Benedetta (Paul Verhoeven )
"โคตรแรง โคตรอื้อฉาว หนังสนุกกว่าที่คาด พร้อมบทสรุปที่โคตรพีคสุดๆ"
...
เป็นหนังที่ดูจบแล้ว ต้องนั่งนิ่งๆ อึ้งๆ อยู่ในโรง แบบหนังจบคนไม่จบ ดูจบแล้วก็เข้าใจว่าทำไมหนังมันได้รับเสียงวิจารณ์ที่แตกขนาดนี้ ตั้งแต่หนังไปเปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์ที่คานส์ ... หนังมันโคตรแรงมาก และมันอื้อฉาวสุดๆ จนคิดว่าถ้าบริบทในหนัง เกิดขึ้นในสังคมไทย ในเมืองไทยเมืองพุทธ คิดว่าหนังคงโดนแบนและโดนสาบส่งไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ๆ
ผู้กำกับพอล เวอร์โฮเวน สำหรับผมคือคนที่ชอบทำหนังแรงๆ อื้อฉาว อย่าง Basic Instinct , Showgirls ,Elle หรือหนังแอ็กชั่นอย่าง Robocop เวอร์ชั่นแรก ก็โดนวิจารณ์ว่ารุนแรงเกินเหตุ (แต่ตัวหนังมีพลังและดีมาก)
มาถึง Benedetta จริงๆ ก็ไม่ได้ฉีกแนวเดิมๆ จากที่พอล เวอร์โฮเวน ทำไว้เท่าไหร่ ที่จะต่างคือเรื่องราวในหนังย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 17 กับเรื่องราวที่อิงจากเรื่องจริงของแม่ชีเบเนเดตต้า (เวอร์จิเนีย เอฟฟิร่า) หญิงสาวที่ถูกส่งมาอยู่คอนแวนต์แม่ชีที่เมืองเพสเซีย แคว้นทัสคานี อิตาลี ภายใต้การดูแลของแม่อธิการเฟเลซิต้า (ชาร์ล็อต แรมบลิง) ..วันหนึ่งทางสำนักแม่ชีได้ช่วยเหลือหญิงชาวบ้าน บาร์โตโลเมีย (แดฟเน่ ปาตาเกีย) จากพ่อที่โหดร้ายให้มาเป็นแม่ชีฝึกหัด ภายใต้การเป็นพี่เลี้ยงของเบเนเดตต้า และนั่นส่งผลให้เกิดความรักอื้อฉาวต้องห้ามระหว่างหญิงกับหญิง (ที่ถือเป็นเรื่องผิดบาปในศาสนา) ..และยังไม่พอ เบเนเดตต้า ยังเกิดนิมิตว่าเธอคือภรรยาของพระเยซู และเกิดรอยแผลศักดิ์สิทธิหรือ Stigmata นำมาสู่การได้รับตำแหน่งแม่อธิการแทน เฟเลซิต้า และทั้งหมดทั้งมวล ส่งผลให้บทสรุปช่วงท้ายของหนังทั้งพีค ทั้งแรง ทั้งเข้มข้นสุดๆ
หนังตอนแรกๆ เหมือนจะไม่สนุก เพราะค่อยๆ เล่าเรื่องราวของเบเนเดตต้าอย่างช้าๆ ให้คนดูได้รู้จักกับตัวตนตั้งแต่เด็กๆ แต่ความที่พอล เวอร์โฮเวน เป็นคนทำหนังแบบเข้าใจคนดู หนังจูนเรื่องได้ไม่นาน ก็ค่อยๆ เพิ่มดีกรีความสนุก พร้อมความแรงของเรื่องที่นำเสนอ กลายเป็นว่าผมดู Benedetta ได้สนุกมากตั้งแต่ต้นจนจบ
มีหลายซีนที่โคตรของโคตรแรง ทั้งเลิฟซีนที่ร้อนแรงตามสไตล์ผู้กำกับ ยอมรับว่านักแสดงทั้งเวอร์จิเนีย และดาฟเน่ ทุ่มสุดตัว ...ถามว่าหนังโป๊ไหม บอกเลยโคตรโป๊ ..ถามว่ามีซีนรุนแรงไหม บอกเลยว่าโคตรเยอะ ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนเกลียดหนังเรื่องนี้เข้าไส้ เพราะความแรงในหนังใส่มาแบบไม่บันยะบันยัง (อันนี้น่าจะเป็นสไตล์ของผู้กำกับล้วนๆ หลายคนบอก แรงจนขาดความเป็นศิลปะ อันนี้ก็ตรงไม่น้อยเลย เพราะหนังหลายๆ เรื่องของผู้กำกับก็เป็นเช่นนั้น)
สิ่งที่ชอบมาก และสนุกมาก (สำหรับผม) กลับไม่ใช่ sex scene แต่เป็นเรื่องการเมืองในสำนักคอนเวนต์โดยใช้ประเด็นความเชื่อทางศาสนามาเป็นเครื่องมือปลุกปั่น ..หนังมันแฝงการต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจเก่าที่ใกล้สูญสลาย กับขั้วอำนาจใหม่ ที่ปลุกเร้าคนด้วยความศรัทธา ปาฏิหาริย์ ความเชื่อในพระเป็นเจ้าของตัวเบเนเดตต้าเอง ..ประเด็นเหล่านี้ คนดูต้องขบคิด ตีความเอาเองว่าจริงหรือลวง รอยแผลศักดิ์สิทธิ์หรือ Stigmata ที่เกิดกับนางเอก มันจริงหรือหลอก ...ผมว่าผู้กำกับทำพาร์ทนี้ได้แรงและสนุกมาก และส่งผลให้ช่วงไคลแม๊กซ์ของหนังไปได้ถึง ...จำความรู้สึกตอนดูช่วงบทสรุปได้เลย ว่ามันพีคมากแทบนั่งไม่ติดเบาะเลย
ชอบการแสดงของ ชาร์ล็อต แรมบลิง นักแสดงมือเก๋าชาวฝรั่งเศสในบทแม่อธิการ ที่ทรงพลังมาก รวมถึงเวอร์จิเนีย เอฟฟิร่า ในบทเบเนเดตต้า (เคยร่วมงานกับพอลมาก่อนใน Elle) ในซีนที่ทั้งคู่ต้องฟาดกัน มันไปสุดมากจริงๆ
จริงๆ มีหลายส่วนในหนังที่อื้อฉาว บางซีนถึงกับนั่งอ้าปากค้าง คือ เอากันขนาดนี้เลยเหรอ เล่าไม่ได้เลย ต้องไปดูเองในหนัง ...เอาเป็นว่าเข้าใจแหละ ว่าคนที่ศรัทธาในพระเจ้ามากๆ ถึงรับหนังเรื่องนี้ไม่ได้ และเข้าใจคนที่ลุกขึ้นปรบมือให้กับหนังตอนหนังจบด้วยนะ เพราะมันไปสุดพลังมากๆ นี่ถ้าชอบคือชอบเลยนะ ส่วนตัวผมนี่คือชอบมาก
ดีใจนะที่ค่ายหนังกล้าสั่ง Benedetta มาฉายในบ้านเรา มันได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ในการดูหนัง ...อยากให้ลองไปดู แล้วมาถก มาเถียงประเด็นต่างๆ ในหนังที่มีเยอะมาก ...เข้าทำนองหนังจบ คนไม่จบ ...ส่วนตัวแนะนำครับ อยากให้ลองไปดูจริงๆ
#Benedetta
#ใครอยากให้เธอบาป
#เอ้อระเหยลอยลม
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/urrahoei
Benedetta : โคตรแรง โคตรฉาว สู่บทสรุปที่โคตรพีค
"โคตรแรง โคตรอื้อฉาว หนังสนุกกว่าที่คาด พร้อมบทสรุปที่โคตรพีคสุดๆ"
...
เป็นหนังที่ดูจบแล้ว ต้องนั่งนิ่งๆ อึ้งๆ อยู่ในโรง แบบหนังจบคนไม่จบ ดูจบแล้วก็เข้าใจว่าทำไมหนังมันได้รับเสียงวิจารณ์ที่แตกขนาดนี้ ตั้งแต่หนังไปเปิดตัวที่เทศกาลภาพยนตร์ที่คานส์ ... หนังมันโคตรแรงมาก และมันอื้อฉาวสุดๆ จนคิดว่าถ้าบริบทในหนัง เกิดขึ้นในสังคมไทย ในเมืองไทยเมืองพุทธ คิดว่าหนังคงโดนแบนและโดนสาบส่งไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ๆ
ผู้กำกับพอล เวอร์โฮเวน สำหรับผมคือคนที่ชอบทำหนังแรงๆ อื้อฉาว อย่าง Basic Instinct , Showgirls ,Elle หรือหนังแอ็กชั่นอย่าง Robocop เวอร์ชั่นแรก ก็โดนวิจารณ์ว่ารุนแรงเกินเหตุ (แต่ตัวหนังมีพลังและดีมาก)
มาถึง Benedetta จริงๆ ก็ไม่ได้ฉีกแนวเดิมๆ จากที่พอล เวอร์โฮเวน ทำไว้เท่าไหร่ ที่จะต่างคือเรื่องราวในหนังย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 17 กับเรื่องราวที่อิงจากเรื่องจริงของแม่ชีเบเนเดตต้า (เวอร์จิเนีย เอฟฟิร่า) หญิงสาวที่ถูกส่งมาอยู่คอนแวนต์แม่ชีที่เมืองเพสเซีย แคว้นทัสคานี อิตาลี ภายใต้การดูแลของแม่อธิการเฟเลซิต้า (ชาร์ล็อต แรมบลิง) ..วันหนึ่งทางสำนักแม่ชีได้ช่วยเหลือหญิงชาวบ้าน บาร์โตโลเมีย (แดฟเน่ ปาตาเกีย) จากพ่อที่โหดร้ายให้มาเป็นแม่ชีฝึกหัด ภายใต้การเป็นพี่เลี้ยงของเบเนเดตต้า และนั่นส่งผลให้เกิดความรักอื้อฉาวต้องห้ามระหว่างหญิงกับหญิง (ที่ถือเป็นเรื่องผิดบาปในศาสนา) ..และยังไม่พอ เบเนเดตต้า ยังเกิดนิมิตว่าเธอคือภรรยาของพระเยซู และเกิดรอยแผลศักดิ์สิทธิหรือ Stigmata นำมาสู่การได้รับตำแหน่งแม่อธิการแทน เฟเลซิต้า และทั้งหมดทั้งมวล ส่งผลให้บทสรุปช่วงท้ายของหนังทั้งพีค ทั้งแรง ทั้งเข้มข้นสุดๆ
หนังตอนแรกๆ เหมือนจะไม่สนุก เพราะค่อยๆ เล่าเรื่องราวของเบเนเดตต้าอย่างช้าๆ ให้คนดูได้รู้จักกับตัวตนตั้งแต่เด็กๆ แต่ความที่พอล เวอร์โฮเวน เป็นคนทำหนังแบบเข้าใจคนดู หนังจูนเรื่องได้ไม่นาน ก็ค่อยๆ เพิ่มดีกรีความสนุก พร้อมความแรงของเรื่องที่นำเสนอ กลายเป็นว่าผมดู Benedetta ได้สนุกมากตั้งแต่ต้นจนจบ
มีหลายซีนที่โคตรของโคตรแรง ทั้งเลิฟซีนที่ร้อนแรงตามสไตล์ผู้กำกับ ยอมรับว่านักแสดงทั้งเวอร์จิเนีย และดาฟเน่ ทุ่มสุดตัว ...ถามว่าหนังโป๊ไหม บอกเลยโคตรโป๊ ..ถามว่ามีซีนรุนแรงไหม บอกเลยว่าโคตรเยอะ ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนเกลียดหนังเรื่องนี้เข้าไส้ เพราะความแรงในหนังใส่มาแบบไม่บันยะบันยัง (อันนี้น่าจะเป็นสไตล์ของผู้กำกับล้วนๆ หลายคนบอก แรงจนขาดความเป็นศิลปะ อันนี้ก็ตรงไม่น้อยเลย เพราะหนังหลายๆ เรื่องของผู้กำกับก็เป็นเช่นนั้น)
สิ่งที่ชอบมาก และสนุกมาก (สำหรับผม) กลับไม่ใช่ sex scene แต่เป็นเรื่องการเมืองในสำนักคอนเวนต์โดยใช้ประเด็นความเชื่อทางศาสนามาเป็นเครื่องมือปลุกปั่น ..หนังมันแฝงการต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจเก่าที่ใกล้สูญสลาย กับขั้วอำนาจใหม่ ที่ปลุกเร้าคนด้วยความศรัทธา ปาฏิหาริย์ ความเชื่อในพระเป็นเจ้าของตัวเบเนเดตต้าเอง ..ประเด็นเหล่านี้ คนดูต้องขบคิด ตีความเอาเองว่าจริงหรือลวง รอยแผลศักดิ์สิทธิ์หรือ Stigmata ที่เกิดกับนางเอก มันจริงหรือหลอก ...ผมว่าผู้กำกับทำพาร์ทนี้ได้แรงและสนุกมาก และส่งผลให้ช่วงไคลแม๊กซ์ของหนังไปได้ถึง ...จำความรู้สึกตอนดูช่วงบทสรุปได้เลย ว่ามันพีคมากแทบนั่งไม่ติดเบาะเลย
ชอบการแสดงของ ชาร์ล็อต แรมบลิง นักแสดงมือเก๋าชาวฝรั่งเศสในบทแม่อธิการ ที่ทรงพลังมาก รวมถึงเวอร์จิเนีย เอฟฟิร่า ในบทเบเนเดตต้า (เคยร่วมงานกับพอลมาก่อนใน Elle) ในซีนที่ทั้งคู่ต้องฟาดกัน มันไปสุดมากจริงๆ
จริงๆ มีหลายส่วนในหนังที่อื้อฉาว บางซีนถึงกับนั่งอ้าปากค้าง คือ เอากันขนาดนี้เลยเหรอ เล่าไม่ได้เลย ต้องไปดูเองในหนัง ...เอาเป็นว่าเข้าใจแหละ ว่าคนที่ศรัทธาในพระเจ้ามากๆ ถึงรับหนังเรื่องนี้ไม่ได้ และเข้าใจคนที่ลุกขึ้นปรบมือให้กับหนังตอนหนังจบด้วยนะ เพราะมันไปสุดพลังมากๆ นี่ถ้าชอบคือชอบเลยนะ ส่วนตัวผมนี่คือชอบมาก
ดีใจนะที่ค่ายหนังกล้าสั่ง Benedetta มาฉายในบ้านเรา มันได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ในการดูหนัง ...อยากให้ลองไปดู แล้วมาถก มาเถียงประเด็นต่างๆ ในหนังที่มีเยอะมาก ...เข้าทำนองหนังจบ คนไม่จบ ...ส่วนตัวแนะนำครับ อยากให้ลองไปดูจริงๆ
#Benedetta
#ใครอยากให้เธอบาป
#เอ้อระเหยลอยลม
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/urrahoei