เป็นธรรมดาที่พอรู้อยู่แล้วว่าหนังจะต้องทำให้เราเสียน้ำตาแน่ๆ มันก็จะมีการตั้งการ์ดป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน หรือคาดการณ์ไว้ก่อนว่าหนังจะฮุคใส่เราตอนไหนยังไง แต่กลายเป็นว่าบท/การกำกับของ Harry Macqueen รวมถึงการแสดงของ Colin Firth กับ Stanley Tucci ทำให้เราน้ำตาไหลแทบจะทุกฉากที่ตัวละครพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นฉากคุยกันเรื่องธรรมดาๆ ดินฟ้าอากาศ เรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว การวางแผนอนาคตที่กำลังจะมาถึง หรือฉากระเบิดอารมณ์อันพลุ่งพล่านช่วงท้าย มันทำให้เราน้ำตาไหลไม่หยุดเลยตลอดเรื่องเลย
.
Tusker เป็นนักเขียนนิยายที่กำลังเผชิญภาวะโรคสมองเสื่อม และเขาก็ตัดสินใจว่าจะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนๆ และญาติมิตรพร้อมกับ Sam คนรักที่คบกันมานานหลายสิบปีด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่อะไรๆ จะแย่ลงไปกว่านี้ และเขาคงจะจำอะไรหรือใครไม่ได้อีกต่อไปแล้ว โดยตลอดเส้นทางนี้ เราจะได้เห็นอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ ของ Tusker พร้อมกับความสัมพันธ์ที่ทรมานกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่ทำใจได้ยากเหลือเกินว่า เค้ากำลังจะกลายเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นภาระอันเปล่าประโยชน์ หรือกำลังจะสูญสิ้นความเป็นตัวเองไป จนอาจจะไม่ใช่คนที่แฟนหนุ่มเคยรักอีกต่อไป หรือฝั่งที่ต้องคอยดูแลคนป่วยซึ่งอาจเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างการหายตัวไปเพราะหลงทาง หรือสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันไปทีละอย่างสองอย่าง
.
ตอนแรกคิดว่า Supernova จะเป็นเมโลดราม่าตามสูตรกว่านี้ แต่มันกลายเป็นหนัง Road Movie ที่ทิ้งพื้นที่ให้กับบรรยากาศของทิวทัศน์ธรรมชาติ ดวงดาวพร่างพราวเต็มฟ้า และความเงียบระหว่างกันของตัวละครซะเยอะ แล้วบทสนทนาต่างๆ ก็มีไว้เพื่อบอกเล่าประเด็นสำคัญหรือทิ้งอะไรบางอย่างไว้เสมอ ชอบมากที่ทุกบทสนทนาจะจบลงด้วยประโยคจี๊ดๆ ที่ทำให้น้ำตารื้น จนต้องคอยเช็ดคอยซับก่อนมันจะไหลลงไปใต้หน้ากากอนามัยของเรา (หนึ่งประการของความยุ่งยากวุ่นวายของการดูหนังในโรงหนังยุคโควิด-19) แล้วตัวหนังก็ไม่ได้บีบคั้นกับภาวะหลงลืมของตัวละคร Tusker เยอะแยะอะไรเลยเมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ ที่มีตัวละครแบบเดียวกัน ทว่าการพูดถึงภาวะภายในของตัวละคร การนำเสนอมุมมองจากสองฝั่งของคนป่วยกับคนดูแล ลากยาวไปถึงเรื่องทางเลือกในชีวิต การปล่อยวาง ความรักและการเห็นแก่ตัว มันน่าสนใจมาก (ประเด็นนี้ชวนคิดถึง Amour หนังปี 2012 ของ Michael Haneke ด้วยเหมือนกัน)
.
แล้วพอตัวละคร Tusker เป็นนักเขียนแล้วป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม เราก็คิดถึง Still Alice หนังปี 2014 ที่ Julianne Moore รับบทเป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาแล้วต้องสูญเสียความสามารถในการเขียน อ่าน สะกดคำไปทีละน้อย ซึ่งมันน่าทุกข์ทรมานมากในฐานะคนที่ใช้ชีวิตด้วยการคิดและเขียนมาตลอด ทั้งตัวละคร Tusker และ Alice เลยทำให้เราเกิดอาการหวั่นวิตกอีกครั้ง มันเคยมีงานวิจัยไหนยืนยันได้ไหมนะว่า คนที่ทำงานด้วยการขีดๆ เขียนๆ จะมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมได้มากกว่าคนทั่วไป แล้วภาวะหลงลืมการสะกดคำ หรือไม่มั่นใจว่าคำที่เคยใช้บ่อยๆ สะกดอย่างไร พิมพ์สลับคำไปมาเมื่อสมองโลดแล่นเร็วๆ มันสะท้อนถึงอะไรบางอย่างหรือเปล่า?
.
ชอบเคมีของ Colin Firth กับ Stanley Tucci มาก ยิ่งตัวละครพูดน้อย หรือหลบเลี่ยงจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจมากเท่าไหร่ เราก็สัมผัสสิ่งที่อยู่ข้างในตัวละครได้มากเท่านั้น แล้วนอกจากการอุทานใจในบ่อยๆ ว่า พวกเค้าแก่ลงไปเยอะเลยเนอะ ก็ยังมีความคิดชื่นชมผุดขึ้นในใจด้วยว่า ถ้าเราแก่แล้วยังดูดีได้แบบพวกเค้าก็ดีน่ะสิ...
.
Supernova #กอดให้รักไม่เลือน เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่
เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
[CR] [Review] Supernova (2020)
เป็นธรรมดาที่พอรู้อยู่แล้วว่าหนังจะต้องทำให้เราเสียน้ำตาแน่ๆ มันก็จะมีการตั้งการ์ดป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน หรือคาดการณ์ไว้ก่อนว่าหนังจะฮุคใส่เราตอนไหนยังไง แต่กลายเป็นว่าบท/การกำกับของ Harry Macqueen รวมถึงการแสดงของ Colin Firth กับ Stanley Tucci ทำให้เราน้ำตาไหลแทบจะทุกฉากที่ตัวละครพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นฉากคุยกันเรื่องธรรมดาๆ ดินฟ้าอากาศ เรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว การวางแผนอนาคตที่กำลังจะมาถึง หรือฉากระเบิดอารมณ์อันพลุ่งพล่านช่วงท้าย มันทำให้เราน้ำตาไหลไม่หยุดเลยตลอดเรื่องเลย
.
Tusker เป็นนักเขียนนิยายที่กำลังเผชิญภาวะโรคสมองเสื่อม และเขาก็ตัดสินใจว่าจะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนๆ และญาติมิตรพร้อมกับ Sam คนรักที่คบกันมานานหลายสิบปีด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่อะไรๆ จะแย่ลงไปกว่านี้ และเขาคงจะจำอะไรหรือใครไม่ได้อีกต่อไปแล้ว โดยตลอดเส้นทางนี้ เราจะได้เห็นอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ ของ Tusker พร้อมกับความสัมพันธ์ที่ทรมานกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่ทำใจได้ยากเหลือเกินว่า เค้ากำลังจะกลายเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นภาระอันเปล่าประโยชน์ หรือกำลังจะสูญสิ้นความเป็นตัวเองไป จนอาจจะไม่ใช่คนที่แฟนหนุ่มเคยรักอีกต่อไป หรือฝั่งที่ต้องคอยดูแลคนป่วยซึ่งอาจเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างการหายตัวไปเพราะหลงทาง หรือสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันไปทีละอย่างสองอย่าง
.
ตอนแรกคิดว่า Supernova จะเป็นเมโลดราม่าตามสูตรกว่านี้ แต่มันกลายเป็นหนัง Road Movie ที่ทิ้งพื้นที่ให้กับบรรยากาศของทิวทัศน์ธรรมชาติ ดวงดาวพร่างพราวเต็มฟ้า และความเงียบระหว่างกันของตัวละครซะเยอะ แล้วบทสนทนาต่างๆ ก็มีไว้เพื่อบอกเล่าประเด็นสำคัญหรือทิ้งอะไรบางอย่างไว้เสมอ ชอบมากที่ทุกบทสนทนาจะจบลงด้วยประโยคจี๊ดๆ ที่ทำให้น้ำตารื้น จนต้องคอยเช็ดคอยซับก่อนมันจะไหลลงไปใต้หน้ากากอนามัยของเรา (หนึ่งประการของความยุ่งยากวุ่นวายของการดูหนังในโรงหนังยุคโควิด-19) แล้วตัวหนังก็ไม่ได้บีบคั้นกับภาวะหลงลืมของตัวละคร Tusker เยอะแยะอะไรเลยเมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ ที่มีตัวละครแบบเดียวกัน ทว่าการพูดถึงภาวะภายในของตัวละคร การนำเสนอมุมมองจากสองฝั่งของคนป่วยกับคนดูแล ลากยาวไปถึงเรื่องทางเลือกในชีวิต การปล่อยวาง ความรักและการเห็นแก่ตัว มันน่าสนใจมาก (ประเด็นนี้ชวนคิดถึง Amour หนังปี 2012 ของ Michael Haneke ด้วยเหมือนกัน)
.
แล้วพอตัวละคร Tusker เป็นนักเขียนแล้วป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม เราก็คิดถึง Still Alice หนังปี 2014 ที่ Julianne Moore รับบทเป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาแล้วต้องสูญเสียความสามารถในการเขียน อ่าน สะกดคำไปทีละน้อย ซึ่งมันน่าทุกข์ทรมานมากในฐานะคนที่ใช้ชีวิตด้วยการคิดและเขียนมาตลอด ทั้งตัวละคร Tusker และ Alice เลยทำให้เราเกิดอาการหวั่นวิตกอีกครั้ง มันเคยมีงานวิจัยไหนยืนยันได้ไหมนะว่า คนที่ทำงานด้วยการขีดๆ เขียนๆ จะมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมได้มากกว่าคนทั่วไป แล้วภาวะหลงลืมการสะกดคำ หรือไม่มั่นใจว่าคำที่เคยใช้บ่อยๆ สะกดอย่างไร พิมพ์สลับคำไปมาเมื่อสมองโลดแล่นเร็วๆ มันสะท้อนถึงอะไรบางอย่างหรือเปล่า?
.
ชอบเคมีของ Colin Firth กับ Stanley Tucci มาก ยิ่งตัวละครพูดน้อย หรือหลบเลี่ยงจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจมากเท่าไหร่ เราก็สัมผัสสิ่งที่อยู่ข้างในตัวละครได้มากเท่านั้น แล้วนอกจากการอุทานใจในบ่อยๆ ว่า พวกเค้าแก่ลงไปเยอะเลยเนอะ ก็ยังมีความคิดชื่นชมผุดขึ้นในใจด้วยว่า ถ้าเราแก่แล้วยังดูดีได้แบบพวกเค้าก็ดีน่ะสิ...
.
Supernova #กอดให้รักไม่เลือน เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์
อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้