ตอนที่ 3 : ฮีโร่ของคิวบา
เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตอนที่ 3 แล้วสำหรับเรื่องราวชีวิตของ บิลลี่ มอร์แกน หรือแยงกี้พระนายกองของเรา หากท่านต้องการรับชมเรื่องราวความเป็นมาของเขาสามารถอ่านย้อนหลังได้ตามนี้ครับ
ตอนที่ 1 :
https://www.facebook.com/103698488387311/posts/223205633103262/?d=n
ตอนที่ 2 :
https://www.facebook.com/103698488387311/posts/226032256153933/?d=n
ในตอนนี้ เราจะมารับรู้เรื่องราวของเขาต่อว่า นอกจากจะเป็นชาวต่างชาติที่ช่วยคิวบาปฏิวัติสำเร็จแล้ว เขายังมีวีรกรรมอะไรอีก ที่ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่
นอกจากนั้นเขายังต้องเผชิญกับทางแยกของชีวิตที่สำคัญ ที่เขาต้องเลือกระหว่างชาติกำเนิด กับชาติที่รัก ว่าเขาจะต้องเลือกสิ่งใด มารับชมไปพร้อมๆกันเลยครับ
1.ความเดิมตอนที่แล้ว
หลังจากบิลลี่ได้ร่วมคณะปฏิวัติที่นำโดยฟิเดล คาสโตร และทำการปฏิวัติได้สำเร็จ เขาก็ได้กลายเป็นฮีโร่ของชาติ และได้มีโอกาสพบกับฟิเดลตัวเป็นๆสักที ทั้งคู่จับไม้จับมือกัน บิลลี่ชื่นชอบชายเคราดกคนนี้มาก ถึงขั้นเอ่ยปากว่า ฟิเดลนี่แหละคือเพื่อนแท้ของเขา
บิลลี่กล่าวถึงสาเหตุในการเข้าร่วมฝ่ายปฏิวัติว่า “ผมไม่อยากให้ลูกของผมต้องเติบโตมาแล้วไปรบในดินแดนอื่นที่ไม่ใช่บ้านของตน พวกหนุ่มสาวเหล่านี้ต่างก็สู้รบต่อพวกเผด็จการที่พรากสิทธิของพวกไป ซึ่งพวกนั้นไม่มีสิทธิทำเช่นนั้น” บิลลี่เชื่อมั่นมากว่าฟิเดลต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้แน่นอน
แม้จะหวั่นใจว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคนข้างกายของฟิเดล อันได้แก่ ราอูลน้องชาย และเช ต่างก็เป็นคอมมิวนิสต์ตัวเอ้
โดยเฉพาะราอูลที่เคยเข้าร่วมสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ไปเดินขบวนที่โซเวียตมาแล้ว แต่ฟิเดลก็พร่ำบอกเสมอว่าจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้ ทำให้เขาใจชื้นขึ้น และหลังจากคณะปฏิวัติชนะแล้วเขาก็ได้แต่งงานกับโอลก้า สาวน้อยที่พบรักระหว่างรบ
2.การก้าวเข้ามาของซีไอเอ
หลังจากปฏิวัติได้ไม่นาน ซีไอเอ ก็ได้รับรู้ถึงตัวตนของแยงกี้พระนายกอง จึงมีความคิดที่จะเอามาเป็นพวกเพราะคิดว่ายังไงบิลลี่ก็เป็นคนอเมริกันถึงแม้จะช่วยคิวบาก็ตาม อีกทั้งตอนนั้นพวกแนวรบที่สองแห่งเอสคัมเบรย์ ก็ไม่มีใครได้รับตำแหน่งในรัฐบาลคณะปฏิวัติ
ในขณะที่ราอูลได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม และเช เกบารา ได้รับตำแหน่งผู้ว่าการแบงค์ชาติผู้ควบคุมนโยบายของชาติทั้งสองตำแหน่งเลย
เมื่อคนจากซีไอเอเข้าพบเขาที่โรงแรมคาปรีที่บิลลี่พักอยู่ ก็ทำการติดต่อขอพบกับเขา แล้วบิลลี่ก็ปรากฏตัวพร้อมกับรอยยิ้มเพราะนานๆทีจะได้พบคนอเมริกันเหมือนกัน
ทั้งสองคุยกันอย่างเปิดอก บิลลี่ก็บอกว่าเขากังวลเกี่ยวกับการที่ราอูลและเชได้รับตำแหน่งสำคัญ ส่วนตัวเขาและเมโนโยไม่ได้รับตำแหน่งอะไรเลย ทำให้เขาตกอยู่ในที่นั่งลำบาก อีกทั้งยังมีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ซีไอเอผู้นั้นกลับหน่วยงาน ก็สรุปผลการพูดคุย โดยรายงานว่า ตัวบิลลี่นั้นแสดงความกังวลต่อฟิเดลว่าอาจนำชาติไปสู่ค่ายคอมมิวนิสต์ และอาจจะให้ความร่วมมือในการเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะปฏิวัติเป็นอย่างดี
3.แผนโค่นล้มคิวบา
จากนั้นไม่นานก็มีคนมาขอพบบิลลี่ที่โรงแรม เมื่อเขาลงมาก็พบว่าชายคนนั้นคือแฟรงกี้ เนลสัน อันธพาลชาวอเมริกันเขามีความกังวลว่าบ่อนกับไนท์คลับจะถูกปิด เขาบอกกับบิลลี่ด้วยการกระซิบอย่างเบาๆ เหมือนกลัวว่าทหารคุ้มกันจะได้ยินว่า "ชั้นต้องการ"การบริการ"จากนายบิลลี่"
"บริการอะไร" บิลลี่ถามด้วยความงุนงง "เพื่อนของฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย และจะตอบแทนนายด้วยเงินล้านดอลล่าร์" แฟรงกี้บอก บิลลี่บอกกับเขาว่าขอไปปรึกษาเมโนโยลูกพี่ของเขาก่อน แล้วเดี๋ยวจะมาบอก
หลังจากนั้นบิลลี่ก็บินไปไมอามี่กับโอลก้าอ้างว่าไปหาหมอ บิลลี่แอบไปพบกับแฟรงกี้ โดยนอกจากมีแฟรงกี้แล้วก็ยังมีจอนนี่ การ์เซียหัวหน้าสายลับของโดมินิกัน โดยจอนนี่มีบทบาทสำคัญในการอุ้มฆ่าศัตรูทางการเมืองของตรูฆิโย่ผู้นำโดมินิกันมากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อคุยรายละเอียดกันเสร็จสรรพแล้ว บิลลี่ตอบตกลง โดยแผนของพวกนั้นมีอยู่ว่า จะนำชายฉกรรจ์ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวคิวบาที่ลี้ภัยทางการเมืองและทหารรับจ้างขึ้นเครื่องบินแล้วมาลงที่โดมินิกัน ก่อนจะเข้ามาคิวบาตรงที่ใกล้ๆกับเขาเอสคัมเบรย์แล้วเข้าโจมตีที่ฮาวานา ซึ่งเครื่องบินจะนำอาวุธยุทโธปกรณ์มาดร็อปให้ก่อน
4.การก่อการปฏิปักษ์คณะปฏิวัติ
เมื่อก่อนถึงเวลานัดหมาย ก็มีข่าวปรากฏว่ามีการลอบโจมตีสถานที่ต่างๆ และมีการวางระเบิด ได้แก่ มีการลอบยิงที่บ้านพักของฟิเดลด้วยปืนหลายนัด บ้านของราอูลน้องชายของฟิเดล และวางระเบิดสถานที่ราชการต่างๆ
ฝ่ายตรูฆิโย่ผู้นำโดมินิกันซึ่งเกลียดชังฟิเดลอยู่แล้วมีความพอใจอย่างยิ่ง และยิ้มว่าคราวนี้ไอ้ฟิเดลได้ตายห่านแน่ๆหึๆๆ เมื่อถึงเวลาเครื่องบินก็ได้นำอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลมาร่อนลงตามนัด
จากนั้นก็มีผู้มารอรับโดยออกมาจากมุมมืด แต่ทว่า เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ หนวดเครายาวรกรุงรัง เผยยิ้มให้เห็นฟันขาว นั่นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นฟิเดล คาสโตรนั่นเอง นักบินและผู้โดยสารตกตะลึง และนึกขึ้นได้ในทันควัน “ไอ้หยา โดนเข้าแล้วเรา” พวกนั้นโดนฟิเดลซ้อนแผน เพราะบิลลี่และเมโนโยเอาข่าวไปบอกกับฟิเดลตั้งแต่วันที่ได้รับการติดต่อ
นักบินและผู้โดยสารถูกยิงร่วงราวกับใบไม้หล่นจากต้น ที่เหลือก็ถูกจับและอาวุธก็โดนยึด ฟิเดลขอบอกขอบใจบิลลี่เป็นยกใหญ่ และยกย่องเขาว่าเป็นเพื่อนแท้ แต่ก็มีข้อถกเถียงกันว่าบางทีอาจเป็นเพราะบิลลี่และเมโนโยอาจจะกำลังถูกจับได้จึงต้องนำความลับไปบอกเสียก่อน
4.ฮีโร่ของคิวบา
หลังจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของฝ่ายฟิเดล แยงกี้พระนายกองได้รับบทพระเอกไปเต็มๆแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เขายังได้ใจประชาชนชาวคิวบาอีกด้วยการที่บิลลี่นำเงินที่ได้รับมาจากฝ่ายตรูฆิโย่จำนวนเกือบแปดหมื่นดอลล่าร์บริจาคให้กับรัฐบาล
เมื่อได้รับเงินมาฟิเดลถึงกับมอบสัญชาติคิวบาให้บิลลี่ โดยถือว่าเขาเป็นชาวคิวบามาแต่กำเนิด ทำเอาจิตใจของเขาพองโตด้วยความปีติเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นบิลลี่ที่มีความสุขใจก็ลืมเรื่องตำแหน่งของตนในรัฐบาลที่ควรได้ แล้วมุ่งไปใช้ชีวิตในชนบท เขาและโอลก้าพร้อมด้วยลูกสาวอีกสองคนไปปลูกบ้านทำฟาร์มกบภูเขาเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยส่งขาไปให้ภัตตาคาร และหนังให้ร้านเครื่องหนังเพื่อไปทำกระเป๋า
เขาสอนให้ชาวบ้านที่ใกล้เคียงมีความรู้ด้านเกษตรและปศุสัตว์ แล้วก็ใช้ชีวิตมีความสุขกับครอบครัวเรื่อยมา ชีวิตของเขาเหมือนจะสมบูรณ์แบบแล้ว
5.เค้าลางแห่งความโชคร้าย
ทว่าความสุขของบิลลี่ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีข่าวแพร่สะพัดว่าฟิเดล คาสโตรมีใจออกห่างอเมริกาและเข้าหาโซเวียตมากขึ้น เขาถึงขั้นทำข้อตกลงด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้า หรือการทหารกับทางโซเวียต
บิลลี่รู้สึกไม่สบายใจเพราะฟิเดลได้ให้คำมั่นกับเขาแล้วว่าจะไม่เป็นคอมมิวนิสต์อย่างแน่นอน และยืนยันกับเขาอย่างหนักแน่นว่าจะมีการเลือกตั้งในเร็ววัน
จนวันหนึ่งมีเหตุการณ์วางระเบิดเรือลา คูเบร เรือสินค้าสัญชาติฝรั่งเศสที่มีอาวุธจากโซเวียตที่ส่งมาให้คิวบาเต็มลำทำให้คนล้มตายเกือบร้อยคนและบาดเจ็บนับไม่ถ้วน
ว่ากันว่าเป็นฝีมือของชาวอเมริกัน ทำให้ฟิเดลประนามรัฐบาลอเมริกาว่าทำเรื่องเลวร้าย นอกจากนั้นยังว่ากันว่าชาวอเมริกันคนนั้นก่อนจะวางระเบิดได้พบกับแยงกี้พระนายกองก่อนในเวลาไม่นาน ทำให้เกิดความเคลือบแคลงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่
จนวันหนึ่งเมื่อรัฐบาลคิวบาของฟิเดล ได้จับตัวคนที่คิดเป็นปฏิปักษ์คณะปฏิวัติ ซึ่งคนๆ นั้นเคยเป็นอดีตคณะปฏิวัติด้วยแต่เพราะฟิเดลเอาใจเข้าหาโซเวียต จึงทำให้ทำการต่อต้าน แต่บิลลี่ก็ไปยังที่คุมขัง เพื่อไปพบกับสหายเก่า และเค้าลางแห่งหายนะก็เริ่มปรากฏ
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อดใจรออีกนิดนะครับ รอพบกับตอนต่อไป ตอนที่ 4 : การปฏิวัติครั้งสุดท้าย
หากใครอยากตืดตามเรื่องราวของคนอื่นๆเพิ่มเติม เชิญรับชมได้ที่เพจ Someone in History : ใครสักคนในประวัติศาสตร์ได้เลยนะครับ
https://www.facebook.com/someoneinhistory/
Cr :
https://wwwดอตnewyorkerดอตcom/magazine/2012/05/28/the-yankee-comandante
https://enดอตmดอตwikipediaดอตorg/wiki/William_Alexander_Morgan
https://wwwดอตbuzzfeednewsดอตcom/article/mikesallah/adam-driver-yankee-comandante-william-morgan-cuba
แยงกี้พระนายกอง : ทหารเอกมะริกันของฟิเดล คาสโตร ตอนที่ 3 : ฮีโร่ของคิวบา
เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตอนที่ 3 แล้วสำหรับเรื่องราวชีวิตของ บิลลี่ มอร์แกน หรือแยงกี้พระนายกองของเรา หากท่านต้องการรับชมเรื่องราวความเป็นมาของเขาสามารถอ่านย้อนหลังได้ตามนี้ครับ
ตอนที่ 1 : https://www.facebook.com/103698488387311/posts/223205633103262/?d=n
ตอนที่ 2 : https://www.facebook.com/103698488387311/posts/226032256153933/?d=n
ในตอนนี้ เราจะมารับรู้เรื่องราวของเขาต่อว่า นอกจากจะเป็นชาวต่างชาติที่ช่วยคิวบาปฏิวัติสำเร็จแล้ว เขายังมีวีรกรรมอะไรอีก ที่ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่
นอกจากนั้นเขายังต้องเผชิญกับทางแยกของชีวิตที่สำคัญ ที่เขาต้องเลือกระหว่างชาติกำเนิด กับชาติที่รัก ว่าเขาจะต้องเลือกสิ่งใด มารับชมไปพร้อมๆกันเลยครับ
1.ความเดิมตอนที่แล้ว
หลังจากบิลลี่ได้ร่วมคณะปฏิวัติที่นำโดยฟิเดล คาสโตร และทำการปฏิวัติได้สำเร็จ เขาก็ได้กลายเป็นฮีโร่ของชาติ และได้มีโอกาสพบกับฟิเดลตัวเป็นๆสักที ทั้งคู่จับไม้จับมือกัน บิลลี่ชื่นชอบชายเคราดกคนนี้มาก ถึงขั้นเอ่ยปากว่า ฟิเดลนี่แหละคือเพื่อนแท้ของเขา
บิลลี่กล่าวถึงสาเหตุในการเข้าร่วมฝ่ายปฏิวัติว่า “ผมไม่อยากให้ลูกของผมต้องเติบโตมาแล้วไปรบในดินแดนอื่นที่ไม่ใช่บ้านของตน พวกหนุ่มสาวเหล่านี้ต่างก็สู้รบต่อพวกเผด็จการที่พรากสิทธิของพวกไป ซึ่งพวกนั้นไม่มีสิทธิทำเช่นนั้น” บิลลี่เชื่อมั่นมากว่าฟิเดลต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้แน่นอน
แม้จะหวั่นใจว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคนข้างกายของฟิเดล อันได้แก่ ราอูลน้องชาย และเช ต่างก็เป็นคอมมิวนิสต์ตัวเอ้
โดยเฉพาะราอูลที่เคยเข้าร่วมสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ไปเดินขบวนที่โซเวียตมาแล้ว แต่ฟิเดลก็พร่ำบอกเสมอว่าจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้ ทำให้เขาใจชื้นขึ้น และหลังจากคณะปฏิวัติชนะแล้วเขาก็ได้แต่งงานกับโอลก้า สาวน้อยที่พบรักระหว่างรบ
2.การก้าวเข้ามาของซีไอเอ
หลังจากปฏิวัติได้ไม่นาน ซีไอเอ ก็ได้รับรู้ถึงตัวตนของแยงกี้พระนายกอง จึงมีความคิดที่จะเอามาเป็นพวกเพราะคิดว่ายังไงบิลลี่ก็เป็นคนอเมริกันถึงแม้จะช่วยคิวบาก็ตาม อีกทั้งตอนนั้นพวกแนวรบที่สองแห่งเอสคัมเบรย์ ก็ไม่มีใครได้รับตำแหน่งในรัฐบาลคณะปฏิวัติ
ในขณะที่ราอูลได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม และเช เกบารา ได้รับตำแหน่งผู้ว่าการแบงค์ชาติผู้ควบคุมนโยบายของชาติทั้งสองตำแหน่งเลย
เมื่อคนจากซีไอเอเข้าพบเขาที่โรงแรมคาปรีที่บิลลี่พักอยู่ ก็ทำการติดต่อขอพบกับเขา แล้วบิลลี่ก็ปรากฏตัวพร้อมกับรอยยิ้มเพราะนานๆทีจะได้พบคนอเมริกันเหมือนกัน
ทั้งสองคุยกันอย่างเปิดอก บิลลี่ก็บอกว่าเขากังวลเกี่ยวกับการที่ราอูลและเชได้รับตำแหน่งสำคัญ ส่วนตัวเขาและเมโนโยไม่ได้รับตำแหน่งอะไรเลย ทำให้เขาตกอยู่ในที่นั่งลำบาก อีกทั้งยังมีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ซีไอเอผู้นั้นกลับหน่วยงาน ก็สรุปผลการพูดคุย โดยรายงานว่า ตัวบิลลี่นั้นแสดงความกังวลต่อฟิเดลว่าอาจนำชาติไปสู่ค่ายคอมมิวนิสต์ และอาจจะให้ความร่วมมือในการเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะปฏิวัติเป็นอย่างดี
3.แผนโค่นล้มคิวบา
จากนั้นไม่นานก็มีคนมาขอพบบิลลี่ที่โรงแรม เมื่อเขาลงมาก็พบว่าชายคนนั้นคือแฟรงกี้ เนลสัน อันธพาลชาวอเมริกันเขามีความกังวลว่าบ่อนกับไนท์คลับจะถูกปิด เขาบอกกับบิลลี่ด้วยการกระซิบอย่างเบาๆ เหมือนกลัวว่าทหารคุ้มกันจะได้ยินว่า "ชั้นต้องการ"การบริการ"จากนายบิลลี่"
"บริการอะไร" บิลลี่ถามด้วยความงุนงง "เพื่อนของฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย และจะตอบแทนนายด้วยเงินล้านดอลล่าร์" แฟรงกี้บอก บิลลี่บอกกับเขาว่าขอไปปรึกษาเมโนโยลูกพี่ของเขาก่อน แล้วเดี๋ยวจะมาบอก
หลังจากนั้นบิลลี่ก็บินไปไมอามี่กับโอลก้าอ้างว่าไปหาหมอ บิลลี่แอบไปพบกับแฟรงกี้ โดยนอกจากมีแฟรงกี้แล้วก็ยังมีจอนนี่ การ์เซียหัวหน้าสายลับของโดมินิกัน โดยจอนนี่มีบทบาทสำคัญในการอุ้มฆ่าศัตรูทางการเมืองของตรูฆิโย่ผู้นำโดมินิกันมากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อคุยรายละเอียดกันเสร็จสรรพแล้ว บิลลี่ตอบตกลง โดยแผนของพวกนั้นมีอยู่ว่า จะนำชายฉกรรจ์ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวคิวบาที่ลี้ภัยทางการเมืองและทหารรับจ้างขึ้นเครื่องบินแล้วมาลงที่โดมินิกัน ก่อนจะเข้ามาคิวบาตรงที่ใกล้ๆกับเขาเอสคัมเบรย์แล้วเข้าโจมตีที่ฮาวานา ซึ่งเครื่องบินจะนำอาวุธยุทโธปกรณ์มาดร็อปให้ก่อน
4.การก่อการปฏิปักษ์คณะปฏิวัติ
เมื่อก่อนถึงเวลานัดหมาย ก็มีข่าวปรากฏว่ามีการลอบโจมตีสถานที่ต่างๆ และมีการวางระเบิด ได้แก่ มีการลอบยิงที่บ้านพักของฟิเดลด้วยปืนหลายนัด บ้านของราอูลน้องชายของฟิเดล และวางระเบิดสถานที่ราชการต่างๆ
ฝ่ายตรูฆิโย่ผู้นำโดมินิกันซึ่งเกลียดชังฟิเดลอยู่แล้วมีความพอใจอย่างยิ่ง และยิ้มว่าคราวนี้ไอ้ฟิเดลได้ตายห่านแน่ๆหึๆๆ เมื่อถึงเวลาเครื่องบินก็ได้นำอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลมาร่อนลงตามนัด
จากนั้นก็มีผู้มารอรับโดยออกมาจากมุมมืด แต่ทว่า เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ หนวดเครายาวรกรุงรัง เผยยิ้มให้เห็นฟันขาว นั่นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นฟิเดล คาสโตรนั่นเอง นักบินและผู้โดยสารตกตะลึง และนึกขึ้นได้ในทันควัน “ไอ้หยา โดนเข้าแล้วเรา” พวกนั้นโดนฟิเดลซ้อนแผน เพราะบิลลี่และเมโนโยเอาข่าวไปบอกกับฟิเดลตั้งแต่วันที่ได้รับการติดต่อ
นักบินและผู้โดยสารถูกยิงร่วงราวกับใบไม้หล่นจากต้น ที่เหลือก็ถูกจับและอาวุธก็โดนยึด ฟิเดลขอบอกขอบใจบิลลี่เป็นยกใหญ่ และยกย่องเขาว่าเป็นเพื่อนแท้ แต่ก็มีข้อถกเถียงกันว่าบางทีอาจเป็นเพราะบิลลี่และเมโนโยอาจจะกำลังถูกจับได้จึงต้องนำความลับไปบอกเสียก่อน
4.ฮีโร่ของคิวบา
หลังจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของฝ่ายฟิเดล แยงกี้พระนายกองได้รับบทพระเอกไปเต็มๆแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เขายังได้ใจประชาชนชาวคิวบาอีกด้วยการที่บิลลี่นำเงินที่ได้รับมาจากฝ่ายตรูฆิโย่จำนวนเกือบแปดหมื่นดอลล่าร์บริจาคให้กับรัฐบาล
เมื่อได้รับเงินมาฟิเดลถึงกับมอบสัญชาติคิวบาให้บิลลี่ โดยถือว่าเขาเป็นชาวคิวบามาแต่กำเนิด ทำเอาจิตใจของเขาพองโตด้วยความปีติเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นบิลลี่ที่มีความสุขใจก็ลืมเรื่องตำแหน่งของตนในรัฐบาลที่ควรได้ แล้วมุ่งไปใช้ชีวิตในชนบท เขาและโอลก้าพร้อมด้วยลูกสาวอีกสองคนไปปลูกบ้านทำฟาร์มกบภูเขาเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยส่งขาไปให้ภัตตาคาร และหนังให้ร้านเครื่องหนังเพื่อไปทำกระเป๋า
เขาสอนให้ชาวบ้านที่ใกล้เคียงมีความรู้ด้านเกษตรและปศุสัตว์ แล้วก็ใช้ชีวิตมีความสุขกับครอบครัวเรื่อยมา ชีวิตของเขาเหมือนจะสมบูรณ์แบบแล้ว
5.เค้าลางแห่งความโชคร้าย
ทว่าความสุขของบิลลี่ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีข่าวแพร่สะพัดว่าฟิเดล คาสโตรมีใจออกห่างอเมริกาและเข้าหาโซเวียตมากขึ้น เขาถึงขั้นทำข้อตกลงด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้า หรือการทหารกับทางโซเวียต
บิลลี่รู้สึกไม่สบายใจเพราะฟิเดลได้ให้คำมั่นกับเขาแล้วว่าจะไม่เป็นคอมมิวนิสต์อย่างแน่นอน และยืนยันกับเขาอย่างหนักแน่นว่าจะมีการเลือกตั้งในเร็ววัน
จนวันหนึ่งมีเหตุการณ์วางระเบิดเรือลา คูเบร เรือสินค้าสัญชาติฝรั่งเศสที่มีอาวุธจากโซเวียตที่ส่งมาให้คิวบาเต็มลำทำให้คนล้มตายเกือบร้อยคนและบาดเจ็บนับไม่ถ้วน
ว่ากันว่าเป็นฝีมือของชาวอเมริกัน ทำให้ฟิเดลประนามรัฐบาลอเมริกาว่าทำเรื่องเลวร้าย นอกจากนั้นยังว่ากันว่าชาวอเมริกันคนนั้นก่อนจะวางระเบิดได้พบกับแยงกี้พระนายกองก่อนในเวลาไม่นาน ทำให้เกิดความเคลือบแคลงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่
จนวันหนึ่งเมื่อรัฐบาลคิวบาของฟิเดล ได้จับตัวคนที่คิดเป็นปฏิปักษ์คณะปฏิวัติ ซึ่งคนๆ นั้นเคยเป็นอดีตคณะปฏิวัติด้วยแต่เพราะฟิเดลเอาใจเข้าหาโซเวียต จึงทำให้ทำการต่อต้าน แต่บิลลี่ก็ไปยังที่คุมขัง เพื่อไปพบกับสหายเก่า และเค้าลางแห่งหายนะก็เริ่มปรากฏ
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อดใจรออีกนิดนะครับ รอพบกับตอนต่อไป ตอนที่ 4 : การปฏิวัติครั้งสุดท้าย
หากใครอยากตืดตามเรื่องราวของคนอื่นๆเพิ่มเติม เชิญรับชมได้ที่เพจ Someone in History : ใครสักคนในประวัติศาสตร์ได้เลยนะครับ
https://www.facebook.com/someoneinhistory/
Cr : https://wwwดอตnewyorkerดอตcom/magazine/2012/05/28/the-yankee-comandante
https://enดอตmดอตwikipediaดอตorg/wiki/William_Alexander_Morgan
https://wwwดอตbuzzfeednewsดอตcom/article/mikesallah/adam-driver-yankee-comandante-william-morgan-cuba