สถาปนิกสร้างบ้าน…บ้าง

เมื่อสถาปนิกคิดสร้างบ้าน...บ้าง

หลังจากที่อายุล่วงเลยเข้าสู่วัยที่ควรจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งของตัวเอง ผมผู้ที่ร่ำเรียนมาจนประกอบวิชาชีพในสายนี้ จึงตัดสินใจนำแบบบ้านที่เราคิดว่า ok และเหมาะสมด้วยปัจจัยทั้งปวง ไปคุยกับแบงค์ที่ใช้บริการกันเป็นประจำ ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆเดินไปมาหาสู่กันได้ ยื่นเอกสาร ตรวจสอบ จนอนุมัติผ่านตามขั้นตอนปกติ เอกสารก็จะประกอบไปด้วย
    แบบยื่นขออนุญาตก่อสร้างที่ผ่านการอนุมัติแล้วจากเขต หรือเทศบาลหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    BOQ เอกสารประมาณราคาค่าก่อสร้างของบ้านหลังนี้
    สัญญาจ้างงานผู้รับเหมา ซึ่งก็จะแจงรายละเอียดขั้นตอนการทำงานและงวดการเบิกจ่ายของผู้รับเหมาจนบ้านแล้วเสร็จ

แบบที่ได้ออกแบบไว้ ตัด model สำหรับหน้างาน จะได้ทำงานได้สะดวก

        บ้านหลังแรก มันเป็นบ้านหลังแรกครับ ทุกอย่างเราก็ทำไปตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ทั้งทางเจ้าหน้าที่แบงค์ และเจ้าหน้าที่ของบริษัทประเมิน ทั้งการตรวจสอบเอกสารและสัญญาระหว่างเรากับแบงค์บริษัทประเมินนี่ก็คือบริษัทที่เค้าจะวางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ เข้ามารับผิดชอบดูแลในส่วนของงานก่อสร้างว่าถูกต้อง ครบถ้วนตามแบบที่ได้ขออนุมัติจากทางแบงค์หรือไม และก็จะส่งเรื่องยืนยันหลังเข้าตรวจสอบเนื้องาน กลับไปที่แบงค์อีกรอบเพื่อที่แบงค์จะอนุมัติเบิกจ่ายตามงวดเงิน
        ในสัญญาระบุการเบิกจ่ายเป็น 11 งวด ตามขั้นตอนการก่อสร้างปกติทั่วไป

          เคลียร์เพื้นที่  ฐานราก  คานคอดิน ตั้งเสา คานชั้น2 ก่อผนังชั้น1.....จนก่อสร้างแล้วเสร็จ แบงค์จะจ่ายงวดสุดท้าย แต่ในงวดที่ 5 และงวดสุดท้าย จะต้องผ่านการเห็นชอบจากบริษัทิประเมินก่อน


งานฐานราก

        เมื่อวันลงเสาเอกมาถึง ทุกอย่างก็ดำเนินการไปตามปกติ ผรม ที่เป็นคนที่รู้จักกัน เราเลือกเพราะรู้จักและอยากให้โอกาสให้ได้ทำงาน ทุกอย่างก็ดำเนินการไป ผมเข้าตรวจสอบหน้างานตามเนื้องานและความเหมาะสม ผิดอะไรก็สั่งปรับสั่งแก้ ขั้นตอนในช่วงแรกค่อนข้างสำคัญก็จะเข้ามาดูบ่อย จนผมประสบอุบัติเหตุที่ต่างจังหวัด ต้องพักรักษาตัวที่ รพ เกือบ 2 เดือนที่ รพ ในต่างจังหวัด   ลายของ ผรม เจ้านี้ก็เริ่มออกและทิ้งงานในที่สุด อันนี้คนรู้จักกัน เคยร่วมงานกัน
        หลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาล ก็พยายามกลับมาตามงาน ตามนานมากแต่ก็ไม่เป็นผล จากที่รับโทรศัพท์นัด เบี้ยวนัดและก็บิดโทรศัพท์หนีในที่สุด ข้ามเรื่องที่เกิดตามมาภายในครอบครัวเลยนะครับ....ดร่ามามาก ทุกอย่างหยุดอยู่กับที่ ผมโดนโกงไปประมาณ 10% ของงบสร้างบ้าน
        ตั้งสติได้ก็หา ผรม ใหม่ บ้านจะได้เสร็จได้ย้ายไปอยู่ แล้วผมก็ได้ ผรม เจ้าใหม่จากการแนะนำของเพื่อนในสายวิชาชีพเดียวกัน พี่เค้าเป็นคนดีที่เดียว แต่ปัญหามีอยู่ว่าแกไม่มีคนเหมือนกับที่คุยไว้ตอนต้นงานก็จะหวานเย็นหน่อยแต่ที่หนักกว่านั้น มันกลับไม่ใช่เรื่องคนงานที่ขาด แต่เป็นเรื่องของการขาดสามัญสำนึกของคนมากกว่า

พื้นที่รกร้าง 1 ปีที่เคลียร์พื้นที่ไปแล้ว กับผู้ช่วยสถาปนิก
       
        งวดที่ 5 งวดงานที่จะต้องให้บริษัทประเมินเข้ามาตรวจหน้างานเพื่อยืนยันกลับไปทางแบงค์ ว่าเนื้องานกับงวดเงินที่เบิกตรงตามคู่สัญญาที่ทำไว้กับทางแบงค์  วันนั้นผมขับรถมาไซท์งานแต่รถเจ้ากรรมดันมีปัญหา อีก 1-2 กิโลก็จะถึงแล้วเชียว บริษัทประเมินได้ส่งเจ้าหน้าที่ พนักงานมาตรวจสอบ แต่ แต่ แต่พนักงานประเมินที่ทางบริษัทส่งมาไม่มีความรู้ในเรื่องที่เค้าต้องทำงานเลย ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกระบวนการ เทคนิคเทคโนต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสร้างบ้าน หล่อนกลับไปพร้อมกับภาพถ่ายที่บอกว่า เนื้องานที่หน้าไซท์งานกับงวดสัญญาไม่ตรงกัน  บริษัทประเมินส่งเรื่องกลับไปที่แบงค์ แบงค์พาซื่อเชื่อและก็ไม่อนุมัติเงิน  เฮย....ก็บอกไปแล้วไงว่ากระบวนการก่อสร้างของบ้านหลังนี้มันย้อนหลัง ไม่เหมือนกับบ้านปกติทั่วไป ในแบบก็แสดงไว้ชัดเจน ในสัญญาจ้างที่ทำไว้กับผู้รับเหมา ใน BOQ ที่ยื่นไปก็เขียนกระบวนการก่อสร้างที่ต้องใช้กับบ้านหลังนี้ไว้ว่าจะต้องทำแบบไหน  ในส่วนสัญญาระหว่างผมกับแบงค์ทางแบงค์เป็นคนทำ ผมก็เซ็นต์ ก็นึกในใจว่าเค้าคงดูแล้ว เค้ามีประสบการณ์ในเรื่องของสัญญาอยู่แล้วไอที่มันขัดกันในเรื่องของกระบวนการก่อสร้างคงไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสุดท้ายยอดกู้ก็เท่ากัน  แต่พอมาถึงตรงนี้ ไม่มีใครช่วยอะไรได้เลยในส่วนของสาขา ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเราในตรงนี้ ทุกคนทำงานอยู่ในเซฟตี้โซน เอาตัวเองรอด ทำงานเป็นหุ่นยนต์ พูดสิ่งเดิมๆซ้ำๆ ทั้งๆที่ทางออกมันมีและง่ายนิดเดียว
        บ้านหยุดชะงักไปอีกรอบ บ้านหลังนี้ก่อสร้างด้วยระบบผนังเทในที่ หรือผนังหล่อ งานระบบไฟฟ้าแสงสว่าง งานระบบน้ำประปา น้ำดีน้ำเสีย สระน้ำต้องทำก่อนที่จะเทผนังและพื้น ซึ่งปกติบ้านทั่วไป ขั้นตอนเหล่านี้จะทำหลัง หลังจากที่โครงสร้างหลักของบ้านเสร็จหมดแล้ว  เหตุนี้แหละที่ทำให้เนื้องานหน้าไซท์ตามหลังในสัญญาอยู่มาก ผมคิดเอาว่าบริษัทประเมินไม่ได้ดูแบบอย่างละเอียด เลยเกิดความผิดพลาดในสัญญา แต่ก็ไม่ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเองและพยายามหลบเลี่ยง บ้านหยุดไป 1 ปี เต็มๆ ไซท์ก่อสร้างกลายร่างเป็นป่ารก ผมเซ็งและเสียใจมาก งง งง ชง ชง ทำอะไรไม่ถูก ใครถามถึงบ้านก็ไม่อยากจะพูดถึงมันและก็หงุดหงิด  ที่ดินเป็นของเราซื้อเงินสดมา เอาไปเข้าแบงค์สร้างบ้านโอนที่เป็นชื่อแบงค์จนถึงวันที่เกิดเรื่อง เอาเงินแบงค์มายังไม่ถึง 50% ของราคาที่ดินที่ซื้อด้วยเงินสดเราเอง ถ้าแบงค์จะเอาที่เรา มันยังค้างเงินเราด้วยซ้ำ แต่ระหว่างที่ดอง 1 ปี ผมยังต้องส่งงวดให้แบงค์อีกทุกเดือน ผมมานั้งคิดดู นี่มันอะไรกัน จากแพลนที่วางไว้ว่า บ้านเสร็จจะย้ายจาก condo มาอยู่บ้านแล้วเอา condo ให้เค้าเช่า กลายเป็นต้องจ่ายทั้ง condo ทั้งซากบ้าน ปัญหาของเรา ทางแบงค์ ทางเจ้าหน้าที่พนักงาน ผู้จัดการแบงค์ บริษัทประเมิน คนพวกนี่เค้าไม่ใส่ใจหรอก ปัญหากูไม่ใช่ ทั้งๆ ที่ทางออกมันง่ายมาก แค่แก้สัญญาให้ตรงตามจริงซึ่งของเดิมที่ทำ มันผิด สัญญามันผิดก็แก้สัญญา ไม่ใช่ให้ผมไปแก้แบบ แล้วมาบอกว่า สร้างไม่ตรงแบบ บ้านมันสร้างมาถูกต้องทุกอย่าง แต่คนทำสัญญา ผิดพลาด และพยายามโยนความผิดพ้นตัว


ไฟกลับมาอีกครั้ง ขนของเข้าไซท์อีกรอบ


รูปแบบงานระบบ สำหรับโครงสร้าง ผนังหล่อในที่


งานเข้าแบบผนัง



        จนสุดท้ายผมกลับมามีไฟกับบ้านผมอีกครั้งด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่รู้  บินตรงเข้าร้องเรียนที่สำนักงานใหญ่ 2 อาทิตย์ ทุกอย่างได้รับการแก้ไข เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนตกใจกับเคสของผมมาก 1 ปีเต็มๆ ที่ทุกอย่างหยุด และภาระปัญหาที่เกิดขึ้นในฝ่ายผม  จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเคสนี้และผู้การที่สาขาต่างโทรมาหาผม ซ้ำยังแอบตำหนิผมเล็กๆว่าไป สำนักงานใหญ่ทำไม  ก็ 1 ปี พวกพี่พี่ไม่มีปัญญาทำอะไรให้ดีขึ้นได้เลย พูดแต่ประโยคเดิมๆซ้ำเป็นหุ่นยนต์   ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมขอให้เค้าช่วยเมื่อ 1 ปีก่อนหน้าคือ แก้สัญญา ซึ่งก็งงว่า ก่อนหน้านั้นทำไมทำไม่ได้  ทำไม่ได้หรือพี่พี่ขี่เกียจทำ ผมสรุปให้นะ พี่พี่ขี้เกียจทำ



        ได้เงินมาก็สร้างกันต่อ ดราม่าหมดไปแล้ว ทุกวันนี้บ้านเสร็จไป 99% ในส่วนของงานสถาปัตย์ รอประเมินมาประเมินงวดสุดท้าย
        ที่มาเล่าให้ฟังก็แค่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อเกิดกับใครที่ยังแก้ไม่จน จะนำไปเป็นแนวทางในการแก้ไข ในเคสของผม ผมคิดว่าระยะเวลาที่ทิ้งไว้ 1 ปี หน้าจะเป็นเงื่อนไข ปัจจัยหลักที่ทำให้เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน สาเหตุที่ทิ้งระยะไว้ยาวนานก็เพราะผมเองก็ไม่พร้อมที่จะพูดคุย รอจนเรารู้สึกพร้อมจริงๆ โดยเฉพาะทางด้านอารมณ์

        คราวนี้ลองมาดูกันว่า ผลลัพธ์ของเรื่องราวที่ยาวนานกว่า 3 ปีจะเป็นงยังไง


ขอบคุณครับ

เป็นเรื่องราวเอาไว้แบ่งปัน สำหรับ ใครที่อยากจะมีบ้านซักหลังครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่