ลูกโลกไข่นกกระจอกเทศของ Leonardo da Vinci (1504)




ลูกโลกถูกแกะสลักด้วยมืออย่างละเอียดบนเปลือกไข่นกกระจอกเทศจากเมือง Pavia
Cr.ภาพ: Davidguam / Wikimedia Commons


หากแผนที่แรกที่เป็นตัวแทนของทวีปอเมริกาคือ แผนที่ของ Juan de la Cosa ที่สร้างขึ้นในปี 1500 และแผนที่แรกที่ระบุชื่ออเมริกาลงในแผนที่คือ
Universalis Cosmographia ของ Martin Waldseemüller ในปี 1507 แต่แผนที่แรกที่แสดงให้เห็นโลกใหม่คือแผนที่ลูกโลกของ Leonardo da Vinci 
ในปี 1504 นี่เอง สำหรับ Da Vinci ไม่เพียงเป็นผู้ประดิษฐ์เทคโนโลยีทางการทหารแห่งอนาคตหรือผู้ค้นพบกายวิภาคของมนุษย์ที่ซับซ้อนเท่านั้น แต่ยังเป็นชาวยุโรปคนแรกที่พรรณนาถึง "โลกใหม่" บนลูกโลกที่เขาทำด้วย

อย่างไรก็ตาม ผลงานของ Da Vinci ยังไม่เป็นที่รู้จักจนเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2012 มันถูกค้นพบในงานทำแผนที่ในลอนดอนซึ่งจัดโดยองค์กรวิชาชีพด้านภูมิศาสตร์ Royal Geographical Society  โดยพ่อค้าชาวดัตช์พยายามขายมันราวกับว่ามันเป็นวัตถุโบราณในศตวรรษที่ 19 และต่อมาเขาก็บอกว่าเพิ่งได้รับมันมาจากเพื่อนร่วมงานอีกคนในวันเดียวกันนั้นเอง ดังนั้น สิ่งประดิษฐ์จึงยังไม่ทราบที่มา

ลูกโลกถูกสร้างขึ้นจากเปลือกไข่นกกระจอกเทศสองส่วนเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ที่ครึ่งล่างของส่วนล่าง มีการเติมน้ำหนักถ่วงที่ทำจากแคลเซียมและติดกาวด้วยไข่ขาวเพื่อให้ลูกโลกตั้งตรงเนื่องจากไม่มีส่วนยึด แม้ว่ามันจะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 11.2 เซนติเมตร และน้ำหนักเพียง 134 กรัม แต่แผนที่ประกอบไปด้วยภาพวาดของเรือ คลื่น  กะลาสี ภูเขาไฟ สัตว์ประหลาด แม่น้ำ ชายฝั่งทะเล และองค์ประกอบอื่นๆ พร้อมชื่อของสถานที่อย่างละเอียด

ลูกโลกไข่นกกระจอกเทศ (ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Da Vinci Globe) ถูกเปิดเผย /Cr. ภาพ Wikimedia Commons
ผู้โชคดีที่ซื้อของลูกโลกไปเป็นนักวิจัยชาวเบลเยียมชื่อ Dr. Stefaan Missinne ตอนนี้เขากำลังจะได้ข้อสรุป (โดยจะเปิดเผย Da Vinci Globe ในหนังสือ
ของเขา) ว่าลูกโลกเป็นผลงานของศิลปินยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่มีชื่อเสียง โดยอิงจากข้อเท็จจริงที่ว่า Da Vinci ได้เตรียมการภาพวาดสำหรับลูกโลกไว้ใน
ปี 1503 ซึ่งสามารถพบข้อมูลได้ใน Codex Arundel (หนังสือที่รวบรวมการศึกษาที่หลากหลายที่ใหญ่ที่สุดของเอกสารของ Da Vinci )
 
โดยเฉพาะภาพวาดบางภาพของเรือที่แสดงบนแผนที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียบนลูกโลก  โดยจิตรกร Francesco di Giorgio Martini ซึ่งมีอายุระหว่างปี 1487- 90 ซึ่งเป็นภาพวาดอยู่ใน codex และแน่นอนว่าเจ้าของ codex ก็คือ Da Vinci  ทั้งนี้ Codex Arundel เป็นหนังสือเล่มเดียวที่รอดชีวิตจากห้องสมุดขนาดใหญ่ของ Da Vinci มันจึงเป็นเล่มเดียวที่มีคำอธิบายประกอบในลายมือของเขาเอง

ตามรายงานของนักวิจัย ทั้งรายละเอียดภาพและวิธีการใช้ในการทำลวดลาย(ทำโดยคนถนัดซ้าย) ชี้ไปที่ Da Vinci ในฐานะผู้สร้าง ในทางทฤษฎีตามที่
นักวิจัย Missinne และ Geert Verhoeven ระบุไว้คือ แผนที่โลกถูกแสดงในมุมมองย้อนกลับ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการเขียนภาพที่ผิดจากธรรมชาติ (anamorphosis) โดยตัวอย่างแรกที่รู้จักนั้นก็มาจาก Da Vinci เอง

นอกจากนี้ ในหน้า 331 ของ Codex Atlanticus ซึ่งมีอายุตั้งแต่ปี 1504  Da Vinci เขียนไว้ว่า : el mío mappamondo che ha Giovanni Benci (ลูกโลกของฉันซึ่งมี Giovanni Benci) มีความหมายเป็นนัยว่าเขาได้สร้างโลกขึ้นมา วันนี้ นอกจาก Da Vinci Globe เป็นลูกโลกแกะสลักที่เก่าแก่ที่สุด
ที่เรารู้จัก มันยังเป็นโลกที่เก่าแก่ที่สุดที่เป็นตัวแทนของทวีปที่สี่ ซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า "อเมริกา" ในเวลาต่อมาดังที่เรากล่าวไว้ในตอนต้นด้วย
 

ภาพสเก็ตช์จาก Codex Arundel ของ Da Vinci /Cr. ภาพ The British Library Board
ในคำพูดของ Missinne และ Verhoeven บอกว่า ในขณะที่อาศัยอยู่ในเมือง Florence ในปี 1504  Da Vinci ไม่เพียงสามารถเข้าถึงแผนที่ล่าสุดเท่านั้น แต่ยังเข้าถึงแหล่งความรู้อื่นๆ อีกมากมาย เช่น เทคนิคการแกะสลักและการหล่อ ดังนั้น ผ่านการแกะสลักไข่นกกระจอกเทศที่แปลกใหม่ และมีราคาแพงเหล่านี้ เขาต้องการเน้นย้ำถึงการกำเนิดของทวีปที่สี่ แม้มันจะได้รับชื่อ America ในภายหลังจากนักสำรวจและนักเดินเรือ Amerigo Vespucci แต่ชื่อที่ปรากฏบนลูกโลกก็คือ Mundus Novus (โลกใหม่)

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งลูกโลกที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในลูกโลกที่เก่าแก่ที่สุดที่พรรณนาถึงโลกใหม่เหมือนกัน นั่นคือ Hunt-Lenox Globe หรือ Lenox Globe ซึ่งมีอายุราวๆ ปี 1510 เมื่อพิจารณาจากความคล้ายคลึงกันระหว่างทั้งสอง เชื่อกันว่าลูกโลก Da Vinci Globe อาจทำหน้าที่เป็นแบบจำลองสำหรับการสร้าง Lenox Globe ซึ่งเดิมเป็นโลกที่เก่าแก่อันดับสาม รองจาก Erdapfel of Martin Behaim ที่มีอายุตั้งแต่ปี 1492 ดังนั้น Da Vinci Globe จึงถือว่าเก่าแก่เป็นอันดับสามใหม่โดยมีวันที่ผลิตในปี 1504

Hunt-Lenox Globe นั้นเป็นลูกโลกทองแดงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง11.2 เซนติเมตร หรือประมาณ 4.4 นิ้ว (เหมือนกับของ Da Vinci) และเส้นรอบวง
345 มม. หรือ 13.6 นิ้ว เป็นแผนที่ทางประวัติศาสตร์เพียงแห่งเดียวที่มีวลี Hc svnt dracones ( นี่คือมังกรบนคาบสมุทรอินโดจีน) ปัจจุบันมันถูกเก็บไว้ในห้องสมุดสาธารณะ New York Public Library
 
 
Hunt-Lenox Globe
อีกหนึ่งในลูกโลกที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นับย้อนไปเมื่อราวปี 1510 และยังเป็นหนึ่งในลูกโลกที่เก่าแก่ที่สุดที่พรรณนาถึงโลกใหม่


Dr S. Missinne ยังกล่าวว่า ลูกโลกสะท้อนให้เห็นถึงความรู้เกี่ยวกับโลกใหม่ที่รวบรวมโดยนักสำรวจชาวยุโรปในยุคแรกๆ ซึ่งรวมถึง Amerigo Vespucci ซึ่งต่อมาได้ตั้งชื่อทวีปอเมริกา และนับเป็นครั้งแรกที่มีชื่อของประเทศต่างๆ เช่น บราซิล เจอร์มาเนีย อารเบีย และยูเดียปรากฏขึ้นบนโลก ในขณะที่นักทำแผนที่ในหลายประเทศ รวมทั้งญี่ปุ่นและบราซิล กล่าวว่าลูกโลกเป็นโลกที่เก่าแก่ที่สุดที่บ่งบอกถึงประเทศของตน
ในตอนแรก นักวิจัยยอมรับว่าสงสัยเกี่ยวกับต้นกำเนิด วันที่ ภูมิศาสตร์ และที่มาของลูกโลก เนื่องจากไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน และการค้นพบประเภทนี้หายากมาก โดยในปี 2013 Missinne ได้ปรึกษานักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 100 คนเพื่อตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์

ในการวิเคราะห์ตลอดทั้งปีของเขา ลูกโลกอยู่ภายใต้การทดสอบภูมิประเทศด้วยคอมพิวเตอร์ การหาอายุของคาร์บอน การวิเคราะห์หมึกที่ใช้ในการแกะสลักบนพื้นผิวของมัน รวมทั้งการตรวจสอบรายละเอียดทางภูมิศาสตร์ การทำแผนที่และประวัติศาสตร์ทั้งหมด ในที่สุดการสืบสวนของ Missinne ดูเหมือนจะยืนยันคำกล่าวอ้างของเขาว่าโลกถูกสร้างขึ้นโดย Da Vinci

ปัจจุบัน ลูกโลกไข่ยังคงมีการค้นคว้าอยู่ และยังไม่มีการบอกความลับเพิ่มเติมที่เปิดเผยได้ อย่างไรก็ตาม จากข้อเท็จจริงที่ว่ามันถูกสร้างขึ้นโดย Da Vinci และเป็นโลกที่รู้จักที่เก่าแก่ที่สุดในการแสดงโลกใหม่ให้เห็นนั้น ได้เพิ่มมูลค่าของมันในฐานะที่เป็นทั้งสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์และทางประวัติศาสตร์


 Hc svnt dracones ( นี่คือมังกรบนคาบสมุทรอินโดจีน)




(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่