Great Pacific Garbage Patch : 'แพแห่งชีวิต' สำหรับสัตว์ในมหาสมุทรเปิด




สัตว์ชายฝั่งที่มีลักษณะคล้ายขนนกที่เรียกว่า hydroids อยู่ร่วมกับปูทะเล และเพรียง gooseneck บนเศษซากที่ลอยอยู่
Cr.Smithsonian Institution


ทุกๆ ปีขยะทุกประเภทอย่างน้อย 14 ล้านตันจะเข้าสู่มหาสมุทรของโลก และสร้างปัญหาให้กับสัตว์น้ำที่กิน หายใจ หรือเข้าไปพัวพันกับมัน นอกจากนี้ ยังมีผลที่ตามมาของขยะทั้งหมดนี้ สำหรับแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเลที่คนส่วนใหญ่มองข้ามจนถึงปัจจุบัน ตามที่นักวิทยาศาสตร์เขียนไว้ในวารสาร Nature Communications ที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2021 ที่ผ่านมาระบุว่า พืชและสัตว์ชายฝั่งสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แม้กระทั่งการแพร่พันธุ์ใน patch ขยะที่สะสมอยู่ในกระแสน้ำในมหาสมุทรซึ่งคาดว่าจะมีขนาดประมาณสองเท่าของเท็กซัส 

Garbage patches นั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ในมหาสมุทรที่รวบรวมขยะและเศษซากอื่นๆ ที่เรียกว่า ขยะทะเล (marine debris) เกิดขึ้นจากกระแสน้ำหมุนวนในมหาสมุทรที่เรียกว่า " gyres " เป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ที่ดึงวัตถุเข้ามาไว้ในที่เดียว ซึ่งมักจะเป็นจุดศูนย์กลางของวงวน และก่อตัวเป็น patch

ปัจจุบันมี " patch " ในมหาสมุทรทั้งหมด 5 " patch " หนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย สองแห่งในมหาสมุทรแอตแลนติก และอีกสองแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเศษขยะขนาดต่างๆ จะลอยอยู่ในวงวนแต่ละอัน  " patch " ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "Great Pacific Garbage Patch" ตั้งอยู่ใน North Pacific Gyre (ระหว่างฮาวายกับแคลิฟอร์เนีย)

สำหรับ "Great Pacific Garbage Patch" ที่เป็นแหล่งกำเนิดของขยะมูลฝอยที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ เกิดจากการเคลื่อนที่ของกระแสลมและกระแสน้ำหมุนวนที่พัดพาเอาเศษขยะและชิ้นส่วนพลาสติกมากมายจากในแผ่นดินมากักรวมกันไว้ จนกลายเป็นวงวนของขยะขนาดใหญ่บริเวณใจกลางมหาสมุทร และก่อตัวเป็น patch ครอบคลุมพื้นที่ราว 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร ในจำนวนขยะที่แผ่กระจายไปทั่วมหาสมุทรใน patch นี้คาดว่าจะมีขยะพลาสติกถึง 79,000 เมตริกตัน


Garbage Patch เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมลภาวะทางเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก


Greg Ruiz นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของ Smithsonian Environmental Research Center ผู้เขียนรายงานกล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกสัตว์ชายฝั่งมากกว่า 40 ชนิดที่เกาะติดกับ patch ขยะพลาสติกดังกล่าว รวมทั้งหอยแมลงภู่ เพรียง และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำคล้ายกุ้ง ซึ่งไม่เพียงแต่อยู่รอด แต่พวกมันกำลังตั้งรกรากอยู่ในทะเลหลวง และสร้างชุมชนใหม่บนแผ่นขยะเศษพลาสติกที่ลอยได้อีกด้วย

นอกจากพืชและสัตว์ชายฝั่งที่เบียดเสียดอยู่ด้วยกันกับขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเดินทางหลายร้อยไมล์จากชายฝั่งเพื่อสร้างระบบนิเวศรูปแบบใหม่ใน Great Pacific Garbage Patch แล้ว Ruiz และทีมยังพบว่า ใน Patch ซึ่งเป็นการสะสมของเศษพลาสติกที่ใหญ่ที่สุดในมหาสมุทรนี้ มีดอกไม้ทะเล hydroids และสายพันธุ์อื่นๆ อาศัยอยู่ร่วมด้วย แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ที่นี่ก็ช่วยให้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเจริญเติบโตได้ โดยทีมคาดว่าสิ่งมีชีวิตชายฝั่งอาจจะแข่งขันกับสายพันธุ์ท้องถิ่น ด้วยการออกเดินทางข้ามทะเลและนำชุมชนที่สร้างขึ้นไปยังชายฝั่งใหม่
Linsey E. Haram ผู้ร่วมวิจัยจาก Smithsonian Environmental Research Center และผู้เขียนร่วมของการศึกษากล่าวว่า  ในกรณีนี้ มีคำถามมากมายเกี่ยวกับผลกระทบทางนิเวศวิทยา หากนี่เป็นปรากฏการณ์ทั่วไปในมหาสมุทร มันจะเป็นช่องทางขนส่งชนิดพันธุ์ที่รุกรานไปที่ใหม่ซึ่งยากต่อการจัดการได้
อย่างไรก็ตาม Haram เรียกชุมชนใหม่เหล่านี้ว่า neopelagic ซึ่ง neo หมายถึง 'ใหม่' และ 'pelagic' หมายถึงมหาสมุทรเปิด

ทั้งนี้ นักวิจัยเข้าใจมานานแล้วว่าเศษซากในทะเล เช่น ท่อนไม้ลอยน้ำและสาหร่ายทะเล สามารถขนสิ่งมีชีวิตชายฝั่งไปยังเกาะต่างๆ และชายฝั่งที่อยู่ห่างไกลออกไปได้ แต่แพเหล่านี้มักหายากและมีอายุสั้นก่อนการถือกำเนิดของพลาสติกที่ทนทานและลอยได้ แม้นักวิจัยจะตกใจเมื่อพบว่าเศษพลาสติก
ทำให้พืชและสัตว์สามารถอาศัยอยู่ได้ในที่ห่างไกล แต่ก็ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสภาวะที่รุนแรงของมหาสมุทรเปิด ในขณะที่มหาสมุทรเปิดก็เป็นแหล่งอาหารเพียงพอสำหรับค้ำจุนพวกมัน 

Great Pacific Garbage Patch
เป็นมลพิษของเขตพลาสติกในมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างฮาวายและแคลิฟอร์เนีย
โดยมีรายงานว่า พลาสติกลอยน้ำสะสมในพื้นที่มีขนาดใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศสถึงสามเท่า
 

การค้นพบนี้ทำให้เกิดคำถามว่าชุมชนเหล่านี้ทำงานและพัฒนาอย่างไร และมีความหมายอย่างไรต่อการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตที่รุกราน นักวิทยาศาสตร์จึงต้องพิจารณาใหม่ว่าทำไมรูปแบบชีวิตบางรูปแบบสามารถอยู่รอดได้ในมหาสมุทรเปิด อย่างไรก็ตาม ในปี 2011 จากแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น
ได้ส่งขยะพลาสติกจำนวนมากไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก ประมาณ 18 เดือนต่อมา เศษซากเริ่มชะล้างขึ้นบนชายฝั่งอเมริกาเหนือ ทำให้รัฐฮาวาย โอเรกอน และวอชิงตันกระจายไปด้วยเศษซากที่ถูกพัดพาไปตามกระแสน้ำในมหาสมุทร โดยมีสัตว์ทะเลชายฝั่งของญี่ปุ่นหลายร้อยชนิดติดมากับเศษซากนั้นด้วย

Ruiz กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทีมคิดว่าสิ่งมีชีวิตชายฝั่งเหล่านี้จำนวนมากไม่สามารถคงอยู่ เติบโต และขยายพันธุ์ได้ในพื้นที่ที่มีอาหารน้อยกว่าเช่นมหาสมุทรเปิด และทีมแปลกใจมากที่สิ่งมีชีวิตชายฝั่งจำนวนมากยังมีชีวิตอยู่บนเศษซากนั้น โดยในบทความ peer-reviewed ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ปี 2017 ระบุว่าเกือบ 300 ชนิดบนเศษซากที่ลอยอยู่ได้ขึ้นชายฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ยิ่งเมื่อทำการวิเคราะห์ขยะจาก Great Pacific Garbage Patch นักวิทยาศาสตร์ก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น 
Great Pacific Garbage Patch ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นครั้งแรกในปี 1997 หลังจากที่ Charles Moore นักเดินเรือแล่นผ่านน่านน้ำมหาสมุทรอันห่างไกลและพบทั้งแปรงสีฟัน ขวด สบู่ และอวนจับปลาลอยผ่านมา โดยผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2018 คาดว่า Great Pacific Garbage Patch มีพลาสติกอย่างน้อย 79,000 เมตริกตัน รวมทั้งสิ่งของต่างๆ เช่น อวนจับปลา ขวดพลาสติก เศษเล็กเศษน้อยที่เรียกว่าไมโครพลาสติก และขยะจากสึนามิที่ญี่ปุ่นก็เก็บรวมไว้ใน Patch นี้ด้วย 
 

นักวิทยาศาสตร์ได้เข้าใจบทบาทของ " แพ " (เมล็ดพันธุ์ ต้นไม้ สาหร่าย หินภูเขาไฟ) มานานแล้ว กระบวนการนี้เชื่อกันว่ามีส่วนต่อการตั้งรกรากของ
อีกัวน่าทะเล (Amblyrhynchus cristatus) ของกาลาปากอส หมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิกส่วนหนึ่งของประเทศเอกวาดอร์ 
ซึ่งบรรพบุรุษของพวกมันแต่เดิมได้รับการยกย่องในอเมริกาใต้ 

Ruiz และนักวิจัยคนอื่นๆ ร่วมมือกับ Ocean Voyages Institute แล่นเรือไปที่ Patch และเก็บขยะ ก่อนที่จะถ่ายภาพ เก็บรักษา และจัดส่งให้นักวิจัย 
ก่อนจะพบสัตว์ชายฝั่งหลายชั่วอายุในเศษซากพลาสติกเหล่านั้น ขณะที่บางตัวมีการผลิตลูกน้ำหรือตัวอ่อน โดยพลาสติกมากกว่าครึ่งมีสายพันธุ์ชายฝั่งติดอยู่ และหลายชนิดเป็นสายพันธุ์ที่มักเจริญเติบโตในเอเชียตะวันออก เช่นดอกไม้ทะเล ดาวเปราะ เพรียง กุ้ง สาหร่ายทะเล และกุ้งที่เรียกว่า isopods

แม้แต่ปลาชายฝั่งที่เกาะอยู่รอบ ๆ หรือบนพลาสติกที่ลอยอยู่เหล่านี้ ซึ่งเป็นแพเล็กๆ ของชีวิตจริงๆ ข้าง ๆ สัตว์ทะเลยังมีสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการมาอาศัยอยู่บนเศษซากสัตว์ทะเล หรือสัตว์ต่างๆ ที่อยู่อาศัยในมหาสมุทรเปิดเหล่านี้ รวมถึงเพรียงห่าน ปู และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เรียกว่า bryozoans

Haram และเพื่อนร่วมงานของเธอตั้งข้อสังเกตว่ายังมีคำถามมากมายที่ยังไม่ได้รับคำตอบ และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบนิเวศของ neopelagic เหล่านี้และสรุปว่า ในอนาคต มีแนวโน้มว่าชุมชนล่องแก่งเหล่านี้จะเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น จากการแพร่กระจายของพลาสติกบกออกสู่ทะเลโดยพายุชายฝั่งที่บ่อยและรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มเติมอาจส่งของเสียลงสู่มหาสมุทรมากขึ้น 

“ เรายังคงพบตัวอย่างเศษซากสึนามิที่ลงจอด แม้กระทั่งในปี 2020 และ 2021 มันทำให้เราเห็นความจริงว่าโดยเฉพาะพลาสติกสามารถอยู่ได้ยาวนานเหมือนเศษซากที่ลอยอยู่ ซึ่งเปิดโอกาสให้บางสายพันธุ์ที่ล่องแก่งเหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน " แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน เมื่อความต้องการและการผลิตพลาสติกของมนุษย์เพิ่มขึ้น (จากแนวโน้มในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าขยะพลาสติกทั่วโลกที่สะสมอาจสูงถึง 25 พันล้านเมตริกตันภายในปี 2050 ) จะเป็นโอกาสมากมายสำหรับสิ่งมีชีวิตชายฝั่งทะเลในการออกทะเลครั้งแรก

 Charles Moore กัปตันเดินเรือและนักวิจัยด้านสมุทรศาสตร์ ชาวอเมริกัน ได้แล่นเรือยอชท์จากหมู่เกาะฮาวาย ผ่านวงวนใหญ่แปซิฟิกเหนือ 
เพื่อเดินทางกลับบ้านที่ลอสแองเจลิส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย การเดินทางครั้งนี้ ทำให้ Moore และลูกเรือพบชิ้นส่วนและขยะพลาสติกหลายล้านชิ้น
ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ก่อนที่แพขยะแห่งนี้จะได้รับการขนานนามว่า Eastern Garbage Patch และได้รับความสนใจอย่างมากจากนักข่าวและประชาชน
ซึ่งทำให้สังคมตระหนักถึงปัญหามลภาวะทางทะเล (Marine Pollution) ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปีในเวลาต่อมา

ชุมชน Neopelagic บนเศษพลาสติกที่ลอยอยู่ในผิวน้ำของมหาสมุทร



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่