สวัสดีค่ะ คือเรามีเรื่องอยากจะปรึกษา เราขอใช้นามสมมุติเพื่อนที่เราชอบชื่อ บี นะคะ
คือเรื่องมันเกิดตั้งแต่เราขึ้น ม.3 ค่ะซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันกับเพื่อนซึ่งเพื่อนเรามีกันทั้ง4คน จะมีห้อง1กับ2 ซึ่งเพื่อนอีก2คนอยู่ห้อง2 เรากับเพื่อนอีกคนอยู่ห้อง1 ห้องเดียวกัน ซึ่งเพื่อนคนนี้ที่อยู่ด้วยเราไม่ได้นั่งข้างกันเพราะจารย์สุ่มให้ เลยทำให้ต้องแยกกันอยู่
เลยทำให้โต๊ะเราล้อมรอบไปด้วยฝูงผู้ชาย ใช่ค่ะผู้ชายหมดเลย ซึ่งเรารู้จักกับเพื่อนผู้ชายพวกนี้อยู่แล้ว เคยอยู่ห้องเดียวกนมาก่อน มันจะมีคนหนึ่งที่เราไม่รู้จักเลย แต่เพื่อนในห้องรู้จักหมดยกเว้นเรา คนนั้น ชื่อ บี (นามสมมุติ) เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะว่ามีไอ้บีด้วย แต่เพื่อนบอกว่ามันอยู่ตั้งแต่อนุบาลแล้วนั้นแหละด้วยความที่อยู่ใกล้กัน และนางก็ดูคุยง่ายดี เราก็เริ่มคุยกันเล่นๆแบบเพื่อนมาได้สักพัก โดนการที่เราจะใช้มันไปกรองน้ำให้ตลอด มันก็ยอมไปบ่นบ้างแต่ก็ยอมไป บ้างครั้งมันก็บ่นแล้วก็เดินมาลูบหัวเราก่อนไป เราก็งงว่ามันลูบหัวกูไหมวะ คิดว่ามือโดน ก็เลยไม่คิดอะไร จนมันเป็นแบบนั้นค่อยข้างบ่อย ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ มันรู้แบบเขินไงไม่รู้ ม.3 เทอมแรกก็ผ่านไปจ๊ะ ฉันก็ยังไม่หวั่นไหวไร
ม.3 เทอม2 ก็มาโรงเรียนปกติแต่ที่ไม่ปกติคือประมาณช่วงปลายๆเทอม เพราะต้นเทอมเราจะเรียนออนไลน์เนอะ โควิด ซึ่ง ไอ้บีก็ไม่ยอมเข้าเรียนจ๊ะ ฉันไม่ได้ตามนะขี้เกียจ พอมาโรงเรียนมันก็เดินรอบโรงเรียนเลยจ๊ะ ซื้อของมาทำงานออนไลน์ เราก็ต้องช่วยมัน เพราะมันจะชอบมาหาเราแบบๆอันนี้ทำไง ทำให้หน่อย ช่วยหน่อย เราก็บ่นตามภาษาเราไปสุดท้ายกูก็ช่วยมันอยู่ดี เราก็ลากมันมานั่งระบายสีที่โต๊ะเรา นั่งระบานสีอยู่สองคน เอ่อ ก็แบบตอนนั้นไม่ได้คิดไรนะจริงๆ แต่บรรยากาศแบบอึดอัดเราเลยไปลากเพื่อนอีกคนที่รู้จักมานั่งด้วย แล้วมันก็สปอยเกมให้ฟัง เราก็นั่งฟังมัน ไอ้บีก็ฟังด้วยเพราะมันก็สายเกมนั่งฟังกันไป ซึ่งจะเป็นแบบนี้ตลอด เวลามีงานมันก็จะลากเก้าอี้มานั่งข้างเราเพราะมันไม่มีสี!! ฉันก็เอ่อสงสารจะยืมก็ได้แต่ห้ามหาย มันกลัวทำสีเราหายแล้วเราบ่นมันเล่นมานั่งข้างเราบ่อยๆ เพื่อนในห้องแบบเอ๊ะยังไง
พอช่วงปลายเทอมงานเราหมดแล้ว จารย์ก็จะไม่สั่งงานแล้วเราก็เป็นไทย เพราะจารย์ให้เคลียร์งาน เราเลยเล่น เป่ายิ้งฉุบตีมือ ซึ่งมีเรา มีเพื่อนเราที่สนิท แล้วก็ไอ้บี เพื่อนผู้ชายอีก2 มานั่งเล่นกัน เล่นไปเรื่อยๆมันจะเหลือแค่เรากับไอ้บีแล้วเพื่อนสนิทเรา ซึ่งแบบเป็นครั้งแรกที่เราเห็นไอ้บี หัวเราะได้ซะใจขนาดนี้ แบบดูมันมีความสุข แต่ก็เนอะพลังมันเยอะ ยิ่งเล่นนานก็เบื่อ ใช่ เราเบื่อ แต่มันไม่เบื่อ มันง้อแงจะเล่นต่อ ตามกูไปทุกสารทิศเลย ทั้งกินข้าวเสร็จก็จะเดินมาหาเรา เล่นนี้กันๆ
จนฉันไปเล่นกับมันเกมหนึ่ง เล่นกันสองคนไม่มีใครรู้ซึ่ง มันบอกว่าถ้าเราแพ้ต้องยอมทำตามที่มันข้อหนึ่ง ถ้าเราชนะเราสามารถสั่งให้มันทำไรก็ได้ ด้วยความมั่นใจยังไงกูก็ชนะ จำไม่ได้ว่าเกมไรเหมือนเกมตอบคำถาม เราแพ้ตั้งแต่รอบแรกเราก็ของมันใหม่ แล้วมันก็ให้อย่างมั่นใจด้วยว่าเราไม่มีทางชนะมันแน่ๆ ใช่กูไม่ชนะมัน กูแพ้!! เราก็นั่งคิดละ ไอ้นี่มันจะให้เราทำไรวะ พอเราถามมันก็บอก ทำไรดีน่า ทำไรดีน่า กวนประสาทเราอยู่ตรงนั้นแหละ จนมันบอกว่ายังคิดไม่ออกเก็บไว้ก่อนละกัน แล้วน้ำเสียงมันแบบ คิดแผนชั่วอยู่แน่ เราได้แต่ภาวนาลืมมันไปเถอะ
แต่มันก็ไม่ลืมมันยังจำได้อยู่ มันมาถ่วงเอาตอนวิชาประวัติศาสตร์ซึ่งจารย์ให้ทำงานค้างเราก็นั่งช่วยมันระบายสี แล้วมันก็งัวเงียก็เหมือนคนง่วงนอน มันก็บอกเราว่า "จำได้ไหมว่าติดกูไว้อย่างหนึ่ง" เราก็คิดแหละ กูไปติดเงินมันไว้เหรอ มันเห็นเราทำหน้างงมันเลยบอกว่าเกมที่เล่นไว้คราวนั้นที่แพ้กูคิดออกแล้วนะ เราก็ถามว่าจะให้ทำไร มันบอกว่า "ของพิงไหล่ได้ไหม" เราเลิกลั่กแล้วหนึ่ง แล้วมันก็ถามอยู่แบบนั้นได้ไหมๆ เราก็ไม่ใช่ไม่อยากให้นะแต่ มันคนเยอะ เราไม่ชอบให้เพื่อนมาแซวมันน่ารำคาญ เราเลยบอกว่า "จะนอนใช่ไหม นอนตรงนี้เลยโต๊ะกู นอนเลยนะ เอาผ้าห่มไหมเดี๋ยวไปจิกเพื่อนให้ เอาหมอนไหมเดี๋ยวจิกห้อง2มาให้" แล้วเราก็กดหัวมันนอนลงไปกับโต๊ะ มันก็ทำน้ำเสียงแบบเล็กๆน้อยๆ อธิบายถูกรึเปล่าไม่รู้นั้นแหละ เหมือนผิดหวังอะไรสักอย่าง มันก็นอนไปจนเลิกเรียนเราก็มานั่งปลุกมัน "ตื่น!!ไฟไหม้แล้ว ตื่น
บีกูจะกลับบ้าน!!!!" เรากลับไม่ได้เพราะมันนอนทับหนังสือเราอยู่
พอช่วงสอบ เราสอบเสร็จแล้วใช่มะด้วยโควิดเนอะจะไม่มีงานปัจฉิม สอบเสร็จเลยอำลาเพื่อนเราก็ถ่ายรูปกับเพื่อน แต่มีแค่ไอ้บีที่มันไม่ยอมถ่ายแล้วมันก็ทำหน้าเศร้าตั้งแต่สอบเสร็จ อาจารย์ก็ถามว่าไอ้บีเป็นไร เราก็สงสัยเหมือนกัน ชวนถ่ายรูปก็ไม่ถ่าย มันเอาแต่ยืนมอง เราก็งงมันเป็นไรของมัน พอลงมาข้างล่าง อาจารย์ในชมรมเราก็เลี้ยงน้ำแข็งไส ตอนนั้นแหละที่เราได้ถามมันว่ามันเป็นไร มันก็บอกว่าไม่ได้เป็นไร แต่มันก็ยังเดินวนเวียนอยู่ข้างเรานะ จนเพื่อนกลับไปหมดแล้ว เราอยู่กับอาจารย์ในชมรมเก็บของ ตอนแรกเราคิดว่ามันกลับไปแล้ว แต่จริงๆ
ยังไม่กลับ มันเดินไปซื้อน้ำ- แล้วมันก็เดินมาชมรมเรา แล้วถามจารย์เราว่ามีไรให้ช่วยไหม เราก็เลยรีบวิ่งไปหามันอย่างรวดเร็วใช้มันยกถังขยะให้ เพราะเรายกไม่ไหวขยะมีแต่ขยะเปียก แล้วมันก็ยกขยะไปทิ้งให้ โดยที่ไม่พูดไม่จา แล้วมันก็ถามจะกลับตอนไหน เราก็บอกว่าไม่รู้แล้วมันก็ไป
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย บวกกับมันเป็นคนไม่เล่นโซเชียลแชทก็นานๆจะมาตอบ เราก็ไม่ได้ทักมันไป ไม่เคยทักเลยดีกว่า ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรเราก็รู้สึกคิดถึงช่วงเวลานั้นเสมอ เหมือนมันเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขจริงๆ เราไม่มั่นใจว่าไอ้บีชอบเรารึเปล่า เพราะมันเคยมีเพื่อนจากห้อง2มาบอกว่าไอ้บีชอบเรา เราก็ให้เพื่อนสนิทไปถามมันก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อน เราเลยพยายามที่จะไม่นึกถึง ถามว่าใจอยากทักไปก็อยากนะ แต่ก็ไม่อยากสานสัมพันธ์เพราะมันอาจจะไม่ได้คิดแบบที่เราคิดก็ได้ อยากจะลืมๆมันไปไม่อยากคิดมันกวนใจจริงๆช่วงนี้
เราควรทำไงดี มันกวนใจจริงๆช่วงนี้แบบทำไรหน้ามันก็ลอยมาจนรำคาญตัวเองเหมือนกัน
เราแอบชอบเพื่อนคนหนึ่ง จนมันกวนใจเรามากๆ
คือเรื่องมันเกิดตั้งแต่เราขึ้น ม.3 ค่ะซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันกับเพื่อนซึ่งเพื่อนเรามีกันทั้ง4คน จะมีห้อง1กับ2 ซึ่งเพื่อนอีก2คนอยู่ห้อง2 เรากับเพื่อนอีกคนอยู่ห้อง1 ห้องเดียวกัน ซึ่งเพื่อนคนนี้ที่อยู่ด้วยเราไม่ได้นั่งข้างกันเพราะจารย์สุ่มให้ เลยทำให้ต้องแยกกันอยู่
เลยทำให้โต๊ะเราล้อมรอบไปด้วยฝูงผู้ชาย ใช่ค่ะผู้ชายหมดเลย ซึ่งเรารู้จักกับเพื่อนผู้ชายพวกนี้อยู่แล้ว เคยอยู่ห้องเดียวกนมาก่อน มันจะมีคนหนึ่งที่เราไม่รู้จักเลย แต่เพื่อนในห้องรู้จักหมดยกเว้นเรา คนนั้น ชื่อ บี (นามสมมุติ) เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะว่ามีไอ้บีด้วย แต่เพื่อนบอกว่ามันอยู่ตั้งแต่อนุบาลแล้วนั้นแหละด้วยความที่อยู่ใกล้กัน และนางก็ดูคุยง่ายดี เราก็เริ่มคุยกันเล่นๆแบบเพื่อนมาได้สักพัก โดนการที่เราจะใช้มันไปกรองน้ำให้ตลอด มันก็ยอมไปบ่นบ้างแต่ก็ยอมไป บ้างครั้งมันก็บ่นแล้วก็เดินมาลูบหัวเราก่อนไป เราก็งงว่ามันลูบหัวกูไหมวะ คิดว่ามือโดน ก็เลยไม่คิดอะไร จนมันเป็นแบบนั้นค่อยข้างบ่อย ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ มันรู้แบบเขินไงไม่รู้ ม.3 เทอมแรกก็ผ่านไปจ๊ะ ฉันก็ยังไม่หวั่นไหวไร
ม.3 เทอม2 ก็มาโรงเรียนปกติแต่ที่ไม่ปกติคือประมาณช่วงปลายๆเทอม เพราะต้นเทอมเราจะเรียนออนไลน์เนอะ โควิด ซึ่ง ไอ้บีก็ไม่ยอมเข้าเรียนจ๊ะ ฉันไม่ได้ตามนะขี้เกียจ พอมาโรงเรียนมันก็เดินรอบโรงเรียนเลยจ๊ะ ซื้อของมาทำงานออนไลน์ เราก็ต้องช่วยมัน เพราะมันจะชอบมาหาเราแบบๆอันนี้ทำไง ทำให้หน่อย ช่วยหน่อย เราก็บ่นตามภาษาเราไปสุดท้ายกูก็ช่วยมันอยู่ดี เราก็ลากมันมานั่งระบายสีที่โต๊ะเรา นั่งระบานสีอยู่สองคน เอ่อ ก็แบบตอนนั้นไม่ได้คิดไรนะจริงๆ แต่บรรยากาศแบบอึดอัดเราเลยไปลากเพื่อนอีกคนที่รู้จักมานั่งด้วย แล้วมันก็สปอยเกมให้ฟัง เราก็นั่งฟังมัน ไอ้บีก็ฟังด้วยเพราะมันก็สายเกมนั่งฟังกันไป ซึ่งจะเป็นแบบนี้ตลอด เวลามีงานมันก็จะลากเก้าอี้มานั่งข้างเราเพราะมันไม่มีสี!! ฉันก็เอ่อสงสารจะยืมก็ได้แต่ห้ามหาย มันกลัวทำสีเราหายแล้วเราบ่นมันเล่นมานั่งข้างเราบ่อยๆ เพื่อนในห้องแบบเอ๊ะยังไง
พอช่วงปลายเทอมงานเราหมดแล้ว จารย์ก็จะไม่สั่งงานแล้วเราก็เป็นไทย เพราะจารย์ให้เคลียร์งาน เราเลยเล่น เป่ายิ้งฉุบตีมือ ซึ่งมีเรา มีเพื่อนเราที่สนิท แล้วก็ไอ้บี เพื่อนผู้ชายอีก2 มานั่งเล่นกัน เล่นไปเรื่อยๆมันจะเหลือแค่เรากับไอ้บีแล้วเพื่อนสนิทเรา ซึ่งแบบเป็นครั้งแรกที่เราเห็นไอ้บี หัวเราะได้ซะใจขนาดนี้ แบบดูมันมีความสุข แต่ก็เนอะพลังมันเยอะ ยิ่งเล่นนานก็เบื่อ ใช่ เราเบื่อ แต่มันไม่เบื่อ มันง้อแงจะเล่นต่อ ตามกูไปทุกสารทิศเลย ทั้งกินข้าวเสร็จก็จะเดินมาหาเรา เล่นนี้กันๆ
จนฉันไปเล่นกับมันเกมหนึ่ง เล่นกันสองคนไม่มีใครรู้ซึ่ง มันบอกว่าถ้าเราแพ้ต้องยอมทำตามที่มันข้อหนึ่ง ถ้าเราชนะเราสามารถสั่งให้มันทำไรก็ได้ ด้วยความมั่นใจยังไงกูก็ชนะ จำไม่ได้ว่าเกมไรเหมือนเกมตอบคำถาม เราแพ้ตั้งแต่รอบแรกเราก็ของมันใหม่ แล้วมันก็ให้อย่างมั่นใจด้วยว่าเราไม่มีทางชนะมันแน่ๆ ใช่กูไม่ชนะมัน กูแพ้!! เราก็นั่งคิดละ ไอ้นี่มันจะให้เราทำไรวะ พอเราถามมันก็บอก ทำไรดีน่า ทำไรดีน่า กวนประสาทเราอยู่ตรงนั้นแหละ จนมันบอกว่ายังคิดไม่ออกเก็บไว้ก่อนละกัน แล้วน้ำเสียงมันแบบ คิดแผนชั่วอยู่แน่ เราได้แต่ภาวนาลืมมันไปเถอะ
แต่มันก็ไม่ลืมมันยังจำได้อยู่ มันมาถ่วงเอาตอนวิชาประวัติศาสตร์ซึ่งจารย์ให้ทำงานค้างเราก็นั่งช่วยมันระบายสี แล้วมันก็งัวเงียก็เหมือนคนง่วงนอน มันก็บอกเราว่า "จำได้ไหมว่าติดกูไว้อย่างหนึ่ง" เราก็คิดแหละ กูไปติดเงินมันไว้เหรอ มันเห็นเราทำหน้างงมันเลยบอกว่าเกมที่เล่นไว้คราวนั้นที่แพ้กูคิดออกแล้วนะ เราก็ถามว่าจะให้ทำไร มันบอกว่า "ของพิงไหล่ได้ไหม" เราเลิกลั่กแล้วหนึ่ง แล้วมันก็ถามอยู่แบบนั้นได้ไหมๆ เราก็ไม่ใช่ไม่อยากให้นะแต่ มันคนเยอะ เราไม่ชอบให้เพื่อนมาแซวมันน่ารำคาญ เราเลยบอกว่า "จะนอนใช่ไหม นอนตรงนี้เลยโต๊ะกู นอนเลยนะ เอาผ้าห่มไหมเดี๋ยวไปจิกเพื่อนให้ เอาหมอนไหมเดี๋ยวจิกห้อง2มาให้" แล้วเราก็กดหัวมันนอนลงไปกับโต๊ะ มันก็ทำน้ำเสียงแบบเล็กๆน้อยๆ อธิบายถูกรึเปล่าไม่รู้นั้นแหละ เหมือนผิดหวังอะไรสักอย่าง มันก็นอนไปจนเลิกเรียนเราก็มานั่งปลุกมัน "ตื่น!!ไฟไหม้แล้ว ตื่นบีกูจะกลับบ้าน!!!!" เรากลับไม่ได้เพราะมันนอนทับหนังสือเราอยู่
พอช่วงสอบ เราสอบเสร็จแล้วใช่มะด้วยโควิดเนอะจะไม่มีงานปัจฉิม สอบเสร็จเลยอำลาเพื่อนเราก็ถ่ายรูปกับเพื่อน แต่มีแค่ไอ้บีที่มันไม่ยอมถ่ายแล้วมันก็ทำหน้าเศร้าตั้งแต่สอบเสร็จ อาจารย์ก็ถามว่าไอ้บีเป็นไร เราก็สงสัยเหมือนกัน ชวนถ่ายรูปก็ไม่ถ่าย มันเอาแต่ยืนมอง เราก็งงมันเป็นไรของมัน พอลงมาข้างล่าง อาจารย์ในชมรมเราก็เลี้ยงน้ำแข็งไส ตอนนั้นแหละที่เราได้ถามมันว่ามันเป็นไร มันก็บอกว่าไม่ได้เป็นไร แต่มันก็ยังเดินวนเวียนอยู่ข้างเรานะ จนเพื่อนกลับไปหมดแล้ว เราอยู่กับอาจารย์ในชมรมเก็บของ ตอนแรกเราคิดว่ามันกลับไปแล้ว แต่จริงๆยังไม่กลับ มันเดินไปซื้อน้ำ- แล้วมันก็เดินมาชมรมเรา แล้วถามจารย์เราว่ามีไรให้ช่วยไหม เราก็เลยรีบวิ่งไปหามันอย่างรวดเร็วใช้มันยกถังขยะให้ เพราะเรายกไม่ไหวขยะมีแต่ขยะเปียก แล้วมันก็ยกขยะไปทิ้งให้ โดยที่ไม่พูดไม่จา แล้วมันก็ถามจะกลับตอนไหน เราก็บอกว่าไม่รู้แล้วมันก็ไป
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย บวกกับมันเป็นคนไม่เล่นโซเชียลแชทก็นานๆจะมาตอบ เราก็ไม่ได้ทักมันไป ไม่เคยทักเลยดีกว่า ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรเราก็รู้สึกคิดถึงช่วงเวลานั้นเสมอ เหมือนมันเป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขจริงๆ เราไม่มั่นใจว่าไอ้บีชอบเรารึเปล่า เพราะมันเคยมีเพื่อนจากห้อง2มาบอกว่าไอ้บีชอบเรา เราก็ให้เพื่อนสนิทไปถามมันก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อน เราเลยพยายามที่จะไม่นึกถึง ถามว่าใจอยากทักไปก็อยากนะ แต่ก็ไม่อยากสานสัมพันธ์เพราะมันอาจจะไม่ได้คิดแบบที่เราคิดก็ได้ อยากจะลืมๆมันไปไม่อยากคิดมันกวนใจจริงๆช่วงนี้
เราควรทำไงดี มันกวนใจจริงๆช่วงนี้แบบทำไรหน้ามันก็ลอยมาจนรำคาญตัวเองเหมือนกัน