เพลงชุดนี้ประพันธ์โดยกูสตาฟ โฮลส์ท์ (Gustav Holst) นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชาวอังกฤษ เพลงชุดนี้แต่งขึ้นระหว่างปี 1914-1916 เป็นเพลงชุดแบบ modern suite เพลงประเภทนี้เป็นเพลงที่มีหลายท่อน (movement) สำหรับบรรเลงด้วยวงออร์เคสตรา บางครั้งใช้บรรยายเรื่องราวที่มีหลายท่อน อย่างกรณีเพลงชุด Sch
zade ซึ่งเป็นเรื่องเล่าจากอาหรับราตรี เช่น การผจญภัยของซินแบด
เพลงชุด The Planets นี้มี 7 ท่อน บรรยายถึงดาวเคราะห์เท่าที่ค้นพบในช่วงที่ประพันธ์ โดยเรียงลำดับท่อนดังนี้ ดาวอังคาร (Mars) ดาวศุกร์ (Venus) ดาวพุธ (Mercury) ดาวพฤหัสบดี (Jupiter) ดาวเสาร์ (Saturn) ดาวยูเรนัส (Uranus) ดาวเนปจูน (Neptune) ส่วนดาวโลกแม้จะเป็นดาวเคราะห์แต่ก็ไม่มีการบรรยายไว้ เพราะว่าความมุ่งหมายของการประพันธ์เพลงชุดนี้เป็นเรื่องการบรรยายดาวเคราะห์ในเชิงโหราศาสตร์ (astrological character) ซึ่งไม่จัดให้โลกเป็นตัวแทนในเชิงโหราศาสตร์นั่นเอง เพราะว่าวิชาโหราศาสตร์เป็นเรื่องการศึกษาการโคจรของดาวเคราะห์ที่เห็นบนท้องฟ้า โดยเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตคน แต่เนื่องจากคนยืนอยู่บนโลกมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เราไม่ได้เห็นโลกโคจรไปบนท้องฟ้าเลย
คำแนะนำในการฟังเพลงชุดนี้สำหรับคนทั่วไปที่ไม่คุ้นเคยกับเพลงคลาสสิกขนาดยาว (เพลงชุดนี้ยาวประมาณ 45 นาที) การฟังรวดเดียวอาจเป็นเรื่องเกินสมาธิและความอดทน หากฝืนทนฟังจนจบก็จะบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องอะไรเลย จับได้แต่ว่ามีดนตรีบรรเลงไปเรื่อย ๆ นั่นคือปฏิกิริยาตอนฟังจบของคนทั่วไปที่ไม่ได้นิยมฟังเพลงคลาสสิกมาก่อน ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ยิ่งถ้าฟังเป็นครั้งแรกโดยไม่ได้รับการแนะนำมาก่อน ก็จะจับเนื้อหาของเพลงไม่ได้ แต่หากได้รับ คำแนะนำบ้างก็จะพอจับเนื้อหาของเพลงได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอฟังครั้งแรกแล้วจะนิยมชมชอบเลยก็คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนจะนิยมเพลงใด ๆ จะต้องได้ฟังบ่อย ๆ จนจำทำนองเด่น ๆ ได้ (แต่บางเพลงอาจชอบโดยยังจำทำนองไม่ได้ก็มี แต่พอฟังไปแล้วก็จะค่อย ๆ จำได้ดีขึ้น) และจะเข้าใจอารมณ์เพลงได้ดีขึ้น และเมื่อนั้นก็จะชอบมากขึ้น และเชื่อหรือไม่หากเราเริ่มติดใจบางทำนอง เราจะอยากฟังบ่อย ๆ เหมือนการฟังเพลงประเภทอื่นนั่นเอง สำหรับการฟังเพลงชุดนี้แนะนำให้ฟังเพียงแค่ครั้งละท่อนให้เข้าใจและคุ้นเคยดี แล้วค่อยฟังท่อนต่อ ๆ ไป และท้ายสุดก้าวไปฟังรวดเดียวทั้งชุดเลย
ในการฟังเพลงคลาสสิกเราต้องรู้ก่อนว่าคนแต่งเขาต้องการบอกหรือนำเสนออะไรให้เราฟัง เราจะไปเรียกร้องเอาตามใจเราไม่ได้ เราต้องรู้ก่อนว่าแนวเพลงของเขาเป็นอย่างไรซึ่งก็รู้ได้จากการอ่านคำแนะนำนั่นเอง (ที่จริงแค่ชื่อประเภทเพลงก็พอบอกได้ว่ามันพังยากหรือง่าย) อย่างในยุคก่อนจะอธิบายเพลงไว้ที่ประวัติของเพลงบนปกแผ่นเสียง แผ่นซีดี หรือตลับเทป สำหรับยุคนี้ยิ่งง่ายมากเพราะแค่ google ชื่อเพลงก็จะมีอธิบายไว้เยอะแยะ หากเราไม่อยากฟังเพลงแบบนี้ก็อย่าเสียเวลาฟัง เพราะต่อให้เขาแต่งดีอย่างไรในงานแบบของเขา เราก็จะไม่มีวันชอบหรือเข้าถึงเพลงแบบนั้น ๆ เวลาฟังเพลงพวกนี้เราต้องพร้อมจะฟัง หากไม่พร้อมก็ไม่ต้องเสียเวลา เพราะมันต้องใช้สมาธิในการฟังถึงจะรู้เรื่อง หากไม่มีความตั้งใจฟังก็จะฟังไม่รู้เรื่องได้ยินแค่เสียงดนตรีเท่านั้น
ในการแนะนำเพลงชุดนี้ จะแนะนำทีละท่อนและจะนำวีดีโอมาให้ฟัง พอนำเสนอครบทุกท่อนแล้วจึงจะเอาเพลงเต็มมาใส่ไว้ในส่วนท้ายของคอมเม้นท์ 1 สำหรับคนที่รู้จักเพลงชุดนี้ดีแล้ว หรือใครที่อยากฟังทั้งหมดทันทีก็ให้เลื่อนไปฟังได้จากหลายวงด้านท้ายสุด (ตรงฟังเพลงทั้งชุด)
อนึ่ง เพลงชุดนี้จะมีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งซึ่งจะไม่ค่อยคุ้นเคยกัน แต่ในเพลงชุดนี้ มีบทบาทให้ได้ยินพอควร เครื่องดนตรีนี้คือ celesta เซเลสตา ถ้าเป็นภาษาฝรั่งเศสเขียนว่า celeste เซแลส(เตอ) ออกเสียงเตอเบา ๆ เครื่องดนตรีนี้จะคล้ายกับเปียโนขนาดเล็กจะให้เสียงกรุ๊งกริ๋งฟังไพเราะดีซึ่งเขาเปรียบกันว่าเป็นเสียงสวรรค์ heavenly ในเพลงชุดนี้จะได้ยินเครื่องดนตรีนี้บ่อยครั้งแต่จะไม่ดังมาก เพราะว่าเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงเล็ก ๆ จะได้ยินได้ดีในตอนที่ดนตรีไม่ดังมาก
ตัวอย่างเสียง celesta ในเพลง Sugar Plum Fairy Dance จากบัลเล่ต์เรื่อง The Nutcracker ของ ไชคอฟสกี้ Tchaikovsky
ดูการเล่น celesta หรือ celeste
เนื้อหาแต่ละท่อน (movement)
1.ดาวอังคาร (Mars : Bringer of war บริงเง่อร์ ออฟ วอร์)
ดาวอังคารเทพเจ้าแห่งการสงคราม นำมาซึ่งการสงคราม ความรุนแรงความทุกข์ยาก เนื้อหาอารมณ์เพลงจึงต้องเป็นเรื่องความรุนแรงของสงคราม แนวเพลงมีเสียงดังจังหวะแบบมาร์ช เสียงกลองตีเป็น 5 จังหวะกระแทกกระทั้นคึกคักปลุกเร้าใจตลอดเพลง ผู้แต่งต้องการเปิดตัวด้วยเพลงที่กระตุ้นความรู้สึกปลุกเร้า ถ้าอยากฟังแนวนี้ก็ให้เลือกฟังท่อน Mars ดาวอังคาร และถ้าของคนอื่นเลือกเพลงอย่าง Ride of Valkyries ของว๊ากเน่อร์ (Richard Wagner)
เพลงท่อนนี้ได้มีการนำไปเป็นแนวทางในการแต่งเพลงประกอบหนังเรื่องสตาร์วอร์ โดยจอร์จลูกัส (George Lucas) ผู้อำนวยการสร้างบอกให้ John Williams ผู้แต่งให้เอาแนวเพลงของ The planets (แต่ไม่ได้ให้ลอกทำนอง) เพลง Imperial march ของสตาร์วอร์ก็ยึดแนวทางของท่อนดาวอังคารนี่เอง ขอให้ฟัง imperial march ใน star war เปรียบเทียบกันดูจะเห็นว่าเอาจังหวะจาก Mars นี่เอง และยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่นำแนวเพลงจากเพลงชุดนี้ไปใช้ โดยเฉพาะพวกหนังอวกาศ หนังประเภทอื่นก็มีอีก นำไปใช้ในเพลงโฆษณาก็มี
เพลง Imperial march จากหนัง Star War ที่ใช้จังหวะจากเพลงดาวอังคาร
วีดีโอเพลงดาวอังคาร
2. ดาวศุกร์ Venus (bringer of peace) ผู้นำมาซึ่งสันติภาพและความสงบสุข
ดาวศุกร์เทพแห่งความงามผู้นำมาซึ่งสันติภาพ ความสงบสุข เพลงท่อนนี้ให้อารมณ์เพลงตรงข้ามกับท่อน Mars คือมีจังหวะช้า เนิบนาบ เอื่อย ๆ อ่อนโยนนุ่มนวล ไม่มีจังหวะกระแทกกระทั้นเลย ทำนองก็แนวเยือกเย็นออกหวาน ๆ ฟังแล้วจะให้ความสงบทางจิตใจ คนทั่วไปฟังแล้วอาจบอกว่าง่วงนอน ก็นั่นแหละใช่เลยมันนำมาซึ่งความสงบสุขผ่อนคลายให้คนฟังนั่นเอง ยามใดถ้าอยากทำใจให้สงบก็ฟังท่อนนี้เลย ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่าเวลาฟังเพลงพวกนี้เราอย่าเอาความต้องการของตัวเองเป็นหลัก แต่ให้ยึดว่าคนแต่งต้องการบอกหรือสื่ออารมณ์เพลงไปทางไหน และก็ให้เราอินไปกับที่เขาต้องการอย่าไปฝืน เพราะถ้าเราฝืนก็จะเกิด conflict ขัดแย้งในใจกลายเป็นไม่ถูกใจเพราะมันจะไม่เป็นแบบที่เราต้องการ คือคนทั่วไปมักชอบเพลงทำนองเพราะ ๆ ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน หรือชอบพวกมีจังหวะสนุกสนาน แต่คนแต่งเขาไม่เน้นไปทางนั้นเลย หากเราไม่ชอบแนวนี้ก็ไม่ต้องฟัง ก็ให้หาฟังตามแบบที่เราต้องการแทน ซึ่งเพลงคลาสสิกก็มีหลายแนวหลากหลายอารมณ์เพลงให้เลือกเยอะไป
วีดีโอเพลง
3 ดาวพุธ Mercury, the Winged Messenger เทพนำสารของพระเจ้า
ท่อนดาวพุธเป็นท่อนที่สั้นที่สุดของเพลงชุดนี้ยาวประมาณไม่เกิน 4 นาที โดยที่ท่อนนี้กล่าวถึงดาวพุธในฐานะเป็นเทพนำสารของพระเจ้า (ในรูปมักแสดงเทพมีปีกที่ข้อเท้า หรือหมวกติดปีก และเป็นเทพอุปถัมภ์แห่งการค้าขาย นักเดินทางด้วย) การนำสารจะต้องทำอย่างรวดเร็วว่องไว ฉับไว เนื้อหาเพลงจะออกไปทางมีชีวิตชีวา ไม่ซับซ้อน สบาย ๆ จังหวะเพลงเร็วฉับไว ทำนองเพลงจะประกอบด้วยกลุ่มตัวโน๊ตสั้น ๆ บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีต่าง ๆ สลับกันไปเบา ๆ ไม่ดังมากนัก และบรรเลงอย่างรวดเร็วจังหวะจะเปรียบก็เหมือนเพลงประกอบพวกการ์ตูนตอนวิ่งจู๊ด ๆ ไม่มีทำนองยาว ๆ ให้จดจำ
รูปเทพเมอร์คิวรี่ ปกติจะมีหมวกติดปีก หรือรองเท้าติดปีก และอาจมีคธามีงูพันรอบ มีไก่ แพะ เต่ารวมอยู่ด้วย
วีดีโอเพลงดาวพุธ
4. ดาวพฤหัสบดี Jupiter, the Bringer of Jollity ผู้นำความมีชีวิตชีวารื่นรมย์ยินดี
Jupiter เป็นประมุขแห่งเทพทั้งหลาย มีความสง่ายิ่งใหญ่ เป็นเทพที่นำความรื่นรมย์ แนวเพลงออกมาแนวเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่และให้อารมณ์ ยินดีมีความสุขที่สุดในเพลงชุดนี้ เป็นท่อน top hit ที่คนนิยมฟังกันมากที่สุด ทำนองที่ฟังแล้วตรึงใจจะอยู่ที่นาที 3:00 - 4:55 ของลิ้งค์แรก ช่วงตรงนี้ใช้จังหวะ slow waltz สำหรับท่อนนี้ให้กลับมาฟังบ่อย ๆ รับรองว่าต้องชอบ ตรงท้ายส่วนนี้หากเป็นนักแต่งเพลงหรือนักฟังเพลงจะรู้ว่าทำนองเพลงส่วนนี้ยังไม่จบสมบูรณ์มันยังค้าง ๆ อยู่ (คือเพลงยังไม่ลงที่โทนิค) คือโฮลส์ท์ได้ให้ไปเล่นทำนองอื่นไปอีกสักครู่ใหญ่ ๆ แล้วในที่สุดก็วกกลับไปเล่นส่วนที่เหลือของทำนองเพราะ ๆ นั้นอีกครั้งหนึ่งในช่วงครึ่งนาทีสุดท้ายก่อนจบ ซึ่งในทางเทคนิคการแต่งเพลงมันจะต้องมีส่วนนี้ด้วยเพื่อให้เพลงส่วนที่เพราะ ๆ ได้จบโดยสมบูรณ์ตามหลักระบบเสียงโทนาลิตี้ (Tonality) ที่เพลงต้องจบลงด้วยเสียงโทนิคของคีย์นั้น ๆ (ถ้าสนใจเรื่องโทนาลิตี้ให้ไปอ่าน
ตามนี้)
https://musicapp271.blog.fc2.com/blog-entry-15.html
วีดีโอเพลงดาวพฤหัสบดี
สำหรับทำนองตรงเพราะ ๆ นี้ Holst ได้แยกออกไปทำเป็นเพลง hymn tune ชื่อ Thaxted ตามชื่อหมู่บ้านที่เขาอยู่อาศัยมาหลายปี โดยใช้เนื้อร้องของ Cecil Spring-Rice และทำนองนี้ก็ได้มีการนำไปใช้ในเพลงรักชาติชื่อ ‘I Vow to Thee My Country’ และมีการนำทำนองไปใช้ในการ
แข่งขันรักบี้โลก The Rugby World Cup และในโอกาสอื่น ๆ อีกเช่น
British Legion Festival of Remembrance 2016
พิธีศพเซอร์วินสตัน เชอร์ชิล นาที 1.36
ดาวเสาร์ต่อในคอมเม้นท์ เพราะคำเกินใส่ได้ไม่หมด
Holst: The Planets Suite, Op. 32 เพลงชุด “ดาวเคราะห์”
เพลงชุด The Planets นี้มี 7 ท่อน บรรยายถึงดาวเคราะห์เท่าที่ค้นพบในช่วงที่ประพันธ์ โดยเรียงลำดับท่อนดังนี้ ดาวอังคาร (Mars) ดาวศุกร์ (Venus) ดาวพุธ (Mercury) ดาวพฤหัสบดี (Jupiter) ดาวเสาร์ (Saturn) ดาวยูเรนัส (Uranus) ดาวเนปจูน (Neptune) ส่วนดาวโลกแม้จะเป็นดาวเคราะห์แต่ก็ไม่มีการบรรยายไว้ เพราะว่าความมุ่งหมายของการประพันธ์เพลงชุดนี้เป็นเรื่องการบรรยายดาวเคราะห์ในเชิงโหราศาสตร์ (astrological character) ซึ่งไม่จัดให้โลกเป็นตัวแทนในเชิงโหราศาสตร์นั่นเอง เพราะว่าวิชาโหราศาสตร์เป็นเรื่องการศึกษาการโคจรของดาวเคราะห์ที่เห็นบนท้องฟ้า โดยเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตคน แต่เนื่องจากคนยืนอยู่บนโลกมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เราไม่ได้เห็นโลกโคจรไปบนท้องฟ้าเลย
คำแนะนำในการฟังเพลงชุดนี้สำหรับคนทั่วไปที่ไม่คุ้นเคยกับเพลงคลาสสิกขนาดยาว (เพลงชุดนี้ยาวประมาณ 45 นาที) การฟังรวดเดียวอาจเป็นเรื่องเกินสมาธิและความอดทน หากฝืนทนฟังจนจบก็จะบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องอะไรเลย จับได้แต่ว่ามีดนตรีบรรเลงไปเรื่อย ๆ นั่นคือปฏิกิริยาตอนฟังจบของคนทั่วไปที่ไม่ได้นิยมฟังเพลงคลาสสิกมาก่อน ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ยิ่งถ้าฟังเป็นครั้งแรกโดยไม่ได้รับการแนะนำมาก่อน ก็จะจับเนื้อหาของเพลงไม่ได้ แต่หากได้รับ คำแนะนำบ้างก็จะพอจับเนื้อหาของเพลงได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอฟังครั้งแรกแล้วจะนิยมชมชอบเลยก็คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนจะนิยมเพลงใด ๆ จะต้องได้ฟังบ่อย ๆ จนจำทำนองเด่น ๆ ได้ (แต่บางเพลงอาจชอบโดยยังจำทำนองไม่ได้ก็มี แต่พอฟังไปแล้วก็จะค่อย ๆ จำได้ดีขึ้น) และจะเข้าใจอารมณ์เพลงได้ดีขึ้น และเมื่อนั้นก็จะชอบมากขึ้น และเชื่อหรือไม่หากเราเริ่มติดใจบางทำนอง เราจะอยากฟังบ่อย ๆ เหมือนการฟังเพลงประเภทอื่นนั่นเอง สำหรับการฟังเพลงชุดนี้แนะนำให้ฟังเพียงแค่ครั้งละท่อนให้เข้าใจและคุ้นเคยดี แล้วค่อยฟังท่อนต่อ ๆ ไป และท้ายสุดก้าวไปฟังรวดเดียวทั้งชุดเลย
ในการฟังเพลงคลาสสิกเราต้องรู้ก่อนว่าคนแต่งเขาต้องการบอกหรือนำเสนออะไรให้เราฟัง เราจะไปเรียกร้องเอาตามใจเราไม่ได้ เราต้องรู้ก่อนว่าแนวเพลงของเขาเป็นอย่างไรซึ่งก็รู้ได้จากการอ่านคำแนะนำนั่นเอง (ที่จริงแค่ชื่อประเภทเพลงก็พอบอกได้ว่ามันพังยากหรือง่าย) อย่างในยุคก่อนจะอธิบายเพลงไว้ที่ประวัติของเพลงบนปกแผ่นเสียง แผ่นซีดี หรือตลับเทป สำหรับยุคนี้ยิ่งง่ายมากเพราะแค่ google ชื่อเพลงก็จะมีอธิบายไว้เยอะแยะ หากเราไม่อยากฟังเพลงแบบนี้ก็อย่าเสียเวลาฟัง เพราะต่อให้เขาแต่งดีอย่างไรในงานแบบของเขา เราก็จะไม่มีวันชอบหรือเข้าถึงเพลงแบบนั้น ๆ เวลาฟังเพลงพวกนี้เราต้องพร้อมจะฟัง หากไม่พร้อมก็ไม่ต้องเสียเวลา เพราะมันต้องใช้สมาธิในการฟังถึงจะรู้เรื่อง หากไม่มีความตั้งใจฟังก็จะฟังไม่รู้เรื่องได้ยินแค่เสียงดนตรีเท่านั้น
ในการแนะนำเพลงชุดนี้ จะแนะนำทีละท่อนและจะนำวีดีโอมาให้ฟัง พอนำเสนอครบทุกท่อนแล้วจึงจะเอาเพลงเต็มมาใส่ไว้ในส่วนท้ายของคอมเม้นท์ 1 สำหรับคนที่รู้จักเพลงชุดนี้ดีแล้ว หรือใครที่อยากฟังทั้งหมดทันทีก็ให้เลื่อนไปฟังได้จากหลายวงด้านท้ายสุด (ตรงฟังเพลงทั้งชุด)
อนึ่ง เพลงชุดนี้จะมีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งซึ่งจะไม่ค่อยคุ้นเคยกัน แต่ในเพลงชุดนี้ มีบทบาทให้ได้ยินพอควร เครื่องดนตรีนี้คือ celesta เซเลสตา ถ้าเป็นภาษาฝรั่งเศสเขียนว่า celeste เซแลส(เตอ) ออกเสียงเตอเบา ๆ เครื่องดนตรีนี้จะคล้ายกับเปียโนขนาดเล็กจะให้เสียงกรุ๊งกริ๋งฟังไพเราะดีซึ่งเขาเปรียบกันว่าเป็นเสียงสวรรค์ heavenly ในเพลงชุดนี้จะได้ยินเครื่องดนตรีนี้บ่อยครั้งแต่จะไม่ดังมาก เพราะว่าเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงเล็ก ๆ จะได้ยินได้ดีในตอนที่ดนตรีไม่ดังมาก
ตัวอย่างเสียง celesta ในเพลง Sugar Plum Fairy Dance จากบัลเล่ต์เรื่อง The Nutcracker ของ ไชคอฟสกี้ Tchaikovsky
ดูการเล่น celesta หรือ celeste
เนื้อหาแต่ละท่อน (movement)
1.ดาวอังคาร (Mars : Bringer of war บริงเง่อร์ ออฟ วอร์)
ดาวอังคารเทพเจ้าแห่งการสงคราม นำมาซึ่งการสงคราม ความรุนแรงความทุกข์ยาก เนื้อหาอารมณ์เพลงจึงต้องเป็นเรื่องความรุนแรงของสงคราม แนวเพลงมีเสียงดังจังหวะแบบมาร์ช เสียงกลองตีเป็น 5 จังหวะกระแทกกระทั้นคึกคักปลุกเร้าใจตลอดเพลง ผู้แต่งต้องการเปิดตัวด้วยเพลงที่กระตุ้นความรู้สึกปลุกเร้า ถ้าอยากฟังแนวนี้ก็ให้เลือกฟังท่อน Mars ดาวอังคาร และถ้าของคนอื่นเลือกเพลงอย่าง Ride of Valkyries ของว๊ากเน่อร์ (Richard Wagner)
เพลงท่อนนี้ได้มีการนำไปเป็นแนวทางในการแต่งเพลงประกอบหนังเรื่องสตาร์วอร์ โดยจอร์จลูกัส (George Lucas) ผู้อำนวยการสร้างบอกให้ John Williams ผู้แต่งให้เอาแนวเพลงของ The planets (แต่ไม่ได้ให้ลอกทำนอง) เพลง Imperial march ของสตาร์วอร์ก็ยึดแนวทางของท่อนดาวอังคารนี่เอง ขอให้ฟัง imperial march ใน star war เปรียบเทียบกันดูจะเห็นว่าเอาจังหวะจาก Mars นี่เอง และยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่นำแนวเพลงจากเพลงชุดนี้ไปใช้ โดยเฉพาะพวกหนังอวกาศ หนังประเภทอื่นก็มีอีก นำไปใช้ในเพลงโฆษณาก็มี
เพลง Imperial march จากหนัง Star War ที่ใช้จังหวะจากเพลงดาวอังคาร
วีดีโอเพลงดาวอังคาร
2. ดาวศุกร์ Venus (bringer of peace) ผู้นำมาซึ่งสันติภาพและความสงบสุข
ดาวศุกร์เทพแห่งความงามผู้นำมาซึ่งสันติภาพ ความสงบสุข เพลงท่อนนี้ให้อารมณ์เพลงตรงข้ามกับท่อน Mars คือมีจังหวะช้า เนิบนาบ เอื่อย ๆ อ่อนโยนนุ่มนวล ไม่มีจังหวะกระแทกกระทั้นเลย ทำนองก็แนวเยือกเย็นออกหวาน ๆ ฟังแล้วจะให้ความสงบทางจิตใจ คนทั่วไปฟังแล้วอาจบอกว่าง่วงนอน ก็นั่นแหละใช่เลยมันนำมาซึ่งความสงบสุขผ่อนคลายให้คนฟังนั่นเอง ยามใดถ้าอยากทำใจให้สงบก็ฟังท่อนนี้เลย ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่าเวลาฟังเพลงพวกนี้เราอย่าเอาความต้องการของตัวเองเป็นหลัก แต่ให้ยึดว่าคนแต่งต้องการบอกหรือสื่ออารมณ์เพลงไปทางไหน และก็ให้เราอินไปกับที่เขาต้องการอย่าไปฝืน เพราะถ้าเราฝืนก็จะเกิด conflict ขัดแย้งในใจกลายเป็นไม่ถูกใจเพราะมันจะไม่เป็นแบบที่เราต้องการ คือคนทั่วไปมักชอบเพลงทำนองเพราะ ๆ ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน หรือชอบพวกมีจังหวะสนุกสนาน แต่คนแต่งเขาไม่เน้นไปทางนั้นเลย หากเราไม่ชอบแนวนี้ก็ไม่ต้องฟัง ก็ให้หาฟังตามแบบที่เราต้องการแทน ซึ่งเพลงคลาสสิกก็มีหลายแนวหลากหลายอารมณ์เพลงให้เลือกเยอะไป
วีดีโอเพลง
3 ดาวพุธ Mercury, the Winged Messenger เทพนำสารของพระเจ้า
ท่อนดาวพุธเป็นท่อนที่สั้นที่สุดของเพลงชุดนี้ยาวประมาณไม่เกิน 4 นาที โดยที่ท่อนนี้กล่าวถึงดาวพุธในฐานะเป็นเทพนำสารของพระเจ้า (ในรูปมักแสดงเทพมีปีกที่ข้อเท้า หรือหมวกติดปีก และเป็นเทพอุปถัมภ์แห่งการค้าขาย นักเดินทางด้วย) การนำสารจะต้องทำอย่างรวดเร็วว่องไว ฉับไว เนื้อหาเพลงจะออกไปทางมีชีวิตชีวา ไม่ซับซ้อน สบาย ๆ จังหวะเพลงเร็วฉับไว ทำนองเพลงจะประกอบด้วยกลุ่มตัวโน๊ตสั้น ๆ บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีต่าง ๆ สลับกันไปเบา ๆ ไม่ดังมากนัก และบรรเลงอย่างรวดเร็วจังหวะจะเปรียบก็เหมือนเพลงประกอบพวกการ์ตูนตอนวิ่งจู๊ด ๆ ไม่มีทำนองยาว ๆ ให้จดจำ
รูปเทพเมอร์คิวรี่ ปกติจะมีหมวกติดปีก หรือรองเท้าติดปีก และอาจมีคธามีงูพันรอบ มีไก่ แพะ เต่ารวมอยู่ด้วย
วีดีโอเพลงดาวพุธ
4. ดาวพฤหัสบดี Jupiter, the Bringer of Jollity ผู้นำความมีชีวิตชีวารื่นรมย์ยินดี
Jupiter เป็นประมุขแห่งเทพทั้งหลาย มีความสง่ายิ่งใหญ่ เป็นเทพที่นำความรื่นรมย์ แนวเพลงออกมาแนวเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่และให้อารมณ์ ยินดีมีความสุขที่สุดในเพลงชุดนี้ เป็นท่อน top hit ที่คนนิยมฟังกันมากที่สุด ทำนองที่ฟังแล้วตรึงใจจะอยู่ที่นาที 3:00 - 4:55 ของลิ้งค์แรก ช่วงตรงนี้ใช้จังหวะ slow waltz สำหรับท่อนนี้ให้กลับมาฟังบ่อย ๆ รับรองว่าต้องชอบ ตรงท้ายส่วนนี้หากเป็นนักแต่งเพลงหรือนักฟังเพลงจะรู้ว่าทำนองเพลงส่วนนี้ยังไม่จบสมบูรณ์มันยังค้าง ๆ อยู่ (คือเพลงยังไม่ลงที่โทนิค) คือโฮลส์ท์ได้ให้ไปเล่นทำนองอื่นไปอีกสักครู่ใหญ่ ๆ แล้วในที่สุดก็วกกลับไปเล่นส่วนที่เหลือของทำนองเพราะ ๆ นั้นอีกครั้งหนึ่งในช่วงครึ่งนาทีสุดท้ายก่อนจบ ซึ่งในทางเทคนิคการแต่งเพลงมันจะต้องมีส่วนนี้ด้วยเพื่อให้เพลงส่วนที่เพราะ ๆ ได้จบโดยสมบูรณ์ตามหลักระบบเสียงโทนาลิตี้ (Tonality) ที่เพลงต้องจบลงด้วยเสียงโทนิคของคีย์นั้น ๆ (ถ้าสนใจเรื่องโทนาลิตี้ให้ไปอ่าน
ตามนี้) https://musicapp271.blog.fc2.com/blog-entry-15.html
วีดีโอเพลงดาวพฤหัสบดี
สำหรับทำนองตรงเพราะ ๆ นี้ Holst ได้แยกออกไปทำเป็นเพลง hymn tune ชื่อ Thaxted ตามชื่อหมู่บ้านที่เขาอยู่อาศัยมาหลายปี โดยใช้เนื้อร้องของ Cecil Spring-Rice และทำนองนี้ก็ได้มีการนำไปใช้ในเพลงรักชาติชื่อ ‘I Vow to Thee My Country’ และมีการนำทำนองไปใช้ในการ
แข่งขันรักบี้โลก The Rugby World Cup และในโอกาสอื่น ๆ อีกเช่น
British Legion Festival of Remembrance 2016
พิธีศพเซอร์วินสตัน เชอร์ชิล นาที 1.36
ดาวเสาร์ต่อในคอมเม้นท์ เพราะคำเกินใส่ได้ไม่หมด