JNY : 4in1 คาดศก.2022โตต่ำ│นักธุรกิจเหมืองแร่หนี้สินท่วมปลิดชีพ│โอดเว็บขอSHA ล่มบ่อย-ขอยาก│ขอนแก่นหวั่นฆ่าตัวตายเยอะขึ้น

คาดเศรษฐกิจไทยปี 2022 ยังโตต่ำ ท่องเที่ยวค่อยๆ ฟื้น หวั่นโควิดระบาดใหม่
https://www.thairath.co.th/business/feature/2234046
 
 
KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร มองว่า การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มต้นในเดือน พ.ย. 64 นี้ นับเป็นการปรับเปลี่ยนทิศทางเชิงนโยบายครั้งสำคัญของภาครัฐไปสู่นโยบายอยู่ร่วมกับโควิด หรือ Living with Covid จากก่อนหน้านี้ที่มาตรการภาครัฐถูกมองว่าสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจและกระทบวิถีชีวิตโดยปกติของประชาชน
 
แม้ไทยจะเป็นประเทศในลำดับต้นๆ ในภูมิภาคที่เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว แต่ข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังมีอยู่มาก ทั้งมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกเพื่อการท่องเที่ยวของประเทศต้นทาง จำนวนเส้นทางบินที่ลดลงจากธุรกิจการบินที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงโควิด
 
รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนที่จะยังคงหายไปตลอดช่วงครึ่งปีแรกเป็นอย่างน้อย จะส่งผลให้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นไปได้อย่างจำกัดในระยะแรก ก่อนที่การท่องเที่ยวจะทยอยกลับมาคึกคักมากขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี 2022 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งปีประมาณ 5.8 ล้านคน ต่ำกว่าระดับ 40 ล้านคนในปี 2019

ทั้งนี้ KKP Research ประเมินว่า ภายในสิ้นปี 64 นี้ ไทยจะมีอัตราการรับวัคซีนครบจำนวนโดสราว 60% ของประชากร และสามารถฉีดวัคซีนครบจำนวนโดสได้เกิน 70-80% ประชากรภายในไตรมาส 1 ของปี 2022 ปัจจุบันจำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบจำนวนโดส (2 เข็ม) ทั่วประเทศยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร
 
โดยมีเพียงกรุงเทพมหานคร และจังหวัดภูเก็ต เท่านั้นที่สามารถฉีดวัคซีนครบจำนวนโดสเกินกว่า 70% ของประชากร จากประสบการณ์ในต่างประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดรอบใหม่ได้ ดังนั้นความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงยังมีอยู่หลังมีการผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ แต่อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นเป็นลำดับจะช่วยลดความเสียหายและแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุขได้
       
การท่องเที่ยวจะยังมีข้อจำกัดด้านการฟื้นตัวในปีหน้าหลังเปิดประเทศ จาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1. การคงมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวของประเทศหรือดินแดนในฝั่งเอเชียส่วนใหญ่ที่เป็นแหล่งนักท่องเที่ยวหลักของไทยและคิดเป็นถึง 75% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงก่อนโควิด-19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเอเชียจะยังคงเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลักและจะยังเข้ามาไทยในสัดส่วนที่น้อยกว่าช่วงสถานการณ์ปกติมาก
2. นักท่องเที่ยวจีนที่จะหายไปตลอดครึ่งปีแรกและอาจยังไม่กลับมากระทั่งปลายปี จากนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดของทางการจีน ในห้วงเวลาที่จีนจะจัดกิจกรรมสำคัญซึ่งรวมถึงมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ และการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
3. การเดินทางโดยเครื่องบินที่จะยังเป็นอุปสรรคสำคัญ ทั้งจากจำนวนและเส้นทางเที่ยวบินที่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะเส้นทางบินระยะไกล และความกังวลต่อการเดินทางโดยเครื่องบินของนักท่องเที่ยวบางส่วน
 
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเพิ่มเติมที่ต้องจับตาอีก 3 ประการ ได้แก่ 
1. ความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว 
2. การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก 
และ 3. ทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทยที่อาจถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา
 
KKP Research คาดอัตราเงินเฟ้อจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.6% ตลอดปี 2022 แต่เสี่ยงเร่งตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2% จากราคาน้ำมันที่อาจยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเป็นผลมาจากกำลังการผลิตที่เร่งขึ้นไม่ทันอุปสงค์โลกที่เริ่มฟื้นตัวในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
 
ขณะที่ในระยะต่อไปราคาน้ำมันอาจมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากแนวโน้มการลดการปล่อยคาร์บอนและพันธสัญญาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ที่ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันชะลอการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต
       
แม้ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้คาดการณ์เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น มีการปรับราคาสินค้า บริการ และค่าจ้าง จนก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว หรือ Stagflation risk และยังกระทบต่อสถานะของกองทุนน้ำมัน นอกจากนี้ เงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างน้อยในช่วงครึ่งปีแรก จะส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น และส่งผ่านผลกระทบเพิ่มเติมต่ออัตราเงินเฟ้อ
 
โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกยังเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากภาคการท่องเที่ยวแล้ว การส่งออกสินค้าไทยยังพึ่งพาตลาดจีนสูงถึง 14% ของมูลค่าการส่งออกรวม หรือคิดเป็น 6% ของ GDP และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มแผ่วลงจากการตึงตัวด้านพลังงาน การขาดแคลนตู้ขนส่งและสภาพคล่องทางการเงินในภาคธุรกิจ และวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ รวมถึงการส่งออกสินค้าเกษตร สินค้าแปรรูป และสินค้าขั้นกลาง ที่ไทยส่งออกไปจีนในสัดส่วนสูง
       
ในระยะต่อไป ความเสี่ยงในด้านที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีนจะยังมีอยู่ จากการปรับเปลี่ยนนโยบายเชิงโครงสร้างของทางการจีนเพื่อสนับสนุนการพึ่งพาตนเองทั้งในด้านการผลิตและตลาด ตลอดจนการส่งเสริม ความมั่งคั่งร่วมกัน หรือ Common Prosperity ที่อาจกระทบต่อความมั่นใจของภาคธุรกิจจีนและธุรกิจต่างชาติที่ลงทุนในจีน นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีอยู่ และด้วยนโยบายกดโควิดให้เป็นศูนย์ การปิดเมืองและการปิดกั้นการเดินทางอาจจำเป็นต้องนำมาใช้อีกครั้งหากการระบาดระลอกใหม่ไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้
 
โดย KKP Research ประเมินว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ในปีหน้า และมีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ด้วยภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า คณะกรรมการนโยบายการเงินมีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับปัจจุบันจนกว่าภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยจะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนในช่วงปลายปีหน้า
 
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ กนง. อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปี 2022 ได้ หากคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ตัดสินใจเริ่มขึ้นดอกเบี้ยภายในช่วงครึ่งหลังของปี เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาด หรือการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ประเมินไว้.
 

 
นักธุรกิจเหมืองแร่ หนี้สินท่วม เครียดสะสม ลั่นไกปลิดชีพตัวเองดับ ทิ้งจดหมายลาโลก
https://www.matichon.co.th/region/news_3023518

นักธุรกิจเหมืองแร่ หนี้สินท่วม เครียดสะสม ลั่นไกปลิดชีพตัวเองดับ ทิ้งจดหมายลาโลก
 
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ต.อ สุบรรณ พิมภา ผู้กำกับ สภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท พร้อมตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน สระบุรี และชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบ สภาพศพ นางณภัทร ศรีน้อย อายุ 48 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอนในสภาพเลือดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณห้อง ภายในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี จากการตรวจสอบ ใกล้ศพผู้เสียชีวิต พบอาวุธปืน ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ตกอยู่ ด้านซ้าย ของศพผู้ตายลักษณะไกปืนยังค้างอยู่ ในจุดเกิดเหตุบนที่เตียงนอน ยังพบจดหมายลาตาย เขียนด้วยปากกาสีน้ำเงิน คาดว่าเป็นลายมือของผู้ตายเป็นผู้เขียนว่า เก๋เบื่อตัวเอง พี่ดูแลแม่กับน้องให้ด้วย ขอโทษด้วยนะคะ อยู่ไปก็รก และผู้ตายขีดเส้นว่างไว้……… ต่อด้วย คำว่าครอบครัวดูแลเรื่องที่ให้แม่ด้วยนะคะ กระดาษดังกล่าววางทับอยู่บนโฉนดที่ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บหลักฐานคราบเขม่าดินปืน และลายนิ้วมือของผู้ตายเพื่อตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท ได้เรียกสามีผู้ตายมาสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิต จากการสอบถามแม่ผู้ตาย นางทิตา ศรีอรุณ อายุ 66 ปี ที่อยู่ในอาการโศกเศร้า เล่าว่า ขณะนั้นตนเองกับสามีผู้ตาย กำลังขายก๋วยเตี๋ยวเรือ อยู่ที่ร้านริมถนนพหลโยธิน ส่วนผู้ตายไม่เคยบ่นอะไรให้แม่ฟังเลย เมื่อช่วงค่ำก่อนผู้ตายจะจบชีวิตยังมานวดให้แม่ พอรุ่งเช้าผู้ตายยังออกไปช่วยขายก๋วยเตี๋ยว จากนั้นผู้ตายทำอาหารมาส่งให้น้องที่บ้านหลังดังกล่าว ก่อนจะมารู้ข่าวจากญาติว่านางณภัทรใช้ปืนยิงตัวเองตายไปแล้ว ตนเองไม่รู้ปัญหาหรือสาเหตุที่บุตรสาวคิดสั้นด้วยการใช้ปืนยิงตัวเองตาย
  
การสอบสวน สามีผู้ตาย ทราบว่าก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงก่อนเกิดการระบาดเชื้อไวรัสโควิด19 ที่ครอบครัวตนเองมีฐานะดีจากธุรกิจเหมืองหิน แต่มาระยะหลังมานี้ประสบปัญหาด้านธุรกิจที่ทางครอบครัวลงทุนทำหลายอย่าง ทำให้มีหนี้สินมากขึ้น อีกทั้งล่าสุดผู้ตายนำโฉนดที่ดินในจังหวัดเชียงรายไปขาย เพื่อนำเงินมาไถ่ถอนบ้านที่เกิดเหตุ ทางผู้ตายนำไปจำนองไว้ช่วงที่ธุรกิจซบเซา ประกอบกับผู้ตายมีอาการเครียดสะสมหลายปี และล่าสุดมีอาการซึมเศร้า อาจเป็นสาเหตุทำให้ผู้ตายคิดสั้นลงมือใช้อาวุธปืนยิงตัวเองดังกล่าว
 
ด้าน พ.ต.อ สุบรรณ เผยว่า จากสภาพศพผู้ตายใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่นำออกมาจากตู้เซฟในบ้าน เป็นอาวุธสังหารตัวเองด้วย การใช้มือขวาจ่อยิงที่ขมับไป 1 นัด คมกระสุนเข้าด้านขวาทะลุซ้าย จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายถนัดมือขวา ส่วนปืนที่ตกไปทางด้านซ้ายของผู้ตายเกิดจากแรงสะบัดของปืนที่มีความรุนแรง อาจเป็นไปได้ว่าก่อนผู้ตายเสียชีวิตปืนที่สังหารผู้ตายถูกแรงสะบัดไปตกทางด้านซ้ายบนที่นอนใกล้กับศพผู้ตายดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด พร้อมส่งศพไปยังโรงพยาบาลพระพุทธบาทก่อนจะให้มีการส่งศพผู้ตายต่อไปยังสถาบันนิติเวชศูนย์ธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อตรวจพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป ส่วนทางญาติผู้ตายไม่ติดใจการเสียชีวิต โดยหลังจากนี้จะนำศพผู้ตายประกอบพิธีตามศาสนาต่อไป
 

 
ผู้ประกอบการ โอดเว็บไซต์ขอSHA ล่มบ่อย-ขอยาก
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/159709

แม้ว่ากรุงเทพมหานครจะผ่อนปรนให้ร้านค้าสามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้จนถึงเวลา 21.00 น. แต่ว่าไม่ใช่ทุกร้านที่จะขายได้ เพราะหลายแห่งยังไม่ได้รับสัญลักษณ์ยืนยันการผ่านมาตรฐาน SHA
 
ร้านอาหารที่โดยปกติเน้นขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในซอยคาวบอย ถนนสุขุมวิท ที่มีอยู่กว่า 30 ร้าน ยังไม่มีร้านไหนได้รับอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เพราะยังไม่ผ่านการประเมินมาตรฐาน SHA หลายร้านจึงเลือกจะปิดต่อ บางร้านขึ้นป้ายให้เช่ากิจการ ร้านที่ยังเปิดอยู่อย่างเช่นร้าน Five Stars ต้องปรับตัวมาขายลูกชิ้นทอดและรองเท้าแตะหน้าร้าน เพื่อต่อลมหายใจกิจการ

นายอนุวัฒน์ ปานวัฒนะ ผู้จัดการร้าน เปิดเผยว่า ตนเองเริ่มลงทะเบียนขอประเมินมาตรฐาน SHA ตั้งแต่ 2 วันก่อน ทันทีที่ทราบข่าวว่าเป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการเปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน โดยให้น้องชายลงทะเบียนให้ แต่ปรากฎว่าระบบล่มบ่อยครั้ง มีการขอรูปภาพจำนวนมาก และขอรายละเอียดยิบย่อย เช่น ยี่ห้อน้ำยาทำความสะอาด ทำให้จนถึงขณะนี้ยังลงทะเบียนไม่ผ่าน 
 
ส่วนกรณีที่ กทม. กำหนดว่าต่อให้มีมาตรฐาน SHA แล้ว ก็สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 3 ทุ่มเท่านั้น นายอนุวัฒน์ มองว่า ไม่คุ้มค่ากับการยื่นเรื่องขอ เพราะปกตินักเที่ยวจะเริ่มมานั่งดื่มที่ร้านเวลา 3-4 ทุ่ม แล้วอยู่ถึงประมาณเที่ยงคืน หากขายได้ถึงแค่ 3 ทุ่มก็ไม่แน่ใจว่าจะมีลูกค้าหรือไม่ ส่วนตัวจึงอยากให้ขยายเวลา รวมถึงยกเลิกข้อกำหนดว่าต้องผ่านมาตรฐาน SHA เพราะการที่ให้ร้านค้าลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ จะตรวจสอบอย่างไรให้ทั่วถึงว่าได้มาตรฐานจริงและเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกร้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่