นี่เป็นเพียงแบบร่างยังไม่มีการรีไรท์ใด ๆ และยังไม่จบคือส่วนหนึ่งของตอนเท่านั้น
นี่ก็เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่พ่อของชูใจได้เสียชีวิตลงจากอุบัติรถชนอย่างกะทันหันขณะที่ตอนนั้นเด็กหญิงชูใจมีอายุได้เพียง12ขวบ ปัจจุบันชูใจจึงต้องมาอาศัยภายใต้การดูแลผู้ปกครองคนใหม่ซึ่งก็คือปู่ของเธอเอง ก่อนหน้าพ่อแม่ของเธอได้ทำงานอยู่ที่พัทยาทว่าหลังพวกท่านเสียชูใจเลยมีอันต้องย้ายมาอยู่กับปู่ แถวเยาวราชณ กรุงเทพมหานครหรืออีกสมยานามคือชุมชนของคนจีน แน่นอนรากเง้าทั้งพ่อและเธอล้วนมีเชื้อสายคนจีนอันถูกสืบทอดมาจากย่าซึ่งเพิ่งจากไปเมื่อไม่นานมานี้ราวสองปีก่อน สรุปโดยรวมขณะนี้ชูใจอยู่กับปู่เพียงแค่สองคนในบ้านไม้หลังสองชั้นที่พ่อปู่และย่าเคยใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อหลายสิบปีก่อน ความทรงจำตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยยังคงฉายภายในหัวของเธอเสมอเพราะตอนพ่อและแม่ยังอยู่ทั้งสองก็พาเธอมาเยี่ยมรปู่ย่าช่วงปิดเทอมตลอด จนบางทีเธอก็แอบชื่นชอบผูกพันธ์กับสถายที่แห่งนี้ราวกับนี่คือบ้านหลังที่สอง ชูใจมักจะไปเที่ยวเตร็ดเตร่ถนนมังกรอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสเพราะที่นั้นมีของขายมากมายแถมครั้งยังมีนักท่องเที่ยวหลากหลายสัญชาตแม้ส่วนใหญ่เป็นคนจีน ทว่าเธอก็ชอบที่นั้นทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงเธอเกลียดความแออัดและคนมากหน้าหลายตา แต่ทว่าเยาวราชกลับเป็นข้อยกเว้นซึ่งสาเหตุนั้นเธอก็มิอาจทราบได้เหมือนกัน เพียงแค่รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกหรือคงเป็นเพราะตอนเด็ก ๆ มาเที่ยวบ่อยพร้อมกับพ่อแม่กระมัง ชูใจสรุปข้อกังขาอันไม่คำอธิบายไว้ดังนั้น
กระนั้นความรู้สึกแปลกประหลาดก็มักเกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุอีกเช่นกัน เพราะเมื่อใดที่เธอเดินผ่านห้างทองขนาดใหญ๋สุดในย่านถนนมังกร ความรู้สึกโหยหาราวกับเรียกร้องให้เข้าไปมักปรากฎในห้วงส่วนลึกของหัวใจอย่างไร้ความสมเหตุสมผล ทว่าแม้มีความรู้สึกเช่นนั้นชูใจก็ทำได้แค่ชายตามองก่อนจะเดินจากไปเสมือนร้านอื่น ๆ ที่ไม่น่าดึงดูดสำหรับเธอ และมาตั้งคำถามในใจกับตัวเองทีหลังว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้นก็ตาม เธอมิได้สนใจทองหรือของมีค่า ประหนึ่งรอคอยอะไรบางสิ่งซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจอีกตามเคยและพยายามข่มจิดใจให้เลิกคิดเรื่องไร้สาระพวกนั้น พร้อมทั้งหันไปโฟกัสร้านอื่น ๆ แทน รวมถึงควรกลับบ้านก่อนฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้ปู่ของเธออาจจะเป็นห่วงได้
ปู่อายุมากแล้วใกล้เลขเจ็ดสิบเข้าไปทุกทีเพราะงั้นชูใจเลยมักอยู่ติดบ้านบ่อย ๆ ในช่วงปิดเทอมเพื่อดูแลคุณปู่ นอกจากเธอปู่ก็ไม่มีหลานคนไหนแล้ว รวมถึงตัวเธอเองก็ไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากปู่เหมือนกันเราทั้งคู่ต่างต้องหวังพึ่งกันและกันฉะนั้น คนที่เธอรักและให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้จึงมีแค่ปู่เพชรภูมิเพียงผู้เดียว อย่างไรญาติฝั่งแม่หรือย่าก็ไม่สนใจเธออยู่แล้วเลยไม่มีความจำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลืออะไรจากฝั่งนั้น สำหรับชูใจแล้วมีแค่ปู่เธอก็มีความสุขเรื่องเงินทองไม่มีความกังวลอะไรนักเพราะทั้งเงินประกันและเงินในบัญชีธนาคารของพ่อแม่มันก็มากพอทำให้เธอเรียนจบมัธยมปลายต่อมหาวิทยาลัยหางานทำได้ด้วยตัวเองแล้วทว่าก็ต้องใช้อย่างประหยัด ๆ เพราะนอกจากเงินส่วนนี้เธอก็ไม่มีอะไรแล้ว ปู่แก่เกินกว่าจะทำงานหาเงินได้ แม้จริง ๆ แล้วก่อนพ่อจะออกไปแต่งงานกับแม่ ปู่เคยสืบทอดกิจการร้านกระเพาะปลาซึ่งถูกสืบทอดต่อมารุ่นต่อรุ่นก็เถอะ แต่พอถึงรุ่นพ่อ พ่อจึงค้านหัวชนฝาว่าไม่ต้องการสืบทอดกิจการอันปู่มิก็มิได้บังคับฝืนใจลูกชายพร้อมยังยอมจำนนและตัดสินใจปิดกิจการแต่โดยดี เพราะไม่อยากบังคับลูกเหมือนที่ตนเคยโดนในอดีต ปู่ของเธอเป็นคนมีเหตุและใจเย็น เคยได้ยินย่าเล่าให้ฟังว่าสมัยสาว ๆ ตอนปู่มาจีบย่าปู่เป็นคนขี้อายมาก ถึงขนาดแค่พูดยังตะกุกตะกักไม่ยอมมองหน้าย่าตรง ๆ ชูใจเลยนึกสงสัยว่าถ้าหากเป็นแบบนั้นแล้วปู่จีบย่าติดได้ยังไงขนาดแค่พูดยังไม่ชัด น่าแปลกใจที่ปู่เป็นคนตอบคำถามนี้ด้วยตัวเองพร้อมรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นขณะมีอขวาเองก็แนบไว้บนอกซ้ายหลับตาลงเสมือนกำลังนึกย้อนถึงอะไรบางอย่างอยู่
“เพราะผู้มีพระคุณของปู่น่ะเธอคนนั้นช่วยเหลือปู่ไว้มากมายตอนปู่ยังหนุ่ม ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยหรือแม้กระทั่งเรื่องที่ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่อาจหาอะไรมาทดแทนบุญคุณได้” ปู่ไม่พูดหรือขยายความให้กระจ่างหลังสิ้นสุดประโยคนั้นทิ้งปริศนาไว้แม้ชูใจจะตื้อซักถามอีกสักเท่าใดว่าคนนั้น ๆ เป็นใครปู่ก็ไม่ยอมตอบ ทำเพียงยิ้มและลูบหัวหลานตัวน้อยอย่างแผ่วเบาแล้วเรียกชื่อเธอ “ชูใจ”
หญิงสาววัยสิบเจ็ดปีครุ่นคิดอะไรในหัวมากมายทั้งความหลังและความทรงครั้นในอดีตจนเกิดอาการเหม่อลอยไม่รู้ตัว และได้มาเดินหยุดอยู่ร้าน ๆ หนึ่งเมื่อสติเพิ่งกลับคืนมาจากอาการเหม่อลอย ชูใจกวาดมองสำรวจรอบด้านตนรวมถึงท้องฟ้าเหนือหัวจึงรับรู้ว่าขณะนี้ฟ้าใกล้ฝนตก เมฆที่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนทมิฬเริ่มแผ่ขยายวงกว้างและเริ่มมีหยดน้ำใสร่วงหล่นลงมาทีล่ะน้อยก่อนจะหนักขึ้นกลายเป็นพายุฝนขนาดกลางพาผู้คนหลบกันอย่างจ้าล่ะหวั่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหญิงสาวผมสั้นประบ่าสวมเสื้อฮูดสีน้ำเงินเข้าไปหลบฝนในร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งเธอยืนหยุดก่อนหน้า โดยขอเจ้าร้านว่าจะขออยู่จนกว่าฝนจะซาลงหญิงสาวถอนหายใจด้วยอารมณ์เซงเป็ดก่อนวินาทีต่อมาจะถอดเสื้อฮูดอย่างกระทันหัรฃนเพื่อสะบัดไล่น้ำฝนเผยเสื้อยืดตัวบางสีเทาข้างในให้ลูกค้าในร้านเห็นปราศจากความแยแสในสายตาเหล่านั้นทั้งสิ้น หนำซ้ำยังยืนเท้าสะเอวแล้วเอาเสื้อฮูดพาดไหล่ทอดสายตามองสายฝนด้านนอกอย่างเหม่อลอยอีกเช่นเคย
“ทำไมบรรยากาศแบบนี้ถึงได้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยอีกแล้วนะ” เธอพลางคิดในใจเรื่อยเปื่อยตามประสาคนไม่มีไรทำ เหลียวหลังมองลูกค้าภายในร้านเป็นระยะ ๆ กระทั่งรู้สึกสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูมีอายุมากพอสมควรทว่ากลับดูสาวต้านวัยได้น่าประหลาด กำลังจ้องมองเธออย่างไม่วางตาราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง จนมันชวนขนลุกชูใจจึงหันไปเผชิญหน้ากับหล่อนขมวดคิ้วเข้าใส่เพื่อแสดงความไม่พอใจที่หล่อนจ้องเธออยู่ ผู้หญิงคนนั้นสะดุ้งแล้วตีเนียนเสมองไปทางอื่น ชูใจเห็นดังนั้นก็ไม่ใส่ใจอะไรเพิ่มนอกจากเหม่อมองไปด้านนอกรอให้ฝนซาลงต่อ ทว่าเธอกลับยังมีความรู้สึกว่ายังคงมีคนจ้องมองอยู่จึงเหลียวหลังไปอีกครั้งปรากฎว่าหญิงสูงวัยคนเดิมยังคงจ้องมองเธออยู่ หญิงสาวในเสื้อยืดตัวบางเลยถอดหายใจเบื่อหน่ายสวมใส่เสื้อฮูดดังเดิม โดยมิทันสังเกตเห็นว่าบุคคลด้านหลังเธอแอบลอบยิ้มด้วยแววตาอันแสนลึกซึ้งและตื้นตันใจไปพร้อม ๆ กัน
หญิงสาววัยใกล้เลขหกสิบลุกขึ้นจากที่นั่งของตนเองเคลื่อนฝีเท้าไปหาหญิงสาวผู้ซึ่งอายุน้อยกว่าหล่อนเป็นเท่าตัว หยุดยืนอยู่ด้านข้างเว้นระยะพอสมควรแต่ก็ไม่มากพอที่จะได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย เสมือนไม่พอใจกับการมาเยือนของหล่อนและทำเพียงชำเลืองด้วยหางตาแวบหนึ่งและเมินเฉยไม่แสดงท่าทางอะไรต่ออีก
“เธอคงไม่ชอบฝนตกสินะ ถึงได้ทำหน้าเหมือนตูดแบบนั้น” หล่อนลองแหย่คนข้างกายดูแม้แท้จริงเพียงอยากแค่จะชวนคุย ทว่าความรู้อยากเอยากห็นก็พลันเกิดถ้าหากหล่อนพูดแบบนี้ออกไป อีกฝ่ายซึ่งน่าจะไม่ชอบสูงสิงกับคนแปลกหน้าจะตอบกลับมาในทำนองแบบไหน หญิงสาววัยสิบเจ็ดปีเงียบสนิทไม่แม้แต่จะเหลือบมามองผู้ชวนสนทนาจนคนถามต้องถอนหายใจ พลางเบือนหน้าไปมองบรรยากาศนอกร้านอันฝนยังคงตกกระหน่ำ แต่ไม่หนักเท่าตอนแรกมันค่อย ๆ เริ่มซาลงขณะเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนรอที่ใจร้อน เฉกเช่นคนข้างกายซึ่งบนใบหน้าผิวน้ำผึ้งคิ้วขมวดเข้าหากันบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ตามภาษาคนขี้เบื่อและความอดทนต่ำ ทว่าราวห้านาทีฝนก็ซาลงทันตาเห็นอย่างน่าอัศจรรย์ทั้ง ๆ ที่เมื่อสักครู่ยังกระหน่ำแรงอยู่แท้ ๆ ใบหน้าของผู้หญิงสูงวัยแสดงความสงสัยพลันเงยหน้าดูท้องฟ้าซึ่งยังคงมืดครึ้มไม่เปลี่ยนแถมคราวนี้ยังมีทั้งฟ้าแลบฟ้าผ่าดังกึ้งก้องชวนหวาดผวาไม่น้อยสำหรับผู้ที่กลัวฟ้าร้องฟ้าผ่าเป็นทุนเดิม ช่างดูน่ากลัวอย่างไรชอบกลหากเป็นหล่อนตอนนี้คงไม่กล้าย่างกรายออกไปภายนอกร้านแน่ ๆ เพราะมันมีโอกาสเสี่ยงอยู่พอสมควรว่าฟ้ามันจะผ่าลงมา แม้เหตุการณ์พรรณนั้นน้อยนักจะเกิดขึ้นที่นี่
มันชวนน่าขบคิด่วาทำไมจู่ ๆ มันฝนถึงตกลงมา ก่อนหน้านี้ท้องฟ้ายังคงสดใสอยู่แท้ ๆ แต่ก็พลันมืดครึ้มกะทันหันราวกับจงใจให้ตกเวลานี้ กระทั่งความสงสัยทั้งหมดนั้นต้องหยุดลงฉับพลันเมื่อร่างของหญิงสาวข้างกายเคลื่อนไหวฝีเท้าพรวดพราดออกไปหน้าร้านโดยไม่ดูบรรยากาศบนท้องฟ้าแม้แต่น้อย ว่าขณะนี้ยังไม่เหมาะที่จะออกไปฟ้ายังคงแลบไม่หยุดและส่งเสียงดังน่ากลัวอย่างต่อเนื่อง แต่หญิงสาวในเสื้อฮูดสีน้ำเงินกลับไม่แยแแสเดินฝ่าฝนออกไปอย่างหน้าตาเฉย ปราศจากความหวาดกลัวต่างจากคนภายในร้านที่เบิกตาโพลงตะลึงงันในความกล้าของวัยรุ่นสาว เธอแอบชำเลืองหางตามาทางหญิงสูงวัยเพียงเสี้ยววินาทีเดียวอย่างเฉยชาขณะที่อีกฝ่ายกำลังเอ่ยห้าม เมื่อตัวเธออยู่ท่ามกลางสายฟ้าที่ดังกึกก้องไม่หยุด และภาพสุดท้ายที่ไม่น่าคาดฝันก็พลันเกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นใจให้กับคนในร้านเป็นอย่างมาก เมื่อหญิงสาวคนนั้นได้ถูกฟ้าผ่าจัง ๆ ที่ร่างกายและสลบเหมือดลงไปในทันที ทำเอาคนในร้านอ้าปากค้างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะกับเหตุการณ์น่าสะเทือนขวัญฉับพลันนั่น ทว่ามีเพียงคนหนึ่งเดียวที่เรียกสติกลับมาเร็วพอแล้วโทรศัพท์กดเบอร์โทรหา1669ทันทีด้วยใจสั่นระรัวจากเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวเบื้องหน้า
“ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนี้จริง ๆ” หญิงสูงวัยเอ่ยรำพึงด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความสับสนระคนหวาดหวั่นขณะมองร่างของหญิงสาวด้านนอกที่นอนสลบและตอนนี้ยังไม่มีคนกล้าเข้าไปไกล้ เพราะเนื่องจากกลัวว่าตนเองอาจจะต้องมีสภาพเป็บแบบนั้นเช่นกันจึงยกหน้าที่ทั้งหมดให้กับรถพยาบาลซึ่งเพิ่งมาถึงหลังผ่านไปเกือนสิบนาที และได้นำร่างของเจ้าตัวเข้ารถเพื่อรับการรักษาขั้นต่อไป โดยมิรู้เลยว่าร่าง ๆ นั้นแท้จริงยังมีลมหายใจอยู่รึเปล่า หญิงสาวสูงอายุหรี่ตาลงพลางใช้มือกุมหัวใจอันสั่นระรัวแหงนหน้ามองท้องฟ้า ซึ่งจู่ ๆ ก็ได้สงบลงเมื่อร่างของหญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นถูกนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาล ราวกับพายุฝนอันน่าสั่นเทานั้นได้ติดตัวจากไปพร้อมกับเธอ ก่อนเสียงภายในร้านจะเริ่มดังระงมพูดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่รวมถึงตัวหล่อนที่เดินออกมาจากภายในตัวร้าน พลันเร่งฝีเท้าไปที่ใดสักแห่งหนึ่งท่ามกลางฝูงคนซึ่งทยอยกันออกมาเพื่อดูร่องรอยของเหตุการณ์ฟ้าผ่าอย่างสนอกสนใจขณะร่างของหญิงสาวสูงวัยได้ลับตาไปจากฝูงชนเรียบร้อยแล้ว
อย่างที่บอกเราแค่อยากให้ทุกคนดูการบรรยายของเราคร่าว ๆ เท่านั้น อย่างไรหากมีใครอ่านจนจบก็ช่วยบอกวามเห็นส่วนตัวได้เลยนะคะว่ามีส่วนไหนที่เราควรปรับปรุงไหม หรืออะไรก็ตามที่คนอ่านรู้สึก ขอบพระคุณมากค่ะ
ลองเข้ามานิยายร่างของเรากันนะคะแล้วช่วยวิจารณ์กันและกันว่าควรปรับปรุงอย่างไร
นี่ก็เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่พ่อของชูใจได้เสียชีวิตลงจากอุบัติรถชนอย่างกะทันหันขณะที่ตอนนั้นเด็กหญิงชูใจมีอายุได้เพียง12ขวบ ปัจจุบันชูใจจึงต้องมาอาศัยภายใต้การดูแลผู้ปกครองคนใหม่ซึ่งก็คือปู่ของเธอเอง ก่อนหน้าพ่อแม่ของเธอได้ทำงานอยู่ที่พัทยาทว่าหลังพวกท่านเสียชูใจเลยมีอันต้องย้ายมาอยู่กับปู่ แถวเยาวราชณ กรุงเทพมหานครหรืออีกสมยานามคือชุมชนของคนจีน แน่นอนรากเง้าทั้งพ่อและเธอล้วนมีเชื้อสายคนจีนอันถูกสืบทอดมาจากย่าซึ่งเพิ่งจากไปเมื่อไม่นานมานี้ราวสองปีก่อน สรุปโดยรวมขณะนี้ชูใจอยู่กับปู่เพียงแค่สองคนในบ้านไม้หลังสองชั้นที่พ่อปู่และย่าเคยใช้ชีวิตร่วมกันเมื่อหลายสิบปีก่อน ความทรงจำตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยยังคงฉายภายในหัวของเธอเสมอเพราะตอนพ่อและแม่ยังอยู่ทั้งสองก็พาเธอมาเยี่ยมรปู่ย่าช่วงปิดเทอมตลอด จนบางทีเธอก็แอบชื่นชอบผูกพันธ์กับสถายที่แห่งนี้ราวกับนี่คือบ้านหลังที่สอง ชูใจมักจะไปเที่ยวเตร็ดเตร่ถนนมังกรอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสเพราะที่นั้นมีของขายมากมายแถมครั้งยังมีนักท่องเที่ยวหลากหลายสัญชาตแม้ส่วนใหญ่เป็นคนจีน ทว่าเธอก็ชอบที่นั้นทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงเธอเกลียดความแออัดและคนมากหน้าหลายตา แต่ทว่าเยาวราชกลับเป็นข้อยกเว้นซึ่งสาเหตุนั้นเธอก็มิอาจทราบได้เหมือนกัน เพียงแค่รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกหรือคงเป็นเพราะตอนเด็ก ๆ มาเที่ยวบ่อยพร้อมกับพ่อแม่กระมัง ชูใจสรุปข้อกังขาอันไม่คำอธิบายไว้ดังนั้น
กระนั้นความรู้สึกแปลกประหลาดก็มักเกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุอีกเช่นกัน เพราะเมื่อใดที่เธอเดินผ่านห้างทองขนาดใหญ๋สุดในย่านถนนมังกร ความรู้สึกโหยหาราวกับเรียกร้องให้เข้าไปมักปรากฎในห้วงส่วนลึกของหัวใจอย่างไร้ความสมเหตุสมผล ทว่าแม้มีความรู้สึกเช่นนั้นชูใจก็ทำได้แค่ชายตามองก่อนจะเดินจากไปเสมือนร้านอื่น ๆ ที่ไม่น่าดึงดูดสำหรับเธอ และมาตั้งคำถามในใจกับตัวเองทีหลังว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้นก็ตาม เธอมิได้สนใจทองหรือของมีค่า ประหนึ่งรอคอยอะไรบางสิ่งซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจอีกตามเคยและพยายามข่มจิดใจให้เลิกคิดเรื่องไร้สาระพวกนั้น พร้อมทั้งหันไปโฟกัสร้านอื่น ๆ แทน รวมถึงควรกลับบ้านก่อนฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้ปู่ของเธออาจจะเป็นห่วงได้
ปู่อายุมากแล้วใกล้เลขเจ็ดสิบเข้าไปทุกทีเพราะงั้นชูใจเลยมักอยู่ติดบ้านบ่อย ๆ ในช่วงปิดเทอมเพื่อดูแลคุณปู่ นอกจากเธอปู่ก็ไม่มีหลานคนไหนแล้ว รวมถึงตัวเธอเองก็ไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากปู่เหมือนกันเราทั้งคู่ต่างต้องหวังพึ่งกันและกันฉะนั้น คนที่เธอรักและให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้จึงมีแค่ปู่เพชรภูมิเพียงผู้เดียว อย่างไรญาติฝั่งแม่หรือย่าก็ไม่สนใจเธออยู่แล้วเลยไม่มีความจำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลืออะไรจากฝั่งนั้น สำหรับชูใจแล้วมีแค่ปู่เธอก็มีความสุขเรื่องเงินทองไม่มีความกังวลอะไรนักเพราะทั้งเงินประกันและเงินในบัญชีธนาคารของพ่อแม่มันก็มากพอทำให้เธอเรียนจบมัธยมปลายต่อมหาวิทยาลัยหางานทำได้ด้วยตัวเองแล้วทว่าก็ต้องใช้อย่างประหยัด ๆ เพราะนอกจากเงินส่วนนี้เธอก็ไม่มีอะไรแล้ว ปู่แก่เกินกว่าจะทำงานหาเงินได้ แม้จริง ๆ แล้วก่อนพ่อจะออกไปแต่งงานกับแม่ ปู่เคยสืบทอดกิจการร้านกระเพาะปลาซึ่งถูกสืบทอดต่อมารุ่นต่อรุ่นก็เถอะ แต่พอถึงรุ่นพ่อ พ่อจึงค้านหัวชนฝาว่าไม่ต้องการสืบทอดกิจการอันปู่มิก็มิได้บังคับฝืนใจลูกชายพร้อมยังยอมจำนนและตัดสินใจปิดกิจการแต่โดยดี เพราะไม่อยากบังคับลูกเหมือนที่ตนเคยโดนในอดีต ปู่ของเธอเป็นคนมีเหตุและใจเย็น เคยได้ยินย่าเล่าให้ฟังว่าสมัยสาว ๆ ตอนปู่มาจีบย่าปู่เป็นคนขี้อายมาก ถึงขนาดแค่พูดยังตะกุกตะกักไม่ยอมมองหน้าย่าตรง ๆ ชูใจเลยนึกสงสัยว่าถ้าหากเป็นแบบนั้นแล้วปู่จีบย่าติดได้ยังไงขนาดแค่พูดยังไม่ชัด น่าแปลกใจที่ปู่เป็นคนตอบคำถามนี้ด้วยตัวเองพร้อมรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นขณะมีอขวาเองก็แนบไว้บนอกซ้ายหลับตาลงเสมือนกำลังนึกย้อนถึงอะไรบางอย่างอยู่
“เพราะผู้มีพระคุณของปู่น่ะเธอคนนั้นช่วยเหลือปู่ไว้มากมายตอนปู่ยังหนุ่ม ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยหรือแม้กระทั่งเรื่องที่ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่อาจหาอะไรมาทดแทนบุญคุณได้” ปู่ไม่พูดหรือขยายความให้กระจ่างหลังสิ้นสุดประโยคนั้นทิ้งปริศนาไว้แม้ชูใจจะตื้อซักถามอีกสักเท่าใดว่าคนนั้น ๆ เป็นใครปู่ก็ไม่ยอมตอบ ทำเพียงยิ้มและลูบหัวหลานตัวน้อยอย่างแผ่วเบาแล้วเรียกชื่อเธอ “ชูใจ”
หญิงสาววัยสิบเจ็ดปีครุ่นคิดอะไรในหัวมากมายทั้งความหลังและความทรงครั้นในอดีตจนเกิดอาการเหม่อลอยไม่รู้ตัว และได้มาเดินหยุดอยู่ร้าน ๆ หนึ่งเมื่อสติเพิ่งกลับคืนมาจากอาการเหม่อลอย ชูใจกวาดมองสำรวจรอบด้านตนรวมถึงท้องฟ้าเหนือหัวจึงรับรู้ว่าขณะนี้ฟ้าใกล้ฝนตก เมฆที่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนทมิฬเริ่มแผ่ขยายวงกว้างและเริ่มมีหยดน้ำใสร่วงหล่นลงมาทีล่ะน้อยก่อนจะหนักขึ้นกลายเป็นพายุฝนขนาดกลางพาผู้คนหลบกันอย่างจ้าล่ะหวั่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหญิงสาวผมสั้นประบ่าสวมเสื้อฮูดสีน้ำเงินเข้าไปหลบฝนในร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งเธอยืนหยุดก่อนหน้า โดยขอเจ้าร้านว่าจะขออยู่จนกว่าฝนจะซาลงหญิงสาวถอนหายใจด้วยอารมณ์เซงเป็ดก่อนวินาทีต่อมาจะถอดเสื้อฮูดอย่างกระทันหัรฃนเพื่อสะบัดไล่น้ำฝนเผยเสื้อยืดตัวบางสีเทาข้างในให้ลูกค้าในร้านเห็นปราศจากความแยแสในสายตาเหล่านั้นทั้งสิ้น หนำซ้ำยังยืนเท้าสะเอวแล้วเอาเสื้อฮูดพาดไหล่ทอดสายตามองสายฝนด้านนอกอย่างเหม่อลอยอีกเช่นเคย
“ทำไมบรรยากาศแบบนี้ถึงได้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยอีกแล้วนะ” เธอพลางคิดในใจเรื่อยเปื่อยตามประสาคนไม่มีไรทำ เหลียวหลังมองลูกค้าภายในร้านเป็นระยะ ๆ กระทั่งรู้สึกสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูมีอายุมากพอสมควรทว่ากลับดูสาวต้านวัยได้น่าประหลาด กำลังจ้องมองเธออย่างไม่วางตาราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง จนมันชวนขนลุกชูใจจึงหันไปเผชิญหน้ากับหล่อนขมวดคิ้วเข้าใส่เพื่อแสดงความไม่พอใจที่หล่อนจ้องเธออยู่ ผู้หญิงคนนั้นสะดุ้งแล้วตีเนียนเสมองไปทางอื่น ชูใจเห็นดังนั้นก็ไม่ใส่ใจอะไรเพิ่มนอกจากเหม่อมองไปด้านนอกรอให้ฝนซาลงต่อ ทว่าเธอกลับยังมีความรู้สึกว่ายังคงมีคนจ้องมองอยู่จึงเหลียวหลังไปอีกครั้งปรากฎว่าหญิงสูงวัยคนเดิมยังคงจ้องมองเธออยู่ หญิงสาวในเสื้อยืดตัวบางเลยถอดหายใจเบื่อหน่ายสวมใส่เสื้อฮูดดังเดิม โดยมิทันสังเกตเห็นว่าบุคคลด้านหลังเธอแอบลอบยิ้มด้วยแววตาอันแสนลึกซึ้งและตื้นตันใจไปพร้อม ๆ กัน
หญิงสาววัยใกล้เลขหกสิบลุกขึ้นจากที่นั่งของตนเองเคลื่อนฝีเท้าไปหาหญิงสาวผู้ซึ่งอายุน้อยกว่าหล่อนเป็นเท่าตัว หยุดยืนอยู่ด้านข้างเว้นระยะพอสมควรแต่ก็ไม่มากพอที่จะได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย เสมือนไม่พอใจกับการมาเยือนของหล่อนและทำเพียงชำเลืองด้วยหางตาแวบหนึ่งและเมินเฉยไม่แสดงท่าทางอะไรต่ออีก
“เธอคงไม่ชอบฝนตกสินะ ถึงได้ทำหน้าเหมือนตูดแบบนั้น” หล่อนลองแหย่คนข้างกายดูแม้แท้จริงเพียงอยากแค่จะชวนคุย ทว่าความรู้อยากเอยากห็นก็พลันเกิดถ้าหากหล่อนพูดแบบนี้ออกไป อีกฝ่ายซึ่งน่าจะไม่ชอบสูงสิงกับคนแปลกหน้าจะตอบกลับมาในทำนองแบบไหน หญิงสาววัยสิบเจ็ดปีเงียบสนิทไม่แม้แต่จะเหลือบมามองผู้ชวนสนทนาจนคนถามต้องถอนหายใจ พลางเบือนหน้าไปมองบรรยากาศนอกร้านอันฝนยังคงตกกระหน่ำ แต่ไม่หนักเท่าตอนแรกมันค่อย ๆ เริ่มซาลงขณะเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนรอที่ใจร้อน เฉกเช่นคนข้างกายซึ่งบนใบหน้าผิวน้ำผึ้งคิ้วขมวดเข้าหากันบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ตามภาษาคนขี้เบื่อและความอดทนต่ำ ทว่าราวห้านาทีฝนก็ซาลงทันตาเห็นอย่างน่าอัศจรรย์ทั้ง ๆ ที่เมื่อสักครู่ยังกระหน่ำแรงอยู่แท้ ๆ ใบหน้าของผู้หญิงสูงวัยแสดงความสงสัยพลันเงยหน้าดูท้องฟ้าซึ่งยังคงมืดครึ้มไม่เปลี่ยนแถมคราวนี้ยังมีทั้งฟ้าแลบฟ้าผ่าดังกึ้งก้องชวนหวาดผวาไม่น้อยสำหรับผู้ที่กลัวฟ้าร้องฟ้าผ่าเป็นทุนเดิม ช่างดูน่ากลัวอย่างไรชอบกลหากเป็นหล่อนตอนนี้คงไม่กล้าย่างกรายออกไปภายนอกร้านแน่ ๆ เพราะมันมีโอกาสเสี่ยงอยู่พอสมควรว่าฟ้ามันจะผ่าลงมา แม้เหตุการณ์พรรณนั้นน้อยนักจะเกิดขึ้นที่นี่
มันชวนน่าขบคิด่วาทำไมจู่ ๆ มันฝนถึงตกลงมา ก่อนหน้านี้ท้องฟ้ายังคงสดใสอยู่แท้ ๆ แต่ก็พลันมืดครึ้มกะทันหันราวกับจงใจให้ตกเวลานี้ กระทั่งความสงสัยทั้งหมดนั้นต้องหยุดลงฉับพลันเมื่อร่างของหญิงสาวข้างกายเคลื่อนไหวฝีเท้าพรวดพราดออกไปหน้าร้านโดยไม่ดูบรรยากาศบนท้องฟ้าแม้แต่น้อย ว่าขณะนี้ยังไม่เหมาะที่จะออกไปฟ้ายังคงแลบไม่หยุดและส่งเสียงดังน่ากลัวอย่างต่อเนื่อง แต่หญิงสาวในเสื้อฮูดสีน้ำเงินกลับไม่แยแแสเดินฝ่าฝนออกไปอย่างหน้าตาเฉย ปราศจากความหวาดกลัวต่างจากคนภายในร้านที่เบิกตาโพลงตะลึงงันในความกล้าของวัยรุ่นสาว เธอแอบชำเลืองหางตามาทางหญิงสูงวัยเพียงเสี้ยววินาทีเดียวอย่างเฉยชาขณะที่อีกฝ่ายกำลังเอ่ยห้าม เมื่อตัวเธออยู่ท่ามกลางสายฟ้าที่ดังกึกก้องไม่หยุด และภาพสุดท้ายที่ไม่น่าคาดฝันก็พลันเกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นใจให้กับคนในร้านเป็นอย่างมาก เมื่อหญิงสาวคนนั้นได้ถูกฟ้าผ่าจัง ๆ ที่ร่างกายและสลบเหมือดลงไปในทันที ทำเอาคนในร้านอ้าปากค้างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะกับเหตุการณ์น่าสะเทือนขวัญฉับพลันนั่น ทว่ามีเพียงคนหนึ่งเดียวที่เรียกสติกลับมาเร็วพอแล้วโทรศัพท์กดเบอร์โทรหา1669ทันทีด้วยใจสั่นระรัวจากเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวเบื้องหน้า
“ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนี้จริง ๆ” หญิงสูงวัยเอ่ยรำพึงด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความสับสนระคนหวาดหวั่นขณะมองร่างของหญิงสาวด้านนอกที่นอนสลบและตอนนี้ยังไม่มีคนกล้าเข้าไปไกล้ เพราะเนื่องจากกลัวว่าตนเองอาจจะต้องมีสภาพเป็บแบบนั้นเช่นกันจึงยกหน้าที่ทั้งหมดให้กับรถพยาบาลซึ่งเพิ่งมาถึงหลังผ่านไปเกือนสิบนาที และได้นำร่างของเจ้าตัวเข้ารถเพื่อรับการรักษาขั้นต่อไป โดยมิรู้เลยว่าร่าง ๆ นั้นแท้จริงยังมีลมหายใจอยู่รึเปล่า หญิงสาวสูงอายุหรี่ตาลงพลางใช้มือกุมหัวใจอันสั่นระรัวแหงนหน้ามองท้องฟ้า ซึ่งจู่ ๆ ก็ได้สงบลงเมื่อร่างของหญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้นถูกนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาล ราวกับพายุฝนอันน่าสั่นเทานั้นได้ติดตัวจากไปพร้อมกับเธอ ก่อนเสียงภายในร้านจะเริ่มดังระงมพูดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่รวมถึงตัวหล่อนที่เดินออกมาจากภายในตัวร้าน พลันเร่งฝีเท้าไปที่ใดสักแห่งหนึ่งท่ามกลางฝูงคนซึ่งทยอยกันออกมาเพื่อดูร่องรอยของเหตุการณ์ฟ้าผ่าอย่างสนอกสนใจขณะร่างของหญิงสาวสูงวัยได้ลับตาไปจากฝูงชนเรียบร้อยแล้ว
อย่างที่บอกเราแค่อยากให้ทุกคนดูการบรรยายของเราคร่าว ๆ เท่านั้น อย่างไรหากมีใครอ่านจนจบก็ช่วยบอกวามเห็นส่วนตัวได้เลยนะคะว่ามีส่วนไหนที่เราควรปรับปรุงไหม หรืออะไรก็ตามที่คนอ่านรู้สึก ขอบพระคุณมากค่ะ