สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อเลยค่ะ คือเรากับแฟนมีความคิดที่ต่างกันหลายอย่างมาก เหมือนอยู่กันคนละโลกเลย จะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ในการพูดคุยกันให้ไม่ทะเลาะ และค่อยๆทำความเข้าใจ เปิดใจยังไงให้ยอมรับได้ ต้องบอกก่อนว่า สิ่งที่เรายกตัวอย่างเหตุการณ์มาสอบถามนี้ ไม่ได้บอกว่าใครคิดถูกหรือใครคิดผิด แต่แค่เราคิดไม่เหมือนกัน
1. เค้าบอกว่าเราใช้ชีวิต ดำเนินชีวิต อยู่บนความเชื่อทุกอย่าง แต่เค้าใช้ชีวิตอยู่บนความจริง มีเหตุมีผล เราเชื่อในบาปบุญ กฎแห่งกรรม ว่าทำอะไรก็ได้แบบนั้น เกิดใหม่ชาติหน้าก็ได้แบบที่เราทำไว้ตอนนี้ แต่เราก็ไม่ใช่คนที่ธรรมะ ธรรมโม ไม่ได้เข้าวัด ไม่ได้สวดมนต์ ไม่ได้ไหว้พระ ในขณะที่เค้าคิดว่า ทุกอย่างเป็นกุศโลบาย คิดขึ้นมาแค่ให้คนไม่ทำชั่ว ชาติหน้าไม่มีจริง พิสูจน์ไม่ได้ และตายไปก็ดับสูญ
2. เราพยายามคิดถึงเรื่องรักษ์โลก รักษาสิ่งแวดล้อม แยกขยะ ลดการใช้พลาสติก เท่าที่พอจะทำได้ บางวันถ้าเผลอหลุด ขี้เกียจ ไม่ได้ทำก็ไม่ได้รู้สึกผิดมากเท่าไหร่ แค่ทำในส่วนที่พอจะทำได้ แต่เค้าคิดว่ามันทำไม่ได้จริง เพราะสถานณการณ์ สภาพแวดล้อมในบ้านเราไม่เอื้ออำนวย การใช้ชีวิตที่เป็นมาแบบนั้น ทำไมต้องลำบากมากขึ้น ถ้าจำเป็นต้องออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วหอบขยะกลับมาบ้านเพื่อนั่งแยกขยะอีก กินน้ำหลอดแสตนเลสแล้วไม่อร่อย ถือถุงผ้าไป แล้วข้างในถุงก็ยังมีพลาสติกอีกเต็มไปหมด เราก็บอกว่า เค้าถึงได้มีทำกล่องข้าว กล่อง snap lock ออกมาให้ใช้ มีร้าน refill ให้เอากล่อง เอาขวดเก่าไปเติม โดยไม่ต้องสร้างขยะใหม่ เค้าก็บอกว่า ร้าน refill มีอยู่กี่ร้านกันเชียว ไม่เพียงพอในการดำเนินชีวิตจริง เวลามี Ad โฆษณาเกี่ยวกับสินค้ารักษ์โลกขึ้นมาก เราสนใจแล้วกดเข้าไปดู คิดว่า เออคนคิดเค้าคง concern เรื่องสิ่งแวดล้อมมากๆ ถึงผลิตสินค้าออกมาได้ แต่เค้าบอกว่า เราก็เป็นแค่เหยื่อการตลาดที่เค้าคิดมาแล้วว่า กลุ่ม target market ก็เป็นพวกคนแบบนี้
3. เราคิดว่าหลักการพอเพียง มันทำได้และดีมากๆ และเราอยากใช้ชีวิตแบบนั้น แต่ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ เราจะยังทำไม่ได้ก็ตาม แต่เค้าคิดว่ามันเป็นโปรเจคเพ้อฝัน ทำไม่ได้จริง คนที่จะทำได้คือคนที่ มีเงินมากพออยู่แล้ว ถึงจะค่อยไปพอเพียงหลังจากนั้น
4. เราคิดว่าทานมังสวิรัติ ทานผัก แล้วดีต่อสุขภาพ ก็พยายามทาน ถ้าเลี่ยงไม่ทานเนื้อสัตว์ได้ก็เลี่ยง แต่เค้าคิดว่า ก็รู้แหละว่ากินผักแล้วดีมีประโยชน์ ทุกคนก็รู้ แต่ทำไมก็ยังมีแต่คนกินเนื้อสัตว์มากกว่ากินเจอยู่ดีล่ะ กินอาหารก็ต้องกินให้ครบ ให้ได้สารอาคารครบถ้วน
5. เราคิดว่ายังไงก็ต้องเก็บเงิน ต้องมีเงินเก็บ เราเก็บฝากแบงค์ไว้เฉยๆ แค่ให้รู้ว่ามีแล้วอุ่นใจ ไม่ต้องได้ผลตอบแทนมากมายก็พอ แต่เค้าคิดว่า ทำไมต้องเอาเงินไปฝากจมไว้ ไม่สร้างประโยชน์ เอาไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่า เอาไปหมุนตรงนู้นตรงนี้ ให้ได้เงินกลับมาเยอะๆ ดีกว่า
6. เราเป็นคนไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม ไม่ค่อย keep in touch กับใคร หรือถามสาระทุกข์สุกดิบอะไรกับใคร พอถ้ามีแฟนแล้ว แฟนก็คือทุกอย่าง เป็นทุกอย่างในคนเดียว แต่เค้าเป็นคนตลกเฮฮา เพื่อนเยอะ รุ่นพี่ รุ่นน้องเยอะ เป็นที่รักของทุกคน อยู่กับใครก็สร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่นได้ การมีสังคมสำคัญมาก และเราควรพยายามออกไปคุยกับคนอื่น สร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นให้ได้
7. บางครั้งที่มีปัญหาแล้วถ้าเราไม่ลำบากมากเกินไป ถ้าการใช้เงินช่วยแก้ปัญหาได้ แล้วจบทันที เราก็ยอมจ่าย คิดว่าซื้อความสบายใจของตัวเอง ไม่ต้องมานั่งเครียด กังวลอีก แต่เค้าคิดว่า เราแก้ปัญหาไม่เป็น เป็นคนหัวอ่อน ยอมให้คนอื่นขูดรีดเงินไปง่ายๆ ไม่เกิดการเรียนรู้ จากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่รู้จักโต เอาแต่ใจแค่อยากให้ปัญหามันจบๆ ไป โดยไม่ดูลำดับขั้นตอนการแก้ปัญญาที่ถูกต้อง ว่าควรทำอะไรก่อน อะไรหลัง ควรพยายามทำทุกวิถีทางก่อนแล้วถ้ามันทำไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยจ่ายเงินเป็นวิธีสุดท้าย เพราะถ้าเกิดมีปัญหาที่ไม่สามารถใช้เงินแก้ไขได้ เราจะไม่สามารถรับมือกับอะไรได้เลย
8. หลายอย่างที่เรื่องเล็กน้อย เราคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไร แต่เค้าคิดว่าเราเอาแต่ใจ อย่างเช่น เราเป็นคนขี้หนาว พอขึ้นรถแล้วเค้าเปิดแอร์แรงๆ เราก็จะปรับลดแอร์ลง ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แต่เค้าเป็นคนขี้ร้อน บอกว่า ถ้าเราหนาวคนเดียว คนที่อยู่ในสถานที่เดียวกันเค้าร้อน เราก็ต้องไปหาเสื้อหนาวมาใส่ ไปหาผ้าห่มมาห่มเอง ไม่ควรไปปรับแอร์ลงแบบนั้น
9. จากข้อ 6 ที่เค้าเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีมากๆคนนึง เพราะเค้าชอบติดตลก แกล้งอำคนอื่นๆเล่นๆ พูดเล่นๆ แต่บางทีเราคิดว่ามันเล่นมากเกินไป หลายครั้งที่จากเรื่องเล่น จนเถียงกันไปเรื่อยๆ ไม่มีใครยอมลง จนทะเลาะกันใหญ่โต เราคิดว่าสามารถเล่นให้มันน้อยลงได้ แล้วต้องหยุด ถ้าอีกฝ่ายเริ่มไม่โอเค เค้าก็คิดว่า คนอื่นไม่เห็นมีใครไม่โอเค เพราะรู้ว่าแค่เล่น แต่เราแยกไม่ออกเองว่าอะไรเล่น อะไรจริง ถ้าให้เค้าเลิกทำแบบนั้นเค้าก็จะไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง
มันมีอีกหลายเรื่อง ยิบย่อย มากๆ เลยค่ะ ที่เขียนออกมาได้ไม่หมด เรายอมรับว่ามันทำใจยากเหมือนกันนะ พอมีเรื่องที่คิดไม่ตรงกันทีไร ยิ่งคุย ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งมีอารมณ์ แล้วลามไปทะเลาะกันทุกที และเค้าจะมักเป็นฝ่ายอยากบอกเลิกไปเสมอ เพราะคิดว่าเข้ากันไม่ได้ แต่เราก็ยังยื้อไว้ทุกครั้ง เค้าบอกว่าเค้าเหนื่อย ที่ต้องมานั่งอธิบายอะไรง่ายๆ แบบนี้ให้เราเข้าใจ เวลาที่คิดไม่เหมือนกัน แต่เราก็ไม่เข้าใจอยู่ดี มันเถียงกันไปไม่รู้จบจริงๆ เค้าก็ถามเสมอว่าจะรั้งเค้าไว้ทำไม ถ้าสุดท้ายมันก็อาจจะไปด้วยกันไม่ได้อยู่ดี แต่เราก็คิดว่า มันน่าจะมีทางออกได้ไหม เลยอยากได้รับคำแนะนำว่าควรรับมือยังไงบ้างคะ ทุกครั้งที่ยื้อไว้ ก็เพราะรู้ว่า เค้ารักเรามาก ใส่ใจรายละเอียด เรื่องเล็กๆ ทุกอย่าง และเข้าใจเรามากที่สุด บางครั้งเรายังไม่รู้ตัวเองเลยว่าคิดอะไรอยู่ หรือรู้สึกยังไง แต่เค้าอธิบายมันออกมาได้ว่า เราเป็นแบบนี้ใช่ไหม คิดแบบนี้อยู่ใช่ไหม เราไม่เคยเจอคนแบบนี้ อีกอย่างคือ ไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิงอื่น ไว้ใจได้ เราก็อยากรักษาเค้าไว้ให้นานที่สุด ขอบคุณค่ะ
ความคิดต่างกัน จะทำอย่างไรให้สามารถอยู่ด้วยกันได้ คบกันต่อได้ ?
1. เค้าบอกว่าเราใช้ชีวิต ดำเนินชีวิต อยู่บนความเชื่อทุกอย่าง แต่เค้าใช้ชีวิตอยู่บนความจริง มีเหตุมีผล เราเชื่อในบาปบุญ กฎแห่งกรรม ว่าทำอะไรก็ได้แบบนั้น เกิดใหม่ชาติหน้าก็ได้แบบที่เราทำไว้ตอนนี้ แต่เราก็ไม่ใช่คนที่ธรรมะ ธรรมโม ไม่ได้เข้าวัด ไม่ได้สวดมนต์ ไม่ได้ไหว้พระ ในขณะที่เค้าคิดว่า ทุกอย่างเป็นกุศโลบาย คิดขึ้นมาแค่ให้คนไม่ทำชั่ว ชาติหน้าไม่มีจริง พิสูจน์ไม่ได้ และตายไปก็ดับสูญ
2. เราพยายามคิดถึงเรื่องรักษ์โลก รักษาสิ่งแวดล้อม แยกขยะ ลดการใช้พลาสติก เท่าที่พอจะทำได้ บางวันถ้าเผลอหลุด ขี้เกียจ ไม่ได้ทำก็ไม่ได้รู้สึกผิดมากเท่าไหร่ แค่ทำในส่วนที่พอจะทำได้ แต่เค้าคิดว่ามันทำไม่ได้จริง เพราะสถานณการณ์ สภาพแวดล้อมในบ้านเราไม่เอื้ออำนวย การใช้ชีวิตที่เป็นมาแบบนั้น ทำไมต้องลำบากมากขึ้น ถ้าจำเป็นต้องออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วหอบขยะกลับมาบ้านเพื่อนั่งแยกขยะอีก กินน้ำหลอดแสตนเลสแล้วไม่อร่อย ถือถุงผ้าไป แล้วข้างในถุงก็ยังมีพลาสติกอีกเต็มไปหมด เราก็บอกว่า เค้าถึงได้มีทำกล่องข้าว กล่อง snap lock ออกมาให้ใช้ มีร้าน refill ให้เอากล่อง เอาขวดเก่าไปเติม โดยไม่ต้องสร้างขยะใหม่ เค้าก็บอกว่า ร้าน refill มีอยู่กี่ร้านกันเชียว ไม่เพียงพอในการดำเนินชีวิตจริง เวลามี Ad โฆษณาเกี่ยวกับสินค้ารักษ์โลกขึ้นมาก เราสนใจแล้วกดเข้าไปดู คิดว่า เออคนคิดเค้าคง concern เรื่องสิ่งแวดล้อมมากๆ ถึงผลิตสินค้าออกมาได้ แต่เค้าบอกว่า เราก็เป็นแค่เหยื่อการตลาดที่เค้าคิดมาแล้วว่า กลุ่ม target market ก็เป็นพวกคนแบบนี้
3. เราคิดว่าหลักการพอเพียง มันทำได้และดีมากๆ และเราอยากใช้ชีวิตแบบนั้น แต่ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ เราจะยังทำไม่ได้ก็ตาม แต่เค้าคิดว่ามันเป็นโปรเจคเพ้อฝัน ทำไม่ได้จริง คนที่จะทำได้คือคนที่ มีเงินมากพออยู่แล้ว ถึงจะค่อยไปพอเพียงหลังจากนั้น
4. เราคิดว่าทานมังสวิรัติ ทานผัก แล้วดีต่อสุขภาพ ก็พยายามทาน ถ้าเลี่ยงไม่ทานเนื้อสัตว์ได้ก็เลี่ยง แต่เค้าคิดว่า ก็รู้แหละว่ากินผักแล้วดีมีประโยชน์ ทุกคนก็รู้ แต่ทำไมก็ยังมีแต่คนกินเนื้อสัตว์มากกว่ากินเจอยู่ดีล่ะ กินอาหารก็ต้องกินให้ครบ ให้ได้สารอาคารครบถ้วน
5. เราคิดว่ายังไงก็ต้องเก็บเงิน ต้องมีเงินเก็บ เราเก็บฝากแบงค์ไว้เฉยๆ แค่ให้รู้ว่ามีแล้วอุ่นใจ ไม่ต้องได้ผลตอบแทนมากมายก็พอ แต่เค้าคิดว่า ทำไมต้องเอาเงินไปฝากจมไว้ ไม่สร้างประโยชน์ เอาไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่า เอาไปหมุนตรงนู้นตรงนี้ ให้ได้เงินกลับมาเยอะๆ ดีกว่า
6. เราเป็นคนไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม ไม่ค่อย keep in touch กับใคร หรือถามสาระทุกข์สุกดิบอะไรกับใคร พอถ้ามีแฟนแล้ว แฟนก็คือทุกอย่าง เป็นทุกอย่างในคนเดียว แต่เค้าเป็นคนตลกเฮฮา เพื่อนเยอะ รุ่นพี่ รุ่นน้องเยอะ เป็นที่รักของทุกคน อยู่กับใครก็สร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่นได้ การมีสังคมสำคัญมาก และเราควรพยายามออกไปคุยกับคนอื่น สร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นให้ได้
7. บางครั้งที่มีปัญหาแล้วถ้าเราไม่ลำบากมากเกินไป ถ้าการใช้เงินช่วยแก้ปัญหาได้ แล้วจบทันที เราก็ยอมจ่าย คิดว่าซื้อความสบายใจของตัวเอง ไม่ต้องมานั่งเครียด กังวลอีก แต่เค้าคิดว่า เราแก้ปัญหาไม่เป็น เป็นคนหัวอ่อน ยอมให้คนอื่นขูดรีดเงินไปง่ายๆ ไม่เกิดการเรียนรู้ จากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่รู้จักโต เอาแต่ใจแค่อยากให้ปัญหามันจบๆ ไป โดยไม่ดูลำดับขั้นตอนการแก้ปัญญาที่ถูกต้อง ว่าควรทำอะไรก่อน อะไรหลัง ควรพยายามทำทุกวิถีทางก่อนแล้วถ้ามันทำไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยจ่ายเงินเป็นวิธีสุดท้าย เพราะถ้าเกิดมีปัญหาที่ไม่สามารถใช้เงินแก้ไขได้ เราจะไม่สามารถรับมือกับอะไรได้เลย
8. หลายอย่างที่เรื่องเล็กน้อย เราคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไร แต่เค้าคิดว่าเราเอาแต่ใจ อย่างเช่น เราเป็นคนขี้หนาว พอขึ้นรถแล้วเค้าเปิดแอร์แรงๆ เราก็จะปรับลดแอร์ลง ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แต่เค้าเป็นคนขี้ร้อน บอกว่า ถ้าเราหนาวคนเดียว คนที่อยู่ในสถานที่เดียวกันเค้าร้อน เราก็ต้องไปหาเสื้อหนาวมาใส่ ไปหาผ้าห่มมาห่มเอง ไม่ควรไปปรับแอร์ลงแบบนั้น
9. จากข้อ 6 ที่เค้าเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีมากๆคนนึง เพราะเค้าชอบติดตลก แกล้งอำคนอื่นๆเล่นๆ พูดเล่นๆ แต่บางทีเราคิดว่ามันเล่นมากเกินไป หลายครั้งที่จากเรื่องเล่น จนเถียงกันไปเรื่อยๆ ไม่มีใครยอมลง จนทะเลาะกันใหญ่โต เราคิดว่าสามารถเล่นให้มันน้อยลงได้ แล้วต้องหยุด ถ้าอีกฝ่ายเริ่มไม่โอเค เค้าก็คิดว่า คนอื่นไม่เห็นมีใครไม่โอเค เพราะรู้ว่าแค่เล่น แต่เราแยกไม่ออกเองว่าอะไรเล่น อะไรจริง ถ้าให้เค้าเลิกทำแบบนั้นเค้าก็จะไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง
มันมีอีกหลายเรื่อง ยิบย่อย มากๆ เลยค่ะ ที่เขียนออกมาได้ไม่หมด เรายอมรับว่ามันทำใจยากเหมือนกันนะ พอมีเรื่องที่คิดไม่ตรงกันทีไร ยิ่งคุย ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งมีอารมณ์ แล้วลามไปทะเลาะกันทุกที และเค้าจะมักเป็นฝ่ายอยากบอกเลิกไปเสมอ เพราะคิดว่าเข้ากันไม่ได้ แต่เราก็ยังยื้อไว้ทุกครั้ง เค้าบอกว่าเค้าเหนื่อย ที่ต้องมานั่งอธิบายอะไรง่ายๆ แบบนี้ให้เราเข้าใจ เวลาที่คิดไม่เหมือนกัน แต่เราก็ไม่เข้าใจอยู่ดี มันเถียงกันไปไม่รู้จบจริงๆ เค้าก็ถามเสมอว่าจะรั้งเค้าไว้ทำไม ถ้าสุดท้ายมันก็อาจจะไปด้วยกันไม่ได้อยู่ดี แต่เราก็คิดว่า มันน่าจะมีทางออกได้ไหม เลยอยากได้รับคำแนะนำว่าควรรับมือยังไงบ้างคะ ทุกครั้งที่ยื้อไว้ ก็เพราะรู้ว่า เค้ารักเรามาก ใส่ใจรายละเอียด เรื่องเล็กๆ ทุกอย่าง และเข้าใจเรามากที่สุด บางครั้งเรายังไม่รู้ตัวเองเลยว่าคิดอะไรอยู่ หรือรู้สึกยังไง แต่เค้าอธิบายมันออกมาได้ว่า เราเป็นแบบนี้ใช่ไหม คิดแบบนี้อยู่ใช่ไหม เราไม่เคยเจอคนแบบนี้ อีกอย่างคือ ไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิงอื่น ไว้ใจได้ เราก็อยากรักษาเค้าไว้ให้นานที่สุด ขอบคุณค่ะ