สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผมเคยทดลองนะ มีช่วงหนึ่งสงสัยคุณของความเมตตา แต่ว่าเราก็ยังฝึกตัวได้ไม่ดีเท่าไร แล้วมันมีเหตุการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่มีทางออก ตอนนั้นเลยใช้เมตตาเป็นหลัก เจอนักเลงเก่าที่มาก่อกวนแต่ไล่ไม่ได้ ผมเลือกจะเจรจาด้วยเมตตา ตอนนั้นใจไม่ว่อกแว่ก ไม่คิดเรื่องอื่นเลย สมาทานเมตตาชนิดที่ว่าตายก็ไม่เป็นไร ความคิดอื่นก็ไม่มี ไม่ฟุ้งซ่าน นิ่งอยู่กับความเมตตาชนิดที่ว่าทำได้ครั้งเดียวในชีวิต
คุยไป ๆ เขาก็ยกมือขึ้นจะชกแล้วก็หยุด เป็นแบบนี้หลายรอบ เราคุยด้วยเหตุผลและความบริสุทธิ์ใจ คุยกันเป็นชั่วโมง พอเขาจะชกผมก็อยู่กับเมตตา ชกก็ชก ไม่โกรธ ไม่เกลียด ยึดธรรมเป็นชีวิต
พอเขาหยุดก็ถามมาหลายคำถาม เราก็ตอบไปตามเหตุผล แล้วอีกอย่างเขาอยู่ในอารมณ์บ้ากาม มันไม่ใช่วิสัยที่พูดคุยด้วยได้ พอเราตอบก็จะชกทุกครั้ง
จนสุดท้ายเขายอม เขาบอกว่าเข้าใจแล้ว เขาเชื่อว่าเราไม่ได้เกลียดเขา เขาเชื่อว่าเราหวังดีกับเขา เขาเชื่อว่าเราไม่ได้ทำเพื่อคิดจะแย่งผู้หญิง (ซะงั้น) เขาเป็นนักเลง เขาว่าไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนี้แล้วไม่โดนชก เขาขึ้นโรงพักเป็นปกติ เข้าโรงพยาบาลเป็นปกติ
ผมเมตตาโดยเชื่อว่าก้นบึ้งของมนุษย์จะต้องมีความอยากดีอยู่ แต่เขาแค่หลงทางอยู่ในความมืด แน่นอนเราไม่ได้เก่งพอจะไปรับมือกับใครไปทั่ว แต่เมื่อมันเลี่ยงไม่ได้และไม่มีตัวช่วย ก็เอาธรรมคือความเมตตานี่แหละไม่เหลือตัวช่วยอื่นแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนม้าพยศที่สงบลง ทั้ง ๆ ที่เขาทำตัวเกะกะเกเรและลวนลามผู้หญิงทุกวัน เขาถามเรื่องการปรับปรุงตัว เขาถามเรื่องการฝึกฝนตนเอง เขาถามว่าอย่างเขานี่จะทำได้ไหม เขาว่าเขาจะลองไปบวช นั่นคือเรื่องสุดท้ายที่ผมคุยกับเขา เขาเลิกก่อกวนคนอื่นแล้วก็หายหน้าไป
เมตตาธรรมเป็นธรรมค้ำจุนโลก ไม่ใช่ค้ำจุนแค่ตัวเรา ในอดีตก่อนสมัยพุทธกาล มีฤาษีชื่อกบิลดาบส ได้แผ่เมตตาอยู่เป็นนิจ จนที่บริเวณนั้นสงบสุข ไม่มีเวร ไม่มีภัย กระต่ายและสิงโตก็มีจิตเมตตาต่อกัน ไม่ฆ่ากัน ไม่อาฆาตกัน ไม่มีสัตว์ที่ตายในพื้นที่นั้น แม้กระทั่งสัตว์ที่ใกล้ตาย ก็ยังกระกระสนไปตายนอกพื้นที่
ความเมตตาก็เหมือนน้ำที่เราปะพรมให้ผู้อื่น ความชุ่มเย็นจะถูกส่งต่อ จิตใจของผู้อื่นจะอ่อนโยนและนุ่มนวลขึ้น แม้สัตว์ที่ไม่มีปัญญาหรือคนที่มืดบอดก็ยังรับรู้ถึงความเมตตาได้ แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ทุกครั้งที่เราแผ่เมตตา นั่นคือการที่เรากำลังเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น
คุยไป ๆ เขาก็ยกมือขึ้นจะชกแล้วก็หยุด เป็นแบบนี้หลายรอบ เราคุยด้วยเหตุผลและความบริสุทธิ์ใจ คุยกันเป็นชั่วโมง พอเขาจะชกผมก็อยู่กับเมตตา ชกก็ชก ไม่โกรธ ไม่เกลียด ยึดธรรมเป็นชีวิต
พอเขาหยุดก็ถามมาหลายคำถาม เราก็ตอบไปตามเหตุผล แล้วอีกอย่างเขาอยู่ในอารมณ์บ้ากาม มันไม่ใช่วิสัยที่พูดคุยด้วยได้ พอเราตอบก็จะชกทุกครั้ง
จนสุดท้ายเขายอม เขาบอกว่าเข้าใจแล้ว เขาเชื่อว่าเราไม่ได้เกลียดเขา เขาเชื่อว่าเราหวังดีกับเขา เขาเชื่อว่าเราไม่ได้ทำเพื่อคิดจะแย่งผู้หญิง (ซะงั้น) เขาเป็นนักเลง เขาว่าไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนี้แล้วไม่โดนชก เขาขึ้นโรงพักเป็นปกติ เข้าโรงพยาบาลเป็นปกติ
ผมเมตตาโดยเชื่อว่าก้นบึ้งของมนุษย์จะต้องมีความอยากดีอยู่ แต่เขาแค่หลงทางอยู่ในความมืด แน่นอนเราไม่ได้เก่งพอจะไปรับมือกับใครไปทั่ว แต่เมื่อมันเลี่ยงไม่ได้และไม่มีตัวช่วย ก็เอาธรรมคือความเมตตานี่แหละไม่เหลือตัวช่วยอื่นแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนม้าพยศที่สงบลง ทั้ง ๆ ที่เขาทำตัวเกะกะเกเรและลวนลามผู้หญิงทุกวัน เขาถามเรื่องการปรับปรุงตัว เขาถามเรื่องการฝึกฝนตนเอง เขาถามว่าอย่างเขานี่จะทำได้ไหม เขาว่าเขาจะลองไปบวช นั่นคือเรื่องสุดท้ายที่ผมคุยกับเขา เขาเลิกก่อกวนคนอื่นแล้วก็หายหน้าไป
เมตตาธรรมเป็นธรรมค้ำจุนโลก ไม่ใช่ค้ำจุนแค่ตัวเรา ในอดีตก่อนสมัยพุทธกาล มีฤาษีชื่อกบิลดาบส ได้แผ่เมตตาอยู่เป็นนิจ จนที่บริเวณนั้นสงบสุข ไม่มีเวร ไม่มีภัย กระต่ายและสิงโตก็มีจิตเมตตาต่อกัน ไม่ฆ่ากัน ไม่อาฆาตกัน ไม่มีสัตว์ที่ตายในพื้นที่นั้น แม้กระทั่งสัตว์ที่ใกล้ตาย ก็ยังกระกระสนไปตายนอกพื้นที่
ความเมตตาก็เหมือนน้ำที่เราปะพรมให้ผู้อื่น ความชุ่มเย็นจะถูกส่งต่อ จิตใจของผู้อื่นจะอ่อนโยนและนุ่มนวลขึ้น แม้สัตว์ที่ไม่มีปัญญาหรือคนที่มืดบอดก็ยังรับรู้ถึงความเมตตาได้ แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ทุกครั้งที่เราแผ่เมตตา นั่นคือการที่เรากำลังเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น
แสดงความคิดเห็น
แผ่เมตตาให้สัตว์ คนแผ่ได้บุญ แล้วสัตว์เหล่านั้นจะได้อะไร?
กรณี 'อมนุษย์' เช่นเทวดา เปรด ฯลฯ ที่เป็นกายทิพย์ไม่มีกายเนื้อ ยังพอมีเรื่องราวปรากฎอยู่ว่ารับผลบุญได้ (อาจเป็นเพราะกายทิพย์) แต่กรณีของสัตว์และมนุษย์ซึ่งเป็นกายเนื้อล่ะ จะรับผลบุญได้หรือไม่ อย่างไร?
----------------------------------
นอกประเด็นนิดนึง ผมลองคิดแบบใช้เหตุผล การแผ่เมตตา (รวมถึงแผ่ส่วนกุศล) ถือเป็นอะไรที่พิศดารย้อนแย้งพอสมควร หลักการคือแผ่ความปราถนาดีหรือส่งบุญไปให้เป้าหมาย แต่ตัวผู้ให้นอกจากไม่เสียอะไรแล้วกลับได้รับบุญซะเอง ถ้าคิดแบบหัวหมอนี่คือเป็นช่องทางหาบุญใส่ตัวแบบง่ายๆสบายๆ ใครอยากได้บุญแบบไม่รู้จบก็แผ่เมตตา พอแผ่แล้วก็จะได้บุญ ก็แผ่ส่วนบุญต่อ ได้บุญเพิ่ม... แผ่ต่อ... ได้บุญ... แผ่ต่อ... ไปเรื่อยๆแบบนี้.... เฮ่ย! แบบนี้ก็ได้รึ??