ถ้าวันนั้นผมตาย!

ผมเป็นลูกคนเดียวครับเเม่ชอบตามใจเเต่พ่อค่อนข้างจะดุพ่อชอบกินเหล้าครับพอเมาก็จะหาเรื่องเเม่ผมตลอดเเต่เขาไม่เคยทำร้ายเเม่นะ(มีเเต่เเม่ที่ทำร้ายพ่อ555) ผมอ่ะไม่ค่อยชอบพ่อเท่าไหร่เพราะเเกชอบตีผมอยู่เรื่อยกลับบ้านดึกพ่อก็เตรียมไม้รอละโดนตีประจำผมก็ร้องไปดิเเม่ก็จะบอกให้พ่อหยุดพอเห็นผมร้องพ่อก็จะพูดขึ้นมาตลอดพอเเม่ห้าม"ก็ให้มันร้องไปถ้าตีเเค่นี้เเล้วตายเดี๋ยวเอาไปฝังเอง" เป็นประโยคที่พ่อจะพูดประจำ

เเต่บางทีพ่อก็มีมุมใจดีอยู่บ้างนะเวลาผมหิวหรือนั่งหงอยๆอะไรแบบนี้พ่อก็จะเอาตังค์มาให้ไปซื้อขนมกินหรือมานั่งข้างๆเเล้วก็สอนอะไรสักอย่างจริงๆผมก็รักเขาแหละเเละผมก็รู้ว่าเขาก็รักผมเหมือนกัน

พ่อผมทำงานก่อสร้างครับส่วนเเม่รับจ้างล้างจานรายได้รวมๆกันก็ไม่เยอะเท่าไหร่เเต่ก็พออยู่กันได้ครับวันหนึ่งพ่อต้องไปทำงานที่สุราษฎร์ฯเขาอยู่ที่นั่นประมาณ2-3 ปีส่งเงินมาให้เเม่ทุกเดือนตอนนั่นเเบบรวยเลยอ่ะบ้านผมอยากกินอะไรก็กินอยากได้อะไรก็ซื้อบางปีผมกับเเม่ก็ไปเที่ยวหาพ่อที่ใต้สนุกดีนะได้อยู่กับสวนผลไม้อยากกินไรก็เดินไปหาได้เลยนอนก็นอนกันในบ้านไม้3 คนพ่อเเม่ลูกมีความสุขมากๆครับในตอนนั้นผมอยู่ที่นั่นได้10 กว่าวันก็ต้องกลับแล้วเพราะโรงเรียนจะเปิดก็เลยต้องกลับมาก่อน

ตอนนั้นผมน่าจะเรียนอยู่ป.2 เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนนะผมอ่ะเพราะชีวิตก็ไม่ได้เครียดไรมากพ่อผมก็กลับมาเยี่ยมผมกับเเม่บ้างเอาของมาฝากผมเยอะเลยผมกลับจากโรงเรียนเห็นหน้าพ่อผมก็จะดีใจละเพราะรู้ว่าพ่อต้องซื้ออะไรมาฝากเเน่ก็เป็นอย่างนี้อยู่สัก2 ปีครับครั้งสุดท้ายที่พ่อกลับมาพ่อเหมือนไม่อยากกลับไปที่ใต้เเล้วเเบบเจ้านายพ่อโทรมาตามพ่อก็พยายามเลี่ยงๆที่จะคุยละผมก็ไม่รู้นะว่าเพราะอะไรพวกเขามีเรื่องอะไรกันหรือป่าวแต่สุดท้ายพ่อก็ต้องไปอยู่ดีพ่อกลับไปอยู่น่าจะสัก2-3 เดือนพ่อก็โทรมาหาเเม่ครับพ่อถามเเม่ว่า"เธอจะอยู่กับลูกได้ไหมถ้าพี่ไม่อยู่" เเม่ก็ตอบ"พี่ถามเเบบนี้ทำไมพี่มีปัญหาอะไรหรือป่าวถ้ามันไม่ไหวก็กลับมาทำงานที่บ้านเรา" พ่อก็บอกว่าไม่มีอะไรถามไปงั้นแหละ(อันนี้เเม่เคยเล่าให้ผมฟัง)

แล้ววันที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึงครับวันนั้นผมอยู่ที่โรงเรียนก็เรียนตามปกติพอเลิกเรียนผมก็จะขี่จักรยานกลับบ้านครับตอนกลับพอดีหิวน้ำเลยเเวะร้านขายของที่อยู่ระหว่างทางกลับผมก็เข้าไปประโยคเเรกที่เเม่ค้าพูดกับผม"เห้ยพ่อเอ็งตายเเล้วน่ะรู้ยัง" ตอนนั้นผมพูดไรไม่ออกพอเขาบอกผมเเบบห๊ะอะไรวะคือไรจำคนผิดหรือป่าวทำไมผมไม่รู้ไรเลยผมคิดในใจนะไม่ได้พูดอะไรผมก็ซื้อน้ำออกมาขี่จักรยานกลับบ้านเเบบงงๆ

พอถึงบ้านเอาจักรยานไปเก็บผมก็ถามหาเเม่เเม่ผมอ่ะเเม่อยู่ไหนไม่มีใครคุยกับผมเลยเเต่ผมก็ไม่ได้ถามเรื่องพ่อนะผมก็งงๆอยู่ตอนนั้นก็เลยเดินไปหาเพื่อนเเถวบ้านก็เล่นอยู่กับมันสัก5 โมงกว่าๆผมได้ยินเสียงแม่ตะโกนเรียกผมก็เดินมาหาเเม่เเม่ก็บอกผม"พ่อตายแล้วนะเดี๋ยวไปรับพ่อกลับบ้านกัน" ผมเเบบในหัวมันมีอะไรเต็มไปหมดจริงหรอเรื่องจริงใช่ไหมพ่อตายแล้วหรอพ่อเนี่ยนะผมไม่ได้ร้องไห้นะผมตกใจมากกว่าทำไรไม่ถูกเลยตอนนั้น

เย็นวันนั้นก็ไปกันเลยครับไปรับศพพ่อที่สุราษฎร์ฯไปถึงตำรวจเขาบอกว่าพ่อหัวใจวายน่าจะเกิดจากเหล้าผมไม่ได้ไปนะเเม่เอาผมไปไว้บ้านหัวหน้าพ่อก่อนตอนอยู่ในรถเเม่กับน้าก็เล่าให้ฟังว่าพ่อเสียในบ้านเช่าครับเขาอยู่คนเดียวเลยไม่มีใครช่วยเขาทันตอนเห็นพ่อคือพ่อตัวเกร็งมือสองข้างกำอยู่ที่อกข้างซ้ายก่อนเสียพ่อน่าจะทรมานมาก

พวกเขาก็เอาศพพ่อขึ้นรถกลับเเล้วก็มารับผมไปพอมาถึงวัดที่จะทำพิธีเขาก็เอาพ่อออกมาจากโลงเเล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้มีคนบอกว่ามันเป็นชุดที่พ่อเขาอยากได้มานานครับเเต่ก็ไม่ได้ใส่ตอนเขามีชีวิตก็เท่าที่จำได้ผมว่านั่นแหละครับครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นหน้าพ่อพวกผู้ใหญ่เขาก็จัดการกันส่วนผมก็เตรียมตัวบวชให้พ่อ

เเละคนที่บวชให้ผมคือน้องของพ่อท่านเป็นพระผมจะเรียกท่านว่าหลวงอาหลวงอาเป็นคนนิ่งๆครับไม่ค่อยแสดงอาการอะไรออกมาผมว่าหลวงอาก็คล้ายๆผมนะคือข้างนอกจะดูเย็นชาเเต่ใจนี่เจ็บปวดมากเคยมีคนมาเล่าให้ผมกับเเม่ฟังว่าหลวงอาจะเเอบไปร้องไห้คนเดียวไม่อยากให้ใครเห็นเพราะเอาจริงๆพ่อผมกับหลวงอาไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอกันไม่เคยมีโอกาสได้ขอโทษหรืออะไรกันเลย(ปัจจุบันหลวงอาท่านก็เสียไปแล้วนะครับ)

ก็ผ่านไปจนถึงวันที่ต้องเผาศพพ่อเขาก็เอาโลงศพพ่อไปตั้งบนเมรุเเม่ผมก็เดินขึ้นไปเพื่อจะบอกลาพ่อเเต่ผมไม่ได้ขึ้นไปด้วยนะ(ผมจำไม่ได้ว่าทำไมผมไม่ได้ขึ้นไป) พวกเขาก็เอาศพพ่อเข้าเตาเผาพอเผาเสร็จผมก็มาเก็บกระดูกพ่อแล้วพวกเขาก็เอาไปทำตามพิธีกันต่อ

พองานเสร็จแล้วผมก็สึกครับแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตกับเเม่สองคนโดยที่ไม่มีพ่อเเล้วช่วงเเรกๆมันก็เหงาๆนะทั้งเเม่เเละผมเพราะปกติพ่อจะโทรมาถามว่าเป็นไงบ้างกินอะไรกันหรือยังบอกตรงๆผมคิดถึงพ่อสุดๆ

พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆก็เริ่มดีขึ้นครับผมก็เรียนไปเเม่ผมก็ต้องทำงานเยอะขึ้นเพราะกลัวเงินจะมีไม่พอให้ผมได้เรียนตอนนั้นผมน่าจะอยู่ประมาณป.5 ช่วงนั้นผมกับเเม่ก็เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้นเพราะปัญหาหลายอย่างเลยผมชอบคิดตลอดนะตอนเราทะเลาะกัน"ทำไมกูไม่เกิดเป็นลูกคนอื่นวะ" ผมดื้อมากอ่ะช่วงนั้นบ้านไม่อยากกลับเพราะกลับมาก็ทะเลาะกับเเม่อีกมันเครียดไปหมดเลย

ผมเคยขว้างโทรศัพท์ออกหน้าต่างไปเลยต่อหน้าเเม่เพราะเเม่บ่นว่าเล่นทั้งวันไม่ช่วยเขาทำไรเลยงานบ้านก็ไม่ทำหนังสือก็ไม่อ่านอะไรก็ไม่เอาเลยจะเล่นโทรศัพท์อย่างเดียวมันเป็นอย่างนี้มาสัก1 กว่าๆผมก็เริ่มดีขึ้นละใจเย็นขึ้นไม่ตะคอกเเม่เหมือนเเต่ก่อนเเต่ก็ยังเถียงเหมือนเดิม555

ก็ผ่านมาอีกสัก6 ปีครับผมก็ต้องมารู้สึกเเย่อีกครั้งเพราะผมรู้ว่าเเม่เป็นโรคพาร์กินสันโรคนี้คนที่เป็นจะมีอาการสั่นที่มือบ้างที่ขาบ้างเเละโรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้อาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นคนติดเตียงผมอ่ะกังวลมากเลยนะคิดหาวิธีหาข้อมูลมาทุกอย่างทำงานหาเงินซื้อยามารักษาเเม่อยากให้เขาดีขึ้นบ้างแต่เขาก็ไม่ได้มีอาการหนักอะไรมากผมชอบกังวลกลัวนั่นกลัวนี่เครียดไปหมดเลยครับช่วงนั้น

ผมอ่ะคิดบ่อยมากเลยนะถ้าเกิดเขาเป็นไรไปผมจะอยู่ยังไงถ้าผมดูแลเขาให้ดีกว่านี้เขาคงไม่เป็นอะไรเเบบนี้เป็นช่วงที่แย่มากๆเลยครับผมไม่ค่อยดูแลตัวเองเลยห่วงเเต่แม่จะเป็นไรไปจนลืมห่วงตัวเองไปซะได้

มีอยู่คืนนึงผมจำได้เเม่นเลยคืนนั้นอ่ะผมนอนประมาณ3 ทุ่มครึ่งก็หลับไปครับอันนี้จะเป็นเรื่องราวของความฝันนะครับผมก็ไม่รู้ว่าผมหลอนไปเองหรือป่าว

ผมฝันว่าผมวิ่งหนีคนหลายคนเลยครับทั้งชายหญิงพวกเขาพยายามจะวิ่งมาจับตัวผมผมก็หนีไปเรื่อยๆจนภาพตัดมาให้ผมอยู่ในกุฏิไม้เเห่งหนึ่งที่นั่นจะมีพระ3 องค์(ผมไม่แน่ใจจำนวนนะ) เเล้วก็มีเเม่ผมนั่งอยู่ด้วยพระองค์หนึ่งเขาก็เรียกพวกผมเข้าไปเเล้วก็ให้กราบพระพุทธรูปที่วางอยู่หลังตู้ไม้

จากนั้นเขาก็ให้กระดาษผมกับเเม่มาหลายใบเลยนะเเล้วเขาก็เริ่มสวดผมเห็นเเม่จับกระดาษมาเเล้วก็สวดผมก็พยายามทำตามเเต่ก็อ่านกระดาษนั้นไม่ออกเลยไม่ได้สวดกับเขาเลยสุดท้ายเขาก็สวดกันเสร็จผมกับเเม่ก็เดินออกมาตอนเดินออกมาผมเห็นคนมารออยู่ข้างหลังเต็มเลยผมก็ออกมานั่งเเถวๆคนพวกนั้น

แล้วอยู่ๆผมก็ถามเเม่ว่าใช่วัดนี้ไหมที่เราเคยมาเเม่บอกไม่ใช่เป็นอีกวัดนึงผมก็เถียงอีกว่าวัดนี้เเหละเเม่บอกไม่ใช่ผมบอกว่าใช่แล้วอยู่ๆเเม่ก็ร้องไห้ครับผมตกใจมากอ่ะผมกำลังจะเข้าไปถามเลยว่าเเม่ร้องไห้ทำไมจู่ๆก็มีเสียงเพลงงานศพดังขึ้น

แล้วผมก็เหมือนจะตื่นครับจริงๆมันเหมือนจิตผมหลุดออกมามากกว่าผมเห็นเพดานเเล้วก็รู้สึกหน้าชาขยับคอไม่ได้เหมือนจิตค่อยๆหลุดออกมา(เขาน่าจะเรียกกันว่าไหลตาย) ผมคิดเลยนะตอนนั้นอ่ะ"นี่กูตายเเล้วหรอ" สักพักมันเหมือนจิตถูกดูดเข้าที่เดิมอ่ะครับบอกไงดีล่ะมันเหมือนเราผงกหัวขึ้นลงอ่ะครับตัวมันไม่ได้ขึ้นมาด้วยนะรู้สึกเเค่หัวพอจิตมันกลับเข้าร่างผมชาไปทั้งตัวเลยครับขยับไม่ได้เลยสักพักเเล้วก็ค่อยๆดีขึ้นจนกลับมาเป็นปกติ

ผมก็ลุกออกจากห้องไปสิ่งเเรกที่ผมเห็นคือเเม่ผมยืนทำกับข้าวอยู่ผมเเทบจะร้องไห้เลยนะตอนนั้นผมได้เเต่ยืนคิดในใจ"ถ้ากูตายจริงๆล่ะวะเเล้วเเม่กูจะอยู่ยังไง"

ผมอยากจะบอกทุกคนนะครับว่า"เวลา" เป็นอะไรที่สำคัญจริงๆใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดจะได้ไม่ต้องมานึกเสียใจภายหลังสำหรับผมตอนนี้น่ะผมเเค่รู้สึกว่าผมโชคดีจริงๆที่มีเวลาอยู่จนถึงตอนนี้คุณก็เหมือนกันคุณก็โชคดีนะที่ยังมีเวลาอยู่

"เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าเราสามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง..ยกเว้นเป็นเจ้าของเวลา"

: JobThai.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่