ไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อไรที่รู้สึกว่ารัก แต่สิ่งเดียวที่มั่นใจคือเขาเป็นคนเดียวที่เราไม่อยากให้หายไปจากชีวิต ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อยากคอยเฝ้ามองเขา ดูแลเขา มีความั่นคง ความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเขาเสมอ
เรารู้จักกันด้วยความบังเอิญก็คงไม่ใช่ แต่เริ่มสนิทใจและมีความรู้สึกมากกว่าเพื่อนต่อกันเมื่อไหรนั้น เราไม่รู้กันเลย ครั้งแรกที่รู้จักกันชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เราดันได้อยู่ในห้องเดียวกัน แรกพบเจอเราและเขาต่างไม่คิดอะไร ไม่คุย ไม่มอง ไม่แม้จะอยากทำความรู้จักกัน แต่วันเวลาที่ผ่านไป การอยู่ร่วมห้องทำให้เราได้รู้จักกัน เริ่มพูดคุย เริ่มสานสัมพันธ์และความรู้สึก การสานสัมพันธ์ในครั้งนั้นเป็นความสัมพันธ์แบบเด็กที่มักใช้แต่อารมณ์และก็จบกันด้วยอารมณ์เช่นกัน
ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตนเอง รู้สึกเจ็บปวดที่ไปต่อกันไม่ได้ ความไม่เข้าใจและความเอาชนะต่อกันเป็นเหตุให้ไม่มองหน้า ไม่พูด ไม่คุยกันเป็นเวลาเกือบสองปี เมื่อใกล้จบการศึกษาต่างคนต่างคิดได้ว่าเป็นเพื่อนกันก่อนจบมันก็คงดี จะได้ไม่มีอะไรค้างคา แต่ลึกๆ แล้วต่างคนต่างรู้ว่าความรู้สึกนั้นมันมากกว่าเพื่อนกันเสมอ ความเป็นห่วงและความหวังดีที่ยังมีต่อกัน จนกระทั่งแยกย้ายกันไปเข้าสู่รั้วมหาลัย ก็ยังคงความสัมพันธ์ในรูปแบบเพื่อนแต่ความรู้สึกนั้นมากกว่าเพื่อนแน่นอน ติดต่อกันครั้งคราว ไม่ได้ห่างหายกันไปจากชีวิตของกัน แวะเวียนมาเจอกันตามการนัดพบปะพร้อมหน้ากับเพื่อนๆ
การพบปะกับเพื่อนๆ นั้นเป็นจุดให้เราวนมาเจอกันในเวลาที่ต่างคนต่างเริ่มเป็นผู้ใหญ่และมีมุมมองที่โตมากขึ้น เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์และความรู้สึกที่มีต่อกันได้กลับมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เราต่างเรียนรู้ที่จะเติบโตไปด้วยกัน คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แก้ไขปัญหาและคอยเคียงข้างกันไป และความสัมพันธ์ในครั้งนี้ทำให้มีความสุขมากที่สุดในระยะเวลาเกือบ 6 ปี ความทรงจำและความรู้สึกมากมายที่ทั้งสองมีให้กันล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และแล้วก็มาถึงจุดแตกหักอีกครั้งที่เราต้องตัดสินใจในการแยกย้ายกันไป ฝ่ายหนึ่งตัดสินใจที่จะจากไปและอีกฝ่ายรับรู้เหตุการณ์โดยไม่ทั้งตั้งตัว ฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งไว้เจ็บปวดและทรมาน แต่ฝ่ายที่ตัดสินใจก็รู้สึกเช่นกันแต่เพียงมองหาทางออกที่จะไปต่อในตอนนั้นไม่ได้ และอีกเช่นเคยใช้อารมณ์ตัดสินใจ ไม่ได้ใช้เหตุผลและมองมุมกว้างในการตัดสินใจครั้งนี้
ผ่านไปหนึ่งปี ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านไปต่างคนต่างไปใช้ชีวิตฝ่ายหนึ่งเสียใจหนักและต้องการไปเริ่มชีวิตใหม่โดยย้ายถิ่นฐานไปไกลเพื่อลบความทรงจำทั้งหมด อีกฝ่ายที่เสียใจเหมือนกันแต่ยังต้องใช้ชีวิตในที่เดิมๆ มองเห็นสิ่งเดิมๆ ที่ร่วมทำกันมา ที่มีความทรงจำต่อกัน แต่ตอนนี้กลับไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม และฝ่ายที่เป็นผู้ตัดสินใจได้คิดทบทวนเรื่องราวและความรู้สึกมาตลอด เพียงแต่ไม่ได้บอกออกไปว่ายังรักเขาและยังอยากใช้ชีวิตกับเขาอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปทำให้แก้ไขไม่ทันแล้ว อีกฝ่ายได้อยากลองชีวิตใหม่แล้ว
ฝ่ายหนึ่งได้กลับมานั่งเสียใจในสิ่งที่ตัดสินใจเดินจากไปในวันนั้นและปล่อยให้วันเวลาผ่านไปจนแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว ได้แต่โทษตัวเองและยังคงจมปลัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราควรคิดให้เร็วกว่านี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาควรพูดให้เร็วกว่านี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาควรแสดงให้เร็วกว่านี้ แต่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายที่ไม่เท่ากันดังเดิมทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป และแน่นอนในรอบนี้มีคนที่รู้สึกเสียใจต่อการกระทำของตัวเองและเสียใจที่ทำให้คนที่รักเปลี่ยนไปแล้ว แน่นอนว่าต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตกันอีกตามเคย ในวันนึงที่ยังรู้สึกต่อกันมากพอจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และเชื่อว่าต่างคนต่างยังรู้สึกต่อกันแต่แค่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
เวลาเป็นสิ่งที่เอาคืนและเร่งไม่ได้ ได้แต่รอวันเวลาผ่านพ้นไป และเฝ้าภาวนาว่าคงมีสักวันที่เราจะได้กลับมารักกัน หรือคงมีสักวันที่เราจะผ่านพ้นเรื่องครั้งนี้ไปได้ แต่หากเลือกได้ยังไงก็ต้องเป็นการกลับมาหากันคือสิ่งที่ดีที่สุด
แด่รัก 10 ปีและจะรักตลอดไป
*หวังว่าคุณจะเข้ามาอ่านและได้เข้าใจเรื่องราวนี้ คำขอโทษเป็นร้อยเป็นพันครั้งที่ให้ไป พูดด้วยใจจริงและอยากขอแก้ไขเรื่องที่ผ่านมา กลับมาหากันในวันที่พร้อมจะจับมือกันอีกครั้งและจะไม่มีวันปล่อยมือนี้จากไปไหนอีก จะรักและรออยู่ตรงนี้มีความรักมั่นคงให้เสมอ
s.uek
แด่รัก 10 ปีของฉัน
เรารู้จักกันด้วยความบังเอิญก็คงไม่ใช่ แต่เริ่มสนิทใจและมีความรู้สึกมากกว่าเพื่อนต่อกันเมื่อไหรนั้น เราไม่รู้กันเลย ครั้งแรกที่รู้จักกันชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เราดันได้อยู่ในห้องเดียวกัน แรกพบเจอเราและเขาต่างไม่คิดอะไร ไม่คุย ไม่มอง ไม่แม้จะอยากทำความรู้จักกัน แต่วันเวลาที่ผ่านไป การอยู่ร่วมห้องทำให้เราได้รู้จักกัน เริ่มพูดคุย เริ่มสานสัมพันธ์และความรู้สึก การสานสัมพันธ์ในครั้งนั้นเป็นความสัมพันธ์แบบเด็กที่มักใช้แต่อารมณ์และก็จบกันด้วยอารมณ์เช่นกัน
ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตนเอง รู้สึกเจ็บปวดที่ไปต่อกันไม่ได้ ความไม่เข้าใจและความเอาชนะต่อกันเป็นเหตุให้ไม่มองหน้า ไม่พูด ไม่คุยกันเป็นเวลาเกือบสองปี เมื่อใกล้จบการศึกษาต่างคนต่างคิดได้ว่าเป็นเพื่อนกันก่อนจบมันก็คงดี จะได้ไม่มีอะไรค้างคา แต่ลึกๆ แล้วต่างคนต่างรู้ว่าความรู้สึกนั้นมันมากกว่าเพื่อนกันเสมอ ความเป็นห่วงและความหวังดีที่ยังมีต่อกัน จนกระทั่งแยกย้ายกันไปเข้าสู่รั้วมหาลัย ก็ยังคงความสัมพันธ์ในรูปแบบเพื่อนแต่ความรู้สึกนั้นมากกว่าเพื่อนแน่นอน ติดต่อกันครั้งคราว ไม่ได้ห่างหายกันไปจากชีวิตของกัน แวะเวียนมาเจอกันตามการนัดพบปะพร้อมหน้ากับเพื่อนๆ
การพบปะกับเพื่อนๆ นั้นเป็นจุดให้เราวนมาเจอกันในเวลาที่ต่างคนต่างเริ่มเป็นผู้ใหญ่และมีมุมมองที่โตมากขึ้น เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์และความรู้สึกที่มีต่อกันได้กลับมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เราต่างเรียนรู้ที่จะเติบโตไปด้วยกัน คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แก้ไขปัญหาและคอยเคียงข้างกันไป และความสัมพันธ์ในครั้งนี้ทำให้มีความสุขมากที่สุดในระยะเวลาเกือบ 6 ปี ความทรงจำและความรู้สึกมากมายที่ทั้งสองมีให้กันล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และแล้วก็มาถึงจุดแตกหักอีกครั้งที่เราต้องตัดสินใจในการแยกย้ายกันไป ฝ่ายหนึ่งตัดสินใจที่จะจากไปและอีกฝ่ายรับรู้เหตุการณ์โดยไม่ทั้งตั้งตัว ฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งไว้เจ็บปวดและทรมาน แต่ฝ่ายที่ตัดสินใจก็รู้สึกเช่นกันแต่เพียงมองหาทางออกที่จะไปต่อในตอนนั้นไม่ได้ และอีกเช่นเคยใช้อารมณ์ตัดสินใจ ไม่ได้ใช้เหตุผลและมองมุมกว้างในการตัดสินใจครั้งนี้
ผ่านไปหนึ่งปี ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านไปต่างคนต่างไปใช้ชีวิตฝ่ายหนึ่งเสียใจหนักและต้องการไปเริ่มชีวิตใหม่โดยย้ายถิ่นฐานไปไกลเพื่อลบความทรงจำทั้งหมด อีกฝ่ายที่เสียใจเหมือนกันแต่ยังต้องใช้ชีวิตในที่เดิมๆ มองเห็นสิ่งเดิมๆ ที่ร่วมทำกันมา ที่มีความทรงจำต่อกัน แต่ตอนนี้กลับไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม และฝ่ายที่เป็นผู้ตัดสินใจได้คิดทบทวนเรื่องราวและความรู้สึกมาตลอด เพียงแต่ไม่ได้บอกออกไปว่ายังรักเขาและยังอยากใช้ชีวิตกับเขาอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปทำให้แก้ไขไม่ทันแล้ว อีกฝ่ายได้อยากลองชีวิตใหม่แล้ว
ฝ่ายหนึ่งได้กลับมานั่งเสียใจในสิ่งที่ตัดสินใจเดินจากไปในวันนั้นและปล่อยให้วันเวลาผ่านไปจนแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว ได้แต่โทษตัวเองและยังคงจมปลัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราควรคิดให้เร็วกว่านี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาควรพูดให้เร็วกว่านี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาควรแสดงให้เร็วกว่านี้ แต่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายที่ไม่เท่ากันดังเดิมทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป และแน่นอนในรอบนี้มีคนที่รู้สึกเสียใจต่อการกระทำของตัวเองและเสียใจที่ทำให้คนที่รักเปลี่ยนไปแล้ว แน่นอนว่าต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตกันอีกตามเคย ในวันนึงที่ยังรู้สึกต่อกันมากพอจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และเชื่อว่าต่างคนต่างยังรู้สึกต่อกันแต่แค่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
เวลาเป็นสิ่งที่เอาคืนและเร่งไม่ได้ ได้แต่รอวันเวลาผ่านพ้นไป และเฝ้าภาวนาว่าคงมีสักวันที่เราจะได้กลับมารักกัน หรือคงมีสักวันที่เราจะผ่านพ้นเรื่องครั้งนี้ไปได้ แต่หากเลือกได้ยังไงก็ต้องเป็นการกลับมาหากันคือสิ่งที่ดีที่สุด
แด่รัก 10 ปีและจะรักตลอดไป
*หวังว่าคุณจะเข้ามาอ่านและได้เข้าใจเรื่องราวนี้ คำขอโทษเป็นร้อยเป็นพันครั้งที่ให้ไป พูดด้วยใจจริงและอยากขอแก้ไขเรื่องที่ผ่านมา กลับมาหากันในวันที่พร้อมจะจับมือกันอีกครั้งและจะไม่มีวันปล่อยมือนี้จากไปไหนอีก จะรักและรออยู่ตรงนี้มีความรักมั่นคงให้เสมอ
s.uek