เราอยู่กับครอบครัวที่มี พี่น้อง 3 คนค่ะ และคุณพ่อค่ะ
คนที่ 1 พี่คนโตไม่ค่อยตามใจพ่อเท่าไหร่แต่เรียนเก่งค่ะ พ่อไม่ค่อยแตะเลยค่ะเหมือนปล่อยๆไป
คนที่ 2 คือพี่สาวเรา โตกว่าเรา 1 ปี คนนี้เราคุยกันตลอด มีอะไรก็จะปรึกษากัน เราว่าคนนี้ถูกใจพ่อ เค้ามีนิสัยคล้ายๆกัน เลยรู้สีกว่าพ่อน่าจะพอใจในความสามารถและนิสัยของคนนี้ เพราะพ่อฟังตลอดเลย
มาถึงเรา เรารู้สึกว่าเรามีจุดยืนของตัวเอง มีความชอบอะไรเหมือนแม่ ส่วนตัวเรารู้สึกว่าแม่เป็นคนเก่ง แม่ไม่ใช่ perfectionist แต่แม่เก่งในทางของแม่ ทั้งสองคนมีความเป็นนักธุรกิจเหมือนกัน ประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่แม่เราเสียไปแล้ว ตั้งแต่เด็ก เราเลยถูกเลี้ยงโดยพ่อ พ่อเราดุมาก เข้มงวดทุกเรื่อง ต้องกลับบ้านเร็ว ต้องเรียนดี สอบได้ดี ไม่ให้มีแฟนแต่ตัวต้องดีห้ามโป๊ ขายาวแขนยาวตลอด เราเข้าใจว่าเค้าคงห่วงเราอยากให้เราได้ดี แต่ทุกครั้งเวลาเรามีประเด็นอะไรมาปรึกษา พ่อจะชอบทำเหมือนว่าทุกอย่างที่เราคิดมันผิด เราพยายามหาคำอธิบาย พยายามมีเหตุผล แต่กลายเป็นว่าเมื่อไหร่ที่เราเห็นต่างแล้วไปคุยกับเค้า พ่อก็จะโกรธเราไปเลย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่กับทางบ้านเรา ถ้าไปขัดใจเค้า เราเลยยอมแพ้ ยอมอ่อนไม่เถียง ทำตามที่เค้าว่า แต่มันทำให้เรากลายเป็นคนขาดความมั่นใจ ขี้กังวลไปซะทุกเรื่อง ขี้กลัว เราคิดมาตลอดในใจว่าเราคิดถูกแล้ว รอวันที่จะได้เป็นอิสระ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เรียกว่าโต จนกระทั่งเรามีแฟน ต้องขอบคุณแฟนเราจริงๆ ทำให้เรารู้สึกชื่นชมตัวเอง ไม่เคยกดดันกันเลย สิ่งที่เราตีค่าว่ามันคือความผิดมันแย่ มันเลวร้าย แต่แฟนเรามีทั้งคำปลอบใจ เสนอแนวทางการแก้ปัญหา มองว่าทุกอย่างมันคือ positiveที่เกิดขึ้นถ้าเราปรับมุมมอง เราเลยเริ่มมาคิดว่า มุมมองมันสำคัญมากจริงๆ ทัศนคติที่ดีมันช่วยเราได้มากๆ ชมว่าเราเก่งบ้างอะไรบ้าง ตอนนี้เราอายุ 27 ปี แต่ทุกครั้งที่พ่อเรากลับบ้านเราก็จะกลับไปเหมือนเด็กม.ปลาย ได้แค่นั้นเลยจริงๆ ในเรื่องของสุขภาพต้องดี(ทั้งสองฝั่งของญาติเรามีน้ำตาลสูง เราสามพี่น้องเลยมีผลพลอยได้มาด้วย) จับเราไปออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก อาทิตย์ละ 4 วัน วันละ 5 ชม.พอโตมาได้นี่ขอบคุณตัวเองจริงๆที่ไม่ยอมแพ้ หลายครั้งที่เรากินข้าวไม่อิ่มจนต้องแอบมากินข้าวต่อในห้องครัว ออกกำลังกายแทบตายสุดท้ายน้ำตาลแทบไม่ลดเลย ทุกครั้งที่ตรวจเลือดนะเหมือนลุ้นสอบเข้ามหาลัยเลยค่ะ รอบไหนแย่ก็จะโดนหนัก รอบไหนดีหน่อยก็โดนบ้างแต่ไม่เยอะ ขนมนี้ตอนเด็กเราไม่เคยแตะนะคะ ห้ามกิน กินแต่อาหารคลีน อาหารไม่มีน้ำตาล ข้าวแดง ข้าวกล้อง ข้าวขาวห้าม เห็นเพื่อนกินขนมอยากกินบ้างก็กินไม่ได้ เราคิดมาตลอดว่าต่อให้น้ำตาลเราสูงก็ไม่ใช่ความผิดเรามั้ย เราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว มันได้แค่นี้ให้ทำยังไงเราเหนื่อยมากจริงๆ รู้ว่าทุกอย่างเค้าหวังดี แต่มันบั่นทอนเราเหลือเกิน แค่ทำอะไรผิดสักอย่างก็โดนด่าโดนตะคอก พูดไม่ดีใส่ตลอด เราถามตัวเองทุกครั้งว่าเราผิดขนาดนั้นเลยหรอ พลายครั้งที่คิดขึ้นมาว่า ไม่มีเราก็คงจะสบายกว่านี้ มันสร้างบาดแผลให้เราจริงๆ
ที่เรามาเขียนกระทู้นี้แค่อยากมาระบายค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ใครมีแนวทางดีๆมาแนะนำกันได้นะคะและหากใครที่อยู่ในสถานการณ์แบบเรา เราเข้าใจคุณนะคะ สู้ๆนะคะ
พ่อเป็น perfectionist เหนื่อยใจจริง
คนที่ 1 พี่คนโตไม่ค่อยตามใจพ่อเท่าไหร่แต่เรียนเก่งค่ะ พ่อไม่ค่อยแตะเลยค่ะเหมือนปล่อยๆไป
คนที่ 2 คือพี่สาวเรา โตกว่าเรา 1 ปี คนนี้เราคุยกันตลอด มีอะไรก็จะปรึกษากัน เราว่าคนนี้ถูกใจพ่อ เค้ามีนิสัยคล้ายๆกัน เลยรู้สีกว่าพ่อน่าจะพอใจในความสามารถและนิสัยของคนนี้ เพราะพ่อฟังตลอดเลย
มาถึงเรา เรารู้สึกว่าเรามีจุดยืนของตัวเอง มีความชอบอะไรเหมือนแม่ ส่วนตัวเรารู้สึกว่าแม่เป็นคนเก่ง แม่ไม่ใช่ perfectionist แต่แม่เก่งในทางของแม่ ทั้งสองคนมีความเป็นนักธุรกิจเหมือนกัน ประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่แม่เราเสียไปแล้ว ตั้งแต่เด็ก เราเลยถูกเลี้ยงโดยพ่อ พ่อเราดุมาก เข้มงวดทุกเรื่อง ต้องกลับบ้านเร็ว ต้องเรียนดี สอบได้ดี ไม่ให้มีแฟนแต่ตัวต้องดีห้ามโป๊ ขายาวแขนยาวตลอด เราเข้าใจว่าเค้าคงห่วงเราอยากให้เราได้ดี แต่ทุกครั้งเวลาเรามีประเด็นอะไรมาปรึกษา พ่อจะชอบทำเหมือนว่าทุกอย่างที่เราคิดมันผิด เราพยายามหาคำอธิบาย พยายามมีเหตุผล แต่กลายเป็นว่าเมื่อไหร่ที่เราเห็นต่างแล้วไปคุยกับเค้า พ่อก็จะโกรธเราไปเลย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่กับทางบ้านเรา ถ้าไปขัดใจเค้า เราเลยยอมแพ้ ยอมอ่อนไม่เถียง ทำตามที่เค้าว่า แต่มันทำให้เรากลายเป็นคนขาดความมั่นใจ ขี้กังวลไปซะทุกเรื่อง ขี้กลัว เราคิดมาตลอดในใจว่าเราคิดถูกแล้ว รอวันที่จะได้เป็นอิสระ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เรียกว่าโต จนกระทั่งเรามีแฟน ต้องขอบคุณแฟนเราจริงๆ ทำให้เรารู้สึกชื่นชมตัวเอง ไม่เคยกดดันกันเลย สิ่งที่เราตีค่าว่ามันคือความผิดมันแย่ มันเลวร้าย แต่แฟนเรามีทั้งคำปลอบใจ เสนอแนวทางการแก้ปัญหา มองว่าทุกอย่างมันคือ positiveที่เกิดขึ้นถ้าเราปรับมุมมอง เราเลยเริ่มมาคิดว่า มุมมองมันสำคัญมากจริงๆ ทัศนคติที่ดีมันช่วยเราได้มากๆ ชมว่าเราเก่งบ้างอะไรบ้าง ตอนนี้เราอายุ 27 ปี แต่ทุกครั้งที่พ่อเรากลับบ้านเราก็จะกลับไปเหมือนเด็กม.ปลาย ได้แค่นั้นเลยจริงๆ ในเรื่องของสุขภาพต้องดี(ทั้งสองฝั่งของญาติเรามีน้ำตาลสูง เราสามพี่น้องเลยมีผลพลอยได้มาด้วย) จับเราไปออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก อาทิตย์ละ 4 วัน วันละ 5 ชม.พอโตมาได้นี่ขอบคุณตัวเองจริงๆที่ไม่ยอมแพ้ หลายครั้งที่เรากินข้าวไม่อิ่มจนต้องแอบมากินข้าวต่อในห้องครัว ออกกำลังกายแทบตายสุดท้ายน้ำตาลแทบไม่ลดเลย ทุกครั้งที่ตรวจเลือดนะเหมือนลุ้นสอบเข้ามหาลัยเลยค่ะ รอบไหนแย่ก็จะโดนหนัก รอบไหนดีหน่อยก็โดนบ้างแต่ไม่เยอะ ขนมนี้ตอนเด็กเราไม่เคยแตะนะคะ ห้ามกิน กินแต่อาหารคลีน อาหารไม่มีน้ำตาล ข้าวแดง ข้าวกล้อง ข้าวขาวห้าม เห็นเพื่อนกินขนมอยากกินบ้างก็กินไม่ได้ เราคิดมาตลอดว่าต่อให้น้ำตาลเราสูงก็ไม่ใช่ความผิดเรามั้ย เราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว มันได้แค่นี้ให้ทำยังไงเราเหนื่อยมากจริงๆ รู้ว่าทุกอย่างเค้าหวังดี แต่มันบั่นทอนเราเหลือเกิน แค่ทำอะไรผิดสักอย่างก็โดนด่าโดนตะคอก พูดไม่ดีใส่ตลอด เราถามตัวเองทุกครั้งว่าเราผิดขนาดนั้นเลยหรอ พลายครั้งที่คิดขึ้นมาว่า ไม่มีเราก็คงจะสบายกว่านี้ มันสร้างบาดแผลให้เราจริงๆ
ที่เรามาเขียนกระทู้นี้แค่อยากมาระบายค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ใครมีแนวทางดีๆมาแนะนำกันได้นะคะและหากใครที่อยู่ในสถานการณ์แบบเรา เราเข้าใจคุณนะคะ สู้ๆนะคะ