เรื่องสั้น : Why… (เพราะเหตุใด)

กระทู้สนทนา

(ฉันรอด! อีก 5 วันจะตรวจซ้ำอีกรอบ เพื่อความชัวร์)
.


.


            ฝันร้ายของฉันกลับมาอีกแล้ว!

           ตั้งแต่มีโควิด-19 เข้ามาก็ทำให้การดำรงชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมาก น่าจะทุกคนเหมือนกันใช่ไหม ที่การดำเนินชีวิต วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ‘นิวนอร์มอล’ ก็ว่ากันไป

              ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมาก การทำงานจากที่ง่าย ๆ ก็ยากขึ้น ทุกคน ทุกอย่างจำต้องเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อการดำรงอยู่ของชีวิตต่อไป ปรับสภาพให้เข้าสภาวะสังคมสิ่งแวดล้อม และ โรคภัยที่กำลังคุกคาม

             พวกคุณรู้ไหมว่า โควิด-19 ทำเงินเดือนของฉันหายไปหลายบาท ทำงานยากมากขึ้น อัตราการเสี่ยงต่อการติดเชื้อก็สูง ทว่าฉันก็ต้องทำ! ต้องทำเพื่อการดำรงอยู่ของชีวิต ใครจะทำให้ตนเองตกงานล่ะ โลกเปลี่ยนเราก็ต้องเปลี่ยนให้ทันโลกเนอะ

           เพราะเหตุใด! ฉันไม่ได้ถามใครหรอกค่ะ ไม่ได้ถามพวกคุณด้วย เอาเป็นว่าฉันตั้งคำถามลอย ๆ แล้วกัน แม้ฉันอยากถามมากแค่ไหนก็ตาม ฉันก็ไม่รู้จะไปถามใครเหมือนกันว่า ทำไม! เพราะอะไร ฉันถึงได้มาเจอฝันร้ายรอบที่สองนี้

            บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ได้โทษใคร เพราะเราต่างไม่รู้ว่า เราจะเจอกับตนเองเมื่อไหร่ โรคมันไม่เข้าใครออกใคร ระหว่างที่โควิดระบาดฉันเองก็เที่ยวเหมือนกัน เที่ยวตอนกลางวัน ไปร้านกาแฟคาเฟ่บ้าง ทะเล ป่า เที่ยวตอนกลางวัน ไม่เคยไปจับกลุ่มดื่มเหล้า หรือ เที่ยวร้านเหล้าเลย ตั้งแต่มีโควิดระลอกแรกเข้ามา

             ฝันร้ายครั้งนี้ฉันก็จะไม่โทษใครทั้งนั้น ฝันร้ายครั้งแรก เกิดจากแฟนเพื่อนร่วมงานของฉันติดโควิด เพื่อนของฉันก็ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน แล้วยังไงเหรอคะ ฉันก็ต้องจัดการงานทุกอย่างคนเดียว รับผิดชอบทุกอย่างคนเดียว มันเหนื่อย มหาเหนื่อยมาก ๆ เลยรู้มั้ยคะ

              ความเหนื่อยไม่เท่าไหร่ เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ แต่มันเหนื่อยใจ มันท้อ เวลางานมีปัญหาฉันไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร ไปพึ่งใคร คุยกับใครอย่างไรล่ะ 14 วันมันไม่ใช่น้อยวัน หัวหน้าก็ไม่มาสนใจ มาดูดำดูดีอะไรเลย ไม่เคยถามว่าฉันกินข้าวหรือยัง เหนื่อยไหม ไม่เคย! ไม่มีสักคำ!

             ทว่าฉันก็ผ่านมันมาได้ ผ่านมาแบบเหนื่อย ๆ ทุลักทุเล และฉันก็ภาวนาว่าอย่าให้มันเกิดขึ้นอีก แต่แล้ววันนี้ฉันกลับฝันร้ายอีกรอบ

             เพื่อนร่วมงานของฉันเป็นนักสังคม สังคมเก่งมาก เลิกงานเป็นต้องรวมกลุ่มกันดื่มเหล้าทุกวัน เพื่อนเยอะ เที่ยวกลางคืน ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร สไตล์ของใครของมัน อย่างที่บอกฉันเองก็เที่ยว แต่เที่ยวเป็นการตอนกลางวัน เที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ชอบถ่ายรูปมากกว่า ฉันก็เลยไม่ว่าใคร ต่างคนต่างใช้ชีวิต

            วันนี้ฉันต้องพบกับฝันร้าย เมื่อเพื่อนร่วมงานตรวจเจอโควิด-19 น้ำตาของฉันแทบไหล ทั้งกลัว ทั้งกังวลไปหมด ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะต้องกังวลเรื่องอะไรกันแน่ ระหว่างตนเองจะติดโควิดไปกับเพื่อน หรือ กังวลว่าจะต้องรับผิดชอบงานทั้งหมด ทุกอย่างคนเดียวเป็นเวลา 14 วันอีกแล้ว ‘อีกแล้วหรือ’

             ฉันเหนื่อย! ฉันเหนื่อยกับเหตุการณ์แบบนี้ พวกคุณเข้าใจความรู้สึกของฉันไหมคะ ฉันแค่ต้องการที่จะเล่า ฉันไม่ได้จะคาดโทษใคร หรือ แม้แต่เพื่อนของฉันเอง ไม่ว่ากัน! แต่ฉันแค่เหนื่อย ทำไมฉันต้องเจออะไรซ้ำซากแบบนี้

             เอาล่ะ ฉันกับเพื่อนร่วมงานทำงานใกล้กัน แต่ไม่ได้ทานข้าวด้วยกัน ใส่ผ้าปิดจมูกอยู่ตลอดเวลา ก็มีเปิดบ้าง เพราะฉันหายใจไม่ออก เพื่อนตรวจรอบแรกไม่เจอ ตรวจรอบที่สองถึงเจอว่าติดโควิด

            อาการของเพื่อนก่อนจะตรวจเจอคือ ไอ แสบจมูก(เห็นบอกกับฉันว่าแสบจมูกเพราะแหย่จมูกนี่แหละ ฉันก็เฉย ๆ )

            วันแรกนะ ไอแห้ง ๆ ฉันก็เฉย ๆ อืมม์ เพื่อนดูดบุหรี่ไฟฟ้า ฉันจึงคิดว่าเพราะไอ้นี่หรือเปล่าเพื่อนถึงไอ ขณะนั้นเพื่อนก็ซื้อที่แหย่จมูกมาตรวจแล้วนะ เหมือนเพื่อนรู้ตัว ระแวงโควิดเพราะก่อนหน้านั้นไปปาร์ตี้มา หนึ่งในนั้นมีคนติดโควิดไปแล้ว เพื่อนก็เลยซื้อที่แหย่จมูกมาแหย่ตรวจหาเชื้อ รอบแรกไม่เจอ หล่อนเองก็ไม่อยากเล่าอะไรให้ฉันฟังมาก คงกลัวฉันจะต่อว่าเอา

            วันที่สองไข้ขึ้น ตอนเช้าโทรหาฉันว่าไอหนักมาก เจ็บคอ ปวดหัวขอลาหนึ่งวัน ฉันก็ไม่ฉุกคิด เพราะในสมองคิดว่าที่ป่วยที่ไอ เพราะดูดบุหรี่ไฟฟ้าจัดนั่นเอง ดูดจัดจริง ๆ อืมม์! แต่ฉันไม่นะ ฉันไม่เอาอะไรพวกนี้ ไม่แตะ ไม่คิดจะแตะด้วย

            วันที่สามมาทำงาน ก็ยังไออยู่ ไอกระเสาะกระแสะ ฉันก็ได้ยินเพื่อนบ่นว่าเหมือนยังไม่หายไข้เลย  เหนื่อย ไอด้วย ฉันก็เฉย ๆ เราทำงานด้วยกันเราไม่ค่อยคุยกันหรอกค่ะ ต่างคนต่างอยู่ เพื่อนของฉันจะชอบหลบไปชั้นสอง ขึ้นไปดูดบุหรี่ไฟฟ้าบ่อย ๆ และนาน ๆ จะกลับลงมาที ฉันก็ปล่อยไม่ถือสาไม่กล่าวตักเตือน ไม่ต่อว่าด้วย

             วันที่สี่ดูท่าจะแย่ เพราะเพื่อนของเพื่อนฉันติดโควิด แล้วหล่อนก็ไปดูดบุหรี่หัวเดียวกันกับเพื่อนของหล่อนด้วย วันที่สี่ก็ยังไอเจ็บคอไม่หยุด โทรมเพราะเหมือนไข้ยังไม่หายเลย ก็เลยซื้อที่ตรวจมาตรวจรอบที่สอง ผลปรากฏว่า เพื่อนของฉันติดโควิดโดยปริยาย

            ส่วนฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ไม่รู้ดิ! บอกความรู้สึกไม่ถูก ไม่รู้จะกังวลเรื่องอะไรดี ระหว่างเรื่องกลัวตัวเองติดโควิดไปด้วย หรือ ต้องรับผิดชอบงานแทนเพื่อนอีกครั้ง

             ฉันเหนื่อย! ฝันร้ายรอบที่สองกลับมาอีกแล้ว ฉันยังจำไม่ลืมเลยเมื่อครั้งแรก ว่ามันเป็นแบบไหน มีหลายอย่างมาก ๆ ที่ฉันอยากจะเล่าลงในนี้ แต่ฉันก็ขอเล่าเพียงเท่านี้ ฉันเองก็จะต้องไปตรวจหาเชื้อเหมือนกัน

             เหนื่อยนะ! เหนื่อยที่สุด…

             ใครจะรู้ว่าฝันร้ายรอบแรกฉันต้องรับบทหนักแค่ไหน แล้วครั้งนี้อีกล่ะ ตัวของฉันอีก! รอบแรกฉันเป็นแค่กลุ่มดี(D) แต่รอบนี้ฉันเป็นกลุ่มบี(B) เลยนะ ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อเลย

             เพราะอะไรฉันถึงต้องมาเจอเรื่องราว เหตุการณ์แบบนี้ ถ้าฉันตรวจพบเชื้อล่ะ ฉันจะทำอย่างไร กลุ้มไปหมดผสมปนเปกันไปหมด

             หากฝันร้ายรอบที่สองจบไป ฉันจะต้องเจอกับฝันร้ายรอบที่สามอีกหรือเปล่า ฝันร้ายรอบที่สามคงจะเป็นตัวฉันเองใช่ไหม ‘ที่เป็นผู้ติดเชื้อ’ ชีวิตที่แสนจะเคว้งคว้าง

             เพื่อนร่วมห้องของฉันบอกว่า ‘มีลูกพี่เป็นนักเที่ยวก็ต้องทำใจ’ ฉันต้องทำใจใช่ไหม…

จบ…
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่