- สมมุติว่าทุนจดทะเบียนตอนจัดตั้งบริษัท = 100,000 บาท
- แต่มีเงินส่วนตัวอยู่ในบัญชีบุคคลธรรมดา (บัญชีอื่น) เป็นเงินทั้งหมดที่มี = 400,000 บาท (ซึ่งจะทะยอยโอนเข้ามาในบัญชีนิติบุคคลเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินกิจการเป็นระยะๆ สาเหตุที่ไม่ฝากเงินทั้งหมดทีเดียว แต่แยกบัญชีเพราะเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ให้เงินสูญหายทั้งก้อน)
- เปิดบัญชีนิติบุคคลประเภทใดก็ตามกับธนาคารด้วยเงินฝาก = 50,000 บาท
(25% หรือ 25,000 บาท ของทุนจดทะเบียนได้ชำระเป็นที่เรียบร้อยเพราะยอดเปิดบัญชีเกิน 25,000 บาท เท่ากับเงินคงเหลือในบัญชีบุคคลธรรมดาคือ 350,000 บาท)
- ฝากเงินเข้ามาในบัญชีนิติบุคคลเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ = 100,000 บาท (เงินคงเหลือในบัญชีบุคคลธรรมดาคือ 250,000 บาท)
จากตัวอย่างข้างต้น ถ้า จขกท จะเปิดบัญชีแบบดังกล่าวด้านล่างจะเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่
- ธนาคาร A บัญชีนิติบุคคล ออมทรัพย์ : เพื่อรับเงินโอนเข้าออกจากลูกค้า
- ธนาคาร A บัญชีนิติบุคคล กระแสรายวัน : เอาเงินฝาก 50,000 + 100,000 = 150,000 บาท เข้าบัญชีนี้เพื่อการใช้จ่ายของบริษัท
- ธนาคาร B บัญชีบุคคลธรรมดา ออมทรัพย์ : เอาไว้เพื่อเก็บเงินก้อนที่เหลือทั้งหมดอีก 250,000 บาท บัญชีนี้จะเป็นบัญชีที่มีแต่เงินออกอย่างเดียว ไม่มีเงินเข้า เพียงแค่นำเงินมาพักไว้เฉยๆ เพื่อความปลอดภัย
คำถามคือ
1. บัญชีมี 2 ประเภทหลักคือออมทรัพย์และกระแสรายวัน ต้องเปิดกี่บัญชี และแต่ละบัญชีสำหรับกิจกรรมอย่างไรบ้าง
2. สมุดเช็คยังจำเป็นอยู่ไหม มองว่าเรื่องสั่งจ่ายเช็คเป็นช่องโหว่ที่จะทำให้ผู้สั่งจ่ายสามารถถูกดำเนินคดีได้ในกรณีต่างๆ เลี่ยงไม่ใช้เช็คจะดีกว่าไหมคะ ถ้าเลี่ยงไม่ใช้เช็คก็ไม่ต้องเปิดบัญชีกระแสรายวัน หรือ ถ้าหากบัญชีกระแสรายวันมีข้อดีและสามารถสั่งจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ผ่านช่องทางอื่นได้
3. เมื่อมีบัญชีประเภทเดียวกันมากกว่า 1 เช่น ออมทรัพย์ x 2 และ กระแสรายวัน x 2 ในกรณีนี้ควรแยกธนาคารไหมคะ สำหรับมุมเรื่องความปลอดภัยของเงิน และมันจะยุ่งยากทางบัญชีไหมคะเวลาที่ต้องส่งข้อมูลให้ ทั้งนี้ทั้งนั้นตามที่ได้รับคำแนะนำมาถ้าธุรกิจเริ่มต้นสมควรมีบัญชีนิติบุคคลแบบออมทรัพย์เพียงแค่บัญชีเดียวพอ แต่ถ้า volume ระดับสูง สมควรมีออมทรัพย์
อย่างน้อย 1 บัญชี
4. เงินที่เรารับและจ่ายค่าสินค้าและบริการจากลูกค้าเข้ามาต้องอยู่บัญชีไหน
5. เงินที่เราใช้จ่ายในกิจการของบริษัทต้องอยู่บัญชีไหน
6. เงินก้อนทั้งหมดที่มีสมควรฝากในบัญชีนิติบุคคล (แยกบัญชี) หรือ บุคคลธรรมดา (ถึงเวลาก็ถอนเงินออกจากบัญชีเรามาใช้เพิ่มในบัญชีนิติ) ถามเผื่อในกรณีที่มีความสามารถในการโอนเงินเข้าบัญชีนิติบุคคลเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนที่มากกว่า 400,000 บาท
7. ควรฝากเงินก้อนทั้งหมด 400,000 ไปตอนเปิดบัญชีบริษัทหรือไม่ (
เงินทุนจริงๆ ที่แยกเอาไว้เพื่อทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่เงินทุนจดทะเบียน) และควรแยกกับบัญชีที่ต้องรับ-จ่ายของลูกค้าของเราไหมคะ (เวลาลูกค้าซื้อสินค้าและเวลาทำการคืนเงินลูกค้า)
8. ณ เวลานี้ธนาคารไหนดีที่สุดคะ ในเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ รองรับธุรกรรมเงินโอนระหว่างประเทศ และอื่นๆ
มีข้อสงสัยเรื่องเปิดบัญชีธนาคารนิติบุคคลค่ะ
- แต่มีเงินส่วนตัวอยู่ในบัญชีบุคคลธรรมดา (บัญชีอื่น) เป็นเงินทั้งหมดที่มี = 400,000 บาท (ซึ่งจะทะยอยโอนเข้ามาในบัญชีนิติบุคคลเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินกิจการเป็นระยะๆ สาเหตุที่ไม่ฝากเงินทั้งหมดทีเดียว แต่แยกบัญชีเพราะเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ให้เงินสูญหายทั้งก้อน)
- เปิดบัญชีนิติบุคคลประเภทใดก็ตามกับธนาคารด้วยเงินฝาก = 50,000 บาท
(25% หรือ 25,000 บาท ของทุนจดทะเบียนได้ชำระเป็นที่เรียบร้อยเพราะยอดเปิดบัญชีเกิน 25,000 บาท เท่ากับเงินคงเหลือในบัญชีบุคคลธรรมดาคือ 350,000 บาท)
- ฝากเงินเข้ามาในบัญชีนิติบุคคลเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ = 100,000 บาท (เงินคงเหลือในบัญชีบุคคลธรรมดาคือ 250,000 บาท)
จากตัวอย่างข้างต้น ถ้า จขกท จะเปิดบัญชีแบบดังกล่าวด้านล่างจะเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่
- ธนาคาร A บัญชีนิติบุคคล ออมทรัพย์ : เพื่อรับเงินโอนเข้าออกจากลูกค้า
- ธนาคาร A บัญชีนิติบุคคล กระแสรายวัน : เอาเงินฝาก 50,000 + 100,000 = 150,000 บาท เข้าบัญชีนี้เพื่อการใช้จ่ายของบริษัท
- ธนาคาร B บัญชีบุคคลธรรมดา ออมทรัพย์ : เอาไว้เพื่อเก็บเงินก้อนที่เหลือทั้งหมดอีก 250,000 บาท บัญชีนี้จะเป็นบัญชีที่มีแต่เงินออกอย่างเดียว ไม่มีเงินเข้า เพียงแค่นำเงินมาพักไว้เฉยๆ เพื่อความปลอดภัย
คำถามคือ
1. บัญชีมี 2 ประเภทหลักคือออมทรัพย์และกระแสรายวัน ต้องเปิดกี่บัญชี และแต่ละบัญชีสำหรับกิจกรรมอย่างไรบ้าง
2. สมุดเช็คยังจำเป็นอยู่ไหม มองว่าเรื่องสั่งจ่ายเช็คเป็นช่องโหว่ที่จะทำให้ผู้สั่งจ่ายสามารถถูกดำเนินคดีได้ในกรณีต่างๆ เลี่ยงไม่ใช้เช็คจะดีกว่าไหมคะ ถ้าเลี่ยงไม่ใช้เช็คก็ไม่ต้องเปิดบัญชีกระแสรายวัน หรือ ถ้าหากบัญชีกระแสรายวันมีข้อดีและสามารถสั่งจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ผ่านช่องทางอื่นได้
3. เมื่อมีบัญชีประเภทเดียวกันมากกว่า 1 เช่น ออมทรัพย์ x 2 และ กระแสรายวัน x 2 ในกรณีนี้ควรแยกธนาคารไหมคะ สำหรับมุมเรื่องความปลอดภัยของเงิน และมันจะยุ่งยากทางบัญชีไหมคะเวลาที่ต้องส่งข้อมูลให้ ทั้งนี้ทั้งนั้นตามที่ได้รับคำแนะนำมาถ้าธุรกิจเริ่มต้นสมควรมีบัญชีนิติบุคคลแบบออมทรัพย์เพียงแค่บัญชีเดียวพอ แต่ถ้า volume ระดับสูง สมควรมีออมทรัพย์อย่างน้อย 1 บัญชี
4. เงินที่เรารับและจ่ายค่าสินค้าและบริการจากลูกค้าเข้ามาต้องอยู่บัญชีไหน
5. เงินที่เราใช้จ่ายในกิจการของบริษัทต้องอยู่บัญชีไหน
6. เงินก้อนทั้งหมดที่มีสมควรฝากในบัญชีนิติบุคคล (แยกบัญชี) หรือ บุคคลธรรมดา (ถึงเวลาก็ถอนเงินออกจากบัญชีเรามาใช้เพิ่มในบัญชีนิติ) ถามเผื่อในกรณีที่มีความสามารถในการโอนเงินเข้าบัญชีนิติบุคคลเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนที่มากกว่า 400,000 บาท
7. ควรฝากเงินก้อนทั้งหมด 400,000 ไปตอนเปิดบัญชีบริษัทหรือไม่ (เงินทุนจริงๆ ที่แยกเอาไว้เพื่อทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่เงินทุนจดทะเบียน) และควรแยกกับบัญชีที่ต้องรับ-จ่ายของลูกค้าของเราไหมคะ (เวลาลูกค้าซื้อสินค้าและเวลาทำการคืนเงินลูกค้า)
8. ณ เวลานี้ธนาคารไหนดีที่สุดคะ ในเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ รองรับธุรกรรมเงินโอนระหว่างประเทศ และอื่นๆ