‘ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ’ อ่านแถลงการณ์ทวงสัญญา รบ. ลั่นเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แฉมีผู้เสนอยุติเคลื่อนไหว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3075770
‘เยาวชนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น’ อ่านแถลงการณ์ทวงสัญญา แฉมีคนยื่นข้อเสนอให้หยุดเคลื่อนไหว แล้วจะไม่ดำเนินคดี ลั่นยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล น.ส.
ไครียะห์ ระหมันยะ เยาวชนนักเคลื่อนไหว เครือข่ายจะนะ รักษ์ถิ่น หรือลูกสาวแห่งทะเลจะนะ พร้อมด้วยเยาวชนประมาณ 10 คน ซึ่งเป็นลูกหลานของผู้ชุมนุมที่ถูกเจ้าหน้าตำรวจจับกุมไปเมื่อคืนวันที่ 6 ธันวาคม จากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ขณะชุมนุมคัดค้าน โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ โดยได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ในนามเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น
น.ส.
ไครียะห์กล่าวว่า การเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลในวันนี้เพื่อบอกรัฐบาลให้หยุดคุกคามแผ่นดินของคนจะนะ เพื่อให้หยุดสร้างนิคมอุตสาหกรรม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือรัฐบาลกลับนำที่ดินไปให้นายทุนเพียงสองบริษัทเกือบ 2 หมื่นไร่ และเหตุการณ์วันที่ 6 ธันวาคม ย้ำชัดถึงการปกป้องกลุ่มทุน เราขอยืนยันแม้จะถูกจับกุมอีกกี่ครั้ง เมื่อออกมาแล้วก็จะกลับมายังทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิม เราไม่ไปไหน แม้จะถูกทำลายจากกลุ่มอำนาจสักกี่ครั้งก็ตาม ภารกิจนี้ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ขอยืนหยัดจนถึงที่สุด
น.ส.
ไครียะห์กล่าวว่า วันนี้ภาคีเครือข่าย 5 จังหวัดภาคใต้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องลุกขึ้นแสดงตนปกป้องแผ่นดิน โดยจะต่อสู่จนกว่าโครงการดังกล่าวจะยุติ และในวันเดียวกันนี้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะรวมตัวกันที่ อ.จะนะ เพื่อออกแถลงการณ์ร่วมกัน ส่วนการเคลื่อนไหวใน กทม.ขอประเมินสถานการณ์ก่อน
น.ส.
ไครียะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังทราบว่าขณะนี้ มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมไป แต่มีการให้ข้อเสนอไม่ดำเนินคดีแลกกับการหยุดเคลื่อนไหว ซึ่งผู้ที่ถูกจับกุมไม่ยอม และยืนยันว่า คดีเพียงแค่นี้ ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของพวกเราได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอดังกล่าวมาจากใคร น.ส.
ไครียะห์กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียด เพียงแต่ทราบจากคำบอกเล่าของผู้ถูกจับกุมเท่านั้นว่ามีการยื่นข้อเสนอให้ ตอนนี้เหลือแค่ตนและน้องๆ เราได้สารจากผู้ที่ถูกจับกลุ่มคุมขังไปเมื่อคืนที่ระบุว่าเขาจะมาเจรจาไม่ดำเนินคดีกับพวกเรา แลกกับการไม่เรียกร้องเรื่องนิคมอุตสาหกรรมจะนะอีกต่อไป แต่พี่น้องทุกคนไม่ยอมรับ และพร้อมที่จะสู้คดี ยืนยันว่าถ้าออกจากการถูกคุมขังไปได้จะมาหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องต่อไปอีก จนกว่าข้อเรียกร้องจะบรรลุ เพราะคดีแค่นี้ทำลายความตั้งใจของพวกเราไม่ได้ เราพร้อมจะเอาชีวิตเข้าแลก
เมื่อถามว่ากรณีที่ ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เคยลงนามเอ็มโอยูให้มีการศึกษาโครงการอีกครั้ง แต่ขณะนี้ ร.อ.
ธรรมนัสพ้นจากตำแหน่งแล้ว กังวลว่าจะมีผลกับเอ็มโอยูที่ทำไว้หรือไม่ น.ส.
ไครียะห์กล่าวว่า ร.อ.
ธรรมนัสเป็นผู้ลงนาม แต่เอ็มโอยูดังกล่าวเป็นการลงนามของรัฐบาล ไม่ใช่ตัวบุคคล จึงต้องดำเนินการต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เหมือนรัฐบาลดำเนินการแบบมั่วกันไปหมด
“ปีที่แล้วเราได้ทำเอ็มโอยูไว้กับ ร.อ.ธรรมนัสก็จริง แต่ในสัญญานี้เราทำร่วมกับรัฐบาล ไม่ได้ทำโดยบุคคล ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม รัฐบาลเซ็นมั่วกันไปหมด เซ็นไปแล้วเซ็นทิ้งๆ ขว้างๆ โดยไม่รับผิดชอบอะไรสักอย่างเลยตอนนี้ พวกเราจะสู้จนกว่าจะมีการยุติโครงการอุตสาหกรรมนิคมจะนะ และทำตามข้อเรียกร้องที่ได้ทำกันไว้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว” น.ส.
ไครียะห์กล่าว
ลุ้นชี้ชะตา เจ้าสัวเปรมชัย คดีล่าเสือดำเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า เปิดไทม์ไลน์คำตัดสิน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6770866
ลุ้น! ฎีกา ชี้ชะตา เจ้าสัวเปรมชัย กับพวก ล่าเสือดำ เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เมืองกาญฯ
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 64ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีล่าเสือดำ หมายเลขดำอ.219/2561 ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ฟ้องนาย
เปรมชัย กรรณสูตร อดีตประธาน กรรมการบมจ. อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ นาย
ยงค์ โดดเครือ คนขับรถ นาง
นที เรียมแสน แม่ครัว นาย
ธานี ทุมมาศ พรานป่า เป็นจำเลยที่ 1-4
ในความผิดฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย และฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2561 พวกจำเลยได้ร่วมกันเข้าไปในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เขตตะวันตก จ.กาญจนบุรี แล้วร่วมกันฆ่าเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน เพื่อเป็นอาหาร
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดพิพากษา จำคุก นาย
เปรมชัย จำเลยที่ 1 รวม16 เดือน ไม่รอลงอาญา จำคุก นาย
ยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 รวม 13 เดือน ไม่รอลงอาญา จำคุก นาง
นที เรียมแสน จำเลยที่ 3 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา มีกำหนด 2 ปี และจำคุก นาย
ธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 รวม 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผู้เสียหายด้วย อัยการโจทก์และจำเลยทั้งสี่ต่างยื่นอุทธรณ์
ต่อมาศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยพิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษจำคุก นาย
เปรมชัย กรรณสูต รวม 2 ปี 14 เดือน นาย
ยงค์ โดดเครือ รวมจำคุก 2 ปี 17 เดือน นาง
นที เรียมแสน จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วน นายธานี ทุมมาศ จำคุกรวม 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอลงอาญานาย
เปรมชัย นายยงค์ และนายธานี ให้จำเลยทั้งสี่ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แก่ผู้เสียหายรวม 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย
จากนั้นศาลอนุญาตให้ประกันตัว นาย
เปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นาย
ยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนาย
ธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 โดยเพิ่มหลักทรัพย์อีกคนละ 2 แสนบาท ระหว่างฎีกา โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าก่อนหน้านี้นายเปรมชัย ยังถูกศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษายืนจำคุก 1 ปีไม่รอลงอาญา กรณีนายเปรมชัยเสนอสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ต้องถูกดำเนินคดีล่าสัตว์ป่า ที่นายถูกฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83 ในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่า และอื่นๆ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
และยังมีคดีที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกนายเปรมชัย 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา กรณีมีอาวุธปืนยาวไรเฟิลไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเช่นกัน.
JJNY : ทวงสัญญารบ. ลั่นเอาชีวิตเป็นเดิมพัน│ลุ้นชี้ชะตาเจ้าสัวเปรมชัย│คาดศก.ปี65 ฟื้น2.8-3.7%│ยกเคสลูกหนังเทียบพักกึนฮเย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3075770
‘เยาวชนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น’ อ่านแถลงการณ์ทวงสัญญา แฉมีคนยื่นข้อเสนอให้หยุดเคลื่อนไหว แล้วจะไม่ดำเนินคดี ลั่นยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไครียะห์ ระหมันยะ เยาวชนนักเคลื่อนไหว เครือข่ายจะนะ รักษ์ถิ่น หรือลูกสาวแห่งทะเลจะนะ พร้อมด้วยเยาวชนประมาณ 10 คน ซึ่งเป็นลูกหลานของผู้ชุมนุมที่ถูกเจ้าหน้าตำรวจจับกุมไปเมื่อคืนวันที่ 6 ธันวาคม จากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ขณะชุมนุมคัดค้าน โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ โดยได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ในนามเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น
น.ส.ไครียะห์กล่าวว่า การเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลในวันนี้เพื่อบอกรัฐบาลให้หยุดคุกคามแผ่นดินของคนจะนะ เพื่อให้หยุดสร้างนิคมอุตสาหกรรม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือรัฐบาลกลับนำที่ดินไปให้นายทุนเพียงสองบริษัทเกือบ 2 หมื่นไร่ และเหตุการณ์วันที่ 6 ธันวาคม ย้ำชัดถึงการปกป้องกลุ่มทุน เราขอยืนยันแม้จะถูกจับกุมอีกกี่ครั้ง เมื่อออกมาแล้วก็จะกลับมายังทำเนียบรัฐบาลเหมือนเดิม เราไม่ไปไหน แม้จะถูกทำลายจากกลุ่มอำนาจสักกี่ครั้งก็ตาม ภารกิจนี้ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ขอยืนหยัดจนถึงที่สุด
น.ส.ไครียะห์กล่าวว่า วันนี้ภาคีเครือข่าย 5 จังหวัดภาคใต้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องลุกขึ้นแสดงตนปกป้องแผ่นดิน โดยจะต่อสู่จนกว่าโครงการดังกล่าวจะยุติ และในวันเดียวกันนี้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะรวมตัวกันที่ อ.จะนะ เพื่อออกแถลงการณ์ร่วมกัน ส่วนการเคลื่อนไหวใน กทม.ขอประเมินสถานการณ์ก่อน
น.ส.ไครียะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังทราบว่าขณะนี้ มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมไป แต่มีการให้ข้อเสนอไม่ดำเนินคดีแลกกับการหยุดเคลื่อนไหว ซึ่งผู้ที่ถูกจับกุมไม่ยอม และยืนยันว่า คดีเพียงแค่นี้ ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของพวกเราได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอดังกล่าวมาจากใคร น.ส.ไครียะห์กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียด เพียงแต่ทราบจากคำบอกเล่าของผู้ถูกจับกุมเท่านั้นว่ามีการยื่นข้อเสนอให้ ตอนนี้เหลือแค่ตนและน้องๆ เราได้สารจากผู้ที่ถูกจับกลุ่มคุมขังไปเมื่อคืนที่ระบุว่าเขาจะมาเจรจาไม่ดำเนินคดีกับพวกเรา แลกกับการไม่เรียกร้องเรื่องนิคมอุตสาหกรรมจะนะอีกต่อไป แต่พี่น้องทุกคนไม่ยอมรับ และพร้อมที่จะสู้คดี ยืนยันว่าถ้าออกจากการถูกคุมขังไปได้จะมาหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องต่อไปอีก จนกว่าข้อเรียกร้องจะบรรลุ เพราะคดีแค่นี้ทำลายความตั้งใจของพวกเราไม่ได้ เราพร้อมจะเอาชีวิตเข้าแลก
เมื่อถามว่ากรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เคยลงนามเอ็มโอยูให้มีการศึกษาโครงการอีกครั้ง แต่ขณะนี้ ร.อ.ธรรมนัสพ้นจากตำแหน่งแล้ว กังวลว่าจะมีผลกับเอ็มโอยูที่ทำไว้หรือไม่ น.ส.ไครียะห์กล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้ลงนาม แต่เอ็มโอยูดังกล่าวเป็นการลงนามของรัฐบาล ไม่ใช่ตัวบุคคล จึงต้องดำเนินการต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เหมือนรัฐบาลดำเนินการแบบมั่วกันไปหมด
“ปีที่แล้วเราได้ทำเอ็มโอยูไว้กับ ร.อ.ธรรมนัสก็จริง แต่ในสัญญานี้เราทำร่วมกับรัฐบาล ไม่ได้ทำโดยบุคคล ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม รัฐบาลเซ็นมั่วกันไปหมด เซ็นไปแล้วเซ็นทิ้งๆ ขว้างๆ โดยไม่รับผิดชอบอะไรสักอย่างเลยตอนนี้ พวกเราจะสู้จนกว่าจะมีการยุติโครงการอุตสาหกรรมนิคมจะนะ และทำตามข้อเรียกร้องที่ได้ทำกันไว้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว” น.ส.ไครียะห์กล่าว
ลุ้นชี้ชะตา เจ้าสัวเปรมชัย คดีล่าเสือดำเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า เปิดไทม์ไลน์คำตัดสิน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6770866
ลุ้น! ฎีกา ชี้ชะตา เจ้าสัวเปรมชัย กับพวก ล่าเสือดำ เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เมืองกาญฯ
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 64ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีล่าเสือดำ หมายเลขดำอ.219/2561 ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูตร อดีตประธาน กรรมการบมจ. อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ นางนที เรียมแสน แม่ครัว นายธานี ทุมมาศ พรานป่า เป็นจำเลยที่ 1-4
ในความผิดฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย และฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2561 พวกจำเลยได้ร่วมกันเข้าไปในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เขตตะวันตก จ.กาญจนบุรี แล้วร่วมกันฆ่าเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน เพื่อเป็นอาหาร
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดพิพากษา จำคุก นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 รวม16 เดือน ไม่รอลงอาญา จำคุก นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 รวม 13 เดือน ไม่รอลงอาญา จำคุก นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา มีกำหนด 2 ปี และจำคุก นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 รวม 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผู้เสียหายด้วย อัยการโจทก์และจำเลยทั้งสี่ต่างยื่นอุทธรณ์
ต่อมาศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยพิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษจำคุก นายเปรมชัย กรรณสูต รวม 2 ปี 14 เดือน นายยงค์ โดดเครือ รวมจำคุก 2 ปี 17 เดือน นางนที เรียมแสน จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วน นายธานี ทุมมาศ จำคุกรวม 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอลงอาญานายเปรมชัย นายยงค์ และนายธานี ให้จำเลยทั้งสี่ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แก่ผู้เสียหายรวม 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย
จากนั้นศาลอนุญาตให้ประกันตัว นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 โดยเพิ่มหลักทรัพย์อีกคนละ 2 แสนบาท ระหว่างฎีกา โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าก่อนหน้านี้นายเปรมชัย ยังถูกศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษายืนจำคุก 1 ปีไม่รอลงอาญา กรณีนายเปรมชัยเสนอสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ต้องถูกดำเนินคดีล่าสัตว์ป่า ที่นายถูกฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83 ในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่า และอื่นๆ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
และยังมีคดีที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกนายเปรมชัย 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา กรณีมีอาวุธปืนยาวไรเฟิลไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเช่นกัน.