได้ยินเสียงรถชนดังตู้ม แค่ไม่กี่นาทีต่อมาเราก็ได้ยินเสียงรถกู้ภัย ดัง วี๊วอๆๆๆๆๆๆ มาที่เกิดเหตุที่หน้าโรงเรียนเรา ด้วยความที่เป็นเด็กและปากไว เราพูดกับเพื่อนว่า “รถมาเก็บศพใครวะ” และเรากับเพื่อนๆในกลุ่มก็เดินลงไปดูที่หน้าโรงเรียน มีรุ่นพี่ ป.5 เดินมาบอกว่าคุณตาและคุณยายฟ้าโดนรถชน ในตอนนั้นเราไม่เชื่อเรานึกว่าพี่เขาอำ เราเลยเดินไปอีกพอจะใกล้ถึงหน้าโรงเรียน
คุณครูประจำชั้นของเราก็เดินมาบอกว่า "คุณตากับคุณยายฟ้าโดนรถชน" ตอนนั้นเราตกใจมาก เราไม่เชื่อและตอนนั้นรถกู้ภัยก็ส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลเรียบร้อย เราเลยไม่เห็นว่าใครกันแน่ที่โดนชน เราเลยตัดสินใจเดินไปดูใกล้ๆ และสิ่งที่ทำให้เราเชื่อและน้ำตามันก็ไหลออกมาแบบไม่อายเพื่อนก็คือ รองเท้าของคุณยายเราเอง รองเท้าแตะสีฟ้าคู่นั้นที่เราชอบแย่งยายใส่ประจำ แต่ละข้างกระเด็นอยู่คนละที่ และรถมอเตอร์ไซค์คันสีฟ้าครามที่ล้มอยู่ข้างถนน เราช็อคมากเราร้องไห้ส่วนเพื่อนๆในกลุ่มและคุณครูก็เดินมาปลอบว่า ตากับยายไม่เป็นอะไรหรอก และเหตุการณ์ทีเราจำได้ขึ้นใจเลย คือขณะที่เรานั่งร้องไห้และเพื่อนกำลังปลอบเราที่โรงอาหารก็มีเพื่อนคนนึงชื่อเมย์ เดินมาหาเราหัวเราะใส่เราและพูดว่า “555555ฟ้าตากับยายโดนรถชน” แล้วมันก็หัวเราะอยู่แบบนั้น เราก็ยิ่งร้องไห้ จนเพื่อนเราทนไม่ไหวเลยด่าเมย์ไปชุดใหญ่และไล่ไปที่อื่น (ปัจจุบันเมย์เสียแล้วนะคะ เกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ชนเสาร์ไฟฟ้าเสียชีวิตคาที่เมื่อสองปีที่แล้ว) และเรื่องก็ดำเนินมาถึงช่วงเที่ยง ข่าวตายกับยายเราก็มาค่ะ ตาเราปลอดภัยแล้ว
แต่ยายเราอาการหนัก ต้องส่งโรงพยาบาลใหญ่ และข่าวมาอีกทีในช่วงบ่ายคืออาการยายตอนนี้คือ 50/50 เพราะเลือดคลั่งในสมอง และในบ่ายของวันนั้น ญาติเราก็มารับและแจ้งข่าวว่ายายเสียชีวิตแล้ว เรากลับบ้านไปพร้อมกับญาติและร้องไห้เฝ้าศพยาย ตอนนั้นคุณตายังไม่รู้เลยค่ะว่ายายเสียแล้ว แม่เราพาพี่สาวและน้องๆ รีบกลับมาจากระยองเพื่อมางานศพยาย ตลอด 3 วัน เรานั่งร้องไห้เฝ้าหน้าศพยาย อยู่อย่างนั้นจนถึงวันเผาเราก็ยังทำใจไม่ได้ เราอยากกอดยายมาก ศพยายเราสวยมากเลย ยายยิ้มตลอด เราทำใจไม่ได้จริงๆ เราอยากกอดยายมากแต่ผู้ใหญ่ไม่ให้กอดเพราะกลัวน้ำตาจะหยดใส่ยาย เขาบอกว่ายายทางที่ยายจะไปจะมีแม่น้ำมาขวางกั้นทำให้ยายไม่ไปสบาย
ในช่วงเวลางานศพของยาย 3 วันนั้น ญาติพี่น้องก็มามากมายเลย และก็มีพิธีการคั่วข้าวตอกแตก ไม่รู้ในภาษาภาคกลางเรียกว่าอะไรนะ มันคือการเอาข้าวเปลือกมาคั่ว ว่าใครจะคั่วแตกดีกว่ากัน ถ้าใครคั่วแตกได้ดีและเยอะที่สุดคนนั้นก็คือคนที่ยายรักที่สุด และก็มีเหตุการณ์ไฟไหม้เตาแก๊ส ทุกคนแตกตื่นมากหลายคนเชื่อว่ายายเราแกล้ง ยายเราเป็นคนเฮฮาค่ะ ภาษาอีสานเขาจะเรียกว่า เป็นคนมักม่วน เขาเลยคิดแบบนั้นกัน แต่จนถึงวันเผาตาเราก็ยังไม่รู้นะว่ายายเสียแล้ว ไม่มีใครกล้าบอกเพราะกลัวตาจะช็อค เพราะตาเราก็ค่อนข้างอาการหนักหน้าผากเป็นเหมือนหลุมอุกกาบาตเลยค่ะ จนวันเผา เราเป็นคนถือรูปยายและส่งยายขึ้นสวรรค์ เผาเสร็จตาก็ออกจากโรงพยาบาลและต้องกลับมารับรู้ว่ายายเสียแล้ว ตาร้องไห้หนักมาก และโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง เราสงสารตามากๆ ทุกคนต่างร้องไห้และเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ตัดมาที่เรื่องของคดีความ และการเกิดเหตุ ก่อนถึงหน้าโรงเรียนเราจะมีทางโค้ง และตรงข้ามโรงเรียนเราจะเป็นตู้เติมน้ำมัน พอตาเอาหมวกมาให้เราเสร็จตาก็ขับออกไปรับยาย และกำลังจะข้ามไปเติมน้ำมันรถเพื่อที่จะไปธนาคาร และจังหวะนั้นก็มีรถเก๋งคันสีเหลืองออกจากทางโค้งมาชนตากับยายเราอย่างจัง คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ายายเรากระเด็นขึ้นบนฟ้าเลยค่ะ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่เราเท้ากระเด็นไปอยู่คนละข้าง ยายเราไม่มีเลือดออกที่หัว แต่ตรงขาบริเวณข้อเท้ายายขาด(ตอนที่จะเผาศพได้มีการเอาผ้าที่พันขาออก เลือดยายไหลซึมออกมานองโลงเลยค่ะ) ส่วนตาของเราเลือดหัวพุ่งกระฉูด เลยไม่มีอาการเลือดคลั่งในสมอง แม่เล่าว่าคนขับรถเก๋งคันนั้นคือผู้หญิงท้องแก่ที่ขับรถมากับสามี แล้วก้มดูอะไรสักอย่าง เลยไม่เห็นตากับยายเราที่กำลังข้ามถนนเลยชนเข้าอย่างจัง บอกไว้ก่อนว่าตาเรามองซ้ายมองขวาแล้วค่ะค่อยข้ามและด้วยความเป็นทางโค้งรถเก๋งเลยอาจจะไม่ทันระวัง สุดท้าย สามีรับผิดแทนภรรยาค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนั้นถึงให้ภรรยาเป็นคนขับ เขาจ่ายให้ครอบครัวเราสามแสนค่ะ เราเองก็ไม่รู้ว่าเงินส่วนนี้ใครเอาไปทำอะไรบ้างเพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เขาก็มาเยี่ยมตาเราแค่ครั้งสองครั้ง และทางครอบครัวเราก็ไม่ได้ติดใจเอาความ จบเรื่องคดีความ
หลังจากที่ยายเราเสีย หลายๆคนเจอยายเราหลอก บ้างก็เห็นยายนั่งร้องไห้ที่หน้าโรงเรียน บ้างก็เห็นนั่งร้องไห้ที่บ้านสวนที่ติดวัด (ตอนที่ยายยังไม่เสีย ตายายและเราอยู่ที่บ้านสวนค่ะ พอยายเสียก็พากันย้ายกลับมาที่บ้านใหญ่) มีไปหลอกพระที่วัดใกล้บ้านสวนด้วย พระท่านเล่าว่าได้ยินเสียงคนร้องไห้ และตอนที่ท่านอาบน้ำจู่ๆน้ำก็กลายเป็นสีแดงเลือด หลายคนที่โดนหลอกแต่เราไม่เคยเจอเลย ตั้งแต่ยายเสียเราฝันถึงยายสามครั้ง ครั้งแรกและครั้งที่สองยายมาหามาเล่นด้วย และครั้งสุดท้ายยายมาลาบอกว่าแม่จะไปแล้วนะลูก เรากอดยายและร้องไห้ทุกครั้งฝันถึงยาย มันเป็นความรู้สึกที่คิดถึง ห่วงหา ร้องไห้แบบจะขาดใจ ตื่นมาก็ยังสะอื้นอยู่อย่างนั้น และเราก็ไม่ฝันถึงยายอีกเลย
เหตุการณ์ก่อนที่ยายจะเสีย
- ป้าเราฝันว่า ป้ากับยายโดนควายตัวใหญ่มากไล่ขวิด ป้าเราหนีทันแต่ยายเราหนีไม่ทัน ยายโดนควานตัวใหญ่ชนจนตาย
- และเราเองที่ช่วงก่อนที่ยายจะเสียเราชอบไปกอดไปหอมยายเป็นพิเศษ ทั้งกอดทั้งหอมตลอด เหมือนจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว จนยายพูดว่า อย่ากอดอย่าหอมเยอะมันเป็นลางไม่ดี เราก็ไม่รู้ว่าที่ยายพูดหมายถึงอะไร เราก็ยังคงกอดหอมยายอยู่แบบนั้น จนวันสุดท้ายที่ยายต้องจากไป ทุกวันนี้เราเข้าใจแล้วว่าที่ยายพูดนั้นหมายถึงอะไร
เราเคยถามตาว่า พ่อเสียใจไหมที่แม่เสียแล้วไม่ได้ไปส่งไปเผาแม่เลย(เราเรียกตายายว่าพ่อกับแม่) ตาบอกว่ามันก็เสียใจแต่จะทำยังไงได้มันผ่านมาแล้ว ทุกวันนี้ตามีเมียใหม่แล้วค่ะ ตาบอกว่าเหงาไม่มีคนไปไร่ไปนาด้วย แม่เราเลยไปแต่งเมียใหม่ให้ ทุกวันนี้ตาก็มีความสุขดี สุขภาพแข็งแรงมากๆ
ทุกอย่างมันเหมือนจะดีขึ้นนะ แต่เราไม่สามารถลืมได้เลย เราคิดโทษตัวเองและติดอยู่ในใจทุกวันว่ามันเป็นเพราะเรา ถ้าตาไม่ได้เอาหมวกเข้ามาให้ ตาคงเลี้ยวไปเติมน้ำมันได้ก่อนที่รถเก๋งคันนั้นจะมาชน ถ้าเราไม่กอดไม่หอมยายให้มันเป็นลางไม่ดียายคงไม่ตาย เราลืมไม่ได้จริงๆแม้จะผ่านมา 12 ปีแล้ว แต่เราลืมไม่ลง เราคิดถึงยายทุกวันอยากกอดยายมาก ถ้ายายยังอยู่ป่านนี้เราคงได้อยู่พร้อมน่าพร้อมตา เราได้แต่ภาวนาทุกวันว่าตื่นมาขอให้ได้ย้อนเวลากลับไปวันนั้น กลับไปช่วยตากับยาย แต่ถ้าต้องมีสักคนที่ต้องตาย เราขอตายแทนเอง ก่อนนอนเราขอพรทุกวันว่าถ้าเป็นไปได้ขอให้คนที่ตายเป็นเราแทนได้ไหม ทำไมคนที่ตายไม่เป็นเรา แต่ต้องตื่นมาเจอกับความจริงทุกวันว่ายายไม่กลับมาแล้ว เราทนไม่ไหวที่จะต้องเสียคนที่รักที่สุดไป
เราบอกแม่กับตาว่า “แม่ พ่อ ถ้าจะมีไผที่ตายก่อน ฟ้าขอตายก่อนเด้อ ฟ้าทำใจบ่ได้ที่จะต้องมาเผาพ่อกับแม่ ถ้าเป็นไปได้ให้ฟ้าตายก่อนนะ ถ้าบ่มีพ่อกับแม่แล้วฟ้าจะบ่ต่างจากตายทั้งเป็น แม่มีลูกหลายคนอยู่เสียใจบ่ดนดอก จั่งใด๋กะมีน้องดูแลยามเฒ่า ส่วนพ่อกะยังมีแม่อยู่ ฟ้าน่ะบ่มีไผ ถ้าพ่อกับแม่ตายไปฟ้าจักสิอยู่จั่งใด๋ ให้ฟ้าตายก่อนดีเด้อ”
เรื่องของเรามันก็จะยาวหน่อยนะ ระหว่างที่พิมพ์ก็น้ำตาไหลไปด้วย คิดถึงยายสุดหัวใจ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ
......................................
คุณเคยอยากย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้สิ่งที่ผิดพลาดไหม?
เราเป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนที่อยากย้อนเวลากลับไปเพื่อช่วยคนที่เรารักที่สุดในชีวิต เพราะทุกอย่างมันยังติดอยู่ในใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเรา....
คืนวันที่ 8 กันยายน 2021
แม่ : ฟ้า วันนี้อย่านอนดึกนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำบุญให้ยาย
ฟ้า : อืม
“ พรุ่งนี้ เป็นวันครบรอบ 12 ปี ที่ยายได้จากไปแบบไม่มีวันกลับ คิดถึงยายจัง ถ้ายายยังอยู่ป่านนี้หนูคงมีความสุขมากกว่านี้ “
เช้าวันที่ 9 กันยายน 2021
เราได้ไปทำบุญให้ยายและไปทำงานต่อ เราคิดถึงยายทั้งวัน และได้แต่นั่งโทษตัวเองว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่านะ ที่ทำให้ยายต้องตาย
เมื่อสองปีที่แล้วพี่สาวเราพูดกับเราว่า ที่ยายต้องตายนั่นเป็นเพราะเรา จากที่เราก็รู้สึกผิดอยู่แล้วพอพี่สาวมาพูดแบบนี้มันยิ่งทำให้เราเสียใจ ยิ่งทำให้เรารู้และมั่นใจว่า เรื่องทุกอย่างสาเหตุมันมาจากเรา
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เราอายุ 9 ขวบ และด้วยความที่เป็นโรงเรียนบ้านนอก เราเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ 1 ปี ทำให้ตอนนี้เราอยู่ชั้น ป. 4 ในอายุ แค่ 9 ขวบ เรามีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เราเป็นลูกคนที่ 2 เราอาศัยอยู่กับตาและยาย ส่วนพี่สาวและน้องเราทั้งหมดอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ระยอง มีแค่เราคนเดียวที่แม่ทิ้งให้อยู่กับตาและยาย เราเคยน้อยใจว่าทำไมไม่เอาเราไปอยู่ด้วย แต่เราไม่เคยเสียใจเลยที่ได้อยู่กับตาและยาย เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้เราได้อยู่กับยายจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
ทุกๆ วันของการไปโรงเรียนตาจะไปส่งเรา บางวันก็ขับรถอีแต๊กไปส่ง บางวันก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่ง เป็นแบบนี้ทุกวันเลยค่ะ นึกถึงช่วงนั้นแล้วมีความสุขจังเลยเนอะ เราไม่เคยอายเพื่อนๆเลยที่ตาขับรถอีแต๊กไปส่ง เราดีใจและภูมิใจมากที่ตาไปส่งทุกวัน เราไม่เคยรู้สึกขาดความอบอุ่นเลย ทั้งๆที่เราไม่เคยได้อยู่กับพ่อและแม่ จำความได้เราก็อยู่กับตาและยายแล้ว เราไปไร่กับตายายทุกครั้งที่มีโอกาส เรามีความสุขที่สุดแบบหาไม่ได้แล้วในชีวิตนี้
จนกระทั่งวันนั้น.......
เมื่อวัน พุธ ที่ 9 กันยายน 2009 วันนั้นเป็นวันที่เรามีเรียนวิชาลูกเสือเนตรนารี คุณตาได้มาส่งเราที่โรงเรียนตามปกติ แต่เราก็ดันลืมหมวกเนตรนารี คุณตาเลยกลับไปเอาหมวกมาให้พร้อมกับยายที่มาด้วยกัน ตาเอาหมวกเข้ามาให้เราในโรงเรียนคนเดียวส่วนคุณยายยืนรอที่หน้าโรงเรียน และคุณตาก็ขับรถออกไปรับยายส่วนเราก็ขึ้นห้องเรียนตามปกติ
และหลังจากขึ้นห้องเรียนไปแค่ไม่กี่นาที ตอนนั้นเวลา 09.00 น. เราได้ยินเสียงรถชนดังตู้ม แค่ไม่กี่นาทีต่อมาเราก็ได้ยินเสียงรถกู้ภัย ดัง วี๊วอๆๆๆๆๆๆ มาที่เกิดเหตุที่หน้าโรงเรียนเรา ด้วยความที่เป็นเด็กและปากไว เราพูดกับเพื่อนว่า “รถมาเก็บศพใครวะ” และเรากับเพื่อนๆในกลุ่มก็เดินลงไปดูที่หน้าโรงเรียน มีรุ่นพี่ ป.5 เดินมาบอกว่าคุณตาและคุณยายฟ้าโดนรถชน ในตอนนั้นเราไม่เชื่อเรานึกว่าพี่เขาอำ เราเลยเดินไปอีกพอจะใกล้ถึงหน้าโรงเรียน
คุณครูประจำชั้นของเราก็เดินมาบอกว่า "คุณตากับคุณยายฟ้าโดนรถชน" ตอนนั้นเราตกใจมาก เราไม่เชื่อและตอนนั้นรถกู้ภัยก็ส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลเรียบร้อย เราเลยไม่เห็นว่าใครกันแน่ที่โดนชน เราเลยตัดสินใจเดินไปดูใกล้ๆ และสิ่งที่ทำให้เราเชื่อและน้ำตามันก็ไหลออกมาแบบไม่อายเพื่อนก็คือ รองเท้าของคุณยายเราเอง รองเท้าแตะสีฟ้าคู่นั้นที่เราชอบแย่งยายใส่ประจำ แต่ละข้างกระเด็นอยู่คนละที่ และรถมอเตอร์ไซค์คันสีฟ้าครามที่ล้มอยู่ข้างถนน เราช็อคมากเราร้องไห้ส่วนเพื่อนๆในกลุ่มและคุณครูก็เดินมาปลอบว่า ตากับยายไม่เป็นอะไรหรอก และเหตุการณ์ทีเราจำได้ขึ้นใจเลย คือขณะที่เรานั่งร้องไห้และเพื่อนกำลังปลอบเราที่โรงอาหารก็มีเพื่อนคนนึงชื่อเมย์ เดินมาหาเราหัวเราะใส่เราและพูดว่า “555555ฟ้าตากับยายโดนรถชน” แล้วมันก็หัวเราะอยู่แบบนั้น เราก็ยิ่งร้องไห้ จนเพื่อนเราทนไม่ไหวเลยด่าเมย์ไปชุดใหญ่และไล่ไปที่อื่น (ปัจจุบันเมย์เสียแล้วนะคะ เกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ชนเสาร์ไฟฟ้าเสียชีวิตคาที่เมื่อสองปีที่แล้ว) และเรื่องก็ดำเนินมาถึงช่วงเที่ยง ข่าวตายกับยายเราก็มาค่ะ ตาเราปลอดภัยแล้ว
แต่ยายเราอาการหนัก ต้องส่งโรงพยาบาลใหญ่ และข่าวมาอีกทีในช่วงบ่ายคืออาการยายตอนนี้คือ 50/50 เพราะเลือดคลั่งในสมอง และในบ่ายของวันนั้น ญาติเราก็มารับและแจ้งข่าวว่ายายเสียชีวิตแล้ว เรากลับบ้านไปพร้อมกับญาติและร้องไห้เฝ้าศพยาย ตอนนั้นคุณตายังไม่รู้เลยค่ะว่ายายเสียแล้ว แม่เราพาพี่สาวและน้องๆ รีบกลับมาจากระยองเพื่อมางานศพยาย ตลอด 3 วัน เรานั่งร้องไห้เฝ้าหน้าศพยาย อยู่อย่างนั้นจนถึงวันเผาเราก็ยังทำใจไม่ได้ เราอยากกอดยายมาก ศพยายเราสวยมากเลย ยายยิ้มตลอด เราทำใจไม่ได้จริงๆ เราอยากกอดยายมากแต่ผู้ใหญ่ไม่ให้กอดเพราะกลัวน้ำตาจะหยดใส่ยาย เขาบอกว่ายายทางที่ยายจะไปจะมีแม่น้ำมาขวางกั้นทำให้ยายไม่ไปสบาย
ในช่วงเวลางานศพของยาย 3 วันนั้น ญาติพี่น้องก็มามากมายเลย และก็มีพิธีการคั่วข้าวตอกแตก ไม่รู้ในภาษาภาคกลางเรียกว่าอะไรนะ มันคือการเอาข้าวเปลือกมาคั่ว ว่าใครจะคั่วแตกดีกว่ากัน ถ้าใครคั่วแตกได้ดีและเยอะที่สุดคนนั้นก็คือคนที่ยายรักที่สุด และก็มีเหตุการณ์ไฟไหม้เตาแก๊ส ทุกคนแตกตื่นมากหลายคนเชื่อว่ายายเราแกล้ง ยายเราเป็นคนเฮฮาค่ะ ภาษาอีสานเขาจะเรียกว่า เป็นคนมักม่วน เขาเลยคิดแบบนั้นกัน แต่จนถึงวันเผาตาเราก็ยังไม่รู้นะว่ายายเสียแล้ว ไม่มีใครกล้าบอกเพราะกลัวตาจะช็อค เพราะตาเราก็ค่อนข้างอาการหนักหน้าผากเป็นเหมือนหลุมอุกกาบาตเลยค่ะ จนวันเผา เราเป็นคนถือรูปยายและส่งยายขึ้นสวรรค์ เผาเสร็จตาก็ออกจากโรงพยาบาลและต้องกลับมารับรู้ว่ายายเสียแล้ว ตาร้องไห้หนักมาก และโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง เราสงสารตามากๆ ทุกคนต่างร้องไห้และเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ตัดมาที่เรื่องของคดีความ และการเกิดเหตุ ก่อนถึงหน้าโรงเรียนเราจะมีทางโค้ง และตรงข้ามโรงเรียนเราจะเป็นตู้เติมน้ำมัน พอตาเอาหมวกมาให้เราเสร็จตาก็ขับออกไปรับยาย และกำลังจะข้ามไปเติมน้ำมันรถเพื่อที่จะไปธนาคาร และจังหวะนั้นก็มีรถเก๋งคันสีเหลืองออกจากทางโค้งมาชนตากับยายเราอย่างจัง คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ายายเรากระเด็นขึ้นบนฟ้าเลยค่ะ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่เราเท้ากระเด็นไปอยู่คนละข้าง ยายเราไม่มีเลือดออกที่หัว แต่ตรงขาบริเวณข้อเท้ายายขาด(ตอนที่จะเผาศพได้มีการเอาผ้าที่พันขาออก เลือดยายไหลซึมออกมานองโลงเลยค่ะ) ส่วนตาของเราเลือดหัวพุ่งกระฉูด เลยไม่มีอาการเลือดคลั่งในสมอง แม่เล่าว่าคนขับรถเก๋งคันนั้นคือผู้หญิงท้องแก่ที่ขับรถมากับสามี แล้วก้มดูอะไรสักอย่าง เลยไม่เห็นตากับยายเราที่กำลังข้ามถนนเลยชนเข้าอย่างจัง บอกไว้ก่อนว่าตาเรามองซ้ายมองขวาแล้วค่ะค่อยข้ามและด้วยความเป็นทางโค้งรถเก๋งเลยอาจจะไม่ทันระวัง สุดท้าย สามีรับผิดแทนภรรยาค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนั้นถึงให้ภรรยาเป็นคนขับ เขาจ่ายให้ครอบครัวเราสามแสนค่ะ เราเองก็ไม่รู้ว่าเงินส่วนนี้ใครเอาไปทำอะไรบ้างเพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เขาก็มาเยี่ยมตาเราแค่ครั้งสองครั้ง และทางครอบครัวเราก็ไม่ได้ติดใจเอาความ จบเรื่องคดีความ
หลังจากที่ยายเราเสีย หลายๆคนเจอยายเราหลอก บ้างก็เห็นยายนั่งร้องไห้ที่หน้าโรงเรียน บ้างก็เห็นนั่งร้องไห้ที่บ้านสวนที่ติดวัด (ตอนที่ยายยังไม่เสีย ตายายและเราอยู่ที่บ้านสวนค่ะ พอยายเสียก็พากันย้ายกลับมาที่บ้านใหญ่) มีไปหลอกพระที่วัดใกล้บ้านสวนด้วย พระท่านเล่าว่าได้ยินเสียงคนร้องไห้ และตอนที่ท่านอาบน้ำจู่ๆน้ำก็กลายเป็นสีแดงเลือด หลายคนที่โดนหลอกแต่เราไม่เคยเจอเลย ตั้งแต่ยายเสียเราฝันถึงยายสามครั้ง ครั้งแรกและครั้งที่สองยายมาหามาเล่นด้วย และครั้งสุดท้ายยายมาลาบอกว่าแม่จะไปแล้วนะลูก เรากอดยายและร้องไห้ทุกครั้งฝันถึงยาย มันเป็นความรู้สึกที่คิดถึง ห่วงหา ร้องไห้แบบจะขาดใจ ตื่นมาก็ยังสะอื้นอยู่อย่างนั้น และเราก็ไม่ฝันถึงยายอีกเลย
เหตุการณ์ก่อนที่ยายจะเสีย
- ป้าเราฝันว่า ป้ากับยายโดนควายตัวใหญ่มากไล่ขวิด ป้าเราหนีทันแต่ยายเราหนีไม่ทัน ยายโดนควานตัวใหญ่ชนจนตาย
- และเราเองที่ช่วงก่อนที่ยายจะเสียเราชอบไปกอดไปหอมยายเป็นพิเศษ ทั้งกอดทั้งหอมตลอด เหมือนจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว จนยายพูดว่า อย่ากอดอย่าหอมเยอะมันเป็นลางไม่ดี เราก็ไม่รู้ว่าที่ยายพูดหมายถึงอะไร เราก็ยังคงกอดหอมยายอยู่แบบนั้น จนวันสุดท้ายที่ยายต้องจากไป ทุกวันนี้เราเข้าใจแล้วว่าที่ยายพูดนั้นหมายถึงอะไร
เราเคยถามตาว่า พ่อเสียใจไหมที่แม่เสียแล้วไม่ได้ไปส่งไปเผาแม่เลย(เราเรียกตายายว่าพ่อกับแม่) ตาบอกว่ามันก็เสียใจแต่จะทำยังไงได้มันผ่านมาแล้ว ทุกวันนี้ตามีเมียใหม่แล้วค่ะ ตาบอกว่าเหงาไม่มีคนไปไร่ไปนาด้วย แม่เราเลยไปแต่งเมียใหม่ให้ ทุกวันนี้ตาก็มีความสุขดี สุขภาพแข็งแรงมากๆ
ทุกอย่างมันเหมือนจะดีขึ้นนะ แต่เราไม่สามารถลืมได้เลย เราคิดโทษตัวเองและติดอยู่ในใจทุกวันว่ามันเป็นเพราะเรา ถ้าตาไม่ได้เอาหมวกเข้ามาให้ ตาคงเลี้ยวไปเติมน้ำมันได้ก่อนที่รถเก๋งคันนั้นจะมาชน ถ้าเราไม่กอดไม่หอมยายให้มันเป็นลางไม่ดียายคงไม่ตาย เราลืมไม่ได้จริงๆแม้จะผ่านมา 12 ปีแล้ว แต่เราลืมไม่ลง เราคิดถึงยายทุกวันอยากกอดยายมาก ถ้ายายยังอยู่ป่านนี้เราคงได้อยู่พร้อมน่าพร้อมตา เราได้แต่ภาวนาทุกวันว่าตื่นมาขอให้ได้ย้อนเวลากลับไปวันนั้น กลับไปช่วยตากับยาย แต่ถ้าต้องมีสักคนที่ต้องตาย เราขอตายแทนเอง ก่อนนอนเราขอพรทุกวันว่าถ้าเป็นไปได้ขอให้คนที่ตายเป็นเราแทนได้ไหม ทำไมคนที่ตายไม่เป็นเรา แต่ต้องตื่นมาเจอกับความจริงทุกวันว่ายายไม่กลับมาแล้ว เราทนไม่ไหวที่จะต้องเสียคนที่รักที่สุดไป
เราบอกแม่กับตาว่า “แม่ พ่อ ถ้าจะมีไผที่ตายก่อน ฟ้าขอตายก่อนเด้อ ฟ้าทำใจบ่ได้ที่จะต้องมาเผาพ่อกับแม่ ถ้าเป็นไปได้ให้ฟ้าตายก่อนนะ ถ้าบ่มีพ่อกับแม่แล้วฟ้าจะบ่ต่างจากตายทั้งเป็น แม่มีลูกหลายคนอยู่เสียใจบ่ดนดอก จั่งใด๋กะมีน้องดูแลยามเฒ่า ส่วนพ่อกะยังมีแม่อยู่ ฟ้าน่ะบ่มีไผ ถ้าพ่อกับแม่ตายไปฟ้าจักสิอยู่จั่งใด๋ ให้ฟ้าตายก่อนดีเด้อ”
เรื่องของเรามันก็จะยาวหน่อยนะ ระหว่างที่พิมพ์ก็น้ำตาไหลไปด้วย คิดถึงยายสุดหัวใจ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ
......................................