แม่ Leonardo da Vinci คือ ลูกสาวชาวนายากจนไม่ใช่ทาส

.

.
Leonardo da Vinci 1452-1519 Getty Images
.
.

เธอคือ ลูกสาวชาวนาที่ยากจน(ไพร่)
และตกอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้าย
จนยืดหน้าชูตาในสังคมท้องถิ่นไม่ได้มากนัก
เพราะเธอเป็นเด็กสาววัย 16 ปีที่ตั้งท้องลูกบ่มีพ่อ
เธอไม่เหลือบ้านหรือทรัพย์สินใด ๆ อีกเลยหลังแต่งงาน
นับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด/เป็นโศกนาฎกรรม

แต่เธอได้ทิ้งทายาทที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุด
คือ Leonardo da Vinci
ลูกชายคนที่เป็นลูกนอกสมรสที่ผิดกฎหมายในยุคนั้น
ได้เติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

ผลจากการค้นคว้า/ตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มใหม่
ตัวตนของผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันมากนัก
ตราบจนเธอสิ้นชีวิตไปนานกว่า 500 ปีแล้ว
ได้รับการพิจารณาด้วยข้อมูลใหม่ที่ค้นพบ
ซึ่งได้เปิดเผยความลับที่ถูกละเลยมานานแสนนาน
ด้วยข้อมูลบันทึกภาษีทรัพย์สินของนครรัฐ Florence
กับหมู่บ้าน Vinci ในอดีตที่อยู่ในรัฐนี้
บันทึกเล่มนี้ได้ไขความลับเรื่อง
พ่อของ Leonardo da Vinci กับสตรีรายอื่น ๆ

Martin Kemp ตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์
ด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ที่ University of Oxford
และเป็นผู้เขียนร่วมกับ Dr.Giuseppe Pallanti
นักเศรษฐศาสตร์และนักวิจัยด้านศิลปะ
เรื่อง Mona Lisa: The People and the Painting
ได้ยอมรับว่ากุญแจสำคัญที่ไขความลับในเรื่องนี้ คือ
เอกสารทางการเงิน/การจัดเก็บภาษี
ที่เก็บรักษาไว้ในศตวรรษที่ 15
(ในยุโรปหลายประเทศ
จะมีระบบการจัดเก็บเอกสารค่อนข้างดีมาก
เว้นแต่บางส่วนที่ถูกทำลายด้วยสงคราม/เปลวไฟ)
.
.

นครรัฐ Florence กับ Tuscany
มักจะรบกันและต่างตั้งตนเป็นนครรัฐ
นครรัฐ Florence ได้สร้างระบบความมั่งคั่งทางภาษี
ด้วยอัตราเรียกเก็บภาษีจากการประเมิน
มูลค่าทรัพย์สินที่ชาวบ้านถือครอง
ดังนั้นนี่คือ บันทึกที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งเลย
เพราะทุกคนต้องการได้รับเงินคืนภาษี/ไม่อยากเสียภาษี
ทุกคนต่างอ้างว่ายากจน/บ้านนี้พัง/ทรุดโทรมแล้ว
ทำให้ผู้ตรวจสอบภาษีต้องไปดูของจริงในพื้นที่จริง
พร้อมกับจดบันทึกรายการทรัพย์สินไว้ใน
ทะเบียนทรัพย์สินทางราชการ

บันทึกดังกล่าวได้ระบุว่า
หนึ่งในบรรดาทรัพย์สินที่ทรุดโทรมใกล้กับ Vinci
ซึ่งไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องชำระภาษีทรัพย์สิน
เป็นของ Bartolomeo Lippi ซึ่งเสียชีวิตแล้ว
ทิ้งให้ลูกสาว Caterina di Meo Lippi
กับ Papo น้องชายบุญธรรมของเธอ
ต้องไปอาศัยอยู่กับยายของเธอ
ที่หมู่บ้าน Mattoni ใน Vinci
แถบเทือกเขาใน Tuscany
และเมื่อยายของเธอเสียชีวิตลง
เธอจึงต้องย้ายไปอยู่กับป้าและลุง
ที่บ้านกึ่งพังกึ่งทรุดโทรมพร้อมกับคอกสัตว์

ในเวลาเดียวกันนั้น Ser Piero da Vinci
ทนายความหนุ่มวัย 25 ปีจาก Florence
ซึ่งมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ได้เดินทางมาพักผ่อน
ใน Vinci ตอนเดือนกรกฎาคม 1451
ได้พบกับ Caterina วัย 15 ปี
และมีเพศสัมพันธ์กับเธอ

9 เดือนต่อมา
บุตรชายของทั้งคู่คือ Leonardo da Vinci
ได้กำเนิดขึ้นมาในวันที่ 15 เมษายน 1452

เมื่อเรื่องราวล่วงเลยจนถึงตอนนี้แล้ว
ชายที่มีนิสัยไม่ดี/กะฟันแล้วทิ้ง
ก็ได้ทำเรื่องที่น่าจะดีที่สุด
แบบยังมีจิตสำนึก/ความรับผิดชอบ
ด้วยการขอให้ครอบครัวของตน
ช่วยจ่าย Dowry สินสอดทองหมั้นให้กับเธอ

แต่ Caterina di Meo Lippi ต้องยกบ้าน
ของพ่อตนให้กับสามีคนใหม่ด้วย
เพื่อให้เธอได้แต่งงานกับ
Antonio di Piero Buti ชาวนาบ้านนอก
จะได้ไม่อับอายที่ท้องไม่มีพ่อ/ผิดหลักศาสนา
/กฎหมายในยุคศาสนาจักรชี้เป็นชี้ตายได้

ในยุโรปบางแห่ง อินเดียหลายแห่ง  เกาหลี
ฝ่ายผู้หญิงต้องจ่ายค่าสินสอดให้กับฝ่ายผู้ชาย
.
.

.
.

Antonio da Vinci พ่อของ Ser Pier da Vinci
ได้อนุญาตให้หลานชายของตนมาอยู่กับท่าน
และตั้งชื่อว่า Leonardo di Ser Piero da Vinci
เพราะมีหลักฐานการขอคืนเงินภาษีของ Antonio
ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1458
ที่ระบุว่าท่านเป็นสมาชิกในครอบครัว
ลูกนอกสมรสของ Ser Piero วัย 5 ขวบ
ที่เกิดจาก Ser Piero และ Caterina อยู่ในบ้าน

ส่วน Caterina ก็อาศัยอยู่ใกล้ ๆ ที่นั่น
แต่ดูเหมือนจะว่าเธอแทบจะไม่มีการติดต่อ
กับลูกชายคนแรกของเธอเลย
เธอมีลูกชายอีกหนึ่งคนและลูกสาวอีก 4 คน
อย่างไรก็ตามมีหลักฐานทางทะเบียนที่แสดงว่า
Ser Piero พ่อ da Vinci ได้เรียกเก็บเงิน
ค่าดำเนินการเอกสารทางกฎหมาย
ให้กับ Antonio di Piero Buti
สามีคนใหม่ของ Caterina แม่ da Vinci
เพราะมีบันทึกว่า Ser Piero
เรียกเก็บค่าทำงานของตน

Martin Kemp ได้ระบุว่า
อีก 40 ปีต่อมาที่นครรัฐ Milan
Caterina di Meo Lippi กับ Leonardo da Vinci
ได้กลับมาอยู่ร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ตามบันทึกส่วนตัว
ของ Leonardo da Vinci ในปี 1494
ได้เขียนไว้ว่า Caterina มาพัก
และมีหลักฐานว่าท่านได้จ่ายเงินค่าใช้จ่าย
ในการจัดงานศพของแม่ในอีกหนึ่งปีต่อมา
.
.

.
Lisa del Giocondo = Mona Lisa
.
.

ผู้หญิงรายอื่น ๆ ของ Ser Piero da Vici
มีจดหมายติดต่อของ Francesco del Giocondo
สามีของ Lisa del Giocondo
ซึ่งคาดว่าเธอคือ Mona Lisa
ได้ระบุอาชีพของ Ser Piero da Vici
ใน Florentine พ่อนอกสมรสของ da Vinci ว่า
ค้าขายไหม จัดทำเอกสารทางกฎหมาย
แต่จริง ๆ มีอาชีพแบบพวกสายฉลาม/นักเซงลี้
ซื้อน้ำตาลจาก Madeira เครื่องหนังจาก Ireland
ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ค้าทาสหญิงทาสชายซึ่งเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น
กับชื่นชอบการมีทาสหญิงจำนวนมาก
เพื่อนำมาเป็นนางบำเรอก่อนขายออกไป

Martin Kemp ยอมรับว่างานวิจัยชิ้นนี้
น่าจะเป็น เรื่องราวที่ลบล้างตำนาน
เรื่องราวที่น่าสังเวชของ Leonardo da Vinci
ที่ว่า Caterina แม่ของท่านเป็นทาสแอฟริกัน
หรือทาสที่มาจากทางแถบตะวันออกกลาง
เพราะชื่อ Caterina มักใช้ในการตั้งชื่อทาสหญิง
เวลาประกาศประมูลขาย/เร่ขายทาสหญิง

(ในยุคอดีตนครรัฐในอิตาลีมีหลายแห่งมาก
ภาษาและสำเนียงก็แตกต่างกันไปแต่ละแห่ง
ดีที่ใช้ภาษาละตินและตัวอักษรแบบเดียวกัน
ในการสื่อสารและสอนศิลปวิทยาการ
ก่อนที่มุสโสลินีจะรวมเข้าเป็นประเทศอิตาลี)

การค้นพบของ Martin Kemp ในครั้งนี้
น่าจะสร้างความกระอักกระอ่วนใจ
ให้กับเจ้าหน้าที่ในเมือง Vinci เป็นอย่างแรง
เพราะที่ Casa Natale คือ จุดท่องเที่ยวยอดนิยม
เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต/บ้านเกิดของ
Leonardo da Vinci ที่เชื่อกันว่าอยู่ที่
Casa Natale ใน Anchiano
มีระยะทาง 2 ไมล์ไม่ไกลจาก Vinci
เป็นบ้านเกิดของ Leonardo da Vinci
แต่ตอนนี้ไม่น่าจะใช่บัานเกิดแล้ว

“ ตอนที่ผมไปที่นั่นครั้งแรกนั้น
มีเพียงกองหินเปลือกหอยทั่วไป
แต่ตอนนี้มีการแสดงแสงสีเสียงประกอบต่าง ๆ
มีที่จอดรถยนต์และปรับปรุงสถานที่
ให้สวยสดงดงามมากขึ้นกว่าเก่า

เรื่องราวของการค้นพบครั้งนี้
ได้ทำลายความทรงจำดั้งเดิมในตำนาน
และพยายามสร้างทฤษฏีใหม่ขึ้นมา
เพื่ออธิบายประวัติและความเป็นมา
ของภาพ Mona Lisa
ว่าเธอคือ คนที่เรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ
ของ Leonardo da Vinci
และเธอคือสุภาพสตรียามราตรี(ในฝัน)ของท่าน
(เพราะใช้เวลาวาดนานมากกับการวาดภาพนี้)
ตำนานที่เป็นจริงยิ่งกว่าความจริงในอดีต

เรื่องราวที่แท้จริงของ Mona Lisa
ด้วยการใช้ข้อมูลจากจดหมายเหตุ
ที่ยังไม่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับครอบครัวของ
Leonardo da Vinci กับ Lisa del Giocondo
ซึ่งเป็นที่มา/เรื่องราวของภาพที่เกี่ยวกับชีวิต
ของผู้คนรอบข้าง สามารถทำให้เรื่องราว
ของ Mona Lisa ว่าเป็นเรื่องจริง
และพัฒนาทฤษฎีใหม่ของ Mona Lisa
ว่าเป็น ภาพสากล

หนังสือเล่มนี้มีจุดมุ่งหมาย
เพื่อแสดงให้เห็นว่าภาพของ
Lisa del Giocondo คือ
ผลผลิตของชนชั้นกลางที่มีชีวิตเหมือนคนทั่วไป

Leonardo ได้ทำสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
บริบทของภาพนี้แทบไม่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน
ในยุคฟื้นฟูศิลปะของนครรัฐ Florence
เพราะ Francesco del Giocondo
สามีของ Lisa เป็นพ่อค้าชนชั้นกลาง
ผู้นำเข้าเครื่องหนังจาก Ireland
ค้าขายน้ำตาลกับค้าทาสด้วย

จากสภาพแวดล้อมของคนต่าง ๆ ในยุคนั้น
เราสามารถเห็นได้ว่าภาพนี้คือ
สัญรูป/ภาพสากล ซึ่ง Leonardo
ได้พยายามสร้างโลกใหม่ของมนุษย์
และโลกของธรรมชาติด้วยจินตนาการของตนเอง

เหนือสิ่งอื่นใด จากการที่เราเจาะลึกลงไป
ในสมมุติฐานและตำนานต่าง ๆ แล้ว
แสดงให้เห็นว่าภาพนี้เป็นผลงานของ
คนจริง ชีวิตจริง ที่ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไป
เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์และสัญลักษณ์ทางศาสนา
ที่อาจหลบซ่อนไว้ในภาพรอการค้นหาและยืนยัน
เราพยายามที่จะบอกเล่าความรู้สึกถึง
เรื่องจริงที่ได้นำไปสู่การสร้างสัญรูปของ
Lisa del Giocondo (Mona Lisa) "


ทำไมเอกสารสำคัญ/เอกสารภาษี จึงถูกละเลยมาจนถึงทุกวันนี้


" มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องประหลาดใจแต่อย่างใดเลย
ที่ความจริงต่าง ๆ ยังไม่ค่อยมีการค้นพบ
เพราะจดหมายเหตุต่าง ๆ
มักจะถูกปล่อยปละละเลย
เพราะในแวดวงวิชาการในทุกวันนี้
ต้องการบทสรุป/ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
มากกว่าการสืบค้นจากเอกสาร
ทางราชการที่ต้องเปิดเผย
ที่รับประกันว่าไม่มีค่าตอบแทน
(แต่ใช้เวลานานมาก) "

ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามจะพยายาม
หลบซ่อนเอกสารต่าง ๆ ไว้มากแค่ไหน
แต่บันทึกภาษีทรัพย์สินเหล่านี้
คือ วิธีการหาร่องรอย
เพื่อค้นหาเรื่องราวได้ดีที่สุด
.
.

.
Professor Martin Kemp
เรื่องราวของ Caterina คือ โศกนาฎกรรม
Cr:  David Levenson/Getty




เรียบเรียง/ที่มา


https://goo.gl/zfS2Yb
https://goo.gl/VeBiMy
https://goo.gl/uiZVmv
https://goo.gl/QRdZGe
.
.
.

เรื่องเล่าไร้สาระ
.

.
Fra Luca Bartolomeo de Pacioli 1447–1517
ข้อมูลเพิ่มเติม https://goo.gl/r3SH8j
.
.

Luca Pacioli คือ เพื่อนซี้ต่างวัยของ
Leonardo da Vinci
เป็นอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์/ผู้สร้างสมการบัญชี
สินทรัพย์ = หนี้สิน+ทุน (ส่วนของเจ้าของ)

สินทรัพย์ มักจะมาจากสำนักสามย่านสีชมพู
ทรัพย์สิน มักจะมาจากสำนักท่าพระจันทร์สีเหลืองแดง

ทั้งคู่ต่างแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิทยาการต่าง ๆ
และร่วมเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วนครรัฐในอิตาลี
ร่วมเดินทาง/หางานทำกันเป็นเวลาหลายปี
ส่วนหนึ่งเพราะต่างเป็นลูกนอกสมรส
ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นคนที่น่ารังเกียจ
เพราะผิดหลักศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
ที่ระบุว่าครอบครัวต้องมีพ่อแม่
ที่แต่งงานต่อหน้าบาทหลวง(ตัวแทนพระเจ้า)
ห้ามหย่าขาดตลอดชีวิตแล้วแต่งงานใหม่
จนกว่าฝ่ายหนึ่งตายจากไปจึงเริ่มมีคู่ใหม่ได้

แต่อาศัยที่ทั้งคู่แกร่งด้านความรู้/วิชาการ
และได้รับการอุปถัมภ์จากคนมีเงิน/เจ้านครรัฐ
จนเป็นที่ยอมรับของเจ้านครรัฐต่าง ๆ

Luca Pacioli ได้สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง
เพราะเก่งด้านคณิตศาสตร์ กับหนังสือ
ที่เขียนได้รับความนิยมอย่างมาก
โดย da Vinci วาดภาพประกอบให้
ท่านได้บวชเป็นบาทหลวง
ในนิกาย Franciscan ตอนชรา
พร้อมกับทิ้งหลักการสมการบัญชีไว้จนทุกวันนี้
ที่ทำให้นักบัญชีนอนไม่หลับทั้งคืน
จนกว่าจะค้นพบว่า Debit = Credit
.
.

Galileo ไม่มี Dowry ค่าสินสอดทองหมั้นให้กับลูกสาว


Virginia กับ Livia ลูกสาว Galileo ต้องเป็นแม่ชีตลอดชีวิต
เพราะทั้งคู่เป็นลูกนอกสมรส/ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทำให้เป็นเรื่องยากมากกับการหาคู่ครองในยุคนั้น
รวมทั้งท่านมีเรื่องกับศาสนจักรเลยยิ่งลำบากกว่าเก่า
ในการหาเงินหาทองให้เพียงพอกับค่า Dowry
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่