***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ No Time to Die***
ตอนเด็กผมเคยเข้าใจว่า เจมส์ บอนด์เป็นผู้ชายที่ไม่เคยรักใครจริง
หมายถึงว่าเขาไม่เคยลงหลักปักฐานกับใคร เขาจูบผู้หญิงและยิงผู้ร้ายเป็นว่าเล่น
กระทั่งผมถึงวัยที่ดูหนังอย่างจริงจัง ถึงได้รู้ว่าที่บอนด์เคยแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งใน On Her Majesty's Secret Service (1969) เขาลงเอยกับเธอด้วยความรู้สึกที่แท้จริง มิใช่กลลวงให้ได้ซึ่งข้อมูล
ในหนังภาคนั้น มีเพลงประกอบสุดไพเราะ We Have All the Time in the World ประกอบคลอซีนโรแมนติกของพวกเขา
อีกทั้งบอนด์ยังมอบแหวนแต่งงานที่เป็นรูปตัวอักษรล้อมเป็นวงกลมเขียนว่า We Have All the Time in the World ให้กับหญิงสาว
หลังแต่งงาน พวกเขาขับรถกันไปบนถนนคดเคี้ยวบนเทือกเขา มีทะเลสวยงามอยู่เบื้องล่าง ก่อนจะเกิดโศกนาฏกรรม เมื่อบอนด์ถูกวายร้ายโจมตี จนหญิงสาวที่เขารักถูกยิงเสียชีวิตทันที
เขาโอบกอดเธอไว้ บอนด์ได้แต่บอกตำรวจที่เข้ามาดูเหตุการณ์ ทำนองว่าทุกอย่างโอเค เธอแค่ต้องการพัก เขามองแหวนที่อยู่บนนิ้วเธอ แล้วบอกตำรวจว่า "We have all the time in the world." ผมอาจแปลไม่สละสลวย แต่เขาคงตั้งใจบอกว่า "เวลาทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก อยู่กับเราสองคนแล้ว"
อาจเรียกได้ว่าบอนด์เป็นตัวละครที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เราเห็นเขาเดินทางหรือไม่ก็ทำงานอยู่เสมอ ดังนั้น ในแง่นึง We Have All the Time in the World จึงหมายถึงการละทิ้งสิ่งที่ตัวบอนด์เป็นมาตลอด เขายอมมอบเวลาทั้งหมดให้กับหญิงสาวที่เขารัก
นั่นจึงทำให้ทันทีที่ผมได้ยินเพลง We Have All the Time in the World ใน No Time to Die (2021) ฉากที่บอนด์กำลังขับรถบนเขาที่คดเคี้ยว ด้านข้างเป็นทะเลสวยงาม โดยมีหญิงสาวที่เขารักนั่งอยู่เคียงข้างกัน
ผมเลยมั่นใจว่าบอนด์รักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เขาไม่ได้ปิดกั้นตัวเองอีกแล้ว
แต่เพราะชีวิตของบอนด์เป็นดั่งยาพิษที่วายร้ายซาฟินใช้ป้ายคนอื่น หากเขากอดหรือจูบคนที่เขารักเมื่อไหร่ ความตายก็จะมาเยือนครอบครัวของเขาทันที
No Time to Die เลยกลายเป็นเหมือนภาคกลับของ On Her Majesty's Secret Service
ถ้าจะมีสักคนต้องตายในตอนจบ บอนด์ก็ขอยอมตายแทนคนที่เขารัก กลายเป็นเงาสะท้อน ชดใช้โศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นใน On Her Majesty's Secret Service
แล้วเพลง We Have All the Time in the World ก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเอ็นด์เครดิตขึ้น ผมนั่งฟังจนจบเพลง
มันทั้งโรแมนติกและเศร้าในเวลาเดียวกัน
We Have All the Time in the World (เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ No Time to Die)
ตอนเด็กผมเคยเข้าใจว่า เจมส์ บอนด์เป็นผู้ชายที่ไม่เคยรักใครจริง
หมายถึงว่าเขาไม่เคยลงหลักปักฐานกับใคร เขาจูบผู้หญิงและยิงผู้ร้ายเป็นว่าเล่น
กระทั่งผมถึงวัยที่ดูหนังอย่างจริงจัง ถึงได้รู้ว่าที่บอนด์เคยแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งใน On Her Majesty's Secret Service (1969) เขาลงเอยกับเธอด้วยความรู้สึกที่แท้จริง มิใช่กลลวงให้ได้ซึ่งข้อมูล