ก่อนจะเปิดเรื่อง ขออนุญาตแจ้งก่อนนะคะว่าในทุกๆ เรื่องที่นำมาเขียน เป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นทั้งกับตัวของเราเองและคนรอบข้าง และได้มีการดัดแปลงเนื้อหาเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน ใดๆแล้ว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้จะรู้สึกสนุกสนานเพียงเท่านั้นจริงๆ ค่ะ
เรื่องเล่าที่ 1 : เสียงเรียกหา : ระดับความน่ากลัว 3 กะโหลก
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2550 ขณะนั้นตัวผู้เล่ามีอายุได้เพียงแค่สิบเอ็ดปีเท่านั้น ซึ่งต่อจากนี้ไป จะขอแทนตัวผู้เล่าว่า หมิว
ในช่วงวัยเด็กของหมิว ช่วงเวลาปิดเทอมเป็นช่วงที่สนุกที่สุด ซึ่งน่าจะเหมือนกับใครหลายๆ คน เพราะช่วงเวลานั้น เราสามารถกิน นอน และเล่นได้ทั้งวันโดยไม่ต้องสนใจว่า วันพรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียนแต่เช้า มีช่วงนึงที่หมิวต้องได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดของคุณป้า เนื่องจากคุณพ่อและคุณแม่หมิวนั้นต่างงานรัดตัวจนไม่สามารถวางใจปล่อยให้ลูกน้อยอยู่บ้านกันตามลำพังได้ คุณป้าที่เป็นพี่สาวของคุณแม่จึงได้เสนอตัวช่วยเลี้ยง ซึ่งทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของหมิวเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น
ครอบครัวของหมิวมีสมาชิกอยู่ทั้งสิ้นห้าคน ประกอบไปด้วยคุณพ่อ คุณแม่ พี่อิ้วพี่สาวของหมิว หมิว และน้องมิวน้องชายของหมิว ตัวหมิวในตอนนั้นอายุเพียงสิบเอ็ดปี พี่อิ้วอายุสิบสี่ปี และน้องมิวอายุเก้าปี
เพราะคุณป้าอยู่ต่างจังหวัดที่ค่อนข้างเดินทางไกลจากจังหวัดที่หมิวอยู่ คุณพ่อจึงยอมให้แค่หมิวกับพี่อิ้วไปอยู่กับคุณป้าช่วงปิดเทอม ส่วนน้องมิว คุณพ่อได้ทำการฝากไว้กับคนรู้จักแถวบ้านที่เขารับฝากเลี้ยงเด็กไว้แทน
วันที่เดินทางไปยังบ้านของคุณป้า ครอบครัวของหมิวออกเดินทางกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ทั้งหมิวและพี่อิ้วต่างตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปอยู่บ้านของคุณป้าในช่วงปิดเทอม เพราะที่บ้านของคุณป้ามีพี่เป้กับพี่ปลา ลูกชายและลูกสาวของคุณป้าที่กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอมเหมือนกันคอยอยู่ หมิวจำได้ว่าการเล่นกับพวกพี่ๆ ทั้งสองคนนั้นสนุกมากแค่ไหน เธอจึงอยากให้ทางเดินทางนี้สิ้นสุดที่บ้านคุณป้าเร็วๆ
เกือบเที่ยงรถก็จอดสนิทที่หน้าบ้านไม้สักทรงไทยสองชั้น ร่างคุ้นตาของคุณป้าก็ปรากฏให้เห็นพร้อมกับเสียงทักทายอย่างดีใจ คุณพ่อและคุณแม่ลงจากรถเพื่อทักทายคุณป้ากับคุณลุงศักดิ์ สามีของคุณป้า โดยไม่วายหันมาปลุกพวกหมิวให้ตื่นเพื่อลงจากรถพร้อมกับพวกท่าน
ช่วงเวลาพบเจอและพูดคุยดำเนินไปจนท้องฟ้าเปลี่ยนสี คุณแม่เดินขึ้นชั้นบนมาพร้อมกับคุณป้าเพื่อบอกให้เด็กๆ เตรียมตัวอาบน้ำและเข้านอน
ด้วยเพราะไม่อยากอาบน้ำเพียงคนเดียว หมิวจึงขอให้พี่อิ้วและพี่ปลามาอาบน้ำเป็นเพื่อน ซึ่งในระหว่างที่หมิวกำลังอาบน้ำอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้มีเสียงเหมือนของแข็งหนักๆ ตกลงมากระแทกหลังคาดัง ปัง!!!
ทั้งสามคนต่างตกใจและมองหน้ากันงียบๆ โดยไม่ต้องมีใครพูดอะไร ทุกคนต่างเร่งรีบอาบน้ำกันให้เสร็จและรีบออกจากห้องน้ำทันที
ก่อนที่คุณแม่จะงานรัดตัวนั้น หมิวจำได้ดี ครั้งหนึ่งคุณแม่เคยเล่าเรื่องผีในวัยเด็กให้เธอฟัง และคำเตือนที่หมิวจำได้ไม่เคยลืมเลยก็คือ หากได้เห็นหรือได้ยินอะไรแปลกๆ อย่าส่งเสียงร้องทักออกไปเด็ดขาด!...
ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลที่ต่อให้ไม่มีใครบอกกล่าวอะไรกัน ทั้งตัวหมิว พี่อิ้ว และพี่ปลาต่างก็ไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้ว่าจะตกใจกันมากก็ตาม
ทั้งสามเดินมาถึงห้องนอนที่คุณป้าเตรียมไว้ให้ก็เห็นว่าคุณแม่กับคุณป้ากำลังนั่งคุยกันเงียบๆ โดยปล่อยให้คุณพ่อกับคุณลุงศักดิ์และพี่เป้นั่งคุยเล่นอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน เมื่อคุณแม่เห็นพวกหมิวเดินมาถึง ก็รีบบอกให้ทั้งสามเข้านอนทันที
ห้องเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้ ไม่มีหน้าต่างมุ้งลวดเหมือนของที่บ้านหมิว เป็นพียงหน้าต่างไม้โล่งๆ ที่ถูกเปิดอ้าทิ้งไว้ ก่อนหน้าที่พวกหมิวจะอาบน้ำกันเสร็จ คุณแม่และคุณป้าได้ช่วยกันนำเบาะมาปูสำหรับนอนและมุ้งหลังใหญ่มาผูกไว้เพื่อกันยุงและแมลงบินมากัด
เมื่อเห็นว่าทั้งหมิว พี่อิ้วและพี่ปลาเข้านอนดีแล้ว คุณป้าก็ชวนคุณแม่ไปคุยต่อที่ห้องที่คุณพ่อและคุณแม่จะใช้นอนในคืนนี้ เป็นห้องที่อยู่ตรงข้าวกับห้องของคุณป้าและคุณลุงศักดิ์ ส่วนพี่เป้ ด้วยความที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น คุณป้าจึงทำห้องเดี่ยวไว้ให้ที่ชั้นล่าง
ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่ แต่หมิวเหมือนได้ยินเสียงคนพูดคุยกันเสียงดัง เลยตื่นและลุกออกไปดูที่หน้าต่าง ในตอนแรกหมิวคิดว่าเสียงคนพูดคุยกันต้องเป็นเสียงของคุณพ่อและคุณลุงศักดิ์แน่ๆ เพราะจำได้ว่าก่อนนอนได้ยินเสียงคุณพ่อและคุณลุงศักดิ์นั่งคุยกันที่ชานบันไดขึ้นชั้นสอง
แต่เมื่อหมิวชะโงกหน้าออกไปดูที่หน้าต่าง....
ท่ามกลางความมืดของคืนค่ำ ที่ชานบันไดกลับไม่มีใครนั่งอยู่เลยสักคน! มีแต่ความว่างเปล่าปรากฏให้เห็นเพียงเท่านั้น ชั่วพริบตาที่หมิวเห็นแล้วว่าชานบันไดไม่มีใคร ขนทั่วร่างพากันลุกชัน เสียงคนพูดคุยกันที่ดังในตอนต้นอันตรธานเงียบหาย เหลือเพียงเสียงลมพัดดังข้างหู
ด้วยความกลัว หมิวรีบหันหลังกลับเข้าไปนอนอย่างรวดเร็ว เธอพยายามที่จะข่มตานอนให้หลับ แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่สามารถนอนได้เลย หมิวได้ลองพยายามเรียกพี่ๆ ทั้งสองตื่นดู แต่ทั้งพี่อิ้วและพี่ปลากลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
หมิวจึงตัดสินใจว่าจะไปนอนกับคุณแม่ที่ห้องด้านใน พอตัดสินใจได้เช่นนี้ หมิวก็หอบเอาหมอนข้างลุกเดินออกไปยังห้องที่คุณพ่อคุณแม่นอนอยู่ ในจังหวะที่เดินผ่านบานหน้าต่างตรงโถงทางเดิน หมิวได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเองดังอยู่ข้างนอกบ้าน
เป็นเสียงผู้หญิงร้องเรียก หมิว! หมิว!! ออกมาหาหน่อย!!
หมิวยืนตกใจกับเสียงเรียกนั้น ไม่กล้าเดินไปที่ห้องของคุณพ่อกับคุณแม่ต่อ ทำได้แค่เพียงกอดหมอนข้างเงียบๆ พร้อมกับได้ยินคำสอนของคุณแม่ดังเตือนในหัวว่า กลางค่ำกลางคืน ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ อย่าขานรับเด็ดขาด!
หมิว!!! ได้ยินมั้ย!!! ออกไปเล่นกันมั้ย!!!! เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง
หมิวมั่นใจว่าเสียงเรียกนี้ดังพอที่จะปลุกคนบนชั้นสองตื่นหมด แต่รอจนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครตื่นขึ้นมาเลย หมิวไม่กล้าแม่แต่จะปริปากร้องอะไรออกมาเพราะความกลัว ได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหน รอจนกว่าเสียงนั้นจะเงียบไปเองอีกครั้ง
สักพักเสียงเรียกนั้นเงียบหายไป แม้ในใจจะนึกหวาดกลัว แต่หมิวกลับเกิดความสงสัยขึ้นมา เป็นความสงสัยที่ตัวหมิวเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆ ถึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอะไรในตอนนี้ หมิวอยากรู้เหลือเกินว่าเสียงเรียกนี้เป็นของใครกัน คล้ายกับมีแรงดึงดูด หมิวเดินไปที่หน้าต่างบานที่เปิดอ้าไว้ แล้วพยายามชะโงกหน้าออกไปดูตามทิศทางต้นเสียง
สิ่งที่หมิวเห็นก็ยังคงเป็นเพียงความมืด เพียงแต่ว่า.... ในความมืดที่หมิวเห็นนั้น คล้ายกับมีใครบางคนกำลังยืนรอเธอมองมาอยู่!
หมิวที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจตาโต รีบเดินเร็วๆ ไปที่หน้าห้องของคุณพ่อคุณแม่พลางส่งเสียงเรียก แต่เรียกคุณพ่อคุณแม่ได้ไม่กี่ประโยค หมิวก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอีกครั้ง และครั้งนี้พิเศษกว่าเดิม
ตรงที่เธอได้ยินเสียงคนกำลังเดินมาที่ชานบันไดบ้านด้วย!!!
ถึงใจหมิวจะรู้สึกอยากร้องไห้เพราะหวาดกลัวมากแค่ไหน แต่หมิวก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงร้องออกมาอีก ได้แต่เดินตรงไปยังประตูไม้บานใหญ่ตรงทางเข้าชั้นสองที่ถูกปิดไว้ เพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครจากด้านนอกเปิดเข้ามาได้ ชั่วขณะที่กำลังตรวจเช็ค หมิวก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอีกครั้ง และครั้งนี้ดังมาจากชานบันไดข้างล่าง พร้อมกับเสียงคนเดินวนๆ เวียนๆ ที่หัวบันได หมิวจึงรีบแอบดูที่รูประตู
หมิวเห็นเป็นเงาตะคุ่มที่หน้าบันได เหมือนกับว่าเงาดำๆ นั้นไม่สามารถเดินขึ้นบันไดบ้านมาได้ เพราะเงานั้นได้แต่เเดินไปมาที่หน้าบันได ไม่ยอมก้าวขึ้นมาข้างบน
พอคิดว่าเงานั้นไม่สามารถขึ้นมาบนบานได้ หมิวก็แอบรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงไม่นาน จุดที่หมิวแอบดูอยู่นั้นก็มีแรงสะเทือน คล้ายกับถูกอะไรขว้างมาใส่จนเกิดเสียงดัง ปัง!!!
หมิวตกใจจนเกือบหลุดเสียงร้อง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณป้าเปิดประตูห้องออกมาเจอพอดี คุณป้ามองมาที่หมิวอย่างตกใจ พลางกระซิบถามเสียงแผ่วว่า มาทำอะไรตรงนี้ลูก ทำไมไม่หลับไม่นอน วันนี้วันพระใหญ่ด้วยนะ
คุณป้าพูดจบก็รีบเดินมาจูงมือหมิวกลับไปนอนที่ห้องที่พี่อิ้วและพี่ปลานอนอยู่ โดยก่อนจะกลับคุณป้าได้ปลุกพี่ปลาให้ตื่นขึ้นมาเพื่อกำชับพี่ปลาว่าให้ดูแลหมิวดีๆ อย่าปล่อยให้น้องเดินออกไปข้างนอกคนเดียวได้อีก
หมิวที่ยังไม่หายตกใจดี พอเห็นว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปก็เริ่มคลายความหวาดกลัว แม้จะยังติดใจกับเสียงเรียกที่ได้ยินและเงาดำตะคุ่มที่เห็น แต่เพราะรู้ดีว่าไม่ควรเล่าให้ใครฟังในเวลานี้ หมิวจึงทำเพียงล้มตัวลงนอนข้างๆ พี่ปลา และพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่พบเจอมาจนผล็อยหลับในที่สุด
ซึ่งเช้าตรู่ของวันถัดมาหมิวก็ไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ใครฟังเลย เพราะในตอนนั้น ตนเป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดปี หากเล่าเรื่องเช่นนี้ให้ใครฟัง ใครเขาก็ไม่มีทางเชื่อ ครั้นจะตามหาที่มาของเจ้าของเสียงเรียกนั้น ก็ไม่กล้า กลัวว่าสิ่งนั้นจะกลับมาหาอีก...
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนในที่สุด วันพรุ่งนี้คุณพ่อกับคุณแม่ก็จะมารับหมิวและพี่อิ้วกลับบ้าน ตลอดเวลาที่หมิวและพี่อิ้วเล่นสนุกอยู่บ้านคุณป้า นอกจากคืนแรกที่มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่มีเรื่องแปลกๆ ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีกเลย นั้นจึงทำให้หมิวเกือบจะลืมเหตุการณ์แปลกๆ ที่ตนได้พบเจอมา
- จ บ -
ในความคิดของทุกคนคิดว่าเรื่องนี้ควรให้กี่กะโหลกดีคะ เราให้ 3 กะโหลกจากเต็ม 5 ตามความคิดเห็นของเพื่อนเราค่ะ
นิยายชุด : ผลัดกันเล่า by motamad
เรื่องเล่าที่ 1 : เสียงเรียกหา : ระดับความน่ากลัว 3 กะโหลก
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2550 ขณะนั้นตัวผู้เล่ามีอายุได้เพียงแค่สิบเอ็ดปีเท่านั้น ซึ่งต่อจากนี้ไป จะขอแทนตัวผู้เล่าว่า หมิว
ในช่วงวัยเด็กของหมิว ช่วงเวลาปิดเทอมเป็นช่วงที่สนุกที่สุด ซึ่งน่าจะเหมือนกับใครหลายๆ คน เพราะช่วงเวลานั้น เราสามารถกิน นอน และเล่นได้ทั้งวันโดยไม่ต้องสนใจว่า วันพรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียนแต่เช้า มีช่วงนึงที่หมิวต้องได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดของคุณป้า เนื่องจากคุณพ่อและคุณแม่หมิวนั้นต่างงานรัดตัวจนไม่สามารถวางใจปล่อยให้ลูกน้อยอยู่บ้านกันตามลำพังได้ คุณป้าที่เป็นพี่สาวของคุณแม่จึงได้เสนอตัวช่วยเลี้ยง ซึ่งทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของหมิวเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น
ครอบครัวของหมิวมีสมาชิกอยู่ทั้งสิ้นห้าคน ประกอบไปด้วยคุณพ่อ คุณแม่ พี่อิ้วพี่สาวของหมิว หมิว และน้องมิวน้องชายของหมิว ตัวหมิวในตอนนั้นอายุเพียงสิบเอ็ดปี พี่อิ้วอายุสิบสี่ปี และน้องมิวอายุเก้าปี
เพราะคุณป้าอยู่ต่างจังหวัดที่ค่อนข้างเดินทางไกลจากจังหวัดที่หมิวอยู่ คุณพ่อจึงยอมให้แค่หมิวกับพี่อิ้วไปอยู่กับคุณป้าช่วงปิดเทอม ส่วนน้องมิว คุณพ่อได้ทำการฝากไว้กับคนรู้จักแถวบ้านที่เขารับฝากเลี้ยงเด็กไว้แทน
วันที่เดินทางไปยังบ้านของคุณป้า ครอบครัวของหมิวออกเดินทางกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ทั้งหมิวและพี่อิ้วต่างตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปอยู่บ้านของคุณป้าในช่วงปิดเทอม เพราะที่บ้านของคุณป้ามีพี่เป้กับพี่ปลา ลูกชายและลูกสาวของคุณป้าที่กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอมเหมือนกันคอยอยู่ หมิวจำได้ว่าการเล่นกับพวกพี่ๆ ทั้งสองคนนั้นสนุกมากแค่ไหน เธอจึงอยากให้ทางเดินทางนี้สิ้นสุดที่บ้านคุณป้าเร็วๆ
เกือบเที่ยงรถก็จอดสนิทที่หน้าบ้านไม้สักทรงไทยสองชั้น ร่างคุ้นตาของคุณป้าก็ปรากฏให้เห็นพร้อมกับเสียงทักทายอย่างดีใจ คุณพ่อและคุณแม่ลงจากรถเพื่อทักทายคุณป้ากับคุณลุงศักดิ์ สามีของคุณป้า โดยไม่วายหันมาปลุกพวกหมิวให้ตื่นเพื่อลงจากรถพร้อมกับพวกท่าน
ช่วงเวลาพบเจอและพูดคุยดำเนินไปจนท้องฟ้าเปลี่ยนสี คุณแม่เดินขึ้นชั้นบนมาพร้อมกับคุณป้าเพื่อบอกให้เด็กๆ เตรียมตัวอาบน้ำและเข้านอน
ด้วยเพราะไม่อยากอาบน้ำเพียงคนเดียว หมิวจึงขอให้พี่อิ้วและพี่ปลามาอาบน้ำเป็นเพื่อน ซึ่งในระหว่างที่หมิวกำลังอาบน้ำอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้มีเสียงเหมือนของแข็งหนักๆ ตกลงมากระแทกหลังคาดัง ปัง!!!
ทั้งสามคนต่างตกใจและมองหน้ากันงียบๆ โดยไม่ต้องมีใครพูดอะไร ทุกคนต่างเร่งรีบอาบน้ำกันให้เสร็จและรีบออกจากห้องน้ำทันที
ก่อนที่คุณแม่จะงานรัดตัวนั้น หมิวจำได้ดี ครั้งหนึ่งคุณแม่เคยเล่าเรื่องผีในวัยเด็กให้เธอฟัง และคำเตือนที่หมิวจำได้ไม่เคยลืมเลยก็คือ หากได้เห็นหรือได้ยินอะไรแปลกๆ อย่าส่งเสียงร้องทักออกไปเด็ดขาด!...
ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลที่ต่อให้ไม่มีใครบอกกล่าวอะไรกัน ทั้งตัวหมิว พี่อิ้ว และพี่ปลาต่างก็ไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้ว่าจะตกใจกันมากก็ตาม
ทั้งสามเดินมาถึงห้องนอนที่คุณป้าเตรียมไว้ให้ก็เห็นว่าคุณแม่กับคุณป้ากำลังนั่งคุยกันเงียบๆ โดยปล่อยให้คุณพ่อกับคุณลุงศักดิ์และพี่เป้นั่งคุยเล่นอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน เมื่อคุณแม่เห็นพวกหมิวเดินมาถึง ก็รีบบอกให้ทั้งสามเข้านอนทันที
ห้องเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้ ไม่มีหน้าต่างมุ้งลวดเหมือนของที่บ้านหมิว เป็นพียงหน้าต่างไม้โล่งๆ ที่ถูกเปิดอ้าทิ้งไว้ ก่อนหน้าที่พวกหมิวจะอาบน้ำกันเสร็จ คุณแม่และคุณป้าได้ช่วยกันนำเบาะมาปูสำหรับนอนและมุ้งหลังใหญ่มาผูกไว้เพื่อกันยุงและแมลงบินมากัด
เมื่อเห็นว่าทั้งหมิว พี่อิ้วและพี่ปลาเข้านอนดีแล้ว คุณป้าก็ชวนคุณแม่ไปคุยต่อที่ห้องที่คุณพ่อและคุณแม่จะใช้นอนในคืนนี้ เป็นห้องที่อยู่ตรงข้าวกับห้องของคุณป้าและคุณลุงศักดิ์ ส่วนพี่เป้ ด้วยความที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น คุณป้าจึงทำห้องเดี่ยวไว้ให้ที่ชั้นล่าง
ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่ แต่หมิวเหมือนได้ยินเสียงคนพูดคุยกันเสียงดัง เลยตื่นและลุกออกไปดูที่หน้าต่าง ในตอนแรกหมิวคิดว่าเสียงคนพูดคุยกันต้องเป็นเสียงของคุณพ่อและคุณลุงศักดิ์แน่ๆ เพราะจำได้ว่าก่อนนอนได้ยินเสียงคุณพ่อและคุณลุงศักดิ์นั่งคุยกันที่ชานบันไดขึ้นชั้นสอง
แต่เมื่อหมิวชะโงกหน้าออกไปดูที่หน้าต่าง....
ท่ามกลางความมืดของคืนค่ำ ที่ชานบันไดกลับไม่มีใครนั่งอยู่เลยสักคน! มีแต่ความว่างเปล่าปรากฏให้เห็นเพียงเท่านั้น ชั่วพริบตาที่หมิวเห็นแล้วว่าชานบันไดไม่มีใคร ขนทั่วร่างพากันลุกชัน เสียงคนพูดคุยกันที่ดังในตอนต้นอันตรธานเงียบหาย เหลือเพียงเสียงลมพัดดังข้างหู
ด้วยความกลัว หมิวรีบหันหลังกลับเข้าไปนอนอย่างรวดเร็ว เธอพยายามที่จะข่มตานอนให้หลับ แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่สามารถนอนได้เลย หมิวได้ลองพยายามเรียกพี่ๆ ทั้งสองตื่นดู แต่ทั้งพี่อิ้วและพี่ปลากลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
หมิวจึงตัดสินใจว่าจะไปนอนกับคุณแม่ที่ห้องด้านใน พอตัดสินใจได้เช่นนี้ หมิวก็หอบเอาหมอนข้างลุกเดินออกไปยังห้องที่คุณพ่อคุณแม่นอนอยู่ ในจังหวะที่เดินผ่านบานหน้าต่างตรงโถงทางเดิน หมิวได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเองดังอยู่ข้างนอกบ้าน
เป็นเสียงผู้หญิงร้องเรียก หมิว! หมิว!! ออกมาหาหน่อย!!
หมิวยืนตกใจกับเสียงเรียกนั้น ไม่กล้าเดินไปที่ห้องของคุณพ่อกับคุณแม่ต่อ ทำได้แค่เพียงกอดหมอนข้างเงียบๆ พร้อมกับได้ยินคำสอนของคุณแม่ดังเตือนในหัวว่า กลางค่ำกลางคืน ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ อย่าขานรับเด็ดขาด!
หมิว!!! ได้ยินมั้ย!!! ออกไปเล่นกันมั้ย!!!! เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง
หมิวมั่นใจว่าเสียงเรียกนี้ดังพอที่จะปลุกคนบนชั้นสองตื่นหมด แต่รอจนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครตื่นขึ้นมาเลย หมิวไม่กล้าแม่แต่จะปริปากร้องอะไรออกมาเพราะความกลัว ได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหน รอจนกว่าเสียงนั้นจะเงียบไปเองอีกครั้ง
สักพักเสียงเรียกนั้นเงียบหายไป แม้ในใจจะนึกหวาดกลัว แต่หมิวกลับเกิดความสงสัยขึ้นมา เป็นความสงสัยที่ตัวหมิวเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆ ถึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอะไรในตอนนี้ หมิวอยากรู้เหลือเกินว่าเสียงเรียกนี้เป็นของใครกัน คล้ายกับมีแรงดึงดูด หมิวเดินไปที่หน้าต่างบานที่เปิดอ้าไว้ แล้วพยายามชะโงกหน้าออกไปดูตามทิศทางต้นเสียง
สิ่งที่หมิวเห็นก็ยังคงเป็นเพียงความมืด เพียงแต่ว่า.... ในความมืดที่หมิวเห็นนั้น คล้ายกับมีใครบางคนกำลังยืนรอเธอมองมาอยู่!
หมิวที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจตาโต รีบเดินเร็วๆ ไปที่หน้าห้องของคุณพ่อคุณแม่พลางส่งเสียงเรียก แต่เรียกคุณพ่อคุณแม่ได้ไม่กี่ประโยค หมิวก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอีกครั้ง และครั้งนี้พิเศษกว่าเดิม
ตรงที่เธอได้ยินเสียงคนกำลังเดินมาที่ชานบันไดบ้านด้วย!!!
ถึงใจหมิวจะรู้สึกอยากร้องไห้เพราะหวาดกลัวมากแค่ไหน แต่หมิวก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงร้องออกมาอีก ได้แต่เดินตรงไปยังประตูไม้บานใหญ่ตรงทางเข้าชั้นสองที่ถูกปิดไว้ เพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครจากด้านนอกเปิดเข้ามาได้ ชั่วขณะที่กำลังตรวจเช็ค หมิวก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอีกครั้ง และครั้งนี้ดังมาจากชานบันไดข้างล่าง พร้อมกับเสียงคนเดินวนๆ เวียนๆ ที่หัวบันได หมิวจึงรีบแอบดูที่รูประตู
หมิวเห็นเป็นเงาตะคุ่มที่หน้าบันได เหมือนกับว่าเงาดำๆ นั้นไม่สามารถเดินขึ้นบันไดบ้านมาได้ เพราะเงานั้นได้แต่เเดินไปมาที่หน้าบันได ไม่ยอมก้าวขึ้นมาข้างบน
พอคิดว่าเงานั้นไม่สามารถขึ้นมาบนบานได้ หมิวก็แอบรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงไม่นาน จุดที่หมิวแอบดูอยู่นั้นก็มีแรงสะเทือน คล้ายกับถูกอะไรขว้างมาใส่จนเกิดเสียงดัง ปัง!!!
หมิวตกใจจนเกือบหลุดเสียงร้อง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณป้าเปิดประตูห้องออกมาเจอพอดี คุณป้ามองมาที่หมิวอย่างตกใจ พลางกระซิบถามเสียงแผ่วว่า มาทำอะไรตรงนี้ลูก ทำไมไม่หลับไม่นอน วันนี้วันพระใหญ่ด้วยนะ
คุณป้าพูดจบก็รีบเดินมาจูงมือหมิวกลับไปนอนที่ห้องที่พี่อิ้วและพี่ปลานอนอยู่ โดยก่อนจะกลับคุณป้าได้ปลุกพี่ปลาให้ตื่นขึ้นมาเพื่อกำชับพี่ปลาว่าให้ดูแลหมิวดีๆ อย่าปล่อยให้น้องเดินออกไปข้างนอกคนเดียวได้อีก
หมิวที่ยังไม่หายตกใจดี พอเห็นว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปก็เริ่มคลายความหวาดกลัว แม้จะยังติดใจกับเสียงเรียกที่ได้ยินและเงาดำตะคุ่มที่เห็น แต่เพราะรู้ดีว่าไม่ควรเล่าให้ใครฟังในเวลานี้ หมิวจึงทำเพียงล้มตัวลงนอนข้างๆ พี่ปลา และพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่พบเจอมาจนผล็อยหลับในที่สุด
ซึ่งเช้าตรู่ของวันถัดมาหมิวก็ไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ใครฟังเลย เพราะในตอนนั้น ตนเป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดปี หากเล่าเรื่องเช่นนี้ให้ใครฟัง ใครเขาก็ไม่มีทางเชื่อ ครั้นจะตามหาที่มาของเจ้าของเสียงเรียกนั้น ก็ไม่กล้า กลัวว่าสิ่งนั้นจะกลับมาหาอีก...
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนในที่สุด วันพรุ่งนี้คุณพ่อกับคุณแม่ก็จะมารับหมิวและพี่อิ้วกลับบ้าน ตลอดเวลาที่หมิวและพี่อิ้วเล่นสนุกอยู่บ้านคุณป้า นอกจากคืนแรกที่มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่มีเรื่องแปลกๆ ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีกเลย นั้นจึงทำให้หมิวเกือบจะลืมเหตุการณ์แปลกๆ ที่ตนได้พบเจอมา
- จ บ -
ในความคิดของทุกคนคิดว่าเรื่องนี้ควรให้กี่กะโหลกดีคะ เราให้ 3 กะโหลกจากเต็ม 5 ตามความคิดเห็นของเพื่อนเราค่ะ