Little Women
4 ดรุณี
ถ้าดูจากตัวอย่างหนัง ผู้กำกับ นักแสดง และภาพรวมหลายๆ อย่างรวมกัน Little Women คือหนังแห่งความ feminist ของเหล่าหญิงสาวพี่น้องตระกูลมาร์ชทั้ง 4 ว่าด้วยเรื่องของการเป็น "ผู้หญิง" ในยุคสมัยหนึ่ง ที่ต้องฝ่าฟันเรื่องราวทางสังคมที่บอกว่าผู้หญิง "ไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง" สารพัดปัญหาในชีวิตที่เข้ามารุมเร้า ยังไม่หนักเท่าคำพูด และค่านิยมของคนในสังคม ซึ่งพวกเธอจะต้องฟันฝ่ามันไปให้ได้เพื่อความฝันในหัวใจของตน
*** รีวิวนี้ไม่มีสปอย ถ้าใครดูหนังมาแล้ว สามารถอ่านรีวิวเต็มรูปแบบที่ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนังได้ที่นี่
https://iknowyouhavegoodtaste.blogspot.com/2021/10/little-women.html
ถ้าใครเคยดู Lady Bird แล้วอิน เรื่องนี้ก็คงจะอินไม่ต่างกัน เพราะผู้กำกับสาวอย่าง Greta Gerwig ส่งมู้ดแอนด์โทนและพลังของความเป็นผู้หญิงของทั้งสองเรื่องออกมาได้ดีมากๆ ไม่ต่างกันเลย เธอมอบพลังแห่งความ feminist ออกมาได้อย่างแข็งแกร่งและอบอุ่น มันช่างเข้มแข็งแต่ก็อ่อนไหว เปราะบางแต่ก็มั่นคง ไม่แปลกเลยถ้าหลายๆ คนจะตกหลุมรัก Greta มากขึ้นเรื่อยๆ จากหนังแต่ละเรื่องที่เธอทำ เพราะมันสุดยอดจริงๆ!
เนื้อหาของหนังไม่ได้มีอะไรมากเลย ให้เล่าก็ยังไม่รู้จะเล่ายังไง แต่พอได้มาดู ได้มาสัมผัส สิ่งที่จะได้กลับไปคือพลังแห่งความเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง แต่ภายใต้ความเข้มแข็งตรงนั้นก็มีความอ่อนโยนและเปราะบาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวละครหลักอย่าง Saoirse Ronan สื่อออกมาในบทของตัวละคร ‘โจ’ พี่สาวคนรองที่ต้องแบกรับอารมณ์ต่างๆ มากมาย แบกรับความฝันของตนเองที่ต้องถูกดูถูกจากคนรอบข้าง แบกรับความกดดันจากการเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้อ่อนโยน แบกรับความรับผิดชอบจากการดูแลพี่น้องอีกสามคนจากการที่พ่อของพวกเธอต้องออกไปสู้รบเพื่อชาติ
"ผู้หญิง" ที่ถูกตีตราว่าเป็นเพศที่อ่อนแอและเปราะบาง มักจะโดนเหยียดหยามจากผู้คนรอบข้างว่าเธอทำนั่นไม่ได้ ทำนี่ไม่ได้ แต่พอพวกเธอแสดงท่าทีที่เข้มแข็งเพื่อจะปลดปล่อยตัวเองจากการถูกดูแคลน กลับกลายเป็นว่าเธอทำตัวไม่สมกับเป็นผู้หญิง และหนังเรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่า ผู้หญิงนั้นสามารถที่จะเข้มแข็งและอ่อนโยนได้
เธอไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งและแข็งกระด้าง แต่พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอและไร้ค่า
เราชอบที่หนังถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครที่หลากหลายและมีมิติ ด้วยคาแรกเตอร์ของตัวละครหลักทั้งหมดมันทำให้เราเห็นว่า คนทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ที่เขาต้องการ โดยไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง และมันไม่ใช่เรื่องผิดหากคุณจะไม่ได้แสดงออกถึงท่าทีที่แตกต่างจาก "ขนบ" ที่คนในสังคมได้บอกไว้ว่าคนเพศนี้ต้องเป็นแบบไหน เราว่าหนังสอดแทรกความ Flexible ในเรื่องเพศมาเยอะ และเราชอบที่มันไม่ได้ตัดสินอะไรทั้งนั้น เพราะในชีวิตนี้
"เราสามารถเป็นใครก็ได้ที่เราอยากจะเป็น"
เซอร์ชาเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากๆ จนเราไม่สามารถละสายตาออกจากเธอได้เลยจริงๆ (ในเรื่องนี้คือกลบ Emma Watson มิดเลย อาจเพราะเป็นตัวละครหลักด้วย) ชอบการส่งสายตาของเธอมากๆ ในตัวของโจ เราเห็นทั้งความเข้มแข็ง ของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็มีความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเราว่านี่แหละคือเสาหลักของหนังที่อยากจะบอกว่าผู้หญิงทุกคนต่างก็มีสองสิ่งนี้ในตัวทั้งนั้น เราทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยน เรามีความฝัน เรามีความรัก และเราก็มีพลังมากพอที่จะไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำความฝันและควบคุมชีวิตของเราไว้ใต้กฏเกณฑ์
มู้ดแอนด์โทนของหนังคือดีมากๆ ด้วยความที่หนังเล่าในช่วงยุค 18xx เราเลยได้เห็นมู้ดของช่วงนั้นเต็มตา ทั้งเครื่องแต่งกายที่โดดเด่นมากๆ outfit ของทุกคนคือดูดีในทุกซีน บรรยากาศ โทนสีของหนังในแต่ละช่วงมันทำให้เรารู้สึกสบายตา สบายใจ สามารถขับอารมณ์คนดูได้ ส่วนตัวชอบซีนที่มีการเต้นรำ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ดนตรี โลเคชัน มันขับความ 18xx ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์สุดๆ ทุกซีนคือทำออกมาให้ดูแล้วมีความสุข งดงามมากๆ
เราชอบการบิ้วของหนัง หนังสามารถทำให้เราอินกับเหล่าพี่น้องสี่ดรุณีได้อย่างลึกสุดใจภายในเวลาสองชั่วโมง การตัดภาพแฟรชแบ็คย้อนอดีตในแต่ละช่วงมันลื่นไหล และยิ่งทำให้เราดึ่มด่ำไปกับความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวในแต่ละขณะ ในปัจจุบันตัวละครแต่ละตัวคิดอะไร เราสามารถเข้าใจมันได้ภายในครู่เดียวเดียวจากการแฟรชแบ็ค แต่ละซีนที่เลือกมามันใช่ และถูกจังหวะไปซะหมด ขับอารมณ์ของคนดูให้รุนแรงมากขึ้นในทุกที มีซีนนึงที่จากกำลังนั่งยิ้มแฮปปี้ พอตัดมาในปัจจุบันปุ๊บ คือน้ำตาไหลพราก นี่คือพลังอ่ะคุณ พลังของ Greta ล้วนๆ
นักแสดงทุกคนคือทำหน้าที่ตัวเองออกมาได้ดีมากๆ (นอกจากเซอร์ชาก็มี Timothée คือเราชอบเค้าอยู่แล้วพอมาเล่นบทแบบนี้เราว่าเค้ามีเสน่ห์และน่ามอง เป็นนักแสดงที่เติบโตและพัฒนาไปไวมากๆ) เราตกหลุมรักในความน่ารัก ความอบอุ่นของครอบครัวสี่ดรุณีและเพื่อนข้างบ้านกับคุณลุงมากๆ และเราเชื่อว่าทุกคนที่ไปดูคงรู้สึกไม่ต่างกัน ทุกซีนที่พี่น้องสี่คนนี้อยู่ด้วยกัน แม้มันจะเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา สุขบ้าง เศร้าบ้าง หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง แต่มันคือความทรงจำที่ดีที่เราอยากให้เด็กสาวทั้งสี่จำติดตัวไปตลอดชีวิตของพวกเขา ว่าการที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันมันช่วงเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับคนดูอย่างเราแค่ไหน
9/10
I Know You Have Good Taste
ถ้าชอบรีวิวนี้ สามารถติดตามการรีวิวภาพยนตร์ครั้งต่อไปได้ที่นี่เลยนะคะ
ช่องทางการติดตาม
Facebook:
https://www.facebook.com/justsointoeverything
YouTube:
https://www.youtube.com/c/JanYourDiary/featured
Blogger:
https://iknowyouhavegoodtaste.blogspot.com
Blockdit:
https://www.blockdit.com/iknowyouhavegoodtaste
TikTok:
https://www.tiktok.com/@iknowyouhavegoodtaste?lang=th-TH
Instagram:
https://www.instagram.com/iknowyouhavegoodtaste/
[CR] รีวิว Little Women : เพราะผู้หญิงเรานั้นมีความฝัน เรามีความรัก และเราก็มีพลังมากพอที่จะไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำมัน
4 ดรุณี
ถ้าดูจากตัวอย่างหนัง ผู้กำกับ นักแสดง และภาพรวมหลายๆ อย่างรวมกัน Little Women คือหนังแห่งความ feminist ของเหล่าหญิงสาวพี่น้องตระกูลมาร์ชทั้ง 4 ว่าด้วยเรื่องของการเป็น "ผู้หญิง" ในยุคสมัยหนึ่ง ที่ต้องฝ่าฟันเรื่องราวทางสังคมที่บอกว่าผู้หญิง "ไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง" สารพัดปัญหาในชีวิตที่เข้ามารุมเร้า ยังไม่หนักเท่าคำพูด และค่านิยมของคนในสังคม ซึ่งพวกเธอจะต้องฟันฝ่ามันไปให้ได้เพื่อความฝันในหัวใจของตน
*** รีวิวนี้ไม่มีสปอย ถ้าใครดูหนังมาแล้ว สามารถอ่านรีวิวเต็มรูปแบบที่ไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนังได้ที่นี่ https://iknowyouhavegoodtaste.blogspot.com/2021/10/little-women.html
ถ้าใครเคยดู Lady Bird แล้วอิน เรื่องนี้ก็คงจะอินไม่ต่างกัน เพราะผู้กำกับสาวอย่าง Greta Gerwig ส่งมู้ดแอนด์โทนและพลังของความเป็นผู้หญิงของทั้งสองเรื่องออกมาได้ดีมากๆ ไม่ต่างกันเลย เธอมอบพลังแห่งความ feminist ออกมาได้อย่างแข็งแกร่งและอบอุ่น มันช่างเข้มแข็งแต่ก็อ่อนไหว เปราะบางแต่ก็มั่นคง ไม่แปลกเลยถ้าหลายๆ คนจะตกหลุมรัก Greta มากขึ้นเรื่อยๆ จากหนังแต่ละเรื่องที่เธอทำ เพราะมันสุดยอดจริงๆ!
เนื้อหาของหนังไม่ได้มีอะไรมากเลย ให้เล่าก็ยังไม่รู้จะเล่ายังไง แต่พอได้มาดู ได้มาสัมผัส สิ่งที่จะได้กลับไปคือพลังแห่งความเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง แต่ภายใต้ความเข้มแข็งตรงนั้นก็มีความอ่อนโยนและเปราะบาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวละครหลักอย่าง Saoirse Ronan สื่อออกมาในบทของตัวละคร ‘โจ’ พี่สาวคนรองที่ต้องแบกรับอารมณ์ต่างๆ มากมาย แบกรับความฝันของตนเองที่ต้องถูกดูถูกจากคนรอบข้าง แบกรับความกดดันจากการเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้อ่อนโยน แบกรับความรับผิดชอบจากการดูแลพี่น้องอีกสามคนจากการที่พ่อของพวกเธอต้องออกไปสู้รบเพื่อชาติ
"ผู้หญิง" ที่ถูกตีตราว่าเป็นเพศที่อ่อนแอและเปราะบาง มักจะโดนเหยียดหยามจากผู้คนรอบข้างว่าเธอทำนั่นไม่ได้ ทำนี่ไม่ได้ แต่พอพวกเธอแสดงท่าทีที่เข้มแข็งเพื่อจะปลดปล่อยตัวเองจากการถูกดูแคลน กลับกลายเป็นว่าเธอทำตัวไม่สมกับเป็นผู้หญิง และหนังเรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่า ผู้หญิงนั้นสามารถที่จะเข้มแข็งและอ่อนโยนได้
เธอไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งและแข็งกระด้าง แต่พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอและไร้ค่า
เราชอบที่หนังถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครที่หลากหลายและมีมิติ ด้วยคาแรกเตอร์ของตัวละครหลักทั้งหมดมันทำให้เราเห็นว่า คนทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ที่เขาต้องการ โดยไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง และมันไม่ใช่เรื่องผิดหากคุณจะไม่ได้แสดงออกถึงท่าทีที่แตกต่างจาก "ขนบ" ที่คนในสังคมได้บอกไว้ว่าคนเพศนี้ต้องเป็นแบบไหน เราว่าหนังสอดแทรกความ Flexible ในเรื่องเพศมาเยอะ และเราชอบที่มันไม่ได้ตัดสินอะไรทั้งนั้น เพราะในชีวิตนี้
"เราสามารถเป็นใครก็ได้ที่เราอยากจะเป็น"
เซอร์ชาเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากๆ จนเราไม่สามารถละสายตาออกจากเธอได้เลยจริงๆ (ในเรื่องนี้คือกลบ Emma Watson มิดเลย อาจเพราะเป็นตัวละครหลักด้วย) ชอบการส่งสายตาของเธอมากๆ ในตัวของโจ เราเห็นทั้งความเข้มแข็ง ของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็มีความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเราว่านี่แหละคือเสาหลักของหนังที่อยากจะบอกว่าผู้หญิงทุกคนต่างก็มีสองสิ่งนี้ในตัวทั้งนั้น เราทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยน เรามีความฝัน เรามีความรัก และเราก็มีพลังมากพอที่จะไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำความฝันและควบคุมชีวิตของเราไว้ใต้กฏเกณฑ์
มู้ดแอนด์โทนของหนังคือดีมากๆ ด้วยความที่หนังเล่าในช่วงยุค 18xx เราเลยได้เห็นมู้ดของช่วงนั้นเต็มตา ทั้งเครื่องแต่งกายที่โดดเด่นมากๆ outfit ของทุกคนคือดูดีในทุกซีน บรรยากาศ โทนสีของหนังในแต่ละช่วงมันทำให้เรารู้สึกสบายตา สบายใจ สามารถขับอารมณ์คนดูได้ ส่วนตัวชอบซีนที่มีการเต้นรำ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ดนตรี โลเคชัน มันขับความ 18xx ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์สุดๆ ทุกซีนคือทำออกมาให้ดูแล้วมีความสุข งดงามมากๆ
เราชอบการบิ้วของหนัง หนังสามารถทำให้เราอินกับเหล่าพี่น้องสี่ดรุณีได้อย่างลึกสุดใจภายในเวลาสองชั่วโมง การตัดภาพแฟรชแบ็คย้อนอดีตในแต่ละช่วงมันลื่นไหล และยิ่งทำให้เราดึ่มด่ำไปกับความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวในแต่ละขณะ ในปัจจุบันตัวละครแต่ละตัวคิดอะไร เราสามารถเข้าใจมันได้ภายในครู่เดียวเดียวจากการแฟรชแบ็ค แต่ละซีนที่เลือกมามันใช่ และถูกจังหวะไปซะหมด ขับอารมณ์ของคนดูให้รุนแรงมากขึ้นในทุกที มีซีนนึงที่จากกำลังนั่งยิ้มแฮปปี้ พอตัดมาในปัจจุบันปุ๊บ คือน้ำตาไหลพราก นี่คือพลังอ่ะคุณ พลังของ Greta ล้วนๆ
นักแสดงทุกคนคือทำหน้าที่ตัวเองออกมาได้ดีมากๆ (นอกจากเซอร์ชาก็มี Timothée คือเราชอบเค้าอยู่แล้วพอมาเล่นบทแบบนี้เราว่าเค้ามีเสน่ห์และน่ามอง เป็นนักแสดงที่เติบโตและพัฒนาไปไวมากๆ) เราตกหลุมรักในความน่ารัก ความอบอุ่นของครอบครัวสี่ดรุณีและเพื่อนข้างบ้านกับคุณลุงมากๆ และเราเชื่อว่าทุกคนที่ไปดูคงรู้สึกไม่ต่างกัน ทุกซีนที่พี่น้องสี่คนนี้อยู่ด้วยกัน แม้มันจะเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา สุขบ้าง เศร้าบ้าง หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง แต่มันคือความทรงจำที่ดีที่เราอยากให้เด็กสาวทั้งสี่จำติดตัวไปตลอดชีวิตของพวกเขา ว่าการที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันมันช่วงเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับคนดูอย่างเราแค่ไหน
9/10
I Know You Have Good Taste
ถ้าชอบรีวิวนี้ สามารถติดตามการรีวิวภาพยนตร์ครั้งต่อไปได้ที่นี่เลยนะคะ
ช่องทางการติดตาม
Facebook: https://www.facebook.com/justsointoeverything
YouTube: https://www.youtube.com/c/JanYourDiary/featured
Blogger: https://iknowyouhavegoodtaste.blogspot.com
Blockdit: https://www.blockdit.com/iknowyouhavegoodtaste
TikTok: https://www.tiktok.com/@iknowyouhavegoodtaste?lang=th-TH
Instagram: https://www.instagram.com/iknowyouhavegoodtaste/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้