“ แพรว... เธอลงทะเบียนวิชากายวิภาคศาสตร์ฯ ได้หรือยัง” แววใสตะโกนถามฉันเสียงดัง ตามลักษณะของว่าที่ครูพละในอนาคต
“ ได้แล้วจ้า แต่ได้ไปลงกับพวกคณะแพทย์ เพราะไปลงในกลุ่มของพวกเราไม่ทัน เมื่อคืนเมาค้าง เลยตื่นสาย ฮ่าๆๆ” ฉันตอบออกไปแบบ รู้สึกว่าจะโชคร้ายมากที่ต้องไปลงเรียนกับกลุ่มแพทย์
“ ไงก็สู้ละกันเพื่อน ล้มพวกหนุ่มๆแพทย์ให้สิ้นซากเลยนะแพรว ฮ่าๆๆ” แววใส พูดให้กำลังใจ ถึงแม้ว่าความจริงมันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“ ล้มหนะ คงล้มไม่ได้หรอกนะ พวกแพทย์เกิดมาเพื่อเรียนอยู่แล้ว ไอ้พวกเราก็เล่นไปวันๆ กินเที่ยวทุกวัน ฮ่าๆๆ รอดก็บุญหละครานี้” ฉันตอบไปเพื่อปลอบใจตัวเอง ที่หลงไปลงทะเบียนกับกลุ่มแพทย์ ถ้าไม่ลงก็ไม่ได้ มีอย่างเดียวและสถานเดียวเท่านั้น คือสู้เอาตัวรอดให้ผ่านให้ได้ จะเป็นฐานคะแนนให้พวกกลุ่มแพทย์ก็ยอมหละ
“ แพรวเย็นนี้ไปกินเหล้ากัน ทีมเดชชัยไปแข่งตะกร้อมาชนะ ได้เงินรางวัลเป็นหมื่น เดี๋ยวเดชเลี้ยง” แววใสชวนไปฉลองชัยชนะของเดชชัย หนุ่มกล้ามใหญ่ของคณะเรา สาวๆจะกรี๊ดเขาเสมอ ไม่ว่าจะลงแข่งกีฬาประเภทอะไร ก็เพราะกล้ามใหญ่ สูงขาว หน้าหล่อนี่แหละ
“พรุ่งนี้ต้องไปเรียนวิชากายวิภาคฯคาบแรกเลยนะ กลัวตื่นไม่ทันไปเรียนนะซิ” ฉันเริ่มเป็นห่วงเรื่องเรียน ปกติวิชาอะไรก็ไม่เคยกลัว แต่พอนึกถึงวิชานี้แล้วรู้สึกหวั่นๆพิลึกซิน่า
“ กลับไม่ดึกหรอก แค่หมดขวด ก็กลับละ รับประกันนะแพรว ไปด้วยกัน เดชบอกต้องให้หวานใจไปด้วยให้ได้ ฮ่าๆๆๆ” แววใสก็จะพูดแนวนี้ตลอด เพราะนายเดชชัย หนุ่มหล่อแห่งคณะ ชอบตามมาเอาใจฉันตลอด ฉันจะอยู่ที่ไหนเดชชัยต้องอยู่ที่นั่น
“ตกลงตามนั้นหละกัน ขัดเพื่อนไม่ได้” ฉันตอบรับไป เพราะเห็นแก่เดชชัยหนุ่มกล้ามใหญ่ นึกถึงตอนที่มีอะไรเดชชัย จัดการให้ตลอด มีเพื่อนดีก็งี้แหละนะ
ถึงร้านเก่า เวลาเดิม ฉันแต่งยีนส์ เสื้อยืด สไตล์เด็กพละ ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว ต้องมาเป็นที่หนึ่ง เพราะพื้นฐานคนเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย ต้องเป็นคนที่แข็งแรง ทักษะการกีฬาต้องมาก่อน ไม่เช่นนั้นจะมาเรียนคณะนี้ไม่ได้
“ มาแว้ววว...ขวัญใจของเดชชัย กริ้วววว...” อานนท์หนุ่มร่างยักษ์ สูง คล้ำ แซวฉันกับเดชชัย ฉันทำหน้าตาเฉย เหมือนไม่ได้ยินอะไร ฉันหันไปมองเดชชัย เขายิ้มหวาน ดีใจที่ฉันไปฉลองชัยชนะให้
“ ยินดีด้วยนะเดช นายเก่งมาก” ฉันกล่าวชมความเก่งของเดชชัย คือฉันก็ไม่ได้มีใจอะไรให้เดชชัยหรอก คิดแค่เพื่อน แต่แอบเอาเขาไว้เป็นบอดี้การ์ด คอยปกป้อง จะได้อุ่นใจหน่อย
บรรยากาศการฉลองเหมือนเดิม คุย กิน ดื่ม เฮฮาตามประสาเด็กพละ โต๊ะข้างๆจะหันมามองตลอด ฉันต้องคอยเตือนอานนท์ หนุ่มร่างยักษ์ ให้เบาเสียงลง แววใส ก็ได้แต่หัวเราะเรื่องที่อานนท์เล่าตลกให้ฟัง เดชชัยก็หัวเราะเสียงดัง แต่ตาของเขาก็จ้องมองฉันตลอด แทบจะจิกรัดฉันไปทั้งตัวถ้าเขาทำได้ ฉันเคยบอกเดชชัยว่าให้ไปหามองสาวๆ ตามคณะอื่นมั้ง จะได้ไม่เสียโอกาส มัวแต่มามองฉันอยู่ได้ พลาดท่าไปอาจจะเป็นโสด เพราะบอกไปแล้วว่าคบแค่เพื่อน ไม่ได้คิดไกลเกินเพื่อน
หมดขวดแล้ว ตามที่ตกลงกับแววใส เริ่มมึนๆ แต่ก็ยังพอไหวอยู่ ปกติจะคอแข็งเพราะกินกับแกล้มไปด้วย ไม่ให้ท้องว่าง ได้เวลากลับไปนอน
“ เรายังจีบตะเองต่อนะแพรว ไม่มีเปลี่ยนใจจ๊ะ รักแพรวคนเดียวจ้า” เดชชัยเริ่มเมา พูดสารภาพรักเป็นครั้งที่ร้อย ฟังจนเบื่อ แต่ก็ฟังได้ตลอด
“ เออๆๆ รู้แล้ว ฟังจนคิดว่าจริงแล้วนะเนี่ย มีอินในคำสารภาพรักของเธอนะเดช ฮ่าๆๆๆ”
เสียงนาฬิกาปลุกดังหลายรอบหละ กำลังหลับเพลินเลยจริงๆ
“ แพรว...แพรว วันนี้ว่ามีเรียนกายวิภาคฯ ไม่ใช่เหรอ นี่จะ 8 โมงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” แววใสปลุกฉัน แล้วเธอก็หลับต่อ ฉันได้ยินแว่วๆ แต่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เคลิ้มต่อไปอีกพักหนึ่ง
สะดุ้งตื่นอีกทีได้ยินเสียงนาฬิกาของมหาวิทยาลัยดัง
“ต้องไปให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้” ฉันพูดกับตัวเอง เพราะเป็นคาบแรกของวิชากายวิภาคฯ ฉันกระโดดขึ้นจักรยานคู่ใจ ปั่นทะยานฟ้า เต็มเหนี่ยว เพราะตอนนี้อาจารย์น่าจะเข้าชั้นเรียนแล้ว ด้วยความแข็งแรง และว่องไว ใช้เวลา 5 นาทีถึงชั้นเรียน หอบแต่พองาม
ฉันมองเข้าไปในห้องเรียน นักศึกษานั่งเต็มห้อง เก้าอี้เหลือที่เดียวที่อยู่ด้านหลังห้อง อาศัยความเร็ว ฉันกระโดดเข้าไปจะนั่ง บุญมีแต่กำบัง มีขาของใครคนหนึ่ง ยื่นออกมาสกัดขาฉันเกือบล้ม ฉันใช้ทักษะกีฬาช่วย สกัดขาคนนั้นแล้วเข้าไปนั่งแทนอย่างว่องไว
“ โครม! “ เสียงดังสะนั่นไปทั้งห้อง
ทุกคนหันมามองด้านหลังห้องทันที ฉันทำหน้าตาเฉย และมองตามเสียงที่ดังเมื่อกี้
“คุณพระช่วย “ เลือดไหลจากหัวของเขาลงมากลางหน้าผากเขา เขาทำท่างงๆ กับความเร็วในระดับนั้น เพราะเขาคิดว่าเขาจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ แต่กลับมานั่งลงบนพื้นห้องแบบไม่มีท่า ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเขาไปประครองเขาขึ้นมา แต่เขาทำท่าทางไม่พอใจ ที่คนนั่งเก้าอี้ตัวนั้นเป็นฉัน แทนที่จะเป็นเขา และเขากลับมานั่งบนพื้นซะเอง
“ เป็นอย่างไรค่ะ เจ็บมากหรือเปล่าค่ะ” ฉันถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาเจ็บเพราะฉันเป็นต้นเหตุให้เขาพลาดล้มลงไป ฉันต้องรับผิดชอบ แต่เขาสะบัดแขนไม่ให้ฉันช่วย คงเพราะโกรธที่ฉันทำให้เขาล้มลงไป แต่ก็น่าโกรธอยู่นะ ฮ่าๆๆ ศึกชิงเก้าอี้นั่ง
“ ขอโทษนะที่ทำให้ตะเองเจ็บ เดี๋ยวฉันจะไปนั่งเก้าอี้ตัวหน้าห้องที่เหลือละกัน “ ฉันพูดจบก็เดินไปนั่งเรียนหน้าห้อง
อาจารย์เริ่มเรียกชื่อเพื่อให้รู้จักหน้าในคาบแรก
“พร้อมกริช” อาจารย์เรียกชื่อเขาคนนั้น
“ เป็นอย่างไรบ้างอาการดีขึ้นแล้วนะ คงไม่เป็นอะไรมาก เวลานั่งเก้าอี้ก็ต้องระวังกันหน่อยนะ เพราะเก้าอี้มันตัวเล็ก อาจทำให้ลื่นได้” อาจารย์พูดแบบไม่รู้เบื้องหลังของความเจ็บในครั้งนี้ โล่งอกไป ไม่งั้นฉันก็จะโดนอาจารย์มองไม่ดี จะทำให้ภาพพจน์เสีย รู้แค่ฉันกับนายพร้อมกริชสองคนพอ ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนจะออกจากห้องเรียน ฉันแอบมองนายพร้อมกริชอีกครั้ง แต่เขาทำหน้าตาเฉย ไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองฉัน คงแค้นฉันน่าดู แต่ก็ช่างเถอะ ฉันขอโทษไปแล้ว ไม่ให้อภัยก็แล้วแต่ วันพระไม่ได้มีหนเดียว
ฉันโดดขึ้นขี่จักรยานไปอย่างเร็ว เพราะไม่อยากเข้าใกล้พวกหมอเจ้าสำอางค์ บอกตรงๆว่าวันแรกก็มีอคติกันหละ แล้ววันต่อไปจะเป็นอย่างไรหนอ ไม่เป็นไร อย่างน้อยฉันก็มีเดชชัย หนุ่มกล้ามใหญ่เป็นผู้ปกป้องหละ เจ้าแห้งพร้อมกริช คงไม่กล้าแกล้งฉันคืน
“เอี๊ยดดดดดด...” เสียงรถยนต์เบรคเต็มที่ ขี้หูฉันสั่นสะเทือน เท้าฉันเหยียบเบรคจักรยานได้อย่างอัตโนมัต ฉันมองดูรถยนต์คันหรูที่อยู่ต่อหน้าฉัน ด้วยความไม่พอใจ ขับรถอย่างไรกันเนี่ย ในที่ชุมชนแท้ๆ ฉันเกือบโดนชนละ ถ้าไม่เบรคไว้ นี่เป็นข้อดีของนักกีฬา ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะไวกว่าคนทั่วๆไป
“ นี่ขี่จักรยานอย่างไร ไม่ดูทางเลย” มีคนตะโกนออกมาจากรถยนต์คันนั้น
ฉันมองเข้าไปในรถยนต์คันงามคันนั้น
“เวรละซิ เจ้านี่อีกหละ กรรมอันใดต้องมาเจอกับเขาด้วย” ฉันไม่ผิดแท้ๆ กลับมาต่อว่ากันแบบนี้ และคนที่นี่ก็เยอะด้วย ต้องการแก้แค้นคืนเหรอ จึงอยากจะฉีกหน้าฉันต่อหน้าคนอื่น
ฉันจอดจักรยานและเดินเข้าไปเพื่อคุยกับเขา ให้รู้แจ้งเห็นจริงไปเลย เขาเดินออกมาเช่นกัน ทำท่าทางโมโห ที่เห็นฉันคนเดิม
“นี่..ตกลง ที่คุณเข้าหาผมเนี่ย คุณต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เช้าแล้ว” เขายิงคำถามที่กระตุ้นต่อมโกรธฉันได้ดีมาก
“ คุณคิดว่าฉันต้องการอะไรจากคุณเหรอ คุณคิดผิดคิดไหมได้นะ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย เมื่อเช้าฉันก็แค่อยากได้เก้าอี้นั่ง และตอนนี้ทางตรงนี้ก็แออัดคนเยอะ แล้วคุณขับเร็วทำไมมิทราบ ถ้าไม่ชนฉัน คุณอาจไปชนคนอื่นแล้ว” ฉันเริ่มเปิดการเจรจาแบบสาวพละทันที
เขาโกรธจัด เพราะเจอหน้าตากวนๆ ท่าทางยียวนและวาจาแรงๆทิ่มแทง กระดองใจเต็มๆ
เขาเดินตรงรี่เข้ามา ฉันไม่รอช้าเดินเข้าไปพร้อมฉะตัวต่อตัว แรงมาแรงไป ให้เจ้าแห้งถอยให้ได้
เขาตกใจและผงะ ที่เห็นฉันเดินเข้าไป และจ้องหน้าเขาเขม็ง พร้อมใช้วิชาเทควันโด ที่ได้รางวัลชนะมาแล้ว เพื่อป้องกันตัวเอง
“ นี่...ผมไม่อยากมีเรื่องกับคุณ รีบไปซะก่อนที่ผมจะอารมณ์หยุดไม่อยู่” เขาพูดฟังดูดีนะ แต่อารมณ์ฉันหยุดไม่อยู่แล้ว ฉันเข้าไปกระชากคอเสื้อเขา และถามว่า
“ตกลงจะขอโทษฉันไหม หรือจะลงไปนอนบนพื้นเหมือนเมื่อเช้า เอาไง...เลือกมา” ฉันถามพร้อมรอคำตอบ ในวินาทีนั้น ตาเขาและตาฉันมองกันใกล้มาก ถึงเขาจะสูงกว่าเยอะ แต่ความแกร่งของฉันน่าจะเยอะกว่า เพราะถูกฝึกมาหลายรูปแบบ
“ปล่อยผมนะ ผมไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง มันน่าอาย” เขาเริ่มผ่อนลง เมื่อเห็นฉันเอาจริง
“ งั้นก็ขอโทษมาซะ จะได้เลิกแล้วกันไป” คนแถวนั้นมองคู่กรณีของเราอย่างสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างสาวขี่จักรยานกับหนุ่มขับรถหรู
“ อ้าว..ขอโทษก็ได้” เขาขอโทษแบบเสียไม่ได้ ฉันปล่อยคอเสื้อ และเดินจากไป โดยไม่หันไปดูอีก ขี่จักรยานคู่ใจไปอีกทาง
กลับไปหอพักเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แววใสฟัง เธอหัวเราะและพูดอย่างขบขัน
“เราเพิ่งเปิดดูหมอดูดวงทางไลน์ หมอดูทักว่าแพรวจะเจอเนื้อคู่ช่วงนี้ สงสัยจะเป็นหมอหนุ่มคนนี้หละมั้ง ฮ่าๆๆๆๆ” แววใสพูดไปหัวเราะไป ขณะที่ฉันโกรธเมื่อนึกถึงเจ้าแห้งคนนั้น
“แววอย่าไปบอกเดชชัยนะ เดี๋ยวจะมีเรื่องกันเปล่าๆ” ฉันกำชับแววใสไม่ให้บอกต่อ
ก่อนนอนนั่งดูตารางเรียนวิชากายวิภาคฯ
“เวรกรรมแท้เชียว ดันมีอาทิตย์ละ 3 คาบ ไม่อยากจะไปเจอหน้าเจ้าแห้งนั่นเลย นึกแล้วขยะแขยงหน้าเจ้านั่นจริงๆ ไม่ได้ชังใครมานานแล้ว มาเจอเจ้านี่ ทำให้อารมณ์บูดไปเลย”
“ แพรว...เดชชัยชวนไปกินข้าวเย็นด้วย บอกจะเลี้ยงเบียร์ ของชอบของแพรว” แววใสชวนไปกินเบียร์อีกละ แต่ก็ของชอบของฉันจริงๆแหละ
ฮ่าๆๆ
ร้านใหม่ บรรยากาศดี สดชื่นจริงๆ ฉันเดินเข้าไปนั่งมุมที่สามารถมองเห็นทะเลได้ชัดเจน
อย่ามารักสาวพละนะ..ขอบอก ตอน 1
“ ได้แล้วจ้า แต่ได้ไปลงกับพวกคณะแพทย์ เพราะไปลงในกลุ่มของพวกเราไม่ทัน เมื่อคืนเมาค้าง เลยตื่นสาย ฮ่าๆๆ” ฉันตอบออกไปแบบ รู้สึกว่าจะโชคร้ายมากที่ต้องไปลงเรียนกับกลุ่มแพทย์
“ ไงก็สู้ละกันเพื่อน ล้มพวกหนุ่มๆแพทย์ให้สิ้นซากเลยนะแพรว ฮ่าๆๆ” แววใส พูดให้กำลังใจ ถึงแม้ว่าความจริงมันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“ ล้มหนะ คงล้มไม่ได้หรอกนะ พวกแพทย์เกิดมาเพื่อเรียนอยู่แล้ว ไอ้พวกเราก็เล่นไปวันๆ กินเที่ยวทุกวัน ฮ่าๆๆ รอดก็บุญหละครานี้” ฉันตอบไปเพื่อปลอบใจตัวเอง ที่หลงไปลงทะเบียนกับกลุ่มแพทย์ ถ้าไม่ลงก็ไม่ได้ มีอย่างเดียวและสถานเดียวเท่านั้น คือสู้เอาตัวรอดให้ผ่านให้ได้ จะเป็นฐานคะแนนให้พวกกลุ่มแพทย์ก็ยอมหละ
“ แพรวเย็นนี้ไปกินเหล้ากัน ทีมเดชชัยไปแข่งตะกร้อมาชนะ ได้เงินรางวัลเป็นหมื่น เดี๋ยวเดชเลี้ยง” แววใสชวนไปฉลองชัยชนะของเดชชัย หนุ่มกล้ามใหญ่ของคณะเรา สาวๆจะกรี๊ดเขาเสมอ ไม่ว่าจะลงแข่งกีฬาประเภทอะไร ก็เพราะกล้ามใหญ่ สูงขาว หน้าหล่อนี่แหละ
“พรุ่งนี้ต้องไปเรียนวิชากายวิภาคฯคาบแรกเลยนะ กลัวตื่นไม่ทันไปเรียนนะซิ” ฉันเริ่มเป็นห่วงเรื่องเรียน ปกติวิชาอะไรก็ไม่เคยกลัว แต่พอนึกถึงวิชานี้แล้วรู้สึกหวั่นๆพิลึกซิน่า
“ กลับไม่ดึกหรอก แค่หมดขวด ก็กลับละ รับประกันนะแพรว ไปด้วยกัน เดชบอกต้องให้หวานใจไปด้วยให้ได้ ฮ่าๆๆๆ” แววใสก็จะพูดแนวนี้ตลอด เพราะนายเดชชัย หนุ่มหล่อแห่งคณะ ชอบตามมาเอาใจฉันตลอด ฉันจะอยู่ที่ไหนเดชชัยต้องอยู่ที่นั่น
“ตกลงตามนั้นหละกัน ขัดเพื่อนไม่ได้” ฉันตอบรับไป เพราะเห็นแก่เดชชัยหนุ่มกล้ามใหญ่ นึกถึงตอนที่มีอะไรเดชชัย จัดการให้ตลอด มีเพื่อนดีก็งี้แหละนะ
ถึงร้านเก่า เวลาเดิม ฉันแต่งยีนส์ เสื้อยืด สไตล์เด็กพละ ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว ต้องมาเป็นที่หนึ่ง เพราะพื้นฐานคนเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย ต้องเป็นคนที่แข็งแรง ทักษะการกีฬาต้องมาก่อน ไม่เช่นนั้นจะมาเรียนคณะนี้ไม่ได้
“ มาแว้ววว...ขวัญใจของเดชชัย กริ้วววว...” อานนท์หนุ่มร่างยักษ์ สูง คล้ำ แซวฉันกับเดชชัย ฉันทำหน้าตาเฉย เหมือนไม่ได้ยินอะไร ฉันหันไปมองเดชชัย เขายิ้มหวาน ดีใจที่ฉันไปฉลองชัยชนะให้
“ ยินดีด้วยนะเดช นายเก่งมาก” ฉันกล่าวชมความเก่งของเดชชัย คือฉันก็ไม่ได้มีใจอะไรให้เดชชัยหรอก คิดแค่เพื่อน แต่แอบเอาเขาไว้เป็นบอดี้การ์ด คอยปกป้อง จะได้อุ่นใจหน่อย
บรรยากาศการฉลองเหมือนเดิม คุย กิน ดื่ม เฮฮาตามประสาเด็กพละ โต๊ะข้างๆจะหันมามองตลอด ฉันต้องคอยเตือนอานนท์ หนุ่มร่างยักษ์ ให้เบาเสียงลง แววใส ก็ได้แต่หัวเราะเรื่องที่อานนท์เล่าตลกให้ฟัง เดชชัยก็หัวเราะเสียงดัง แต่ตาของเขาก็จ้องมองฉันตลอด แทบจะจิกรัดฉันไปทั้งตัวถ้าเขาทำได้ ฉันเคยบอกเดชชัยว่าให้ไปหามองสาวๆ ตามคณะอื่นมั้ง จะได้ไม่เสียโอกาส มัวแต่มามองฉันอยู่ได้ พลาดท่าไปอาจจะเป็นโสด เพราะบอกไปแล้วว่าคบแค่เพื่อน ไม่ได้คิดไกลเกินเพื่อน
หมดขวดแล้ว ตามที่ตกลงกับแววใส เริ่มมึนๆ แต่ก็ยังพอไหวอยู่ ปกติจะคอแข็งเพราะกินกับแกล้มไปด้วย ไม่ให้ท้องว่าง ได้เวลากลับไปนอน
“ เรายังจีบตะเองต่อนะแพรว ไม่มีเปลี่ยนใจจ๊ะ รักแพรวคนเดียวจ้า” เดชชัยเริ่มเมา พูดสารภาพรักเป็นครั้งที่ร้อย ฟังจนเบื่อ แต่ก็ฟังได้ตลอด
“ เออๆๆ รู้แล้ว ฟังจนคิดว่าจริงแล้วนะเนี่ย มีอินในคำสารภาพรักของเธอนะเดช ฮ่าๆๆๆ”
เสียงนาฬิกาปลุกดังหลายรอบหละ กำลังหลับเพลินเลยจริงๆ
“ แพรว...แพรว วันนี้ว่ามีเรียนกายวิภาคฯ ไม่ใช่เหรอ นี่จะ 8 โมงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” แววใสปลุกฉัน แล้วเธอก็หลับต่อ ฉันได้ยินแว่วๆ แต่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เคลิ้มต่อไปอีกพักหนึ่ง
สะดุ้งตื่นอีกทีได้ยินเสียงนาฬิกาของมหาวิทยาลัยดัง
“ต้องไปให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้” ฉันพูดกับตัวเอง เพราะเป็นคาบแรกของวิชากายวิภาคฯ ฉันกระโดดขึ้นจักรยานคู่ใจ ปั่นทะยานฟ้า เต็มเหนี่ยว เพราะตอนนี้อาจารย์น่าจะเข้าชั้นเรียนแล้ว ด้วยความแข็งแรง และว่องไว ใช้เวลา 5 นาทีถึงชั้นเรียน หอบแต่พองาม
ฉันมองเข้าไปในห้องเรียน นักศึกษานั่งเต็มห้อง เก้าอี้เหลือที่เดียวที่อยู่ด้านหลังห้อง อาศัยความเร็ว ฉันกระโดดเข้าไปจะนั่ง บุญมีแต่กำบัง มีขาของใครคนหนึ่ง ยื่นออกมาสกัดขาฉันเกือบล้ม ฉันใช้ทักษะกีฬาช่วย สกัดขาคนนั้นแล้วเข้าไปนั่งแทนอย่างว่องไว
“ โครม! “ เสียงดังสะนั่นไปทั้งห้อง
ทุกคนหันมามองด้านหลังห้องทันที ฉันทำหน้าตาเฉย และมองตามเสียงที่ดังเมื่อกี้
“คุณพระช่วย “ เลือดไหลจากหัวของเขาลงมากลางหน้าผากเขา เขาทำท่างงๆ กับความเร็วในระดับนั้น เพราะเขาคิดว่าเขาจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ แต่กลับมานั่งลงบนพื้นห้องแบบไม่มีท่า ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเขาไปประครองเขาขึ้นมา แต่เขาทำท่าทางไม่พอใจ ที่คนนั่งเก้าอี้ตัวนั้นเป็นฉัน แทนที่จะเป็นเขา และเขากลับมานั่งบนพื้นซะเอง
“ เป็นอย่างไรค่ะ เจ็บมากหรือเปล่าค่ะ” ฉันถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาเจ็บเพราะฉันเป็นต้นเหตุให้เขาพลาดล้มลงไป ฉันต้องรับผิดชอบ แต่เขาสะบัดแขนไม่ให้ฉันช่วย คงเพราะโกรธที่ฉันทำให้เขาล้มลงไป แต่ก็น่าโกรธอยู่นะ ฮ่าๆๆ ศึกชิงเก้าอี้นั่ง
“ ขอโทษนะที่ทำให้ตะเองเจ็บ เดี๋ยวฉันจะไปนั่งเก้าอี้ตัวหน้าห้องที่เหลือละกัน “ ฉันพูดจบก็เดินไปนั่งเรียนหน้าห้อง
อาจารย์เริ่มเรียกชื่อเพื่อให้รู้จักหน้าในคาบแรก
“พร้อมกริช” อาจารย์เรียกชื่อเขาคนนั้น
“ เป็นอย่างไรบ้างอาการดีขึ้นแล้วนะ คงไม่เป็นอะไรมาก เวลานั่งเก้าอี้ก็ต้องระวังกันหน่อยนะ เพราะเก้าอี้มันตัวเล็ก อาจทำให้ลื่นได้” อาจารย์พูดแบบไม่รู้เบื้องหลังของความเจ็บในครั้งนี้ โล่งอกไป ไม่งั้นฉันก็จะโดนอาจารย์มองไม่ดี จะทำให้ภาพพจน์เสีย รู้แค่ฉันกับนายพร้อมกริชสองคนพอ ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนจะออกจากห้องเรียน ฉันแอบมองนายพร้อมกริชอีกครั้ง แต่เขาทำหน้าตาเฉย ไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองฉัน คงแค้นฉันน่าดู แต่ก็ช่างเถอะ ฉันขอโทษไปแล้ว ไม่ให้อภัยก็แล้วแต่ วันพระไม่ได้มีหนเดียว
ฉันโดดขึ้นขี่จักรยานไปอย่างเร็ว เพราะไม่อยากเข้าใกล้พวกหมอเจ้าสำอางค์ บอกตรงๆว่าวันแรกก็มีอคติกันหละ แล้ววันต่อไปจะเป็นอย่างไรหนอ ไม่เป็นไร อย่างน้อยฉันก็มีเดชชัย หนุ่มกล้ามใหญ่เป็นผู้ปกป้องหละ เจ้าแห้งพร้อมกริช คงไม่กล้าแกล้งฉันคืน
“เอี๊ยดดดดดด...” เสียงรถยนต์เบรคเต็มที่ ขี้หูฉันสั่นสะเทือน เท้าฉันเหยียบเบรคจักรยานได้อย่างอัตโนมัต ฉันมองดูรถยนต์คันหรูที่อยู่ต่อหน้าฉัน ด้วยความไม่พอใจ ขับรถอย่างไรกันเนี่ย ในที่ชุมชนแท้ๆ ฉันเกือบโดนชนละ ถ้าไม่เบรคไว้ นี่เป็นข้อดีของนักกีฬา ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะไวกว่าคนทั่วๆไป
“ นี่ขี่จักรยานอย่างไร ไม่ดูทางเลย” มีคนตะโกนออกมาจากรถยนต์คันนั้น
ฉันมองเข้าไปในรถยนต์คันงามคันนั้น
“เวรละซิ เจ้านี่อีกหละ กรรมอันใดต้องมาเจอกับเขาด้วย” ฉันไม่ผิดแท้ๆ กลับมาต่อว่ากันแบบนี้ และคนที่นี่ก็เยอะด้วย ต้องการแก้แค้นคืนเหรอ จึงอยากจะฉีกหน้าฉันต่อหน้าคนอื่น
ฉันจอดจักรยานและเดินเข้าไปเพื่อคุยกับเขา ให้รู้แจ้งเห็นจริงไปเลย เขาเดินออกมาเช่นกัน ทำท่าทางโมโห ที่เห็นฉันคนเดิม
“นี่..ตกลง ที่คุณเข้าหาผมเนี่ย คุณต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เช้าแล้ว” เขายิงคำถามที่กระตุ้นต่อมโกรธฉันได้ดีมาก
“ คุณคิดว่าฉันต้องการอะไรจากคุณเหรอ คุณคิดผิดคิดไหมได้นะ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย เมื่อเช้าฉันก็แค่อยากได้เก้าอี้นั่ง และตอนนี้ทางตรงนี้ก็แออัดคนเยอะ แล้วคุณขับเร็วทำไมมิทราบ ถ้าไม่ชนฉัน คุณอาจไปชนคนอื่นแล้ว” ฉันเริ่มเปิดการเจรจาแบบสาวพละทันที
เขาโกรธจัด เพราะเจอหน้าตากวนๆ ท่าทางยียวนและวาจาแรงๆทิ่มแทง กระดองใจเต็มๆ
เขาเดินตรงรี่เข้ามา ฉันไม่รอช้าเดินเข้าไปพร้อมฉะตัวต่อตัว แรงมาแรงไป ให้เจ้าแห้งถอยให้ได้
เขาตกใจและผงะ ที่เห็นฉันเดินเข้าไป และจ้องหน้าเขาเขม็ง พร้อมใช้วิชาเทควันโด ที่ได้รางวัลชนะมาแล้ว เพื่อป้องกันตัวเอง
“ นี่...ผมไม่อยากมีเรื่องกับคุณ รีบไปซะก่อนที่ผมจะอารมณ์หยุดไม่อยู่” เขาพูดฟังดูดีนะ แต่อารมณ์ฉันหยุดไม่อยู่แล้ว ฉันเข้าไปกระชากคอเสื้อเขา และถามว่า
“ตกลงจะขอโทษฉันไหม หรือจะลงไปนอนบนพื้นเหมือนเมื่อเช้า เอาไง...เลือกมา” ฉันถามพร้อมรอคำตอบ ในวินาทีนั้น ตาเขาและตาฉันมองกันใกล้มาก ถึงเขาจะสูงกว่าเยอะ แต่ความแกร่งของฉันน่าจะเยอะกว่า เพราะถูกฝึกมาหลายรูปแบบ
“ปล่อยผมนะ ผมไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง มันน่าอาย” เขาเริ่มผ่อนลง เมื่อเห็นฉันเอาจริง
“ งั้นก็ขอโทษมาซะ จะได้เลิกแล้วกันไป” คนแถวนั้นมองคู่กรณีของเราอย่างสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างสาวขี่จักรยานกับหนุ่มขับรถหรู
“ อ้าว..ขอโทษก็ได้” เขาขอโทษแบบเสียไม่ได้ ฉันปล่อยคอเสื้อ และเดินจากไป โดยไม่หันไปดูอีก ขี่จักรยานคู่ใจไปอีกทาง
กลับไปหอพักเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แววใสฟัง เธอหัวเราะและพูดอย่างขบขัน
“เราเพิ่งเปิดดูหมอดูดวงทางไลน์ หมอดูทักว่าแพรวจะเจอเนื้อคู่ช่วงนี้ สงสัยจะเป็นหมอหนุ่มคนนี้หละมั้ง ฮ่าๆๆๆๆ” แววใสพูดไปหัวเราะไป ขณะที่ฉันโกรธเมื่อนึกถึงเจ้าแห้งคนนั้น
“แววอย่าไปบอกเดชชัยนะ เดี๋ยวจะมีเรื่องกันเปล่าๆ” ฉันกำชับแววใสไม่ให้บอกต่อ
ก่อนนอนนั่งดูตารางเรียนวิชากายวิภาคฯ
“เวรกรรมแท้เชียว ดันมีอาทิตย์ละ 3 คาบ ไม่อยากจะไปเจอหน้าเจ้าแห้งนั่นเลย นึกแล้วขยะแขยงหน้าเจ้านั่นจริงๆ ไม่ได้ชังใครมานานแล้ว มาเจอเจ้านี่ ทำให้อารมณ์บูดไปเลย”
“ แพรว...เดชชัยชวนไปกินข้าวเย็นด้วย บอกจะเลี้ยงเบียร์ ของชอบของแพรว” แววใสชวนไปกินเบียร์อีกละ แต่ก็ของชอบของฉันจริงๆแหละ
ฮ่าๆๆ
ร้านใหม่ บรรยากาศดี สดชื่นจริงๆ ฉันเดินเข้าไปนั่งมุมที่สามารถมองเห็นทะเลได้ชัดเจน