คือตอนเราเด็กๆค่ะเเม่เรานอมเรามากตามใจเเต่ตามใจในเรื่องที่ถูกอยู่มาวันนึงตาเราเสียเเม่เลยต้องทำงานตอนนั้นเราอายุ5-6ขวบ เเม่ติดงานมากๆติดงานจนพอจะออกไปใหนเขาก็จะจมอยู่เเต่มือถือ เราก็ท้อนะเราอยากออกไปใหนเเล้วมีความสุขบ้าง เเล้ววันนึงเขาก็มาถามเราว่า ไม่ชอบอะไรเเม่มั้ย เราเลยบอกว่าเเม่ไม่ค่อยมีเวลาเลย เเล้วเขาก็เปลียนตัวเอง เเต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตอนนี้เราอายุ11 เรามีโรคประจำตัวคือเป็นคิดมาดหรือเเพนิค เเม่เริ่มกดดันเรื่องการเรียนเราก็ไม่ว่าอะไรเเต่หลังๆเราว่าหนักไปหน่อย ตอนนั้นคาบวิทยาศาสตร์ คุณครูให้ทำเเบบทดสอบเราก็ทำ25ข้อภายใน12นาทีซึ่งมันเหลือเวลาอีกเยอะเราเลยาไถฟีดต๊อกๆเพื่อคลายเครียดเพราะข้อสอบมันค่อนข้างยากเราก็ไถไปประมาณ10นาทีได้ เเล้วเเม่ก็พูดว่า หยุดเล่นโทรศัพท์ เเล้วทบทวนสะนะ เราก็ไม่ได้อะไร เเล้วก่อนหน้านี้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ เราไปข้างนอกเราก็ทำงานหาเงินไปตามภาษาเราค่ะ เเม่ก็บอกออกมามองโลกบ้าง หยุดเล่นทรศ เราก็หยุดทั้งๆที่เเม่เองก็ทำงานอย่างเดียว คือเราอยากจะบอกเเม่ว่า เราอ่ะอยู่กับทรศเยอะเกินก็จริงเเต่มันคือความสุข รักเรารักได้เเต่อย่าเกินขอบเขตไป อีกอย่าเเม่เคยมองบ้างมั้ยว่าสังคมมันเเย่ขนาดใหน เรายอมรับว่าเป็นเด็กที่ติดทรศ เรายอมรับว่าเราไม่เก่ง เเต่มันคือชีวิตเราเข้ามาให้คำเเนะนำได้เาไม่ว่าเลยเเต่อย่าเปรียบเทียบเรากับคนอื่นคุณบอกคุณไม่ได้เปรียบเทียบเเต่คำพูดนั้นมันคือการเอาเราไปเปรีบยเทียบกับพี่ตัวเอง ชิวตเราเรามีเเค่คนเดียวไม่ต้องเอาใครมาเกี่ยว จะพูดว่า ดูอย่างพี่เถอะสิ มันไม่ใช่การเปรียบเทียบหรอ เราไม่ได้เกิดมาเพอร์เฟค100% เเต่นี่คือคำถามค่ะ คำว่า ดูอย่างพี่เธอสิ เขาตั้งใจเรียนเห็นมั้ย มันเป็นคำเปรียบเทียบรึเปล่าคะ อีกอย่างเนื้อเรื่องพวกนี้เราเป็นคนขอโทษหมดเลยนะคะ
ปัญหาครอบครัว