No Time To Die - (8.5/10)
___________________________________________
.
"การอำลา 007 ที่ยอดเยี่ยมและน่าจดจำ"
.
การรับบท 007 เป็นครั้งสุดท้ายของเดเนียล เครก เป็นสิ่งที่ทำให้เราตั้งตารอดูหนังเรื่องนี้มากๆ และหนังเรื่องนี้ปิดฉาก 007 คนนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย สมกับการเป็นตำนาน 007 ที่น่าจดจำอีกหนึ่งคน
.
ก่อนอื่นเลยคือชอบเพลงภาคนี้มากๆ มันให้อารมณ์ที่คล้ายกับ skyfall ความเศร้า ความเยือกเย็น และการสูญเสีย เราจะสังเกตได้ว่า 007 ในเวอร์ชั่นของเครกนั้น จะโชว์ความเป็นมนุษย์ ความดิบ และดราม่าที่เข้มข้น ให้คนดูรู้สึกได้ว่าลึกๆจริงๆภายใต้สายลับคนนี้ ก็คือมนุษย์ที่มีจิตใจ มีความอ่อนโยน มีความรักดั่งเช่นคนทั่วไป เจ็บได้และอาจตายได้เช่นกัน ทุกๆภาคมันจะให้ความรู้สึกเหมือน 007 มีสิทธิ์ตายได้ทุกเมื่อหรืออาจสูญเสียคนสำคัญได้เสมอ
.
หนังมีการดำเนินเรื่องที่ฉับไวตั้งแต่เปิดเรื่อง การปูเนื้อหาตัวละครใหม่ๆก็เป็นไปอย่างเรียบเนียนและน่าสนใจ ส่วนตัวคือชอบฉากเปิดแบบสุดใจ มันละเอียดในการถ่ายทำสุดๆ และยังเป็นการเปิดตัววายร้ายที่น่าสนใจและน่าจดจำด้วยเช่นกัน ถึงแม้หนังจะมีความยาวกว่า 2 ชม.ครึ่ง แต่เราไม่รู้สึกว่าหนังมันนานเลย หนังดำเนินเรื่องได้ฉับไวและทำให้เราตื่นเต้นและคอยปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน
.
ตัวร้ายในภาคนี้ต้องขอชื่นชมการเล่นของ เรมี่ มาเลค เลย เล่นบทนี้ได้เยือกเย็นและสมบทบาทของวายร้ายที่คิดแผนการมาเป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ชอบที่สุดคือการสะท้อนแนวคิดของตัวละครผ่านอุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในการบรรลุจุดประสงค์ของตนเองเหนือสิ่งอื่นใด แม้ตนเองจะต้องตาย ก็จะต้องชนะ ซึ่งเป็นวายร้ายที่มีความแตกต่างจากบอนด์ภาคอื่นๆที่อยากครองโลกหรือว่าอยากจัดการบอนด์ แซฟิน มีจุดประสงค์เพียงแค่ชำระล้างความแค้นของตนเท่านั้น และพร้อมพลีชีพให้กับอุดมการณ์ความแค้นของตน
.
ฉากการต่อสู้ก็ดูสมจริงและลุ้นมากในหลายๆช่วง รวมถึงการทิ้งท้ายความเก๋าของ 007 ให้เราเห็นเป็นการทิ้งท้ายที่สวยงามมากๆ พอดูจบได้แต่คิดว่า คนที่จะมาเป็น 007 คนต่อไป ต้องรับแรงกดดันมากๆแน่ๆ เพราะการปิดตำนาน 007 ฉบับของเดเนียล เครก เรียกได้ว่าขึ้นหิ้งเลยทีเดียว
สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ facebook: โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable
[CR] No Time To Die (8.5/10) - "การอำลา 007 ที่ยอดเยี่ยมและน่าจดจำ"
___________________________________________
.
"การอำลา 007 ที่ยอดเยี่ยมและน่าจดจำ"
.
การรับบท 007 เป็นครั้งสุดท้ายของเดเนียล เครก เป็นสิ่งที่ทำให้เราตั้งตารอดูหนังเรื่องนี้มากๆ และหนังเรื่องนี้ปิดฉาก 007 คนนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย สมกับการเป็นตำนาน 007 ที่น่าจดจำอีกหนึ่งคน
.
ก่อนอื่นเลยคือชอบเพลงภาคนี้มากๆ มันให้อารมณ์ที่คล้ายกับ skyfall ความเศร้า ความเยือกเย็น และการสูญเสีย เราจะสังเกตได้ว่า 007 ในเวอร์ชั่นของเครกนั้น จะโชว์ความเป็นมนุษย์ ความดิบ และดราม่าที่เข้มข้น ให้คนดูรู้สึกได้ว่าลึกๆจริงๆภายใต้สายลับคนนี้ ก็คือมนุษย์ที่มีจิตใจ มีความอ่อนโยน มีความรักดั่งเช่นคนทั่วไป เจ็บได้และอาจตายได้เช่นกัน ทุกๆภาคมันจะให้ความรู้สึกเหมือน 007 มีสิทธิ์ตายได้ทุกเมื่อหรืออาจสูญเสียคนสำคัญได้เสมอ
.
หนังมีการดำเนินเรื่องที่ฉับไวตั้งแต่เปิดเรื่อง การปูเนื้อหาตัวละครใหม่ๆก็เป็นไปอย่างเรียบเนียนและน่าสนใจ ส่วนตัวคือชอบฉากเปิดแบบสุดใจ มันละเอียดในการถ่ายทำสุดๆ และยังเป็นการเปิดตัววายร้ายที่น่าสนใจและน่าจดจำด้วยเช่นกัน ถึงแม้หนังจะมีความยาวกว่า 2 ชม.ครึ่ง แต่เราไม่รู้สึกว่าหนังมันนานเลย หนังดำเนินเรื่องได้ฉับไวและทำให้เราตื่นเต้นและคอยปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน
.
ตัวร้ายในภาคนี้ต้องขอชื่นชมการเล่นของ เรมี่ มาเลค เลย เล่นบทนี้ได้เยือกเย็นและสมบทบาทของวายร้ายที่คิดแผนการมาเป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ชอบที่สุดคือการสะท้อนแนวคิดของตัวละครผ่านอุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในการบรรลุจุดประสงค์ของตนเองเหนือสิ่งอื่นใด แม้ตนเองจะต้องตาย ก็จะต้องชนะ ซึ่งเป็นวายร้ายที่มีความแตกต่างจากบอนด์ภาคอื่นๆที่อยากครองโลกหรือว่าอยากจัดการบอนด์ แซฟิน มีจุดประสงค์เพียงแค่ชำระล้างความแค้นของตนเท่านั้น และพร้อมพลีชีพให้กับอุดมการณ์ความแค้นของตน
.
ฉากการต่อสู้ก็ดูสมจริงและลุ้นมากในหลายๆช่วง รวมถึงการทิ้งท้ายความเก๋าของ 007 ให้เราเห็นเป็นการทิ้งท้ายที่สวยงามมากๆ พอดูจบได้แต่คิดว่า คนที่จะมาเป็น 007 คนต่อไป ต้องรับแรงกดดันมากๆแน่ๆ เพราะการปิดตำนาน 007 ฉบับของเดเนียล เครก เรียกได้ว่าขึ้นหิ้งเลยทีเดียว
สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ facebook: โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้