ผมเพิ่งได้ไปดูหนังเรื่อง 007 No Time To Die รอบ 11.30 น. ดูเสียง soundtrack ซับไทย โรงปกติ ไม่ได้ดูโรง IMAX รู้สึกตื่นเต้นกับหนังบอนด์ภาคนี้ เพราะ เป็นภาคปิดของนักแสดง แดเนียล เคร็ก กับบทบาทสายลับ 007 กับการเดินทางร่วมผจญภัยกับเขามาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี ภาคนี้ก็ถือเป็นจุดจบจักรวาลของเขา ก่อนอื่นต้องบอกว่า ผมไม่ได้เป็นแฟนตัวยงหนังชุด 007 คือ ตามดูครบทั้ง 25 ภาค ผ่านนักแสดงทั้ง 6 ท่าน แต่ก็ไม่ถึงกับประทับใจอะไรมากมาย มีแค่ภาค Casino Royale กับ Skyfall ที่ชอบเป็นพิเศษ
ผมคาดหวังไว้ระดับนึงกับภาคปิดของยุคเคร็ก แต่ไม่ถึงกับคาดหวังว่ามันต้องดีกว่าภาค Casino Royale กับ Skyfall เพราะ ก่อนไปดูได้เข้าไปดูคำวิจารณ์ของเว็บนอกก็ให้กันดีครึ่งไม่ดีครึ่ง บางคนบอกว่า ภาคนี้ไม่ถึงกับแย่ที่สุดหรือดีที่สุดแต่ทำออกมาดีกว่าภาค Quantum Of Solace และ Spectre
พอผมได้ไปดูจริงๆ หลังดูจบตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง 45 นาที เป็นหนังบอนด์ที่ยาวนานมากที่สุดในแฟรนไซส์ ผมจะบอกว่า ภาคนี้ไม่ได้ดีไปกว่า Casino Royale และ Skyfall ครับ แต่ตัวหนังโดยรวมดูเพลินดูสนุก มีบทดราม่าที่ดีกว่าในภาค Quantum Of Solace และ Spectre ครับ
หนังภาคนี้ได้ตัวผู้กำกับจากซีรีย์ True Detective มาทำครับ ซึ่งเป็นครั้งแรกในแฟรนไซส์นี้ที่ทางสตูดิโอเลือกผู้กำกับสัญชาติอเมริกันมากำกับ เพราะก่อนหน้านี้จะมีแต่ผู้กำกับชาวอังกฤษไม่ก็อยู่ในเครือ UK มากำกับเท่านั้น เนื่องด้วยเหตุที่เจมส์ บอนด์เป็นตัวละครจากเกาะอังกฤษแท้ๆด้วยเลยอยากให้คงความเป็นชาตินิยมไว้ แต่ผู้กำกับท่านนี้ก็ไม่ได้ยัดใส่ความเป็นอเมริกันเข้าไปในหนังภาคนี้ เจมส์ บอนด์ ก็ยังเป็น เจมส์ บอนด์ สายลับอังกฤษเช่นเคย
หนังยาวก็จริงแต่ตอนดูรู้สึกเวลาผ่านไปไวมาก ด้วยการลำดับเรียงฉากต่อฉากที่ดูเพลินมาก หนังภาคนี้มีความสลับซับซ้อนด้านเนื้อหาพอตัว สำหรับใครที่จะไปดู แล้วจำเหตุการณ์ภาค Spectre ไม่ได้เลย แนะให้ไปดูซ้ำอีกรอบก่อนมาดูหนังภาคนี้ครับ เพราะ มีหลายตัวละครและหลายเหตุการณ์อิงจากหนังภาคก่อนเยอะ
ฉากเปิดเรื่องในภาคนี้ ผมว่าทำออกมาดีมาก น่าประทับใจ มีการเล่าย้อนเหตุการณ์ปมในอดีตของตัวละครเอกมาผูกกับเหตุการณ์ในปัจจุบันและมีซีนแอ็คชั่นไล่ล่าที่นานกว่า 20 นาทีก่อนจะตัดเข้าสู่เพลง Title ตามธรรมเนียมของหนังบอนด์
สำหรับหนังภาคนี้พล็อตเรื่องหลักอาจจะไม่เข้ากับยุคสมัยของเคร็กมากนักเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ คือ หนังภาคนี้มีความแฟนตาซี ไซไฟนิดๆ เหมือนยุคของโรเจอร์ มัวร์ + เพรียซ บรอสแนน มีการนำอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆกลับมาใช้เยอะขึ้น แต่ แต่... มันกลับนำสิ่งเหล่านี้ที่เคย sucessful ในหนังบอนด์ยุคเก่ามา mixed กับยุคของเคร็กได้ดีครับ ไม่ดูแล้วรู้สึกขัดแต่อย่างใด
ฉากแอ็คชั่นต้องเรียกว่าทีมงานสตั้นแมนโชว์เหนือกันมากครับในหนังภาคนี้ แอ็คชั่นระเบิดภูเขาเผากระท่อม รถพลิกคว่ำหลายตลบ กระโดดลงจากสะพานสูง คือ งานสตั้นจัดเต็ม ถึงจะเห็นเลยว่าหลายฉากเป็นสตั้นแสดงแทนเคร็ก แต่ผมก็รับได้เพราะเคร็กก็อายุเยอะแล้วจะมาแสดงบทบู๊เสี่ยงตายเยอะแบบภาคแรกๆก็ไม่ไหว
ใครที่ชอบหนังแบบ Mission Impossible Fallout ที่ฉากแอ็คชั่นจัดหนักจัดเต็มใส่มาแน่นทั้งเรื่อง เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดุเดือดไม่แพ้กันครับ ผมให้ความดุเดือด การเซ็ตฉากต่างๆ รวมถึงคิวบู๊ดีพอๆกันเลย มาครบเครื่องทุกสิ่งที่คุณอยากจะเห็นในหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่ง ทั้งฉากสตั้นผาดโผนเสี่ยงตาย ฉากขับยานพาหนะไล่ล่า ฉากต่อสู้ระยะประชิด และ ฉากยิงปะทะกันระหว่างพระเอกกับผู้ร้าย ซึ่งเรื่องนี้ตอบสนองด้านความมันเต็มรูปแบบครับ
เพลงประกอบหนังที่ทำโดย Hans Zimmer ถือว่าทำออกมาได้ดีมากครับ ทุกซีนมีธีมเพลงที่เข้ากับอารมณ์ของหนังดีมาก ทั้งซีนดราม่า ซีนระทึกขวัญ ซีนแอ็คชั่น มันสื่ออารมณ์ผ่านฉากการแสดงของนักแสดงส่งผ่านถึงคนดูได้เป็นอย่างดี คือ Score ของ Hans Zimmer เรื่องนี้ทำออกมาดีไม่แพ้เรื่องอื่นๆที่เขาทำมาเลย
สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบในหนังภาคนี้ คือ ตัวหนังยาวไปหน่อย คือ เนื้อหามันไม่มีความจำเป็นต้องเล่าให้ยืดยาวขนาดนี้ ถึงแม้เนื้อหาหนังจะซับซ้อนก็เถอะแต่น่าจะเล่าสรุปให้กระชับกว่านี้
ตัวละครหญิง สาวบอนด์ใหม่สองคน ที่คนนึงมารับบทเป็นสายลับ 007 ต่อจากบอนด์ และตัวละครสายลับสาวซีไอเอ ถือว่าออกมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้สีสันและอรรถรสให้หนังภาคนี้มีความสนุกขึ้นครับ เธอทั้งสองแสดงได้ดีเข้ากับบทบาทครับ และมีเคมีที่เข้ากับบอนด์ได้ดีเลยและก็ไม่ได้ใส่สองตัวละครนี้มาเพื่อยัดเยียดความเป็น Strong Female มากเกินไป
ตัวร้าย แอบผิดหวังครับ คือ ตั้งแต่ตอนดูตัวอย่าง ผมคาดหวังกับบทตัวร้ายที่ได้นักแสดงออสการ์อย่าง เรมี มาเลคมาแสดง แต่ในหนังกลับนำวายร้ายตัวนี้มาใช้ได้ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าที่ควรครับ บทตัวร้ายภาคนี้มันไม่เด่นและน่าจดจำเหมือนในภาค Casino Royale และ Skyfall ครับ เนื่องด้วยหนังภาคนี้ไปเน้นดราม่าเรื่องราวของตัวละครบอนด์และนางเอกเยอะครับกว่าจะมาเล่าส่วนตัวร้ายจริงจังก็เลยครึ่งเรื่องไปแล้ว แต่เรมี ราเมคก็แสดงได้ดีเช่นเคยครับ ไม่ว่าบทไหน เขาตีบทแตกทุกบท เรื่องนี้บทตัวร้ายมันน้อยไปนิดครับ สำหรับวายร้ายในหนังบอนด์ยุคเคร็กผมก็ยังชอบ ซิลวา ในภาค Skyfall มากสุดครับ
โดยรวมใครเป็นแฟนหนังบอนด์ไปว่ายุคเก่ายุคใหม่ ถ้าคิดจะไปดูหนังภาคนี้ในโรง ผมว่าคุ้มค่าครับ ไม่ถึงกับดีเยี่ยม แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ การแสดงทิ้งท้ายในบทนี้ของแดเนียล เคร็ก ทำได้น่าประทับใจมากครับทั้งซีนดราม่าแสดงอารมณ์ความรู้สึกและซีนแอ็คชั่นที่หนักแน่นทั้งเรื่อง
คะแนนโดยรวมให้ไปที่ 8/10 ครับ
- พล็อตเรื่อง : 7/10
- บทหนัง : 7/10
- การแสดง : 8/10
- โลเคชั่นการถ่ายทำ : 8/10
- เพลงประกอบหนัง : 8/10
- ฉากแอ็คชั่น : 9/10
ถ้าให้เรียงความชอบจากมากสุดไปน้อยสุดในจักรวาลหนัง 007 ยุคของเคร็กจากผมเองได้ตามนี้เลยครับ
Skyfall > Casino Royale > No Time To Die > Quantum Of Solace > Spectre
007 No Time To Die เป็นหนังบอนด์ภาคปิดตำนานยุคแดเนียล เคร็กที่ดีเทียบเท่า Casino Royale และ Skyfall ได้หรือไม่?
ผมคาดหวังไว้ระดับนึงกับภาคปิดของยุคเคร็ก แต่ไม่ถึงกับคาดหวังว่ามันต้องดีกว่าภาค Casino Royale กับ Skyfall เพราะ ก่อนไปดูได้เข้าไปดูคำวิจารณ์ของเว็บนอกก็ให้กันดีครึ่งไม่ดีครึ่ง บางคนบอกว่า ภาคนี้ไม่ถึงกับแย่ที่สุดหรือดีที่สุดแต่ทำออกมาดีกว่าภาค Quantum Of Solace และ Spectre
พอผมได้ไปดูจริงๆ หลังดูจบตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง 45 นาที เป็นหนังบอนด์ที่ยาวนานมากที่สุดในแฟรนไซส์ ผมจะบอกว่า ภาคนี้ไม่ได้ดีไปกว่า Casino Royale และ Skyfall ครับ แต่ตัวหนังโดยรวมดูเพลินดูสนุก มีบทดราม่าที่ดีกว่าในภาค Quantum Of Solace และ Spectre ครับ
หนังภาคนี้ได้ตัวผู้กำกับจากซีรีย์ True Detective มาทำครับ ซึ่งเป็นครั้งแรกในแฟรนไซส์นี้ที่ทางสตูดิโอเลือกผู้กำกับสัญชาติอเมริกันมากำกับ เพราะก่อนหน้านี้จะมีแต่ผู้กำกับชาวอังกฤษไม่ก็อยู่ในเครือ UK มากำกับเท่านั้น เนื่องด้วยเหตุที่เจมส์ บอนด์เป็นตัวละครจากเกาะอังกฤษแท้ๆด้วยเลยอยากให้คงความเป็นชาตินิยมไว้ แต่ผู้กำกับท่านนี้ก็ไม่ได้ยัดใส่ความเป็นอเมริกันเข้าไปในหนังภาคนี้ เจมส์ บอนด์ ก็ยังเป็น เจมส์ บอนด์ สายลับอังกฤษเช่นเคย
หนังยาวก็จริงแต่ตอนดูรู้สึกเวลาผ่านไปไวมาก ด้วยการลำดับเรียงฉากต่อฉากที่ดูเพลินมาก หนังภาคนี้มีความสลับซับซ้อนด้านเนื้อหาพอตัว สำหรับใครที่จะไปดู แล้วจำเหตุการณ์ภาค Spectre ไม่ได้เลย แนะให้ไปดูซ้ำอีกรอบก่อนมาดูหนังภาคนี้ครับ เพราะ มีหลายตัวละครและหลายเหตุการณ์อิงจากหนังภาคก่อนเยอะ
ฉากเปิดเรื่องในภาคนี้ ผมว่าทำออกมาดีมาก น่าประทับใจ มีการเล่าย้อนเหตุการณ์ปมในอดีตของตัวละครเอกมาผูกกับเหตุการณ์ในปัจจุบันและมีซีนแอ็คชั่นไล่ล่าที่นานกว่า 20 นาทีก่อนจะตัดเข้าสู่เพลง Title ตามธรรมเนียมของหนังบอนด์
สำหรับหนังภาคนี้พล็อตเรื่องหลักอาจจะไม่เข้ากับยุคสมัยของเคร็กมากนักเมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ คือ หนังภาคนี้มีความแฟนตาซี ไซไฟนิดๆ เหมือนยุคของโรเจอร์ มัวร์ + เพรียซ บรอสแนน มีการนำอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆกลับมาใช้เยอะขึ้น แต่ แต่... มันกลับนำสิ่งเหล่านี้ที่เคย sucessful ในหนังบอนด์ยุคเก่ามา mixed กับยุคของเคร็กได้ดีครับ ไม่ดูแล้วรู้สึกขัดแต่อย่างใด
ฉากแอ็คชั่นต้องเรียกว่าทีมงานสตั้นแมนโชว์เหนือกันมากครับในหนังภาคนี้ แอ็คชั่นระเบิดภูเขาเผากระท่อม รถพลิกคว่ำหลายตลบ กระโดดลงจากสะพานสูง คือ งานสตั้นจัดเต็ม ถึงจะเห็นเลยว่าหลายฉากเป็นสตั้นแสดงแทนเคร็ก แต่ผมก็รับได้เพราะเคร็กก็อายุเยอะแล้วจะมาแสดงบทบู๊เสี่ยงตายเยอะแบบภาคแรกๆก็ไม่ไหว
ใครที่ชอบหนังแบบ Mission Impossible Fallout ที่ฉากแอ็คชั่นจัดหนักจัดเต็มใส่มาแน่นทั้งเรื่อง เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดุเดือดไม่แพ้กันครับ ผมให้ความดุเดือด การเซ็ตฉากต่างๆ รวมถึงคิวบู๊ดีพอๆกันเลย มาครบเครื่องทุกสิ่งที่คุณอยากจะเห็นในหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่ง ทั้งฉากสตั้นผาดโผนเสี่ยงตาย ฉากขับยานพาหนะไล่ล่า ฉากต่อสู้ระยะประชิด และ ฉากยิงปะทะกันระหว่างพระเอกกับผู้ร้าย ซึ่งเรื่องนี้ตอบสนองด้านความมันเต็มรูปแบบครับ
เพลงประกอบหนังที่ทำโดย Hans Zimmer ถือว่าทำออกมาได้ดีมากครับ ทุกซีนมีธีมเพลงที่เข้ากับอารมณ์ของหนังดีมาก ทั้งซีนดราม่า ซีนระทึกขวัญ ซีนแอ็คชั่น มันสื่ออารมณ์ผ่านฉากการแสดงของนักแสดงส่งผ่านถึงคนดูได้เป็นอย่างดี คือ Score ของ Hans Zimmer เรื่องนี้ทำออกมาดีไม่แพ้เรื่องอื่นๆที่เขาทำมาเลย
สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบในหนังภาคนี้ คือ ตัวหนังยาวไปหน่อย คือ เนื้อหามันไม่มีความจำเป็นต้องเล่าให้ยืดยาวขนาดนี้ ถึงแม้เนื้อหาหนังจะซับซ้อนก็เถอะแต่น่าจะเล่าสรุปให้กระชับกว่านี้
ตัวละครหญิง สาวบอนด์ใหม่สองคน ที่คนนึงมารับบทเป็นสายลับ 007 ต่อจากบอนด์ และตัวละครสายลับสาวซีไอเอ ถือว่าออกมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้สีสันและอรรถรสให้หนังภาคนี้มีความสนุกขึ้นครับ เธอทั้งสองแสดงได้ดีเข้ากับบทบาทครับ และมีเคมีที่เข้ากับบอนด์ได้ดีเลยและก็ไม่ได้ใส่สองตัวละครนี้มาเพื่อยัดเยียดความเป็น Strong Female มากเกินไป
ตัวร้าย แอบผิดหวังครับ คือ ตั้งแต่ตอนดูตัวอย่าง ผมคาดหวังกับบทตัวร้ายที่ได้นักแสดงออสการ์อย่าง เรมี มาเลคมาแสดง แต่ในหนังกลับนำวายร้ายตัวนี้มาใช้ได้ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าที่ควรครับ บทตัวร้ายภาคนี้มันไม่เด่นและน่าจดจำเหมือนในภาค Casino Royale และ Skyfall ครับ เนื่องด้วยหนังภาคนี้ไปเน้นดราม่าเรื่องราวของตัวละครบอนด์และนางเอกเยอะครับกว่าจะมาเล่าส่วนตัวร้ายจริงจังก็เลยครึ่งเรื่องไปแล้ว แต่เรมี ราเมคก็แสดงได้ดีเช่นเคยครับ ไม่ว่าบทไหน เขาตีบทแตกทุกบท เรื่องนี้บทตัวร้ายมันน้อยไปนิดครับ สำหรับวายร้ายในหนังบอนด์ยุคเคร็กผมก็ยังชอบ ซิลวา ในภาค Skyfall มากสุดครับ
โดยรวมใครเป็นแฟนหนังบอนด์ไปว่ายุคเก่ายุคใหม่ ถ้าคิดจะไปดูหนังภาคนี้ในโรง ผมว่าคุ้มค่าครับ ไม่ถึงกับดีเยี่ยม แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ การแสดงทิ้งท้ายในบทนี้ของแดเนียล เคร็ก ทำได้น่าประทับใจมากครับทั้งซีนดราม่าแสดงอารมณ์ความรู้สึกและซีนแอ็คชั่นที่หนักแน่นทั้งเรื่อง
คะแนนโดยรวมให้ไปที่ 8/10 ครับ
- พล็อตเรื่อง : 7/10
- บทหนัง : 7/10
- การแสดง : 8/10
- โลเคชั่นการถ่ายทำ : 8/10
- เพลงประกอบหนัง : 8/10
- ฉากแอ็คชั่น : 9/10
ถ้าให้เรียงความชอบจากมากสุดไปน้อยสุดในจักรวาลหนัง 007 ยุคของเคร็กจากผมเองได้ตามนี้เลยครับ
Skyfall > Casino Royale > No Time To Die > Quantum Of Solace > Spectre