.
“เราไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว นายอย่าเข้าใจผิด แต่เราจะเอาเงินนี่นะ เพราะถึงยังไงคนเสียหายก็คือเรา ส่วนเรื่องเมื่อคืนเราไม่ถือ ไม่ผูกมัด ไม่ติดต่อ เราจะไม่เจอกันอีก เพราะเราสองคนต่างยอมกันทั้งคู่” รมิดาพูดพร้อมสวมบาร์หน้ากระจก อย่างไม่อายสายตาของคู่นอนที่พึ่งรู้จักกันเมื่อวาน
“อือ เอาไปเถอะ เอาไปหมดนั่นเลยก็ได้” พีรพงษ์พูดขณะที่ยังนอนอยู่บนเตียงนอนของโรงแรมม่านรูด ไม่ได้ใจปล้ำหรือรวยอะไร มันเพียงหมดอาลัยตายอยากเท่านั้น
ทั้งสองคนต่างไม่รู้จักชื่อของกันและกัน หลังจากที่เมื่อคืนเมากันมาก นั่งดื่มโต๊ะใกล้ ๆ กัน หัวอกเดียวกัน จึงคุยกันข้ามโต๊ะถูกคอ ชนแก้วกันข้ามโต๊ะ สุดท้ายก็มาจบกันที่ม่านรูดแห่งนี้ กับคำว่า ‘วันไนท์สแตน’
“ในกระเป๋านายมีห้าพัน ให้หมดเลยเหรอ แล้วนายจะกินไรอ่ะ เราเอาสามพัน เหลือให้นายสองพันแล้วกัน” รมิดาพูด ตนเองไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว ไม่เคยทำ ผู้ชายคนแรกคนเดียวคือคนที่พึ่งบอกเลิกไปเมื่อวาน และ คนที่สองคือผู้ชายคนนี้ คนที่ร่วมรักไปเมื่อคืน
“ขอบใจ! เมื่อคืนเธอดูดบุหรี่ด้วย เราว่ามันไม่ดีนะ สำหรับผู้หญิง” เขาพูด เขาเองก็ขอต่อบุหรี่จากเธอ แต่เขาเป็นผู้ชาย ทั้งเขาและเธอต่างนั่งดูดบุหรี่ด้วยกันชนแก้วด้วยกันจนดึก
“ไม่ต้องยุ่ง” รมิดาค่อนขอด สวมเสื้อผ้าจวนจะเสร็จแล้ว ส่วนพีรพงษ์ยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนอนเหมือนเดิม
“แล้วเธอชื่ออะไรอ่ะ” พีรพงษ์ถาม
“นายไม่จำเป็นต้องรู้! เราแต่งตัวเสร็จแล้ว เราขอตัวนะ หลังจากวันนี้เราจะไม่ติดต่อกันอีก เราจะไม่เจอกันอีก” รมิดาย้ำ หันมาสบตามองหน้ากับพีรพงษ์จัง ๆ ก่อนจะจากไปตลอดกาล จะไม่มาเจอกันอีก
“อือ” เขาพยักหน้า “โชคดี” จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายจากกัน เขาใจหายวาบเงียบ ๆ ที่จะไม่ได้เจอเธอคนนี้อีกแล้ว แม้ใจจะยังไม่ลืมแฟนสาวที่เลิกไปเมื่อวานก็ตาม แต่เธอก็กลายเป็นคนอื่นไปแล้ว เธอมีแฟนใหม่ก่อนหน้าที่จะบอกเลิกกับเขาด้วยซ้ำ เขารู้แต่ไม่พูด
สำหรับเธอคนนี้ ความรู้สึกมันแปลกใหม่ มันเกิดขึ้นใหม่ มันใจหายแปลก ๆ ที่จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ช่างเถอะ! ดีแล้วจะได้ไม่ต้องอายกัน จะได้ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อกัน เพราะไม่ได้รักกัน พีรพงษ์สลัดความคิดแปลก ๆ นั้นออกจากหัว ก่อนจะลุกเดินไปแต่งตัวกลับบ้าน
ทั้งเขาและเธอต่างไม่เจอกันอีก ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ ร้านเหล้าร้านเดิมเธอก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามา เขามารอเธอทุกวัน! ทุกวันเพื่อหวังว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเขามารอเพื่ออะไร ไม่ได้รู้สึกรัก ไม่ได้ติดใจในรสชาติสวาทนั้น เพียงแค่ใจมันอยากเจอ มันรู้สึกอยากเจอเธออีกครั้งเท่านั้นเอง เขาเที่ยวมานั่งร้านนี้นานนับสองปีแล้ว ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของเธอเลย แต่เขาก็ยังไม่สิ้นหวัง เขาจำเธอได้! เขาหวังว่าจะจำเธอได้นั่นแหละ
ชื่อก็ไม่รู้จัก เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเธอทั้งนั้น แต่เขาอยากตามหาเธอ อยากเจอเธอ อยากเจออีกครั้งก็พอ เขาเองยังโสด ไม่ยอมมีคนใหม่สักที เหมือนใจของเขากำลังรออะไรบางอย่าง
ฝ่ายของรมิดาเองหลังจากเลิกกับแฟนหนุ่ม หลังจากมีอะไรกันในคืนนั้นกับชายที่ไม่รู้จัก รมิดาก็ย้ายที่อยู่ใหม่ ย้ายไปจากที่อยู่เดิม เพื่ออยากลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่กลับไปร้านเหล้าร้านนั้นอีกเลย
สองปีกับเรื่องราวตลกร้าย อยากหัวเราะแต่หัวเราะไม่ออก จะโทษใครเธอทำตัวเองทั้งนั้น ห้าปีที่อยู่กินกับแฟนเก่าไม่มีวี่แววว่าจะท้อง แต่พอวันไนท์สแตนกับชายแปลกหน้าแค่คืนเดียว ดันมาท้องเสียอย่างนั้น ลูกใครกัน! จะลูกใครก็ตามเธอไม่กลับไปทวงสิทธิ์อะไรกับใครแน่นอน ทั้งสองคน!
รมิดาเก็บเด็กไว้ พอคลอดจึงนำไปฝากเลี้ยงไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า รมิดาไม่ได้ลืมลูกแค่ฝากเลี้ยง ตนเองเที่ยวไปเจออยู่บ่อย ๆ พ่อแม่ก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี ญาติที่เหลืออยู่ก็ไม่ดูดาย รมิดาตัวคนเดียว ชีวิตได้เจอผู้ชายที่แสนดีและจริงใจเพียงห้าปีก็กลายเป็นอื่น
“ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกหนูโตเข้าโรงเรียน หนูจะมารับกลับไปนะคะแม่อ้อม ช่วงนี้หนูฝากยัยหนูก่อนนะคะ” รมิดาพูดกับผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้า
“ไม่เป็นไรจ้ะน้องมิ แม่เลี้ยงรอได้ แค่ไม่ทิ้งน้องมิ้งก็พอ” คนที่ถูกเรียกว่าแม่อ้อมพูดปนยิ้ม ตอนนี้ลูกของรมิดาอายุเพียงขวบเศษ ๆ รมิดาจึงขอฝากเลี้ยงที่นี่ก่อน จากนั้นรมิดาก็ขอตัวกลับ สัญญากับตนเองว่าจะเก็บเงินมารับลูกไปอยู่ด้วยให้จงได้
พีรพงษ์ยืนดูบ้านเด็กกำพร้าอยู่ห่าง ๆ พักหลังมาตนเองฝันเห็นเด็กบ่อยมาก ฝันบ่อยจนหลงรักเด็กไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ภรรยาก็ไม่มีตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ยอมคบใครอีกเลย ยังไม่พร้อมจะผิดหวังในระยะเวลาแค่สองปี อีกอย่างอยากเจอผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งด้วย แม้เธอจะมีสามีไปแล้วก็ตาม
เขาสวมหมวกแก็ปยืนดูพวกเด็ก ๆ เล่นกันภายในบริเวณบ้าน ลังเลมานานว่าจะรับเลี้ยงลูกบุญธรรมดีไหม เด็กผู้ชายสักคน เขาฝันเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ บ่อยมาก มันแปลกชนิดที่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงฝันบ่อยเหลือเกิน ขณะที่เขากำลังยืนมองเด็ก ๆ เพลิน ๆ ก็มีผู้หญิงบางคนเดินออกมาจากในบ้าน เดินผ่านหน้าของเขาไป
เขาหันไปมอง คุ้นตามาก ๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นควักบุหรี่ออกมาดูด ทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ “หรือว่า!” เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะรีบวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไป “คุณครับ! คุณเดียวก่อนครับ” เขาวิ่งไปหาเธอคนนั้นทันที
รมิดาหยุดเดินตามเสียงเรียก ใครเรียก! ก่อนจะโยนบุหรี่ทิ้งแล้วใช้เท้าเหยียบไฟให้มอด “คะ” รมิดาหันไปมอง ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ทำไมหน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอกันมาแล้ว
ทั้งเขาและเธอจ้องหน้ากัน ขมวดคิ้วเข้าหากัน ต่างคนต่างพยายามนึก ก่อนจะอ้าปากค้างพร้อมชี้หน้ากัน อุทานออกมาพร้อมกัน ทั้งสองคนจำกันและกันได้แล้ว
“นาย!”
“เธอ!”
“เราขอคุยด้วยได้มั้ย” เขาพูดอย่างคนตื่นเต้นดีใจที่สุด เขาตามหาเธอมานาน เพราะอยากเจอเธออีกสักครั้ง
“ได้สิ!” ทั้งสองคนหาที่นั่งคุยกัน สุดท้ายเธอก็ยอมบอกความจริงเขาไปทั้งหมด ไม่ปิดบังอะไรทั้งนั้น ไม่คิดเรียกร้องอะไรด้วย ใจจริงก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกสาวของตนเองเป็นลูกของใคร
“มิท้องทำไมไม่ยอมบอกผม ทำไมไม่กลับมาเจอผม” พีรพงษ์ถามด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองทำไมต้องตื่นเต้น รมิดาก็บอกอยู่ว่าน่าจะไม่ใช่ลูกของตนเอง น่าจะเป็นลูกของแฟนเก่า แต่วันนี้การได้เจอรมิดาอีกครั้งมันตื่นเต้นที่สุด
“ก็เราไม่แน่ใจว่าลูกของใคร แต่เราคิดว่าลูกของแฟนเก่าเรานะ มั่นใจด้วยว่ายัยมิ้งไม่ใช่ลูกของอ็อฟ” เธอบอกกับเขา แค่วันเดียวมันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น ทว่าอยู่กับแฟนเก่าปล่อยท้องมาตลอดก็ไม่ท้องเลย เธอก็แอบเผื่อใจว่าพีรพงษ์คือพ่อของลูกอยู่เหมือนกัน
“มิ! มิจะว่าอะไรมั้ยถ้าผมอยากตรวจดีเอ็นเอ ผมดีใจมากเลยนะที่ได้เจอมิอีกครั้ง ถ้าน้องมิ้งไม่ใช่ลูกผม ๆ ก็โอเค แต่ถ้าน้องมิ้งเป็นลูกผม ๆ พร้อมรับผิดชอบมิกับลูก” เขาพูดปนยิ้ม เขาคิดอะไรบางอย่างเอาไว้แล้วล่ะ เขารับได้ทั้งสองอย่าง ทั้งใช่และไม่ใช่ลูกของเขา เพราะเขาจะขอคบกับมินั่นเอง
“นี่อ็อฟ! พูดอย่างกับนายไม่มีเมียอย่างนั้นแหละ เมียนายคงยอมคงรับได้หรอกนะ” รมิดาพูดปนยิ้ม ถ้าเกิดยัยหนูเป็นลูกของเขาจริง ๆ เธอก็ไม่คิดจะเรียกร้อง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเธอทำตัวของเธอเอง
พีรพงษ์ยิ้มพร้อมส่ายหัวเป็นคำตอบ “ผมยังไม่มีใคร ผมขอตรวจดีเอ็นเอยัยหนูนะ เผื่อเป็นลูกผมนะมิ” พีรพงษ์จ้องหน้าของสาวเจ้า มองเข้าไปที่นัยน์ตาคู่นั้น มันดูแข็งแกร่งปนเศร้าไปในตัว
รมิดาตกลงให้เขาไปตรวจดีเอ็นเอ เพราะก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว ใช่ก็ดี ไม่ใช่ก็แปลว่าเป็นลูกของแฟนเก่า
และแล้วผลก็ปรากฏว่าเป็นลูกของเขา เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์กันเลย ทั้งเธอและเขาอ้าปากค้าง ทึ่งกับผลตรวจที่ออกมา เพราะเธอมั่นใจคิดว่าเป็นลูกของแฟนเก่า อีกทั้งพีรพงษ์ด้วย ที่คิดว่าเป็นลูกของแฟนเก่า แค่ครั้งเดียวไม่น่าจะติดลูก
พอทราบผลตรวจแล้ว เขาร้องไห้อย่างลืมตัว กอดลูกสาวตัวน้อยเอาไว้แน่น เด็กคนนี้สินะที่เขาฝันถึงอยู่บ่อย ๆ
“จะเอายังไงต่อ คือ เราไม่ได้จะเรียกร้องอะไรหรอกนะ ยัยหนูเป็นลูกนาย” รมิดาพูดด้วยรอยยิ้ม คำขอของตนเองเป็นจริง ไม่อยากให้เป็นลูกของผู้ชายคนนั้นเลยจริง ๆ มองหน้าชายหนุ่ม พอทราบว่าเป็นพ่อลูกกันแล้ว ยัยหนูมิ้งก็หน้าคล้ายพ่อขึ้นมาทันทีเลย
“เอ่อ! คือ ผมก็อยากอยู่เป็นครอบครัว” เขาตอบเบา ๆ อมยิ้มมองหน้าแม่ของลูกที่พึ่งรู้ในวันนี้ ก่อนหน้านั้นก่อนจะพาลูกสาวไปตรวจดีเอ็นเอ พวกเขาสองคนก็คุยกัน สนิทกันพอสมควรแล้วล่ะ
“ฮะ! อยู่เป็นครอบครัว” รมิดาย้ำ
“ช่าย! อยู่เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกไง มิจะให้ลูกอยู่บ้านเด็กกำพร้าต่อเหรอ ผมไม่ยอมหรอกนะ ผมก็มีบ้าน ผมคงไม่ปล่อยให้ลูกกับเมีย เอ้ย เอ่อ แบบ! แม่ของลูกผมลำบากหรอก” เขาพูดปนยิ้ม
“จะดีเหรอ! เราไม่ได้รักกันเลยนะอ็อฟ นายก็ทำหน้าที่พ่อของนายไปก็ได้” รมิดาลังเล ยอมรับว่าตั้งแต่เริ่มรู้จักกับพีรพงษ์เพียงไม่กี่เดือน ก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้พึ่งพาได้พอสมควร
“ตอนนี้เรายังไม่ได้รักกัน แต่พรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไปเรารักกันได้มั้ยล่ะ มิอย่าตัดโอกาสผมเลยนะ ให้ผมได้ลองจีบมิได้มั้ย” เขาพูดกลั้วยิ้ม แอบถูกใจตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว “ผมไปรอเจอมิทุกวันเลยนะที่ร้านเหล้าร้านนั้น มิก็ไม่มาสักที อือ ลูกมิ้งครับพ่อขอจีบแม่นะครับ ลูกมิ้งช่วยพ่อด้วยนะ” เขาพูดกับลูกสาวขณะที่อุ้มอยู่ “ปะเรากลับบ้านของเรากัน กลับบ้านเรานะมิ”
“อือ! ก็ได้!” รมิดาตกลง ขอลองดู ขอลองเปิดใจให้พ่อของลูกได้เข้ามาจีบก็ได้ จากที่ปิดตายหัวใจมานาน
…………………………………….
“เราเลิกกันเถอะมิ พี่เชื่อว่ามิจะเจอผู้ชายที่ดีกว่าพี่นะ”
“อือ… ได้! ตามนั้น” รมิดาตอบพร้อมเดินหันหลังให้กับความรักที่พึ่งจบลง เดินจากไปทั้งน้ำตา ยิ้มให้กับฉากสุดท้ายกับรักห้าปี เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีก ดูดบุหรี่พ่นควันไปตามทาง มันสบายใจแม้มันจะเจ็บปวด ยิ้มทั้งน้ำตา ยินดีจากลาอย่างเข้าใจ ไม่โกรธ ไม่เกลียดแฟนหนุ่มเลยสักนิด
อีกซอกมุมตึกของเมืองใหญ่ ก็มีคู่รักอีกคู่ที่ต้องจบรักลงในวันนี้เช่นกัน ในหนึ่ง ๆ วันมีทั้งคนสบายใจ หัวเราะ สนุกสนาน มีความสุข และ คนที่กำลังร้องไห้ อยู่ทั่วทุกมุมของโลก
“ก็เพราะอ็อฟเป็นแบบนี้ไง! เราเบื่อแล้วเข้าใจปะ เราไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเธออีกแล้วอ็อฟ” อีกมุมของกรุงเทพ มีใครบางคนกำลังฟังคำระบายจากอีกคน เพียงเพราะเขาไม่มีเวลา ไม่มีเวลาเที่ยว ไม่มีเวลาทำเซอร์ไพรส์ ไม่มีเวลาหวาน ไม่มีเวลาแม้แต่จะเอาใจคนรัก “เราว่าเราอยากพอแค่นี้แล้วว่ะ เราเบื่อ! เราเบื่อเข้าใจมั้ย”
“อือ… ตามใจ” เขาตอบแบบไม่ยินดียินร้าย แม้ในใจจะเจ็บเจียนตายก็ตาม ความรักห้าปีที่กำลังจะจบลง เพราะคำว่าไม่มีเวลา! หากเธอเข้าใจเขาสักนิด เธอจะพบว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อเธอ แต่เหตุผลของคนจะจากกันมันไม่ซับซ้อนหรอก
เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาดูด ก่อนจะหันหลังเดินมือล้วงกระเป๋าจากไป การร่ำลาจบเพียงเท่านี้ ทั้งเขาและเธอต่างเป็นอิสระต่อกัน ความรักห้าปีที่สร้างกันมาจบลงเท่านี้ พร้อมหย่าวันไหนนัดกับเขามาได้เลย
เรื่องสั้น : รักแท้ในคืนหลอกลวง
.
“เราไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว นายอย่าเข้าใจผิด แต่เราจะเอาเงินนี่นะ เพราะถึงยังไงคนเสียหายก็คือเรา ส่วนเรื่องเมื่อคืนเราไม่ถือ ไม่ผูกมัด ไม่ติดต่อ เราจะไม่เจอกันอีก เพราะเราสองคนต่างยอมกันทั้งคู่” รมิดาพูดพร้อมสวมบาร์หน้ากระจก อย่างไม่อายสายตาของคู่นอนที่พึ่งรู้จักกันเมื่อวาน
“อือ เอาไปเถอะ เอาไปหมดนั่นเลยก็ได้” พีรพงษ์พูดขณะที่ยังนอนอยู่บนเตียงนอนของโรงแรมม่านรูด ไม่ได้ใจปล้ำหรือรวยอะไร มันเพียงหมดอาลัยตายอยากเท่านั้น
ทั้งสองคนต่างไม่รู้จักชื่อของกันและกัน หลังจากที่เมื่อคืนเมากันมาก นั่งดื่มโต๊ะใกล้ ๆ กัน หัวอกเดียวกัน จึงคุยกันข้ามโต๊ะถูกคอ ชนแก้วกันข้ามโต๊ะ สุดท้ายก็มาจบกันที่ม่านรูดแห่งนี้ กับคำว่า ‘วันไนท์สแตน’
“ในกระเป๋านายมีห้าพัน ให้หมดเลยเหรอ แล้วนายจะกินไรอ่ะ เราเอาสามพัน เหลือให้นายสองพันแล้วกัน” รมิดาพูด ตนเองไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว ไม่เคยทำ ผู้ชายคนแรกคนเดียวคือคนที่พึ่งบอกเลิกไปเมื่อวาน และ คนที่สองคือผู้ชายคนนี้ คนที่ร่วมรักไปเมื่อคืน
“ขอบใจ! เมื่อคืนเธอดูดบุหรี่ด้วย เราว่ามันไม่ดีนะ สำหรับผู้หญิง” เขาพูด เขาเองก็ขอต่อบุหรี่จากเธอ แต่เขาเป็นผู้ชาย ทั้งเขาและเธอต่างนั่งดูดบุหรี่ด้วยกันชนแก้วด้วยกันจนดึก
“ไม่ต้องยุ่ง” รมิดาค่อนขอด สวมเสื้อผ้าจวนจะเสร็จแล้ว ส่วนพีรพงษ์ยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนอนเหมือนเดิม
“แล้วเธอชื่ออะไรอ่ะ” พีรพงษ์ถาม
“นายไม่จำเป็นต้องรู้! เราแต่งตัวเสร็จแล้ว เราขอตัวนะ หลังจากวันนี้เราจะไม่ติดต่อกันอีก เราจะไม่เจอกันอีก” รมิดาย้ำ หันมาสบตามองหน้ากับพีรพงษ์จัง ๆ ก่อนจะจากไปตลอดกาล จะไม่มาเจอกันอีก
“อือ” เขาพยักหน้า “โชคดี” จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายจากกัน เขาใจหายวาบเงียบ ๆ ที่จะไม่ได้เจอเธอคนนี้อีกแล้ว แม้ใจจะยังไม่ลืมแฟนสาวที่เลิกไปเมื่อวานก็ตาม แต่เธอก็กลายเป็นคนอื่นไปแล้ว เธอมีแฟนใหม่ก่อนหน้าที่จะบอกเลิกกับเขาด้วยซ้ำ เขารู้แต่ไม่พูด
สำหรับเธอคนนี้ ความรู้สึกมันแปลกใหม่ มันเกิดขึ้นใหม่ มันใจหายแปลก ๆ ที่จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ช่างเถอะ! ดีแล้วจะได้ไม่ต้องอายกัน จะได้ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อกัน เพราะไม่ได้รักกัน พีรพงษ์สลัดความคิดแปลก ๆ นั้นออกจากหัว ก่อนจะลุกเดินไปแต่งตัวกลับบ้าน
ทั้งเขาและเธอต่างไม่เจอกันอีก ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ ร้านเหล้าร้านเดิมเธอก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามา เขามารอเธอทุกวัน! ทุกวันเพื่อหวังว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเขามารอเพื่ออะไร ไม่ได้รู้สึกรัก ไม่ได้ติดใจในรสชาติสวาทนั้น เพียงแค่ใจมันอยากเจอ มันรู้สึกอยากเจอเธออีกครั้งเท่านั้นเอง เขาเที่ยวมานั่งร้านนี้นานนับสองปีแล้ว ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของเธอเลย แต่เขาก็ยังไม่สิ้นหวัง เขาจำเธอได้! เขาหวังว่าจะจำเธอได้นั่นแหละ
ชื่อก็ไม่รู้จัก เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเธอทั้งนั้น แต่เขาอยากตามหาเธอ อยากเจอเธอ อยากเจออีกครั้งก็พอ เขาเองยังโสด ไม่ยอมมีคนใหม่สักที เหมือนใจของเขากำลังรออะไรบางอย่าง
ฝ่ายของรมิดาเองหลังจากเลิกกับแฟนหนุ่ม หลังจากมีอะไรกันในคืนนั้นกับชายที่ไม่รู้จัก รมิดาก็ย้ายที่อยู่ใหม่ ย้ายไปจากที่อยู่เดิม เพื่ออยากลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่กลับไปร้านเหล้าร้านนั้นอีกเลย
สองปีกับเรื่องราวตลกร้าย อยากหัวเราะแต่หัวเราะไม่ออก จะโทษใครเธอทำตัวเองทั้งนั้น ห้าปีที่อยู่กินกับแฟนเก่าไม่มีวี่แววว่าจะท้อง แต่พอวันไนท์สแตนกับชายแปลกหน้าแค่คืนเดียว ดันมาท้องเสียอย่างนั้น ลูกใครกัน! จะลูกใครก็ตามเธอไม่กลับไปทวงสิทธิ์อะไรกับใครแน่นอน ทั้งสองคน!
รมิดาเก็บเด็กไว้ พอคลอดจึงนำไปฝากเลี้ยงไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า รมิดาไม่ได้ลืมลูกแค่ฝากเลี้ยง ตนเองเที่ยวไปเจออยู่บ่อย ๆ พ่อแม่ก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี ญาติที่เหลืออยู่ก็ไม่ดูดาย รมิดาตัวคนเดียว ชีวิตได้เจอผู้ชายที่แสนดีและจริงใจเพียงห้าปีก็กลายเป็นอื่น
“ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกหนูโตเข้าโรงเรียน หนูจะมารับกลับไปนะคะแม่อ้อม ช่วงนี้หนูฝากยัยหนูก่อนนะคะ” รมิดาพูดกับผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้า
“ไม่เป็นไรจ้ะน้องมิ แม่เลี้ยงรอได้ แค่ไม่ทิ้งน้องมิ้งก็พอ” คนที่ถูกเรียกว่าแม่อ้อมพูดปนยิ้ม ตอนนี้ลูกของรมิดาอายุเพียงขวบเศษ ๆ รมิดาจึงขอฝากเลี้ยงที่นี่ก่อน จากนั้นรมิดาก็ขอตัวกลับ สัญญากับตนเองว่าจะเก็บเงินมารับลูกไปอยู่ด้วยให้จงได้
พีรพงษ์ยืนดูบ้านเด็กกำพร้าอยู่ห่าง ๆ พักหลังมาตนเองฝันเห็นเด็กบ่อยมาก ฝันบ่อยจนหลงรักเด็กไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ภรรยาก็ไม่มีตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ยอมคบใครอีกเลย ยังไม่พร้อมจะผิดหวังในระยะเวลาแค่สองปี อีกอย่างอยากเจอผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งด้วย แม้เธอจะมีสามีไปแล้วก็ตาม
เขาสวมหมวกแก็ปยืนดูพวกเด็ก ๆ เล่นกันภายในบริเวณบ้าน ลังเลมานานว่าจะรับเลี้ยงลูกบุญธรรมดีไหม เด็กผู้ชายสักคน เขาฝันเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ บ่อยมาก มันแปลกชนิดที่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงฝันบ่อยเหลือเกิน ขณะที่เขากำลังยืนมองเด็ก ๆ เพลิน ๆ ก็มีผู้หญิงบางคนเดินออกมาจากในบ้าน เดินผ่านหน้าของเขาไป
เขาหันไปมอง คุ้นตามาก ๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นควักบุหรี่ออกมาดูด ทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ “หรือว่า!” เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะรีบวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไป “คุณครับ! คุณเดียวก่อนครับ” เขาวิ่งไปหาเธอคนนั้นทันที
รมิดาหยุดเดินตามเสียงเรียก ใครเรียก! ก่อนจะโยนบุหรี่ทิ้งแล้วใช้เท้าเหยียบไฟให้มอด “คะ” รมิดาหันไปมอง ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ทำไมหน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอกันมาแล้ว
ทั้งเขาและเธอจ้องหน้ากัน ขมวดคิ้วเข้าหากัน ต่างคนต่างพยายามนึก ก่อนจะอ้าปากค้างพร้อมชี้หน้ากัน อุทานออกมาพร้อมกัน ทั้งสองคนจำกันและกันได้แล้ว
“นาย!”
“เธอ!”
“เราขอคุยด้วยได้มั้ย” เขาพูดอย่างคนตื่นเต้นดีใจที่สุด เขาตามหาเธอมานาน เพราะอยากเจอเธออีกสักครั้ง
“ได้สิ!” ทั้งสองคนหาที่นั่งคุยกัน สุดท้ายเธอก็ยอมบอกความจริงเขาไปทั้งหมด ไม่ปิดบังอะไรทั้งนั้น ไม่คิดเรียกร้องอะไรด้วย ใจจริงก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกสาวของตนเองเป็นลูกของใคร
“มิท้องทำไมไม่ยอมบอกผม ทำไมไม่กลับมาเจอผม” พีรพงษ์ถามด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองทำไมต้องตื่นเต้น รมิดาก็บอกอยู่ว่าน่าจะไม่ใช่ลูกของตนเอง น่าจะเป็นลูกของแฟนเก่า แต่วันนี้การได้เจอรมิดาอีกครั้งมันตื่นเต้นที่สุด
“ก็เราไม่แน่ใจว่าลูกของใคร แต่เราคิดว่าลูกของแฟนเก่าเรานะ มั่นใจด้วยว่ายัยมิ้งไม่ใช่ลูกของอ็อฟ” เธอบอกกับเขา แค่วันเดียวมันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น ทว่าอยู่กับแฟนเก่าปล่อยท้องมาตลอดก็ไม่ท้องเลย เธอก็แอบเผื่อใจว่าพีรพงษ์คือพ่อของลูกอยู่เหมือนกัน
“มิ! มิจะว่าอะไรมั้ยถ้าผมอยากตรวจดีเอ็นเอ ผมดีใจมากเลยนะที่ได้เจอมิอีกครั้ง ถ้าน้องมิ้งไม่ใช่ลูกผม ๆ ก็โอเค แต่ถ้าน้องมิ้งเป็นลูกผม ๆ พร้อมรับผิดชอบมิกับลูก” เขาพูดปนยิ้ม เขาคิดอะไรบางอย่างเอาไว้แล้วล่ะ เขารับได้ทั้งสองอย่าง ทั้งใช่และไม่ใช่ลูกของเขา เพราะเขาจะขอคบกับมินั่นเอง
“นี่อ็อฟ! พูดอย่างกับนายไม่มีเมียอย่างนั้นแหละ เมียนายคงยอมคงรับได้หรอกนะ” รมิดาพูดปนยิ้ม ถ้าเกิดยัยหนูเป็นลูกของเขาจริง ๆ เธอก็ไม่คิดจะเรียกร้อง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเธอทำตัวของเธอเอง
พีรพงษ์ยิ้มพร้อมส่ายหัวเป็นคำตอบ “ผมยังไม่มีใคร ผมขอตรวจดีเอ็นเอยัยหนูนะ เผื่อเป็นลูกผมนะมิ” พีรพงษ์จ้องหน้าของสาวเจ้า มองเข้าไปที่นัยน์ตาคู่นั้น มันดูแข็งแกร่งปนเศร้าไปในตัว
รมิดาตกลงให้เขาไปตรวจดีเอ็นเอ เพราะก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว ใช่ก็ดี ไม่ใช่ก็แปลว่าเป็นลูกของแฟนเก่า
และแล้วผลก็ปรากฏว่าเป็นลูกของเขา เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์กันเลย ทั้งเธอและเขาอ้าปากค้าง ทึ่งกับผลตรวจที่ออกมา เพราะเธอมั่นใจคิดว่าเป็นลูกของแฟนเก่า อีกทั้งพีรพงษ์ด้วย ที่คิดว่าเป็นลูกของแฟนเก่า แค่ครั้งเดียวไม่น่าจะติดลูก
พอทราบผลตรวจแล้ว เขาร้องไห้อย่างลืมตัว กอดลูกสาวตัวน้อยเอาไว้แน่น เด็กคนนี้สินะที่เขาฝันถึงอยู่บ่อย ๆ
“จะเอายังไงต่อ คือ เราไม่ได้จะเรียกร้องอะไรหรอกนะ ยัยหนูเป็นลูกนาย” รมิดาพูดด้วยรอยยิ้ม คำขอของตนเองเป็นจริง ไม่อยากให้เป็นลูกของผู้ชายคนนั้นเลยจริง ๆ มองหน้าชายหนุ่ม พอทราบว่าเป็นพ่อลูกกันแล้ว ยัยหนูมิ้งก็หน้าคล้ายพ่อขึ้นมาทันทีเลย
“เอ่อ! คือ ผมก็อยากอยู่เป็นครอบครัว” เขาตอบเบา ๆ อมยิ้มมองหน้าแม่ของลูกที่พึ่งรู้ในวันนี้ ก่อนหน้านั้นก่อนจะพาลูกสาวไปตรวจดีเอ็นเอ พวกเขาสองคนก็คุยกัน สนิทกันพอสมควรแล้วล่ะ
“ฮะ! อยู่เป็นครอบครัว” รมิดาย้ำ
“ช่าย! อยู่เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกไง มิจะให้ลูกอยู่บ้านเด็กกำพร้าต่อเหรอ ผมไม่ยอมหรอกนะ ผมก็มีบ้าน ผมคงไม่ปล่อยให้ลูกกับเมีย เอ้ย เอ่อ แบบ! แม่ของลูกผมลำบากหรอก” เขาพูดปนยิ้ม
“จะดีเหรอ! เราไม่ได้รักกันเลยนะอ็อฟ นายก็ทำหน้าที่พ่อของนายไปก็ได้” รมิดาลังเล ยอมรับว่าตั้งแต่เริ่มรู้จักกับพีรพงษ์เพียงไม่กี่เดือน ก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้พึ่งพาได้พอสมควร
“ตอนนี้เรายังไม่ได้รักกัน แต่พรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไปเรารักกันได้มั้ยล่ะ มิอย่าตัดโอกาสผมเลยนะ ให้ผมได้ลองจีบมิได้มั้ย” เขาพูดกลั้วยิ้ม แอบถูกใจตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว “ผมไปรอเจอมิทุกวันเลยนะที่ร้านเหล้าร้านนั้น มิก็ไม่มาสักที อือ ลูกมิ้งครับพ่อขอจีบแม่นะครับ ลูกมิ้งช่วยพ่อด้วยนะ” เขาพูดกับลูกสาวขณะที่อุ้มอยู่ “ปะเรากลับบ้านของเรากัน กลับบ้านเรานะมิ”
“อือ! ก็ได้!” รมิดาตกลง ขอลองดู ขอลองเปิดใจให้พ่อของลูกได้เข้ามาจีบก็ได้ จากที่ปิดตายหัวใจมานาน
…………………………………….
“เราเลิกกันเถอะมิ พี่เชื่อว่ามิจะเจอผู้ชายที่ดีกว่าพี่นะ”
“อือ… ได้! ตามนั้น” รมิดาตอบพร้อมเดินหันหลังให้กับความรักที่พึ่งจบลง เดินจากไปทั้งน้ำตา ยิ้มให้กับฉากสุดท้ายกับรักห้าปี เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีก ดูดบุหรี่พ่นควันไปตามทาง มันสบายใจแม้มันจะเจ็บปวด ยิ้มทั้งน้ำตา ยินดีจากลาอย่างเข้าใจ ไม่โกรธ ไม่เกลียดแฟนหนุ่มเลยสักนิด
อีกซอกมุมตึกของเมืองใหญ่ ก็มีคู่รักอีกคู่ที่ต้องจบรักลงในวันนี้เช่นกัน ในหนึ่ง ๆ วันมีทั้งคนสบายใจ หัวเราะ สนุกสนาน มีความสุข และ คนที่กำลังร้องไห้ อยู่ทั่วทุกมุมของโลก
“ก็เพราะอ็อฟเป็นแบบนี้ไง! เราเบื่อแล้วเข้าใจปะ เราไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเธออีกแล้วอ็อฟ” อีกมุมของกรุงเทพ มีใครบางคนกำลังฟังคำระบายจากอีกคน เพียงเพราะเขาไม่มีเวลา ไม่มีเวลาเที่ยว ไม่มีเวลาทำเซอร์ไพรส์ ไม่มีเวลาหวาน ไม่มีเวลาแม้แต่จะเอาใจคนรัก “เราว่าเราอยากพอแค่นี้แล้วว่ะ เราเบื่อ! เราเบื่อเข้าใจมั้ย”
“อือ… ตามใจ” เขาตอบแบบไม่ยินดียินร้าย แม้ในใจจะเจ็บเจียนตายก็ตาม ความรักห้าปีที่กำลังจะจบลง เพราะคำว่าไม่มีเวลา! หากเธอเข้าใจเขาสักนิด เธอจะพบว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อเธอ แต่เหตุผลของคนจะจากกันมันไม่ซับซ้อนหรอก
เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาดูด ก่อนจะหันหลังเดินมือล้วงกระเป๋าจากไป การร่ำลาจบเพียงเท่านี้ ทั้งเขาและเธอต่างเป็นอิสระต่อกัน ความรักห้าปีที่สร้างกันมาจบลงเท่านี้ พร้อมหย่าวันไหนนัดกับเขามาได้เลย