รักกำมะลอ...ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ (รีไร้ท์)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


รักกำมะลอ...ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
ล. วิลิศมาหรา

 
ฉันแหงนหน้ามองตัวหนังสือที่วิ่งอยู่บนป้ายไฟหน้าโรงภาพยนตร์ที่กำลังฉายหนังรักโรแมนติกเรื่องดัง ซึ่งกำลังเป็นที่โจษขานกันมาก ในเรื่องกฎประหลาดของผู้สร้าง สำหรับคนที่จะเข้าชมภาพยนตร์ในโรง

‘กฎสำหรับผู้เข้ามาชมภาพยนตร์...ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีแฟน หากคุณมาชมภาพยนตร์ กรุณาหาใครมาเป็นแฟนให้ได้เสียก่อน...เราเตือนคุณแล้ว’

มันจะมากไปแล้ว! ฉันแค่นยิ้มให้กับป้ายไฟโฆษณาภาพยนตร์ ขณะอ่านข้อความที่เลื่อนไหลไปตามกล่องป้ายไฟหน้าโรง ซึ่งเคยเห็นมาแล้วจากในสื่อออนไลน์ ใครกันนะที่ช่างกล้าคิดกฎกติกาเข้าชมภาพยนตร์บ้า ๆ นี้ขึ้นมา อยากจะรู้จริงเชียว

ฉันนึกในใจ ขณะหันไปมองข้างกายซึ่งว่างเปล่า...ฉันก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ไม่ควรเข้ามาชมภาพยนตร์เรื่องนี้สินะ

ก้าวเข้าไปซื้อตั๋วหนังและเลือกที่นั่งบนแป้นหน้าจอด้วยฝีเท้าอันมั่นคง ทำไมฉันจะดูหนังเรื่องนี้ไม่ได้ ความโสดของฉันมันเป็นความผิดอะไร และผิดข้อหามาตราไหนมิทราบ ฉันตั้งใจมาดูหนังเรื่องนี้ ก็เพื่อประชดกฎดูหนังบ้า ๆ  ที่กำลังทิ่มแทงใจดำฉันอยู่ ด้วยประโยคดังกล่าวนั้น

ได้ตั๋วหนังมาแล้วก็ถอยออกมาหาที่นั่งรอเวลาฉาย เห็นเบาะนวมน่านั่งว่างอยู่ที่หนึ่ง ตรงมุมหน้าร้านกาแฟชื่อดัง ก็เลยเดินไปนั่งรออยู่ตรงนั้นก่อน พลางดึงมือถือออกมากดเล่นเพื่อฆ่าเวลา

"มาดูหนังคนเดียวเหรอครับ"

สะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อโดนทักจากผู้ชายคนที่นั่งอยู่เบาะนวมถัดไป ชำเลืองดูใบหน้าที่รกรุงรังไปด้วยหนวดเครา ไว้ผมยาวระต้นคอ เส้นผมหยักศกและดูยุ่งเหยิงเหมือนไม่ค่อยได้เจอหวี และคงไม่ค่อยได้รับการเอาดูแลใส่ใจจากคนเป็นเจ้าของเท่าไหร่ เป็นอันดับแรก

ยังไม่ตอบเขาในทันที แต่เลื่อนสายตาลงมองร่างสูงโปร่ง หากพอมีมัดกล้ามอยู่บ้าง เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์เก่า ๆ คีบรองเท้าแตะฟองน้ำ ท่าทางเป็นหนุ่มมาดเซอร์ที่ค่อนข้างจะซกมกอยู่สักหน่อย

พอเลื่อนสายตาขึ้นมามองใบหน้ารกหนวดเคราของเขาอีกครั้ง ก็สบกับสายตาคมซึ้ง...ผู้ชายคนนี้มีจุดเด่นที่ดวงตา บนใบหน้านิ่ง ๆ รกครึ้มไปด้วยเส้นขน แต่มีดวงตาหวิวไหวเต็มไปด้วยความรู้สึก ที่เหมือนจะพูดได้ มันคมกริบแต่สวยซึ้ง ดูมีเสน่ห์ดีทีเดียว

เป็นเพราะดวงตาคู่นั้นแท้ ๆ จึงทำให้ฉันตอบคำถามเขา เริ่มด้วยการพยักหน้าเบา ๆ เป็นการยอมรับแต่โดยดี

"ใช่ค่ะ...คุณล่ะคะ" หล่นคำพูดออกมาแล้วย้อนถามกลับเขาไปบ้าง เมื่อสังเกตเห็นว่าเขาเองก็น่าจะนั่งอยู่ตามลำพัง เพราะเมื่อแอบชำเลืองมองไปทางคนด้านข้างของเขา ก็พบว่าไม่มีวี่แววของคนที่เขาอาจจะพามาด้วย

"ผมมาเดี่ยว" เขาตอบ ก่อนผงกศีรษะไปทางตัวหนังสือที่ยังคงวิ่งผ่านป้ายไฟอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

"ประชดกฎดูหนังนั่น"

ฉันยิ้มกว้างให้เขาทันที นัยน์ตารีเรียวของฉันคงฉายแววพึงพอใจออกมาท่วมท้น นึกชอบใจที่มีคนคิดเหมือนตัวเอง...มาดูหนังเรื่องนี้เพราะเจ้าข้อความที่แสนบังอาจนั้น

"งั้นเราสองคนก็เป็นกบฏ" คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง "เพราะเราเป็นคนต้องห้ามของหนังเรื่องนี้ไงคะ"

คราวนี้มีรอยยิ้มใต้เรียวหนวดครึ้ม สังเกตเห็นอีกว่าเวลาเขายิ้ม หน้าตาเขาน่าดูมาก เป็นยิ้มออกมาจากใจจริง ที่ทำให้หน้านิ่ง ๆ ดูสดใสเหมือนรอยยิ้มของเด็ก ๆ

"ไม่ยักรู้ว่าแค่มาดูหนังเพราะโสด ก็ถึงกับได้เป็นกบฏ"

"มีกฎตั้งไว้ ก็ย่อมต้องมีคนแหกกฎค่ะ ธรรมชาติกำหนดให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว"

"จริงของคุณ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ" เขาเออออไปด้วย แววตื่นใจเต้นระบำอยู่ในหน่วยตาคมคู่นั้น

"ผมมีข้อเสนอ" และเริ่มมีประกายพราวแพรวส่งออกมา

"เรามาเป็นคู่รักวันเดียวกันดีไหมครับ รักกันเพื่อไม่ให้เป็นกบฏ เราควรทำตัวเป็นคนว่าง่ายสักวันหนึ่ง เพื่อให้สมประสงค์ของคนทำหนังเรื่องนี้"

"เพื่อทำบุญ"

"ใช่ เพื่อทำบุญ ทำให้คนสบายใจก็ถือว่าได้ทำบุญ" แล้วเราสองคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน....

"ก็ได้ค่ะ" ฉันหยุดหัวเราะลง แล้วพูดอย่างเป็นงานเป็นการ เพื่อกำหนดท่าที คงไม่ดีแน่ ถ้าทำตัวให้ผู้ชายเห็นว่า ‘ง่าย’ แม้ตนเองจะไม่ใช่ถึงกับเป็นกุลสตรีดีเด่นอะไรก็เถอะ บางอย่างมันก็คาบเกี่ยวกันอยู่ ระหว่างไว้ตัวกับถือตัว

"แต่ขอคำสัญญาสักสามสี่ข้อนะคะ" คิ้วหนาเลิกขึ้นอีก "ข้อที่หนึ่ง ห้ามถามเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ไม่ถามแม้แต่ชื่อ ให้แทนตัวเองว่า เค้า แล้วเรียกอีกฝ่ายว่า ตัวเอง...โอเคนะ" 

ศีรษะที่มีผมยาวยุ่ง ๆ ผงกรับทันที พร้อมฉีกยิ้ม ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นะ ทำไมเขาจะไม่ยอมรับล่ะ

"ข้อที่สอง ระหว่างดูหนังทำสวีทได้แค่คำพูด ห้ามแตะเนื้อต้องตัวมากไป ให้จับได้แค่เฉพาะมือเค้าเท่านั้น"

นัยน์ตาสวยคู่นั้นพราวระยับขึ้นอีก พร้อมฉีกรอยยิ้มกว้างขวางมากกว่าเดิม

"ด้วยเกียรติของผู้ชายแฟนทิ้งครับผม" ประกาศตัวให้รู้ว่าทำไมถึงโสด ฉันเหล่มองเขานิดหนึ่ง ยิ้มน้อย ๆ อย่างรู้ทัน

"ข้อที่สาม ห้ามมีความสัมพันธ์กันอีก เราจะไม่ติดต่อกัน ไม่ทำความรู้จักกันต่อ เมื่อหนังจบเรื่อง คู่รักกำมะลอของเราก็ต้องจบตามไปด้วย"

ยิ้มกว้างของเขาค่อย ๆ หุบลง เขามองสบตาฉันครู่หนึ่ง นัยน์ตาพูดได้ของเขามีคำถามอยู่ข้างในนั้น

"ข้อสุดท้าย อย่าถามอะไรเค้าอีก ตัวเองทำได้ไหม"

นานนับนาทีเลยทีเดียว ใบหน้าเข้มจึงพยักรับ....

 
ในโรงหนังเราได้ที่นั่งติดกันพอดี เหมือนพระพรหมท่านอุ้มสม

เรื่องราวในหนังหวานแหววจริงตามคำโฆษณา คู่รักแสดงออกต่อกันให้รู้ว่ารักกันลึกซึ้งกินใจ ดื่มด่ำกับคำพูดของพระเอกนางเอกที่หวานหยดตลอดเรื่อง

"เราจะรักกันแบบนี้ไปจนวันตาย" ฉันถึงกับเพ้อไปตามอารมณ์ของหนัง ศีรษะเอียงซบอยู่กับหัวไหล่เขา สาบกลิ่นกายเขากรุ่นเข้าจมูกจนรู้สึกวาบหวิว

"เราจะรักกันจนแก่เฒ่าเสียก่อน ในบ้านหลังเล็ก ๆ เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวอย่างละตัว"

ฉันเงยขึ้นมองสันหน้ารกเรื้อไปด้วยหนวดเคราด้านข้างของเขา ตาคู่คมก็หันมามอง เห็นประกายหวานในนั้นสาดส่องทะลุความมืดสลัวของโรงหนังออกมา ฉันจึงยิ้มหวานตอบกลับไปเช่นกัน คิดว่าเขาคงรู้สึกไม่ต่างไปจากฉัน มือข้างที่ประสานกันของเราจึงบีบกระชับให้แน่นเข้า

"แต่เค้าแพ้ขนสัตว์นะ ลืมบอกไป" พึมพำบอกเสียงอ้อน

"งั้นเราเลี้ยงปลาก็ได้ ปลากัด..."

"ไม่เอา ไม่ชอบปลากัด ชื่อมันดุ"

"งั้นก็เลี้ยงปลาคาร์ฟ แต่เค้าคงเหนื่อย" เขากระซิบตอบ

"ทำไม..." แกล้งถามโง่ ๆ ไปงั้น มุกบ้าน ๆ "เพราะต้องค้าบ ๆ ทั้งวัน...น่าน..." แล้วชิงตอบก่อนเสียเอง เขาถึงกับหัวเราะขลุก ๆ ออกมา ที่โดนรู้ทัน

"เราจะปลูกดอกกุหลาบจนรอบบ้าน"

"เอาเฉพาะสีแดงนะ เค้าชอบดอกกุหลาบสีแดง" ฉันต่อรอง

"ได้สิ จะปลูกกุหลาบเยอะ ๆ รอบบ้าน แล้วพอถึงวันวาเลนไทน์ เค้าจะได้มีกุหลาบแดงให้ตะเองเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก"

"พอแก่ตัวลง เราก็จะไปวัดทำบุญด้วยกัน" ฉันละเมอต่อ

"ตกตอนเย็นเราจะจูงมือกันเดินเล่นในสวนสาธารณะ ถ้าได้ไปทะเล เราจะไปเดินเล่นริมทะเลด้วยกัน" เขาละเมอตามไป

"ต้องมีลูกมั้ย" ฉันอ้อมแอ้มถามถึงประเด็นสำคัญ

"มีหรือไม่มีก็ได้มั้ง...แล้วแต่ตัวเองอ่ะ...แต่คงต้องแต่งงานกันก่อน" คนตอบก็ตอบเสียงจริงจังกลับมา ทำให้ฉันอมยิ้มอยู่ในความมืด

"หนังจบแล้ว..." ซึ่งก็พอดีหนังมาถึงฉากจบ ทุกสิ่งในหนังล้วนสุขีสุโขสโมสร คู่รักได้สมรักกัน ฉากจบคืองานวิวาห์อันยิ่งใหญ่อลังการของคู่พระนางที่สวยหล่อคู่ควรกัน

ฉันยืดตัวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะออกจากโรง ร่างสูงลุกยืนตาม ดูชักช้า เหมือนอยากจะประวิงเวลาไว้ให้นานไปอีกหน่อย ฉันเดินนำหน้า ดึงมือเขาให้เดินตาม คนอื่นพากันทยอยเดินออกจากโรงหนัง รู้สึกได้ถึงมือชื้นเหงื่อของเขาในอุ้งมือตัวเอง มันทำให้ฉันรู้ว่าเขากำลังสับสนกับความรู้สึกภายใน และฉันเองก็รู้สึกเช่นกัน

จนเมื่อเรากลับมายืนตรงจุดเดิมที่เราแรกรู้จักกัน ฉันจึงส่งยิ้มให้ คลายมือที่ประสานกันอยู่ออก ซึ่งเขาก็คลายออกตามแต่โดยดี

"ขอบคุณที่ทำตามสัญญา" ได้ยินเสียงตัวเองสั่นนิด ๆ ตอนเราใกล้จะอำลากัน

"หนังจบ เรื่องของเราก็ต้องจบตามหนัง...ตามคำสัญญา" 

โบกมือลาประกอบคำพูด เขาไม่ตอบ สายตาคมซึ้งเปลี่ยนเป็นมีแววขมขื่น ซึ่งฉันก็ทำได้แค่ยิ้มปลอบใจเขา บอกลาเขาอีกครั้ง ก่อนหันหลังสาวเท้าเดินไปข้างหน้า ก้าวห่างออกจากเขามาด้วยอาการที่คล้ายตัวเบา ๆ ใจมันหวิว ๆ

"เดี๋ยว...คุณครับ" แว่วเสียงเรียกดังไล่หลัง แต่ฉันไม่หยุดเดิน และไม่หันไปมอง

ฉันยังเข็ดขยาดกับความรักที่ทุ่มเทให้กับผู้ชายคนนั้นจนหมดใจไม่หาย เพราะสิ่งที่ได้ตอบแทนมาก็คือใบหย่า...ใช่ ฉันเพิ่งหย่ามาก่อนหน้าไม่กี่วันนี้เอง
ความรักทุ่มเทแบบโง่เง่า จะไม่มีสำหรับฉันอีกต่อไป ที่มีได้ก็คงเป็นแค่ความรักกำมะลอแบบนี้เท่านั้น!

ลาก่อน...ฉันพึมพำบอกลาคู่รักชั่วคราวเบา ๆ ก้าวแรกอาจลังเลรอฟังเสียงเรียกจากเขา แต่ยิ่งก้าวต่อไป ฝีเท้าของฉันมันก็ยิ่งหนักแน่นมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ และแล้วหูฉันก็ไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของผู้ชายข้างหลังอีกต่อไป

จบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่