เรากับแฟนคบกันมา สี่ปี แล้วค่ะ เลิกกันไปสองปีแล้วกลับมาคบกันใหม่ และมีแพลนจะแต่งงานกัน ตอนอายุ30 ตอนนี้เราทั้งคู่อายุ 27
ในช่วงปีแรกที่คบกันเราเลี้ยงดูแฟนนะค่ะ แฟนไม่ได้ทำงาน ค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่ที่เราหมด พ่อแม่แฟนไม่ยอมให้ทำงานเพราะกลัวเสียการเรียน โอนเงินให้ค่ากินเดือนละ2000
พอปีที่2 แฟนเรียนจบทำงาน พ่อแม่แฟนให้ส่งน้อง
พึ่งจบเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งเสียอยู่สามปี
เราก็เริ่มเก็บเงินสร้างบ้าน กระเป๋าใคร กระเป๋ามัน
ช่วงนั้นแฟน เข้าสู่วัยทำงานมีสังคมเพื่อนร่วมงาน จึงติดเที่ยว เราเลยเลิกกันไปสามปี
และกลับมาคบกันเมื่อปีก่อน
พ่อแม่ แฟนเขาอยากอุ้มหลานไวๆ เลยเร่งให้พวกเรารีบแต่งงานกัน
แต่เรายังไม่พร้อม
พวกเขาพากันไปหาพ่อแม่เราและคุยเรื่องแต่งงาน
พ่อแม่ก็อยากให้มีเงินเก็บสักก้อน ค่อยแต่ง
แต่ฝั่งพ่อแม่แฟนบอกว่า ญาติๆจากต่างจังหวัดจะให้แต่ง แฟนเป็นหลานชายคนโตของตระกูล
แม่เราเลยจะจัดเหมือนบุฟเฟ่ขนมจีนเล็กๆ ญาติฝั่งเราสักยี่สิบคนพอ เอาแต่ ผญ มามัดมือ
แต่ฝั่งพ่อแม่แฟน ญาติมาราวๆ เกรือบร้อยคน ป้าเขาบอกจะยกหมูให้หนึ่งตัว ต้องจัดใหญ่เอาดนตรี
แต่!!!
ในปีนี้เราสร้างบ้านเสร็จ แต่มีหนี้อยู่ 70000 บ.เจอพิษโควิท ปิดกิจการไป เราเลยตกงาน
แฟนเรา เพื่อนหลอกออกมาลงทุนขายของ เป็นหนี้อยู่ราวๆ120000(พ่อแม่แฟนรู้ว่ามีหนี้ เพราะใช้ชื่อ แม่แฟนในการกู้)
เรากับแฟนทำงานทุกอย่างเพื่อจ่ายหนี้ส่วนของแฟน และค่ากินอยู่ เราจึงตกลงใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน
(พ่อแม่แฟนมองว่าเป็นหนี้ร่วมกันเพราะอยู่ด้วยกันแล้ว เราต้องร่วมรับผิดชอบ)
และเงินที่หาได้ก็น้อยมาก จ่ายหนี้ และเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เราเลยชะลอการจ่ายหนี้บ้านของเราไปก่อน
ในช่วงที่ช่วยกันใช้หนี้ พ่อแม่แฟนก็อยากอุ้มหลานขึ้นมา จึงเร่งให้เราแต่งงาน แต่เราไม่มีเงินเลย เราจึงคุยกับแฟนว่าจะหมั้นกันก่อน
เราเลยเอาเงินเก็บของเราสองคน รวมกับทองเก็บของเรา มาซื้อของหมั้น
และหมั้นกันตอนต้นปี
ในวันที่คุยเรื่องแต่งงานเรื่องหมั้นอีกครั้ง
พ่อแม่แฟนบอกว่า จะออกค่าสินสอด ให้ ส่วนของหมั้นให้ใช้เงินเก็บแฟนเรา(เงินเก็บเราสองคนรวมกับทองส่วนตัวเรา)
แต่พอถึงวันหมั้นที่ ต้องให้ค่าสินสอด
พ่อแม่แฟน บ่ายเบี่ยง บอกว่า จะเอาเงินไปซื้อรถยนต์และขึ้นโครงรถ เงินเหลือ 30000 ไม่พอจ่าย ไว้วันแต่งค่อยให้ละกัน
พ่อแม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร
แม่เราเคยพูดว่า สินสอดที่เขาให้มาแม่จะเอาให้พวกลูกไปใช้หนี้นะ
ตอนที่ไม่ได้สินสอด แม่เราก็กังวลเกี่ยวกับหนี้ เราเลยคุยกับแฟน แฟนเราเลยตัดสินใจทำงานขับรถส่งอาหาร เพื่อจะได้ลดหนี้ไวๆ
ไม่กี่วันมานี้ เรากับแฟนกลับมาอยู่บ้านเรา เพื่อลดค่าใช้จ่าย ค่าเช่าบ้าน ต่างๆ
พ่อแม่แฟนบ่นแต่ว่า หมั้นกันแล้วเมื่อไหร่จะมีหลาน
เรากับแฟน พึ่งจะใช้หนี้120000หมด พ่อแม่แฟนก็มาเร่งให้มีหลานเลย
(พ่อแม่แฟนเร่งให้ใช้หนี้เพราะจะกู้เงิน เราเลยเอาทองหมั้นไปจำนองกับกู้เงินจากธนาคารมาปิด)
เรายังไม่ได้แต่งงานกันจริงๆเลย ถึงจะหมั้น ทุกคนรับรู้ แต่บ้านเราค่อนข้างถือเรื่องงานแต่ง ตอนแรกเราแค่จะกินข้าวเล็กๆ แต่พ่อแม่แฟนตอนหมั้นมาบอกเพื่อนบ้านว่ามาหมั้นเรา บลาๆ คนทั้งหมู่บ้านเลยรู้ พ่อแม่เรากลัวว่าเราจะไม่ได้แต่ง อับอายเป็นขี้ปากหม่ายขันหมาก เลยไม่คิดจะบอกใคร แค่ญาติสนิทจริงๆก็พอ
แต่พอ พ่อแม่แฟนไล่บอกเขา เขาเลยต้องถือคำพูดนั้น ไม่ให้เราอับอาย
เราเลยว่า งั้นก็แต่งงานให้เรียบร้อยก่อน
แม่เราบอกว่าจะออกค่าจัดงานให้
แต่สินสอด แม่เราไม่มีเงิน แม่เราก็ชาวนา ขายข้าวได้กำไรแค่หมื่นกว่า จะเอามาให้จัดงาน //ซึ่งมันไม่พอ เพราะพ่อแม่แฟนต้องการงานใหญ่ เราเลยจะเก็บเงินสำหรับค่าจัดงาน
เราคุยกับแฟนตั้งแต่วันที่หมั้นละ ว่าสินสอด พ่อแม่ แฟนไม่ออกไม่เป็นไร เก็บเงินกันสองคนก็ได้
แฟนก็บอกว่าจะไปคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้ดู
แต่พ่อแม่แฟนไม่พูดเรื่องสินสอดเลย
เราแอบน้ำตาตกในเลย
เขาพูดประมาณว่า มีที่นา วันหน้าจะยกให้
((บ้านเราก็มีที่บ้านนะ บ้านที่เราทำชื่อเรา วันหน้าก็เป็นของเรา))
เราแอบไม่พอใจเลยนะค่ะ มาเร่งให้มีหลาน ทั้งที่รู้ว่าเราไม่มีเงินเก็บกันเลย
แล้วงานแต่งที่คุยไว้ก็ไม่รับรู้อะไร
ทีนี้ พ่อแม่แฟนลงทุน ทำสวนผลไม้ขึ้นมา และเห็นว่ารายได้ดี
เขาก็ปลูกบนที่สวน และที่นา ที่ว่าจะยกให้พวกเราสองคน
เขาบอกว่า สวนที่ปลูกให้เนี่ยยกให้นะ แต่ต้องออก ค่าปุ๋ย กระสอบละ1200-1500 ปลูกให้ 200 ต้น อีกสี่ปีก็ได้เก็บผลแล้ว
เขาดูแลให้ เราออกค่าปุ๋ย แต่กำไรที่ได้ เขาจะเอาไปจ่ายค่ารถที่ซื้อ ตอนงานหมั้นของเรา ค่ารถประมาณ 9แสนกว่า
ปิดรถหมดให้ จะแบ่งกำไรที่ได้ให้เรา
ตอนนี้เราปวดหัวมาก หากคำนวนรายได้เรากับแฟน รวมกันเดือนละ 30000
เรายังต้องใช้หนี้ธนาคาร (ไม่รวมหนี้บ้านเรา) ประมาณ15000 ค่าปุ๋ย ค่ากินของพ่อแม่แฟน(เขาบอกว่าเราอยู่บ้านเรา เราดูแลพ่อแม่อยู่แล้ว ทางนี้ไม่มีคนดูแล ขอเงินค่าข้าว+ค่าปุ๋ย) ประมาณ 8000 เหลือ อยู่ 7000
เอามาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าประกันสังคม เหลือกินอยู่ไม่กี่พัน
กว่าเราจะได้เก็บเงินเพื่อจัดงาน และสินสอด
คงหลังจาก เดือน เมษาไป
พ่อแม่ แฟนก็มาถาม จู้จี้ว่า ทำไมไม่มีเงินเก็บ บลาๆ และ เอาแต่คุยเรื่องหลาน
เรากับแม่ คือไม่พอใจมาก แฟนเราก็หัวอ่อน พ่อแม่คุยไรมาไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยเถียงเลย
เราเลยว่า หาก อยากมีหลานก็เลิกเกับเรา แล้วไปหา เมียคนใหม่เถอะ
เราถือว่า ใช้เวรใช้กรรม
แฟนเราก็ไม่ยอมเลิก แต่ก็ไม่กล้าคุยกับพ่อแม่ อยู่ดี
เราควรทำยังไงดีค่ะ
เราไม่สามารถปฏิเสธ เรื่องเงินค่าปุ๋ยค่าข้าวได้ เพราะเขาบอกว่า ไม่จ่ายจะไม่ยกที่ให้(เราไม่ได้หวังอยากได้อยู่ละ แต่แฟนเราว่ามันคือความกตัญญู พ่อแม่ทำก็เพื่ออนาคตเรา อีกห้าปี จะได้กำไรปีละ หลายแสน ตอนแก่เราก็สบาย ///กูไม่ได้อยากได้เว้ย กูทำสวนไม่เป็น แค่ไปขนฟักทอง มาขายคราวก่อน เราก็กล้ามเนื้ออักเสบ จนต้องนอนพงาบๆไปเป็นเดือน// )
เราหลายครั้งที่อยากเลิกกับแฟน แต่เราก็พามาอยู่ที่บ้านด้วยแล้ว เขาก็พยายามหางานทำมากขึ้นเพื่อให้พอเหลือเก็บ
บางวัน นอนละ 4 -5 ชม เอง
เราคิดว่า เราไม่สามารถหาคนที่ขยัน และใจดี เท่าแฟนได้อีกแล้ว พ่อแม่เราก็รักแฟนด้วย เราก็รักเขามาก
ทุกคนช่วยหาวิธี ที่ประนีประนอม โดยที่เราไม่เลิกกับแฟนได้ไหมคะ
พ่อแม่แฟนไม่ช่วยสินสอด แต่คอยยุ่งเรื่องเงิน
ในช่วงปีแรกที่คบกันเราเลี้ยงดูแฟนนะค่ะ แฟนไม่ได้ทำงาน ค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่ที่เราหมด พ่อแม่แฟนไม่ยอมให้ทำงานเพราะกลัวเสียการเรียน โอนเงินให้ค่ากินเดือนละ2000
พอปีที่2 แฟนเรียนจบทำงาน พ่อแม่แฟนให้ส่งน้อง
พึ่งจบเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งเสียอยู่สามปี
เราก็เริ่มเก็บเงินสร้างบ้าน กระเป๋าใคร กระเป๋ามัน
ช่วงนั้นแฟน เข้าสู่วัยทำงานมีสังคมเพื่อนร่วมงาน จึงติดเที่ยว เราเลยเลิกกันไปสามปี
และกลับมาคบกันเมื่อปีก่อน
พ่อแม่ แฟนเขาอยากอุ้มหลานไวๆ เลยเร่งให้พวกเรารีบแต่งงานกัน
แต่เรายังไม่พร้อม
พวกเขาพากันไปหาพ่อแม่เราและคุยเรื่องแต่งงาน
พ่อแม่ก็อยากให้มีเงินเก็บสักก้อน ค่อยแต่ง
แต่ฝั่งพ่อแม่แฟนบอกว่า ญาติๆจากต่างจังหวัดจะให้แต่ง แฟนเป็นหลานชายคนโตของตระกูล
แม่เราเลยจะจัดเหมือนบุฟเฟ่ขนมจีนเล็กๆ ญาติฝั่งเราสักยี่สิบคนพอ เอาแต่ ผญ มามัดมือ
แต่ฝั่งพ่อแม่แฟน ญาติมาราวๆ เกรือบร้อยคน ป้าเขาบอกจะยกหมูให้หนึ่งตัว ต้องจัดใหญ่เอาดนตรี
แต่!!!
ในปีนี้เราสร้างบ้านเสร็จ แต่มีหนี้อยู่ 70000 บ.เจอพิษโควิท ปิดกิจการไป เราเลยตกงาน
แฟนเรา เพื่อนหลอกออกมาลงทุนขายของ เป็นหนี้อยู่ราวๆ120000(พ่อแม่แฟนรู้ว่ามีหนี้ เพราะใช้ชื่อ แม่แฟนในการกู้)
เรากับแฟนทำงานทุกอย่างเพื่อจ่ายหนี้ส่วนของแฟน และค่ากินอยู่ เราจึงตกลงใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน
(พ่อแม่แฟนมองว่าเป็นหนี้ร่วมกันเพราะอยู่ด้วยกันแล้ว เราต้องร่วมรับผิดชอบ)
และเงินที่หาได้ก็น้อยมาก จ่ายหนี้ และเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เราเลยชะลอการจ่ายหนี้บ้านของเราไปก่อน
ในช่วงที่ช่วยกันใช้หนี้ พ่อแม่แฟนก็อยากอุ้มหลานขึ้นมา จึงเร่งให้เราแต่งงาน แต่เราไม่มีเงินเลย เราจึงคุยกับแฟนว่าจะหมั้นกันก่อน
เราเลยเอาเงินเก็บของเราสองคน รวมกับทองเก็บของเรา มาซื้อของหมั้น
และหมั้นกันตอนต้นปี
ในวันที่คุยเรื่องแต่งงานเรื่องหมั้นอีกครั้ง
พ่อแม่แฟนบอกว่า จะออกค่าสินสอด ให้ ส่วนของหมั้นให้ใช้เงินเก็บแฟนเรา(เงินเก็บเราสองคนรวมกับทองส่วนตัวเรา)
แต่พอถึงวันหมั้นที่ ต้องให้ค่าสินสอด
พ่อแม่แฟน บ่ายเบี่ยง บอกว่า จะเอาเงินไปซื้อรถยนต์และขึ้นโครงรถ เงินเหลือ 30000 ไม่พอจ่าย ไว้วันแต่งค่อยให้ละกัน
พ่อแม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร
แม่เราเคยพูดว่า สินสอดที่เขาให้มาแม่จะเอาให้พวกลูกไปใช้หนี้นะ
ตอนที่ไม่ได้สินสอด แม่เราก็กังวลเกี่ยวกับหนี้ เราเลยคุยกับแฟน แฟนเราเลยตัดสินใจทำงานขับรถส่งอาหาร เพื่อจะได้ลดหนี้ไวๆ
ไม่กี่วันมานี้ เรากับแฟนกลับมาอยู่บ้านเรา เพื่อลดค่าใช้จ่าย ค่าเช่าบ้าน ต่างๆ
พ่อแม่แฟนบ่นแต่ว่า หมั้นกันแล้วเมื่อไหร่จะมีหลาน
เรากับแฟน พึ่งจะใช้หนี้120000หมด พ่อแม่แฟนก็มาเร่งให้มีหลานเลย
(พ่อแม่แฟนเร่งให้ใช้หนี้เพราะจะกู้เงิน เราเลยเอาทองหมั้นไปจำนองกับกู้เงินจากธนาคารมาปิด)
เรายังไม่ได้แต่งงานกันจริงๆเลย ถึงจะหมั้น ทุกคนรับรู้ แต่บ้านเราค่อนข้างถือเรื่องงานแต่ง ตอนแรกเราแค่จะกินข้าวเล็กๆ แต่พ่อแม่แฟนตอนหมั้นมาบอกเพื่อนบ้านว่ามาหมั้นเรา บลาๆ คนทั้งหมู่บ้านเลยรู้ พ่อแม่เรากลัวว่าเราจะไม่ได้แต่ง อับอายเป็นขี้ปากหม่ายขันหมาก เลยไม่คิดจะบอกใคร แค่ญาติสนิทจริงๆก็พอ
แต่พอ พ่อแม่แฟนไล่บอกเขา เขาเลยต้องถือคำพูดนั้น ไม่ให้เราอับอาย
เราเลยว่า งั้นก็แต่งงานให้เรียบร้อยก่อน
แม่เราบอกว่าจะออกค่าจัดงานให้
แต่สินสอด แม่เราไม่มีเงิน แม่เราก็ชาวนา ขายข้าวได้กำไรแค่หมื่นกว่า จะเอามาให้จัดงาน //ซึ่งมันไม่พอ เพราะพ่อแม่แฟนต้องการงานใหญ่ เราเลยจะเก็บเงินสำหรับค่าจัดงาน
เราคุยกับแฟนตั้งแต่วันที่หมั้นละ ว่าสินสอด พ่อแม่ แฟนไม่ออกไม่เป็นไร เก็บเงินกันสองคนก็ได้
แฟนก็บอกว่าจะไปคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้ดู
แต่พ่อแม่แฟนไม่พูดเรื่องสินสอดเลย
เราแอบน้ำตาตกในเลย
เขาพูดประมาณว่า มีที่นา วันหน้าจะยกให้
((บ้านเราก็มีที่บ้านนะ บ้านที่เราทำชื่อเรา วันหน้าก็เป็นของเรา))
เราแอบไม่พอใจเลยนะค่ะ มาเร่งให้มีหลาน ทั้งที่รู้ว่าเราไม่มีเงินเก็บกันเลย
แล้วงานแต่งที่คุยไว้ก็ไม่รับรู้อะไร
ทีนี้ พ่อแม่แฟนลงทุน ทำสวนผลไม้ขึ้นมา และเห็นว่ารายได้ดี
เขาก็ปลูกบนที่สวน และที่นา ที่ว่าจะยกให้พวกเราสองคน
เขาบอกว่า สวนที่ปลูกให้เนี่ยยกให้นะ แต่ต้องออก ค่าปุ๋ย กระสอบละ1200-1500 ปลูกให้ 200 ต้น อีกสี่ปีก็ได้เก็บผลแล้ว
เขาดูแลให้ เราออกค่าปุ๋ย แต่กำไรที่ได้ เขาจะเอาไปจ่ายค่ารถที่ซื้อ ตอนงานหมั้นของเรา ค่ารถประมาณ 9แสนกว่า
ปิดรถหมดให้ จะแบ่งกำไรที่ได้ให้เรา
ตอนนี้เราปวดหัวมาก หากคำนวนรายได้เรากับแฟน รวมกันเดือนละ 30000
เรายังต้องใช้หนี้ธนาคาร (ไม่รวมหนี้บ้านเรา) ประมาณ15000 ค่าปุ๋ย ค่ากินของพ่อแม่แฟน(เขาบอกว่าเราอยู่บ้านเรา เราดูแลพ่อแม่อยู่แล้ว ทางนี้ไม่มีคนดูแล ขอเงินค่าข้าว+ค่าปุ๋ย) ประมาณ 8000 เหลือ อยู่ 7000
เอามาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าประกันสังคม เหลือกินอยู่ไม่กี่พัน
กว่าเราจะได้เก็บเงินเพื่อจัดงาน และสินสอด
คงหลังจาก เดือน เมษาไป
พ่อแม่ แฟนก็มาถาม จู้จี้ว่า ทำไมไม่มีเงินเก็บ บลาๆ และ เอาแต่คุยเรื่องหลาน
เรากับแม่ คือไม่พอใจมาก แฟนเราก็หัวอ่อน พ่อแม่คุยไรมาไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยเถียงเลย
เราเลยว่า หาก อยากมีหลานก็เลิกเกับเรา แล้วไปหา เมียคนใหม่เถอะ
เราถือว่า ใช้เวรใช้กรรม
แฟนเราก็ไม่ยอมเลิก แต่ก็ไม่กล้าคุยกับพ่อแม่ อยู่ดี
เราควรทำยังไงดีค่ะ
เราไม่สามารถปฏิเสธ เรื่องเงินค่าปุ๋ยค่าข้าวได้ เพราะเขาบอกว่า ไม่จ่ายจะไม่ยกที่ให้(เราไม่ได้หวังอยากได้อยู่ละ แต่แฟนเราว่ามันคือความกตัญญู พ่อแม่ทำก็เพื่ออนาคตเรา อีกห้าปี จะได้กำไรปีละ หลายแสน ตอนแก่เราก็สบาย ///กูไม่ได้อยากได้เว้ย กูทำสวนไม่เป็น แค่ไปขนฟักทอง มาขายคราวก่อน เราก็กล้ามเนื้ออักเสบ จนต้องนอนพงาบๆไปเป็นเดือน// )
เราหลายครั้งที่อยากเลิกกับแฟน แต่เราก็พามาอยู่ที่บ้านด้วยแล้ว เขาก็พยายามหางานทำมากขึ้นเพื่อให้พอเหลือเก็บ
บางวัน นอนละ 4 -5 ชม เอง
เราคิดว่า เราไม่สามารถหาคนที่ขยัน และใจดี เท่าแฟนได้อีกแล้ว พ่อแม่เราก็รักแฟนด้วย เราก็รักเขามาก
ทุกคนช่วยหาวิธี ที่ประนีประนอม โดยที่เราไม่เลิกกับแฟนได้ไหมคะ