“ แก้ว...แก้ว ปีนี้เที่ยวที่ไหนดีจ้า วางแผนแล้วยังเพื่อน”
ฉันถามพานแก้วเพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล จนจบมหาวิทยาลัยเดียวกันและพักคอนโดมิเนียมห้องเดียวกันอีกตอนนี้ เธอเป็นเพื่อนขาลุยมาก ชอบเที่ยวพอๆกับฉัน จะเที่ยวเมื่อไหร่ให้บอกพานแก้ว เดี๋ยวพานแก้วจัดให้
“ เราว่าไปยุโรปกันดีกว่านะ แต่มีเวลาแค่ 7 วันเองขวัญ” พานแก้วมีแผนเที่ยวมาเสนอทันทีเมื่อฉันกระตุ้นต่อมเที่ยวของเธอ
“ งั้นเราไปยุโรปกัน แต่เวลามีน้อย ต้องเจาะเที่ยวประเทศเดียวนะ แก้วว่าอย่างไร”
ฉันตอบสนองแผนการเที่ยวเช่นกัน เพราะขาลุยเที่ยวแนวแบ็คแพ็ค ต้องวางแผน และหาข้อมูลก่อนไปเที่ยว
เป็นการเที่ยวที่สนุกและท้าทายมาก ทำให้ตื่นเต้นและเร้าใจ ถูกใจคนที่ชอบผจญภัยและพวกขาลุย
“เราว่าปีนี้ไปตะลุยหิมะกันดีกว่า หนาวสะใจดีแก้ว” ฉันเสนอต่อเพราะไม่ได้หนาวมานานแล้ว เนื่องจากช่วงหลังเที่ยวต่างประเทศฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเป็นส่วนใหญ่
“ว้าว..ว้าว ดีๆ เราก็อยากไปจูบหิมะเหมือนกัน” พานแก้วดีใจที่ฉันคิดเหมือนกัน
“เลือกประเทศมาเลย.. ว่าจะไปจูบและตะกุยหิมะกันที่ไหนดี ช่วงไหนดี” พานแก้วให้ฉันเสนอประเทศที่จะไปตามหาหิมะกัน
“เราสนใจยอดเขา Brocken นะ”
ฉันเสนอตามหาหิมะที่นั่นเพราะไปอ่านเจอว่าน่าสนใจ และเยอรมนีเป็นประเทศที่ยังไม่เคยไป ปกติคนชอบเที่ยวมักจะคิดเสมอว่าที่ไหนไม่เคยไปต้องไป ความรู้สึกของคนชอบเที่ยวจะรู้สึกเหมือนการสะสมของที่ชอบ จะสะสมให้มากที่สุด เพราะเป็นความสุขทางใจที่ใครๆก็อยากสัมผัส
“ใช่เลย... เรายังไม่เคยไปเยอรมนี เพราะฉะนั้นต้องไปเหยียบที่นั่นกัน”
..... พานแก้วสนับสนุน เพราะเวลาไปเที่ยว พานแก้วจะไปเที่ยวกับฉันทุกครั้ง เราเที่ยวด้วยกันมาตลอด
....... และเป็นนักเที่ยวที่หาข้อมูลพร้อมก่อนจะไปเที่ยว ขณะเที่ยวบันทึกข้อมูล กลับมาเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวเป็นอัลบั้มไว้
...... ถึงจะเป็นนักเที่ยวมือสมัครเล่น แต่ทุกอย่างเซทพร้อม อยากเนียนเป็นนักท่องเที่ยวมืออาชีพ ฮ่าๆๆๆๆ...อนาคตไม่แน่อาจได้เป็นตามฝัน
เสียงเพลงจิงเกอร์เบลดังลอยมา ลมเย็นโชยมาเบาๆ ทำให้กมลขวัญเกิดความคิดโผล่ขึ้นมาทันที
"แก้ว..เราไปช่วงคริสต์มาสกันดีกว่า น่าจะได้บรรยากาศหนาวเหน็บแห่งวันคริสต์มาสนะ”
ฉันเสนอช่วงเวลาที่น่าจะไปสัมผัสหิมะช่วงวันคริสต์มาสให้พานแก้ว
“กรี๊ด....กรี๊ด....ดีเลยขวัญ ฉันฝันอยากไปร้องเพลงจิงเกอร์เบลที่ต่างประเทศมานานแล้ว เคยได้แต่ร้องตอนเป็นนักเรียนในห้องเรียน ครานี้เราจะไปร้องที่เยอรมนีละ”
พานแก้ว ดีใจที่ความฝันของเธอจะเป็นจริง
“เราจะได้ไปเห็นต้นคริสต์มาส ในเทศกาลคริสต์มาสด้วย เพราะต้นคริสต์มาส ประเทศเยอรมันนี เป็นต้นกำเนิดที่นั่นเลยน้าแก้ว” ฉันบอกแก้ว
“ใช่ๆ เราจำได้หละ มาร์ติน ลูเธอร์เป็นคนคิดคนแรก” พานแก้วเคยร่วมร้องเพลงและเล่าประวัติวันคริสต์มาสในห้องเรียนตอนเรียนมัธยมปลาย
“ตกลงตามนั้นขวัญ เราเตรียมการกันเลยจ้า อิอิ..”
พานแก้วนักลุยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เริ่มวางแผนและหาข้อมูลทันที ฉันก็ได้เพื่อนซี้คู่ใจนี่แหละพาเที่ยว และคอยช่วยเหลือทุกเรื่องเมื่อเริ่มมีการคิดวางแผนเที่ยว
เหลือเวลาอีก 3 สัปดาห์ก็จะได้ไปหาความสุขที่เยอรมนีแล้ว ดีที่ทำวีซ่าเชงเก้นแบบ Multiple Entry Visa เอาไว้ ทำให้เดินทางไปยุโรปได้ภายในเวลา 5 ปี สะดวกสบายสำหรับนักเที่ยวที่ชอบเที่ยวยุโรป
ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อย ทั้งพานแก้วและฉันช่วยกัน อีกสองวันพร้อมเที่ยวหาประสบการณ์ที่เยอรมนี แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ถึงแม้จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นประจำ
แต่ทุกครั้งที่ได้ไปก็จะรู้สึกสนุกสนาน อย่างที่เขาว่าไว้ว่าคนที่ชอบท่องเที่ยวจะเป็นคนกระชุ่มกระชวย ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แค่เตรียมการก็มีความสุขแล้ว ยิ่งสุขมากขึ้นเมื่อได้ไปสัมผัสกลิ่นไอสถานที่จริง
“แก้ว..เป็นอะไรนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เราเห็นแก้วนั่งยิ้มนานแล้วนะ” ฉันสังเกตเห็นพานแก้วยิ้มอยู่คนเดียวมาสัก 5 นาทีได้
“ ฮ่าๆๆ ก็คิดเรื่องเที่ยวนี่แหละ ใจไปเที่ยวแล้วตอนนี้ รอกายตามไป”
พานแก้ว นักเที่ยวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พูดไปหัวเราะไป เป็นความสุขของคนชอบเที่ยวก็จะมีอาการแบบนี้แหละ ใครที่รักการท่องเที่ยวจะเข้าใจดีอาการเช่นนี้
จากสุวรรณภูมิถึงสนามบินที่ลอนดอน โดยสายการบินบริติชแอร์เวย์ และไปต่อที่ฮันโนเวอร์ เหนื่อยได้ใจเลย
แต่ช่วงที่เราเดินทางกันเป็นช่วงที่พวกเราหาข้อมูลเจาะลึกลงไปเพื่อให้ได้อรรถรสในการเดินทาง
..... เดินทางแบบแบ็คแพ็คจะสนุกก็ตรงนี้แหละ
..... ทั้งเหนื่อยทั้งตื่นเต้นต่อการติดต่อสื่อสาร
...... พานแก้วได้ภาษาฝรั่งเศสด้วย จะมีประโยชน์ได้ใช้บ้าง
....... แต่มาเยอรมนีใช้ภาษาอังกฤษได้สบาย เพราะคนยุโรปจะได้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
เข้าที่พักเรียบร้อย นอนหลับพักผ่อน และต้องปรับตัวเข้ากับเวลาของเยอรมัน ซึ่งฤดูหนาวจะห่างจากประเทศไทยไป 6 ชั่วโมง ถึงแม้จะไม่ใช่เวลานอนแต่ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางเป็นเวลานาน ทำให้พานแก้วกับฉันหลับสนิทประเภทม้วนเดียวจบกันเลย
“เช้าแล้วจ้าแก้ว ได้เวลาตื่นแล้ว ต้องไปยอดเขาBrocken กันแล้ว เดี๋ยวไม่ทันขบวนรถไฟไอน้ำเที่ยวแรก”
ฉันปลุกพานแก้ว ให้พร้อมไปผจญภัยกันต่อ
“หิมะบนยอดเขา Brocken รอพวกเราอยู่ อยากเล่นหิมะแย่แล้ว” ฉันพูดเบาๆ
“อุปกรณ์ครบนะ รองเท้าตะลุยหิมะห้ามลืมเด็ดขาดขวัญ”
พานแก้วเตือนฉันไม่ให้ลืมสิ่งสำคัญ เพราะเดินบนหิมะต้องมีรองเท้าตะลุยหิมะ ไม่อย่างนั้นจะเลื่อนล้มและไถลบนพื้นได้ อาจทำให้เกิดอันตราย
......การเดินทางครั้งนี้เรามีเป้ใบใหญ่สะพายหลังคนละใบ หน้าหนาวแบบนี้ไม่ต้องห่วงสวย ต้องอบอุ่นเข้าไว้ .....
.....ชุดลองจอน ถุงเท้า หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ต้องพร้อม เวลาอากาศติดลบ
..... ร่างกายต้องอบอุ่นเอาไว้ มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
“ พร้อมจ้าแก้ว แว่นกันแดดที่ซื้อมาใหม่ได้เอามาโชว์คราวนี้แหละ”
..... ฉันโชว์แว่นกันแดดให้แก้วดู เลนส์ดำมากเพราะการมาเล่นหิมะ ต้องมีแว่นกันแดด เนื่องจากสีขาวโพลนของหิมะ
จะทำให้มองอะไรไม่เห็น ยิ่งตอนแสงแดดส่องกระทบความขาวของหิมะ จะสะท้อนจนตามองภาพไม่ชัด ....
พานแก้วกับฉันเดินทางจากเมืองฮันโนเวอร์ไปรัฐซัคเซิน-อันฮัลท์ โดยรถไฟรัฐนี้มีเมืองหลวงชื่อเมืองมัคเดอบวร์ค เป็นรัฐทางตอนเหนือสุดของเยอรมนี
เป็นที่ตั้งของยอดเขา Brocken เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาฮาร์ซและยอดเขาที่สูงที่สุดของภาคเหนือของเยอรมนี
เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Harzและเป็นที่ตั้งของสวนพฤกษศาสตร์เก่าแก่ที่มีพืชบนภูเขาสูงประมาณ 1,600 ต้น
..... มีรถไฟไอน้ำพาขึ้นไป ความสูงของเขา 1,125 เมตร .....
ถึงทันเวลาอย่างสบายๆ พอถึงเราก็ตรงไปสถานีรถไฟ เพื่อซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถไฟไอน้ำ ช่วงเทศกาลคริสต์มาส มีขบวนพิเศษเพื่อบริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
มีนักท่องเที่ยวมาจากหลายที่เพื่อมาขึ้นรถไฟไอน้ำในวันนี้
“นักท่องเที่ยวเยอะจัง พวกเราไม่เหงาหละ มีเพื่อนร่วมทาง สนุกดี”
“ มีกี่โบกี้เนี่ย... แก้วนับดูซิ” ฉันบอกให้แก้วนับตู้รถไฟที่จะขึ้นเขาไปยอดเขาBrocken
“ มี 8 โบกี้ คนคงขึ้นกันเต็มหมดดูแล้วนะ เพราะมีสถานีระหว่างทางหลายสถานีนะ” แก้วชวนฉันให้รีบขึ้นไปบนขบวนก่อนจะไม่มีที่นั่ง เพราะเป็นช่วงเทศกาลคนจะมากเป็นพิเศษ
“เลือกที่นั่งด้านที่ไปทางเดียวกับรถไฟไอน้ำวิ่ง ไม่งั้นเวียนหัว ฮ่าๆๆๆ” ฉันบอกกับแก้ว เพราะขึ้นก่อนมีโอกาสเลือกที่นั่งได้ แต่แก้วชอบนั่งติดหน้าต่าง จะได้เห็นทิวทัศน์ข้างทาง
ได้ยินเสียงนายสถานีประกาศว่าได้เวลารถไฟไอน้ำจะออกจากสถานีแล้ว
“ ว้าว..ได้เวลาส่องหิมะข้างทางหละ” แก้วพูดอย่างตื่นเต้นจะได้เห็นหิมะข้างทาง ในขบวนรถไฟเปิดฮีตเตอร์ อุณหภูมิกำลังดี แต่อุณหภูมิข้างนอกเย็นมากตอนนี้
“ ฮ่าๆๆ เริ่มอุ่นเกินไปละซิ” ฉันเห็นแก้วเอาผ้าพันคอออก เพราะเริ่มอุ่นเกินไป
รถไฟเริ่มขยับล้อ เสียงหวูดรถไฟดัง ทำให้คิดถึงสมัยตอนเป็นเด็ก รถไฟไทยใช้รถไฟไอน้ำ เวลารถไฟไอน้ำวิ่งจะมีเสียงดัง....ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง... ถึงแม้จะดังแบบนั้นก็ยังถึงที่หมาย เหมือนคำพูดที่ว่ามาช้าดีกว่าไม่มา ฮ่าๆๆๆ...
พอรถไฟเริ่มเคลื่อนที่ ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว เริ่มทยอยเดินมาหาที่นั่ง
“ขอโทษครับที่นั่งตรงนี้ว่างไหมครับ” เสียงผู้ชายโทนเสียงนุ่มถามอย่างสุภาพ
“ว่างค่ะ เชิญนั่งเลยนะค่ะ” ฉันตอบรับด้วยความยินดีเช่นกัน แต่ยังไม่ได้มองหน้าคนที่ถาม พานแก้วก็มีความสุขกับการมองวิวข้างทาง เพลิดเพลินใจ
เขานั่งลงข้างๆฉัน ฉันยังคงไม่ละสายตาจากทิวทัศน์ข้างทางรถไฟ ช่วงนี้เป็นต้นทาง หิมะยังไม่มีให้เห็น
แต่จะเห็นต้นไม้ที่แห้ง ใบไม้ร่วงหมดต้น มีบ้านคนบ้างแต่อยู่ห่างกันมาก นานๆจะเห็นสักหลัง
ทางรถไฟไอน้ำนี้เป็นทางรถไฟที่ค่อนข้างแคบ วิ่งเลาะไปตามทางที่ค่อยๆขึ้นเขา ระยะทาง 170 กิโลเมตร
รถไฟจอดสถานีแรก ฉันละสายตาจากวิวข้างทางไปมองสถานีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง มีคนขึ้นระหว่างทางบ้าง 5-6 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว
“สวัสดีครับ คุณขึ้นถึงยอดเขาไหมครับ” ชายหนุ่มเจ้าของเสียงที่นั่งข้างๆ เริ่มบทสนทนากับฉัน คงเป็นเพราะเห็นฉันหน้าตาแถบเอเชีย
ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น
ตามหาหิมะขาว ตอน 1
ฉันถามพานแก้วเพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล จนจบมหาวิทยาลัยเดียวกันและพักคอนโดมิเนียมห้องเดียวกันอีกตอนนี้ เธอเป็นเพื่อนขาลุยมาก ชอบเที่ยวพอๆกับฉัน จะเที่ยวเมื่อไหร่ให้บอกพานแก้ว เดี๋ยวพานแก้วจัดให้
“ เราว่าไปยุโรปกันดีกว่านะ แต่มีเวลาแค่ 7 วันเองขวัญ” พานแก้วมีแผนเที่ยวมาเสนอทันทีเมื่อฉันกระตุ้นต่อมเที่ยวของเธอ
“ งั้นเราไปยุโรปกัน แต่เวลามีน้อย ต้องเจาะเที่ยวประเทศเดียวนะ แก้วว่าอย่างไร”
ฉันตอบสนองแผนการเที่ยวเช่นกัน เพราะขาลุยเที่ยวแนวแบ็คแพ็ค ต้องวางแผน และหาข้อมูลก่อนไปเที่ยว
เป็นการเที่ยวที่สนุกและท้าทายมาก ทำให้ตื่นเต้นและเร้าใจ ถูกใจคนที่ชอบผจญภัยและพวกขาลุย
“เราว่าปีนี้ไปตะลุยหิมะกันดีกว่า หนาวสะใจดีแก้ว” ฉันเสนอต่อเพราะไม่ได้หนาวมานานแล้ว เนื่องจากช่วงหลังเที่ยวต่างประเทศฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเป็นส่วนใหญ่
“ว้าว..ว้าว ดีๆ เราก็อยากไปจูบหิมะเหมือนกัน” พานแก้วดีใจที่ฉันคิดเหมือนกัน
“เลือกประเทศมาเลย.. ว่าจะไปจูบและตะกุยหิมะกันที่ไหนดี ช่วงไหนดี” พานแก้วให้ฉันเสนอประเทศที่จะไปตามหาหิมะกัน
“เราสนใจยอดเขา Brocken นะ”
ฉันเสนอตามหาหิมะที่นั่นเพราะไปอ่านเจอว่าน่าสนใจ และเยอรมนีเป็นประเทศที่ยังไม่เคยไป ปกติคนชอบเที่ยวมักจะคิดเสมอว่าที่ไหนไม่เคยไปต้องไป ความรู้สึกของคนชอบเที่ยวจะรู้สึกเหมือนการสะสมของที่ชอบ จะสะสมให้มากที่สุด เพราะเป็นความสุขทางใจที่ใครๆก็อยากสัมผัส
“ใช่เลย... เรายังไม่เคยไปเยอรมนี เพราะฉะนั้นต้องไปเหยียบที่นั่นกัน”
..... พานแก้วสนับสนุน เพราะเวลาไปเที่ยว พานแก้วจะไปเที่ยวกับฉันทุกครั้ง เราเที่ยวด้วยกันมาตลอด
....... และเป็นนักเที่ยวที่หาข้อมูลพร้อมก่อนจะไปเที่ยว ขณะเที่ยวบันทึกข้อมูล กลับมาเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวเป็นอัลบั้มไว้
...... ถึงจะเป็นนักเที่ยวมือสมัครเล่น แต่ทุกอย่างเซทพร้อม อยากเนียนเป็นนักท่องเที่ยวมืออาชีพ ฮ่าๆๆๆๆ...อนาคตไม่แน่อาจได้เป็นตามฝัน
เสียงเพลงจิงเกอร์เบลดังลอยมา ลมเย็นโชยมาเบาๆ ทำให้กมลขวัญเกิดความคิดโผล่ขึ้นมาทันที
"แก้ว..เราไปช่วงคริสต์มาสกันดีกว่า น่าจะได้บรรยากาศหนาวเหน็บแห่งวันคริสต์มาสนะ”
ฉันเสนอช่วงเวลาที่น่าจะไปสัมผัสหิมะช่วงวันคริสต์มาสให้พานแก้ว
“กรี๊ด....กรี๊ด....ดีเลยขวัญ ฉันฝันอยากไปร้องเพลงจิงเกอร์เบลที่ต่างประเทศมานานแล้ว เคยได้แต่ร้องตอนเป็นนักเรียนในห้องเรียน ครานี้เราจะไปร้องที่เยอรมนีละ”
พานแก้ว ดีใจที่ความฝันของเธอจะเป็นจริง
“เราจะได้ไปเห็นต้นคริสต์มาส ในเทศกาลคริสต์มาสด้วย เพราะต้นคริสต์มาส ประเทศเยอรมันนี เป็นต้นกำเนิดที่นั่นเลยน้าแก้ว” ฉันบอกแก้ว
“ใช่ๆ เราจำได้หละ มาร์ติน ลูเธอร์เป็นคนคิดคนแรก” พานแก้วเคยร่วมร้องเพลงและเล่าประวัติวันคริสต์มาสในห้องเรียนตอนเรียนมัธยมปลาย
“ตกลงตามนั้นขวัญ เราเตรียมการกันเลยจ้า อิอิ..”
พานแก้วนักลุยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เริ่มวางแผนและหาข้อมูลทันที ฉันก็ได้เพื่อนซี้คู่ใจนี่แหละพาเที่ยว และคอยช่วยเหลือทุกเรื่องเมื่อเริ่มมีการคิดวางแผนเที่ยว
เหลือเวลาอีก 3 สัปดาห์ก็จะได้ไปหาความสุขที่เยอรมนีแล้ว ดีที่ทำวีซ่าเชงเก้นแบบ Multiple Entry Visa เอาไว้ ทำให้เดินทางไปยุโรปได้ภายในเวลา 5 ปี สะดวกสบายสำหรับนักเที่ยวที่ชอบเที่ยวยุโรป
ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อย ทั้งพานแก้วและฉันช่วยกัน อีกสองวันพร้อมเที่ยวหาประสบการณ์ที่เยอรมนี แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ถึงแม้จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นประจำ
แต่ทุกครั้งที่ได้ไปก็จะรู้สึกสนุกสนาน อย่างที่เขาว่าไว้ว่าคนที่ชอบท่องเที่ยวจะเป็นคนกระชุ่มกระชวย ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แค่เตรียมการก็มีความสุขแล้ว ยิ่งสุขมากขึ้นเมื่อได้ไปสัมผัสกลิ่นไอสถานที่จริง
“แก้ว..เป็นอะไรนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เราเห็นแก้วนั่งยิ้มนานแล้วนะ” ฉันสังเกตเห็นพานแก้วยิ้มอยู่คนเดียวมาสัก 5 นาทีได้
“ ฮ่าๆๆ ก็คิดเรื่องเที่ยวนี่แหละ ใจไปเที่ยวแล้วตอนนี้ รอกายตามไป”
พานแก้ว นักเที่ยวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พูดไปหัวเราะไป เป็นความสุขของคนชอบเที่ยวก็จะมีอาการแบบนี้แหละ ใครที่รักการท่องเที่ยวจะเข้าใจดีอาการเช่นนี้
จากสุวรรณภูมิถึงสนามบินที่ลอนดอน โดยสายการบินบริติชแอร์เวย์ และไปต่อที่ฮันโนเวอร์ เหนื่อยได้ใจเลย
แต่ช่วงที่เราเดินทางกันเป็นช่วงที่พวกเราหาข้อมูลเจาะลึกลงไปเพื่อให้ได้อรรถรสในการเดินทาง
..... เดินทางแบบแบ็คแพ็คจะสนุกก็ตรงนี้แหละ
..... ทั้งเหนื่อยทั้งตื่นเต้นต่อการติดต่อสื่อสาร
...... พานแก้วได้ภาษาฝรั่งเศสด้วย จะมีประโยชน์ได้ใช้บ้าง
....... แต่มาเยอรมนีใช้ภาษาอังกฤษได้สบาย เพราะคนยุโรปจะได้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
เข้าที่พักเรียบร้อย นอนหลับพักผ่อน และต้องปรับตัวเข้ากับเวลาของเยอรมัน ซึ่งฤดูหนาวจะห่างจากประเทศไทยไป 6 ชั่วโมง ถึงแม้จะไม่ใช่เวลานอนแต่ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางเป็นเวลานาน ทำให้พานแก้วกับฉันหลับสนิทประเภทม้วนเดียวจบกันเลย
“เช้าแล้วจ้าแก้ว ได้เวลาตื่นแล้ว ต้องไปยอดเขาBrocken กันแล้ว เดี๋ยวไม่ทันขบวนรถไฟไอน้ำเที่ยวแรก”
ฉันปลุกพานแก้ว ให้พร้อมไปผจญภัยกันต่อ
“หิมะบนยอดเขา Brocken รอพวกเราอยู่ อยากเล่นหิมะแย่แล้ว” ฉันพูดเบาๆ
“อุปกรณ์ครบนะ รองเท้าตะลุยหิมะห้ามลืมเด็ดขาดขวัญ”
พานแก้วเตือนฉันไม่ให้ลืมสิ่งสำคัญ เพราะเดินบนหิมะต้องมีรองเท้าตะลุยหิมะ ไม่อย่างนั้นจะเลื่อนล้มและไถลบนพื้นได้ อาจทำให้เกิดอันตราย
......การเดินทางครั้งนี้เรามีเป้ใบใหญ่สะพายหลังคนละใบ หน้าหนาวแบบนี้ไม่ต้องห่วงสวย ต้องอบอุ่นเข้าไว้ .....
.....ชุดลองจอน ถุงเท้า หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ต้องพร้อม เวลาอากาศติดลบ
..... ร่างกายต้องอบอุ่นเอาไว้ มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
“ พร้อมจ้าแก้ว แว่นกันแดดที่ซื้อมาใหม่ได้เอามาโชว์คราวนี้แหละ”
..... ฉันโชว์แว่นกันแดดให้แก้วดู เลนส์ดำมากเพราะการมาเล่นหิมะ ต้องมีแว่นกันแดด เนื่องจากสีขาวโพลนของหิมะ
จะทำให้มองอะไรไม่เห็น ยิ่งตอนแสงแดดส่องกระทบความขาวของหิมะ จะสะท้อนจนตามองภาพไม่ชัด ....
พานแก้วกับฉันเดินทางจากเมืองฮันโนเวอร์ไปรัฐซัคเซิน-อันฮัลท์ โดยรถไฟรัฐนี้มีเมืองหลวงชื่อเมืองมัคเดอบวร์ค เป็นรัฐทางตอนเหนือสุดของเยอรมนี
เป็นที่ตั้งของยอดเขา Brocken เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาฮาร์ซและยอดเขาที่สูงที่สุดของภาคเหนือของเยอรมนี
เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Harzและเป็นที่ตั้งของสวนพฤกษศาสตร์เก่าแก่ที่มีพืชบนภูเขาสูงประมาณ 1,600 ต้น
..... มีรถไฟไอน้ำพาขึ้นไป ความสูงของเขา 1,125 เมตร .....
ถึงทันเวลาอย่างสบายๆ พอถึงเราก็ตรงไปสถานีรถไฟ เพื่อซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถไฟไอน้ำ ช่วงเทศกาลคริสต์มาส มีขบวนพิเศษเพื่อบริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
มีนักท่องเที่ยวมาจากหลายที่เพื่อมาขึ้นรถไฟไอน้ำในวันนี้
“นักท่องเที่ยวเยอะจัง พวกเราไม่เหงาหละ มีเพื่อนร่วมทาง สนุกดี”
“ มีกี่โบกี้เนี่ย... แก้วนับดูซิ” ฉันบอกให้แก้วนับตู้รถไฟที่จะขึ้นเขาไปยอดเขาBrocken
“ มี 8 โบกี้ คนคงขึ้นกันเต็มหมดดูแล้วนะ เพราะมีสถานีระหว่างทางหลายสถานีนะ” แก้วชวนฉันให้รีบขึ้นไปบนขบวนก่อนจะไม่มีที่นั่ง เพราะเป็นช่วงเทศกาลคนจะมากเป็นพิเศษ
“เลือกที่นั่งด้านที่ไปทางเดียวกับรถไฟไอน้ำวิ่ง ไม่งั้นเวียนหัว ฮ่าๆๆๆ” ฉันบอกกับแก้ว เพราะขึ้นก่อนมีโอกาสเลือกที่นั่งได้ แต่แก้วชอบนั่งติดหน้าต่าง จะได้เห็นทิวทัศน์ข้างทาง
ได้ยินเสียงนายสถานีประกาศว่าได้เวลารถไฟไอน้ำจะออกจากสถานีแล้ว
“ ว้าว..ได้เวลาส่องหิมะข้างทางหละ” แก้วพูดอย่างตื่นเต้นจะได้เห็นหิมะข้างทาง ในขบวนรถไฟเปิดฮีตเตอร์ อุณหภูมิกำลังดี แต่อุณหภูมิข้างนอกเย็นมากตอนนี้
“ ฮ่าๆๆ เริ่มอุ่นเกินไปละซิ” ฉันเห็นแก้วเอาผ้าพันคอออก เพราะเริ่มอุ่นเกินไป
รถไฟเริ่มขยับล้อ เสียงหวูดรถไฟดัง ทำให้คิดถึงสมัยตอนเป็นเด็ก รถไฟไทยใช้รถไฟไอน้ำ เวลารถไฟไอน้ำวิ่งจะมีเสียงดัง....ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง... ถึงแม้จะดังแบบนั้นก็ยังถึงที่หมาย เหมือนคำพูดที่ว่ามาช้าดีกว่าไม่มา ฮ่าๆๆๆ...
พอรถไฟเริ่มเคลื่อนที่ ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว เริ่มทยอยเดินมาหาที่นั่ง
“ขอโทษครับที่นั่งตรงนี้ว่างไหมครับ” เสียงผู้ชายโทนเสียงนุ่มถามอย่างสุภาพ
“ว่างค่ะ เชิญนั่งเลยนะค่ะ” ฉันตอบรับด้วยความยินดีเช่นกัน แต่ยังไม่ได้มองหน้าคนที่ถาม พานแก้วก็มีความสุขกับการมองวิวข้างทาง เพลิดเพลินใจ
เขานั่งลงข้างๆฉัน ฉันยังคงไม่ละสายตาจากทิวทัศน์ข้างทางรถไฟ ช่วงนี้เป็นต้นทาง หิมะยังไม่มีให้เห็น
แต่จะเห็นต้นไม้ที่แห้ง ใบไม้ร่วงหมดต้น มีบ้านคนบ้างแต่อยู่ห่างกันมาก นานๆจะเห็นสักหลัง
ทางรถไฟไอน้ำนี้เป็นทางรถไฟที่ค่อนข้างแคบ วิ่งเลาะไปตามทางที่ค่อยๆขึ้นเขา ระยะทาง 170 กิโลเมตร
รถไฟจอดสถานีแรก ฉันละสายตาจากวิวข้างทางไปมองสถานีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง มีคนขึ้นระหว่างทางบ้าง 5-6 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว
“สวัสดีครับ คุณขึ้นถึงยอดเขาไหมครับ” ชายหนุ่มเจ้าของเสียงที่นั่งข้างๆ เริ่มบทสนทนากับฉัน คงเป็นเพราะเห็นฉันหน้าตาแถบเอเชีย
ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น