สวัสดีค่า
หลังจากที่ได้ลองเขียนรีวิวการไปเที่ยวแบบครอบครัวที่ฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่นไปแล้วในช่วงโควิดรอบแรก ก็เกิดติดใจอยากเขียนรีวิวการเดินทางอีก ส่วนหนึ่งก็อยากเก็บไว้อ่านเป็นบันทึกของเราเอง อีกส่วนหนึ่งก็อยากให้เป็นประยชน์กับคนอื่นๆด้วย เหมือนที่เราเคยได้รับเวลามาหาข้อมูลก่อนเดินทาง แต่มันติดอยู่ที่ว่าเราไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ไกลกว่าในประเทศไทย เนื่องจากปัญหาโควิดที่ยังใม่จบสิ้น ตั๋วเครื่องบินที่เลื่อนกันเอาไว้ก็ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ กลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง 55 แล้วจะเอาอะไรมารีวิว ไม่เป็นไรในประเทศก็เที่ยวได้น้า รอบนี้เราเลยออกเดินทางกัน 5วันเลย เอาให้คุ้ม โดยเส้นทางของเราคือ กรุงเทพ - เชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน – เชียงใหม่- กรุงเทพ เดินทางเป็นวงกลมค่ะ ในช่วงวันที่ 17 พย. 2563 – 22 พย.2563 (ดองเอาไว้ เกือบปีกว่าจะได้เขียนรีวิว แต่ก็ยังทันนะคะใครจะไปช่วงหน้าหนาวปลายปีนี้น่าจะยังใช้ประโยชน์ได้)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รีวิวฮอกไกโดหน้าหนาวค่ะ https://ppantip.com/topic/39951002/comment14
เราออกเดินทางในตอนเย็นของวันที่ 17 พย. 2563 รอบนี้เราเลือกเดินทางขาไปด้วยรถไฟค่ะ เพราะลูกสาวไม่เคยนั่งรถไฟไทยเลย และยิ่งมีขบวนด่วนพิเศษใหม่ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2559 ครอบครัวเราไม่มีใครเคยได้ทดลองใช้เลย ขบวนที่เราตั้งใจจะไปคือ รถด่วนพิเศษอุตราวิถี ขบวนที่ 9 นั่นเอง ที่จริงรถด่วนพิเศษขบวนใหม่มีทั้งสายใต้ และสายอีสานด้วยค่ะ ซึ่งเป็นตู้นอนทั้งหมดนะคะ ความพิเศษของขบวนนี้อยู่ตรงการตกแต่งที่ทันสมัย สวยงาม มีชั้น 1 และ ชั้น 2 ค่ะ โดยชั้น 1 จะมีประตูปิดได้ต่อ 2 ที่นั่งชั้นบน-ล่าง ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมาก และหากมาหลายคน เช่น 4 คน ก็สามารถจองที่นั่งติดกัน 4 ที่นั่ง แล้วเปิดประตูเชื่อมถึงกันได้ ก็จะได้ห้องที่กว้างขึ้น และพูดคุยกันได้ทั้ง 4 คนเลย ส่วนชั้นที่ 2 ในการนอนก็จะมีผ้าม่านกั้นในลักษณะเดิมของตู้นอนชั้น2 ค่ะ จริงๆลักษณะเหล่านี้ก็มีอยู่ในขบวนรถด่วนพิเศษสายเดิมที่มีอยู่แล้วนะคะ อย่างสายเหนือก็จะเป็นขบวน 13 ค่ะ เพียงแต่ขบวน9 อุตราวิถี ใหม่กว่าและตกแต่งสวยงามกว่า
เอาเป็นว่ากระทู้นี้ขอเป็นรีวิว ขบวนรถไฟด่วนพิเศษ อุตราวิถีก่อนแล้วกันค่ะ เพราะบอกเลยว่า จองยากมากกกกก ปกติแล้วขบวนนี้จะเต็มล่วงหน้านานมาก และมักจะเป็นชาวต่างชาติซะส่วนมากด้วยค่ะ แต่ช่วงนี้ช่วงโควิด ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้เรามีโอกาสจองได้มากขึ้นแต่ก็ไม่ง่ายอยู่ดีค่ะ เพราะเป้าหมายของเราคือ ตู้นอนชั้น 1 ของขบวนอุตราวิถี ซึ่งทั้งขบวนมีอยู่ 24 ที่ หรือถ้าแบ่งเป็นห้องก็ 12 ห้องเท่านั้นค่ะ รีวิวนี้ก็จะขอกล่าวถึงชั้น 1 เท่านั้นนะคะ
สำหรับบ้านเรา มีกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก (อายุ 10 ขวบในตอนนั้น) คิดแล้วเราต้องใช้ 3 ที่นั่ง และเราก็อยากอยู่ด้วยกัน 3 คน ในห้องเดียวกันค่ะ เราจึงคิดว่า จะจอง 1 ห้อง (2ที่นั่ง) และ เหมาอีก 1 ห้อง (2ที่นั่ง) ที่อยู่ติดกัน เพื่อเราจะได้เปิดเป็น 2 ห้องติดกัน ซึ่งรถไฟขบวนนี้มีราคาเหมาห้องนะคะ ไม่ต้องจ่ายในราคา 2 ที่นั่ง ส่วนเรื่องราคาตั๋วเดี๋ยวจะแจ้งอีกทีค่ะ และชั้น1 นี้หากไม่ได้เดินทางมาด้วยกันแล้วจะไม่ให้ผู้ชายและผู้หญิงจองอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกันค่ะ เพื่อความปลอดภัย ก็จะต้องเป็น หญิงหญิง หรือ ชายชาย ค่ะ
ทีนี้มาถึงเรื่องที่ยากที่สุดแล้วค่ะ เรารู้อยู่แล้วว่าจองยากมาก และเราต้องการจองถึง 2 ห้อง ก็ยิ่งยากหนักไปอีก วิธีจองตั๋วก็มีหลายวิธีค่ะ จองทางโทรศัพท์ จองทางเวบไซต์ด้วยตัวเอง และ ไปจองที่สถานีรถไฟสถานีไหนก็ได้ค่ะ ซึ่งวิธีแรกที่เราสนใจคือ จองด้วยตัวเองทางเวบไซต์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งในการจองตั๋วนี้เราสามารถจองได้ล่วงหน้า 30 วัน เท่านั้น(ไม่ใช่ 3 เดือนแล้วนะคะ) ก็ต้องนับวันกันดีๆเลย และเวลาที่เปิดจองตั๋วคือ 8.00 น ค่ะ เราวางแผนมานานเกิน 1 เดือนก่อนเดินทาง ดังนั้นระหว่างนี้เราก็ทดลองกดเข้าไปเหมือนจะจองตั๋วในวันอื่นๆดูก่อน ว่าวิธีการเป็นอย่างไร แต่ปรากฏว่า เราไม่เคยจองทันเลยค่ะ เต็มเร็วมากแป๊บเดียวเต็มแล้ว บางทีก็ค้างไป ดูแล้ววิธีนี้สำหรับบ้านเราไม่เวิร์คเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นที่ความเร็วอินเตอร์เนตหรืออะไรแต่สรุปแล้ว วิธีนี้เราจองไม่สำเร็จแน่ๆ
เราเลยหาวิธีใหม่นั่นคือ ไปจองเองที่สถานีรถไฟ บ้านเราอยู่ไม่ไกลสถานีรถไฟนัก นั่นคือสถานีรถไฟศาลายาค่ะ เราก็เตรียมพร้อมเลยไปรอตั้งแต่ 7.30 น ของวันที่จองได้ โชคดีที่วันนั้นเป็นวันอาทิตย์พอดีไม่ได้ไปทำงานก็มีเวลามาจัดการเรื่องนี้ค่ะ พอถึงเวลา 7.59 เราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าใกล้เวลาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จัดการเข้าจองให้เลยค่ะ ซึ่งเป็นไปตามคาดเต็มเร็วมาก อาจเพราะวันเดินทางจริงเป็นเดือนพฤศจิกายน คนก็เริ่มเที่ยวภาคเหนือกันแล้ว เราจองได้มา 1 ห้อง(2 ที่นั่งเท่านั้น) เราก็ผิดหวังกำลังคิดว่าจะให้ลองจอง ด่วนพิเศษขบวน 13ชั้น1 แทนว่าเต็มหรือยัง อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน 3 คน ถึงขบวนจะไม่ใหม่เท่าก็เถอะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ถามมาซะก่อน เดินทางผู้ใหญ่ 3 คนเหรอ เราก็บอก ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 เจ้าหน้าที่ก็ถามว่า เด็กสูงเท่าไร ถึง150 ซม ไหม เราก็บอกว่ายังไม่ถึง เจ้าหน้าที่เลยบอกว่า เด็กนอนด้วยกันได้ไหมล่ะ เด็กสูงไม่เกิน 150 ซม. สามารถซื้อตั๋วนอนรวม แล้วนอนกับผู้ใหญ่ที่เตียงล่างได้ โอ้โห นี่มันความรู้ใหม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย เรารีบตกลงเลย ที่จริงเราก็ไม่ได้อยากจะเหมาอีกห้องหรอก แต่เราเข้าใจไปเองว่าทุกคนต้องมีที่นั่ง และเด็ก 10 ขวบ ก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วด้วย ปรากฏว่านี่ทำให้เราประหยัดเงินไปได้อีกด้วย รู้สึกดีใจมาก สุดท้ายก็สำเร็จจนได้ วันนั้นเลยได้ออกตั๋วเป็นผู้ใหญ่ 2 คนไปก่อน ส่วนตั๋วนอนรวมค่อยไปซื้อเพิ่มที่สถานีหัวลำโพงในวันเดินทางได้เลย เย้ สำเร็จแล้ว
ภายในห้องค่ะ
ตารางเดินรถ Cr. travel.trueid.net ค่ะ
สำหรับราคาตั๋วของเรา เตียงบน 1453 บาท เตียงล่าง 1653 บาท ตั๋วนอนรวมของเด็ก 391 บาท ค่ะ
สามารถดูภายในตู้รถไฟแบบละเอียดได้ตามคลิปนะคะ
[CR] ทริป เชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน ตอนเริ่มหนาว
หลังจากที่ได้ลองเขียนรีวิวการไปเที่ยวแบบครอบครัวที่ฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่นไปแล้วในช่วงโควิดรอบแรก ก็เกิดติดใจอยากเขียนรีวิวการเดินทางอีก ส่วนหนึ่งก็อยากเก็บไว้อ่านเป็นบันทึกของเราเอง อีกส่วนหนึ่งก็อยากให้เป็นประยชน์กับคนอื่นๆด้วย เหมือนที่เราเคยได้รับเวลามาหาข้อมูลก่อนเดินทาง แต่มันติดอยู่ที่ว่าเราไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ไกลกว่าในประเทศไทย เนื่องจากปัญหาโควิดที่ยังใม่จบสิ้น ตั๋วเครื่องบินที่เลื่อนกันเอาไว้ก็ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ กลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง 55 แล้วจะเอาอะไรมารีวิว ไม่เป็นไรในประเทศก็เที่ยวได้น้า รอบนี้เราเลยออกเดินทางกัน 5วันเลย เอาให้คุ้ม โดยเส้นทางของเราคือ กรุงเทพ - เชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน – เชียงใหม่- กรุงเทพ เดินทางเป็นวงกลมค่ะ ในช่วงวันที่ 17 พย. 2563 – 22 พย.2563 (ดองเอาไว้ เกือบปีกว่าจะได้เขียนรีวิว แต่ก็ยังทันนะคะใครจะไปช่วงหน้าหนาวปลายปีนี้น่าจะยังใช้ประโยชน์ได้)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราออกเดินทางในตอนเย็นของวันที่ 17 พย. 2563 รอบนี้เราเลือกเดินทางขาไปด้วยรถไฟค่ะ เพราะลูกสาวไม่เคยนั่งรถไฟไทยเลย และยิ่งมีขบวนด่วนพิเศษใหม่ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2559 ครอบครัวเราไม่มีใครเคยได้ทดลองใช้เลย ขบวนที่เราตั้งใจจะไปคือ รถด่วนพิเศษอุตราวิถี ขบวนที่ 9 นั่นเอง ที่จริงรถด่วนพิเศษขบวนใหม่มีทั้งสายใต้ และสายอีสานด้วยค่ะ ซึ่งเป็นตู้นอนทั้งหมดนะคะ ความพิเศษของขบวนนี้อยู่ตรงการตกแต่งที่ทันสมัย สวยงาม มีชั้น 1 และ ชั้น 2 ค่ะ โดยชั้น 1 จะมีประตูปิดได้ต่อ 2 ที่นั่งชั้นบน-ล่าง ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมาก และหากมาหลายคน เช่น 4 คน ก็สามารถจองที่นั่งติดกัน 4 ที่นั่ง แล้วเปิดประตูเชื่อมถึงกันได้ ก็จะได้ห้องที่กว้างขึ้น และพูดคุยกันได้ทั้ง 4 คนเลย ส่วนชั้นที่ 2 ในการนอนก็จะมีผ้าม่านกั้นในลักษณะเดิมของตู้นอนชั้น2 ค่ะ จริงๆลักษณะเหล่านี้ก็มีอยู่ในขบวนรถด่วนพิเศษสายเดิมที่มีอยู่แล้วนะคะ อย่างสายเหนือก็จะเป็นขบวน 13 ค่ะ เพียงแต่ขบวน9 อุตราวิถี ใหม่กว่าและตกแต่งสวยงามกว่า
เอาเป็นว่ากระทู้นี้ขอเป็นรีวิว ขบวนรถไฟด่วนพิเศษ อุตราวิถีก่อนแล้วกันค่ะ เพราะบอกเลยว่า จองยากมากกกกก ปกติแล้วขบวนนี้จะเต็มล่วงหน้านานมาก และมักจะเป็นชาวต่างชาติซะส่วนมากด้วยค่ะ แต่ช่วงนี้ช่วงโควิด ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้เรามีโอกาสจองได้มากขึ้นแต่ก็ไม่ง่ายอยู่ดีค่ะ เพราะเป้าหมายของเราคือ ตู้นอนชั้น 1 ของขบวนอุตราวิถี ซึ่งทั้งขบวนมีอยู่ 24 ที่ หรือถ้าแบ่งเป็นห้องก็ 12 ห้องเท่านั้นค่ะ รีวิวนี้ก็จะขอกล่าวถึงชั้น 1 เท่านั้นนะคะ
สำหรับบ้านเรา มีกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก (อายุ 10 ขวบในตอนนั้น) คิดแล้วเราต้องใช้ 3 ที่นั่ง และเราก็อยากอยู่ด้วยกัน 3 คน ในห้องเดียวกันค่ะ เราจึงคิดว่า จะจอง 1 ห้อง (2ที่นั่ง) และ เหมาอีก 1 ห้อง (2ที่นั่ง) ที่อยู่ติดกัน เพื่อเราจะได้เปิดเป็น 2 ห้องติดกัน ซึ่งรถไฟขบวนนี้มีราคาเหมาห้องนะคะ ไม่ต้องจ่ายในราคา 2 ที่นั่ง ส่วนเรื่องราคาตั๋วเดี๋ยวจะแจ้งอีกทีค่ะ และชั้น1 นี้หากไม่ได้เดินทางมาด้วยกันแล้วจะไม่ให้ผู้ชายและผู้หญิงจองอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกันค่ะ เพื่อความปลอดภัย ก็จะต้องเป็น หญิงหญิง หรือ ชายชาย ค่ะ
ทีนี้มาถึงเรื่องที่ยากที่สุดแล้วค่ะ เรารู้อยู่แล้วว่าจองยากมาก และเราต้องการจองถึง 2 ห้อง ก็ยิ่งยากหนักไปอีก วิธีจองตั๋วก็มีหลายวิธีค่ะ จองทางโทรศัพท์ จองทางเวบไซต์ด้วยตัวเอง และ ไปจองที่สถานีรถไฟสถานีไหนก็ได้ค่ะ ซึ่งวิธีแรกที่เราสนใจคือ จองด้วยตัวเองทางเวบไซต์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งในการจองตั๋วนี้เราสามารถจองได้ล่วงหน้า 30 วัน เท่านั้น(ไม่ใช่ 3 เดือนแล้วนะคะ) ก็ต้องนับวันกันดีๆเลย และเวลาที่เปิดจองตั๋วคือ 8.00 น ค่ะ เราวางแผนมานานเกิน 1 เดือนก่อนเดินทาง ดังนั้นระหว่างนี้เราก็ทดลองกดเข้าไปเหมือนจะจองตั๋วในวันอื่นๆดูก่อน ว่าวิธีการเป็นอย่างไร แต่ปรากฏว่า เราไม่เคยจองทันเลยค่ะ เต็มเร็วมากแป๊บเดียวเต็มแล้ว บางทีก็ค้างไป ดูแล้ววิธีนี้สำหรับบ้านเราไม่เวิร์คเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นที่ความเร็วอินเตอร์เนตหรืออะไรแต่สรุปแล้ว วิธีนี้เราจองไม่สำเร็จแน่ๆ
เราเลยหาวิธีใหม่นั่นคือ ไปจองเองที่สถานีรถไฟ บ้านเราอยู่ไม่ไกลสถานีรถไฟนัก นั่นคือสถานีรถไฟศาลายาค่ะ เราก็เตรียมพร้อมเลยไปรอตั้งแต่ 7.30 น ของวันที่จองได้ โชคดีที่วันนั้นเป็นวันอาทิตย์พอดีไม่ได้ไปทำงานก็มีเวลามาจัดการเรื่องนี้ค่ะ พอถึงเวลา 7.59 เราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าใกล้เวลาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จัดการเข้าจองให้เลยค่ะ ซึ่งเป็นไปตามคาดเต็มเร็วมาก อาจเพราะวันเดินทางจริงเป็นเดือนพฤศจิกายน คนก็เริ่มเที่ยวภาคเหนือกันแล้ว เราจองได้มา 1 ห้อง(2 ที่นั่งเท่านั้น) เราก็ผิดหวังกำลังคิดว่าจะให้ลองจอง ด่วนพิเศษขบวน 13ชั้น1 แทนว่าเต็มหรือยัง อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน 3 คน ถึงขบวนจะไม่ใหม่เท่าก็เถอะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ถามมาซะก่อน เดินทางผู้ใหญ่ 3 คนเหรอ เราก็บอก ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 เจ้าหน้าที่ก็ถามว่า เด็กสูงเท่าไร ถึง150 ซม ไหม เราก็บอกว่ายังไม่ถึง เจ้าหน้าที่เลยบอกว่า เด็กนอนด้วยกันได้ไหมล่ะ เด็กสูงไม่เกิน 150 ซม. สามารถซื้อตั๋วนอนรวม แล้วนอนกับผู้ใหญ่ที่เตียงล่างได้ โอ้โห นี่มันความรู้ใหม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย เรารีบตกลงเลย ที่จริงเราก็ไม่ได้อยากจะเหมาอีกห้องหรอก แต่เราเข้าใจไปเองว่าทุกคนต้องมีที่นั่ง และเด็ก 10 ขวบ ก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วด้วย ปรากฏว่านี่ทำให้เราประหยัดเงินไปได้อีกด้วย รู้สึกดีใจมาก สุดท้ายก็สำเร็จจนได้ วันนั้นเลยได้ออกตั๋วเป็นผู้ใหญ่ 2 คนไปก่อน ส่วนตั๋วนอนรวมค่อยไปซื้อเพิ่มที่สถานีหัวลำโพงในวันเดินทางได้เลย เย้ สำเร็จแล้ว
ภายในห้องค่ะ
ตารางเดินรถ Cr. travel.trueid.net ค่ะ
สำหรับราคาตั๋วของเรา เตียงบน 1453 บาท เตียงล่าง 1653 บาท ตั๋วนอนรวมของเด็ก 391 บาท ค่ะ
สามารถดูภายในตู้รถไฟแบบละเอียดได้ตามคลิปนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้