เรากำลังตัดสินใจหย่ากับสามี ที่คบกับมา8ปี มีลูกด้วยกัน1คน เพราะเขาทำร้ายความรู้สึกเรามาตลอด

เราแต่งงานกับสามีและมีลูกด้วยกัน1คน อายุ 3ขวบ ตลอดเวลา8 ปี เราไม่เคยได้อยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยา เพราะเราทำงานคนละที่ สามีทำงานที่กรุงเทพ รับราชการทหาร ส่วนเราทำงานบริษัทที่ ต่างจังหวัด 
ตั้งแต่คบกันมา ตอนเป็นแฟน สามีทำงานในรั้วสูงใหญ่ ใจกลางเมือง ณ บ้านผู้ใหญ่บ้าน เขาจะทำงานแบบไม่ได้กลับเลย อยู่กินข้างใน เดือนหนึ่งจะได้กลับ1-2 ครั้ง ครั้งละ2-3 วัน ทุกอย่างเรารับได้ในช่วงแรก เพราะเรารักอิสระไม่ชอบให้ใครวุ่นวาย และเราก็ไม่วุ่นวายหน้าที่การงานเขาเหมือนกัน

จนตัดสินใจแต่งงาน และเราลาออกจากงาน เพื่อย้ายตามสามีไปอยู่ที่กรุงเทพ เราเสียสละที่จะพักใกล้ที่ทำงานเขา เพราะเขาบอกว่าเวลานายเรียกจะได้ไปทันเวลา นั้นก็คือแถวๆสุโขทัย ส่วนเราได้งานที่ แถวสุขาภิบาล5 ออกไปทางมีนบุรี คนละที่เลย เหนื่อยกับการต่อรถไปทำงานมาก แต่เราก็ต้องทน 
ตั้งแต่เราย้ายมาทำงานที่กรุงเทพ เราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ดีหน่อยถ้าหยุดเสาร์ อาทิตย์ เราก็จะได้กินข้าวด้วยกัน แต่จันทร์ ถึงศุกร์ เสาร์บางครั้งเขาก็กินนอนข้างใน จนเรามีลูกและลูกก็ให้แม่ย่าเลี้ยงที่ต่างจังหวัด พอเรามีลูกเราก็อยากอยู่ใกล้ลูกมากขึ้น และเราก็วางแผนกัน คุยกันว่า ลาออกกลับไปอยู่ด้วยกันที่ต่างจังหวัดดีไหม เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน หรือทำเรื่องย้ายก็ได้ 

เขาก็บอกเราว่า นายมีบุญคุณ อย่างนั้น อย่างนี้ ขอตอบแทนก่อน และเก็บเงินใช้หนี้ด้วย ให้เราย้ายกลับมาก่อน และเขาจะย้ายตามมา เราก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไหร่ ไปอยู่กับลูกก่อนก็ได้ เขาคงตามมา
เราย้ายกลับมาทำงานที่เดิม คืออุบล(เป็นบ้านเกิดเราเอง) เราจะได้ดูแลแม่ด้วย ส่วนลูกอยู่ร้อยเอ็ด เราก็ไปกลับหาลูกทุกเสาร์ อาทิตย์ ถามว่าทำไหมเราถึงไม่ทำงานที่ร้อยเอ็ด คืองานที่เราทำเงินเดือนOk สวัสดิการ OK และ ได้อยู่ใกล้แม่ที่ป่วยด้วย

หลังเรากลับมาอยู่ที่อุบล ด้วยระยะทางหรืองาน หรืออะไรไม่รู้ เราคุยกันน้อยลง ค่าใช้จ่ายเรื่องลูกมากขึ้น เทลาะกันบ่อยมากขึ้น เขาจะไม่ค่อยอยากคุยกับเรา บอกว่า เหนื่อยมาก อยากพัก เราก็ไม่ว่า เราจะถามตลอดว่า จะได้มาหาลูกไหม ก็ตอบแต่ไม่รู้ งานที่นี้ไม่เหมือนที่อื่น เราก็พยายามเข้าใจตลอด เขาแทบไม่ได้มาทำหน้าที่สามีที่ดี พ่อที่ดีเลย เพราะอ้างงานตลอด หลังๆเราเริ่มเหนื่อยกับการทำงานและไปๆมาๆหาลูก เริ่มเทลาะกันมากขึ้น เขาก็จะด่าเรา ขึ้นเสียงใส่เราตลอด เหมือนเขาหงุดหงิดจากงานหรืออะไรไม่รู้ ก็จะมาลงที่เรา เราก็จะเป็นฝ่ายยอมมาตลอด ยอมให้ด่า ว่าเราสารพัด ทั้งๆที่เราทำงานตลอดทั้งวันเราไม่คุยกันอยู่แล้ว จะคุยเฉพาะตอนเย็น เขาก็ไม่อยากคุย

เวลาลูกไม่สบายเราก็จะลางานอยู่ฝ่ายเดียวไปดูลูก ไปเฝ้าลูก พาไปรับวัคซีนก็มีแต่เรา เพราะเขามาไม่ได้ แม้กระทั้งเราป่วยหนัก นอนโรงพยาบาลตอนกลางคืน เราก็ร้องไห้ขับรถไปหาหมอเอง เราบอกเขา ก็เหมือนแค่รับรู้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

จนเรามานั่งคิดว่า การที่เรามีสามีแบบนี้ ไม่ได้ช่วยเหลือเรากับลูกเลย เราจะมีทำไหมว่ะ

จนล่าสุดเดือน พย ปี 63 เทลาะกับนาย นายส่งกลับที่ ดอนเมือง คร่าวนี้เรื่องใหญ่เลย นอกจากจะไม่มีเวลาให้เรากับลูกแล้ว รายได้ก็หายไป เพียงแค่เงินเดือนเขาก็ไม่พอใช้อยู่แล้ว ไม่มีงานพิเศษอีก 

เราคิดว่าเขาเองก็เสียใจ แต่เรากลับคิดว่า เขาคงดีใจที่จะได้มีเวลาและอิสระมากขึ้น เขาคงจะได้กลับมาหาเรากับลูกมากขึ้น แต่เปล่าเลย เขากลับผิดหวัง ไม่สนใจครอบครัว ไม่เคยถามเราเลยว่าเรากับลูกอยู่อย่างไร ชีวิตเป็นอย่างไร ไม่อยากกลับบ้านหาเรากับลูก ไม่อยากคุยกับเรา เราถามว่ามีคนอื่นไหมก็บอกไม่มี แต่การกระทำคือเย็นชา ไม่รับรู้อะไร ไม่สนใจอะไรเลยยย ขนาดจะคุยกันก็มีข้ออ้างตลอด เช่น พรุ้งนี้ทำงานแต่เช้า วันนี้เหนื่อย วันนี้ง่วงมากขอพักก่อน บางวันโทรมาบอกตั้งแต่ สองทุ่ม บอกว่าขอนอนก่อน เรารับรู้ได้ว่า เขาไม่เหมือนเดิม แต่เราไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร ยิ่งเจอโควิท ก้ยิ่งเข้าทางเขาเลย คือไม่กลับบ้านเลย เกือบจะ1ปี ได้ คุยกันวันละ 5นาที ต่อวัน 

เราไม่สามรถบรรยายความรู้สึกได้ว่าตอนนี้เรารู้สึกอย่างไรแต่ สิ่งที่เรารับรู้และสัมผัสได้คือ เขาไม่เหมือนเดิม แม้เขาจะบอกว่าเขาเหมือนเดิมก็ตาม
เขายังคงด่าทอเรา เหมือนเดิม เสียๆหายๆ สารพัดทั้งๆที่ เราคุยกันวันละ 5 นาที 

เรารู้สึกว่าเราทนอยู่กับคนแบบนี้ไม่ไหว เราอยากเลิก เพราะเหมือนเขาไม่มีอนาคตเลย ไม่วางแผน ไม่สนใจครอบครัว ไม่สนใจว่าลูกจะเรียนแล้วนะ จะอะไร บ้านเราก็ไม่มี ตอนนี้ก็ 34 แล้ว ทั้งเราและเขา

แต่ล่าสุดคือแอบไปชื้อรถ โดยที่เราไม่รู้เรื่อง แม่เขาเป็นคนบอก เรานี้เหมือนโดนตบหน้าเลย ยิ่งกว่าอะไรซะอีก ในหัวเราเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไหม เขาไม่บอก เขาเอาเงินมาจากไหน เพราะตอนเราเดือดร้อนเขาบอกไม่มีเงิน ไม่รู้สาเหตุที่ออกรถคืออะไร ทั้งๆที่เขาก็โทรมายืมเราตลอด เขาทำเหมือนเราเป็นคนอื่น
วันนี้เราเลยตัดสินใจขอหย่า เพื่อจะดูว่าเขาจะว่ายังไง สุดท้ายเขาก็บอกว่า ผมไม่อยากหย่านะ เราเลยถามว่า แล้วจะทำอย่างไหร่ เขาก็บอกขอเวลาอีกหน่อย สัก กลางปีหน้า ถ้าไม่ได้ดังที่หวังไว้ เขาจะลาออกมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน 

เรากลับสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้จริงใจอะไรเลย เหมือนพูดไปงั้นๆ และเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะอยากกลับมาอยู่กลับเราจริงๆ เราบอกให้เขาย้าย เขาก็บอกว่า นายไม่ให้ย้าย คือเหมือนเขาไม่ได้พยายามอะไรเพื่อที่จะมาอยู่กับเราและลูกเลย

แถมคุยกันก็เหมือนเดิม ด่าเราว่าเราไปวุ่นวายชีวิตเขา จะให้ลาออกพรุ้งนี้เลยหรอ พูดเหมือนเห็นแก่ตัวมากอ่ะ

การที่เรามีสามีและไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้ช่วยเหลือชีวิตเราให้ดีขึ้นเลย มีแต่บันทอนความรู้สึกให้เราเสียใจอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้supportเรา ในทุกด้านเลย
อีกทั้งยังไม่รู้จักวางแผนอนาคต และก็มีแต่คำหยาบคาย เราจะทนอยู่ไปทำไหม?

เวลาเขาโมโหก็พูดว่า กู เดี๋ยวกูหาวันไปหย่ากับ มีแต่และกู ตลอดเลยย คุยกับเราก็มีแต่ อย่ามาออกคำสั่งกับกูอะไรแบบนี้

เราเหนื่อยใจเหลือเกิน ที่จะรักษาคำว่าครอบครัวไว้ แบบนี้ และเราพยายามอยู่ฝ่ายเดียว
เราควรจะตัดสินใจหย่าขาด และเริ่มต้นใหม่กับลูกสองคนดีไหม?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
คุณ “อยากรักษาครอบครัวไว้”

แต่เท่าที่อ่าน มันไม่เหลือพื้นที่ให้รักษาเลยนะคะ

พ่อแม่ลูกไม่เคยอยู่พร้อมหน้า มีเพียงคำว่า “มีครบ” แต่จับต้องไม่ได้ คุณต้องคอยเรียกร้องให้เขามาสนใจลูก ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องต้องเรียกร้องด้วยซ้ำ บางคนขนาดหย่ากันไปแล้วเขายังฟ้องกันแทบตายเพื่อให้ได้เจอลูก แต่นี่ยังมีบทบาทเป็นทั้งสามีทั้งพ่อ แต่ไม่เอาอะไรเลย

ไม่มีปฏิสัมพันธ์ ตัดสินใจในชีวิตก็ไม่บอก (ซื้อรถ) ชีวิตวันๆอยู่ไหน ทำอะไร พบเจออะไร ก็ไม่เคยแชร์ความรู้สึก เหมือนต่างคนต่างมีชีวิต เจ็บป่วยก็ไม่ดูแล ปฏิสัมพันธ์น้อยกว่าความสัมพันธ์แบบที่คนสมัยนี้เรียกว่า “คนคุย” ซะอีก ทั้งที่เป็นถึงสามี

สรุปว่าเขาไม่ทำทั้งหน้าที่พ่อ หน้าที่สามี และแต่ละวันคุณต้องเป็นฝ่ายโหยหาบีบบังคับให้เขาทำหน้าที่ ซึ่งเขาก็ไม่ทำ ไม่รักษาน้ำใจ ไม่สนใจใดๆ

เรามองเห็นภาพคุณที่พยายามวิ่งไล่ตามเขา หาโอกาสจะให้เขาทำหน้าที่ และเขาที่พยายามวิ่งหนี หรือใช้การตอบโต้แรงๆเพื่อจะได้ไม่ต้องทำหน้าที่ เพื่อกันคุณออกห่าง

การขอหย่าแล้วไม่ยอมหย่า ไม่ได้แปลว่าเขายังรักยังต้องการ บางทีเขาเองแค่ไม่อยากสูญเสียอะไร หรือเสียหน้า หรือต้องมาตอบคำตอบสังคม ไม่อยากให้คนมองว่าชีวิตมีปัญหา ส่วนการกระทำมันจบไปนานแล้ว คุณก็รู้

ซ้ำร้าย อย่าลืมนะคะว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่ยื้อและรอเขามาทำหน้าที่ อีกคนที่เจ็บคือ “ลูก” ที่ต้องอยู่ในสภาพนี้ไปกับคุณ และอยู่มานาน ต้องรับรู้ความไม่สนใจใยดีของพ่อ ต้องเห็นแม่เครียด พ่อกลายเป็นสิ่งที่เขาว่ากันว่ามีแต่ไม่มี

ปลดปล่อยชีวิตตัวเองกับลูกเถอะค่ะ ถ้าเขาจะคิดได้หรือกลับตัว เขาคงทำตั้งแต่นานแล้ว ไม่ปล่อยมาจนวันนี้ แต่ที่เห็นคือเขาพยายามใช้วิธีด่าทอทะเลาะเพื่อปิดกั้นไม่ให้คุณเข้ามาใกล้ การกระทำมันชัดเจนมาก

พอได้แล้วนะคะ มันทรมานไม่ใช่เหรอ
ความคิดเห็นที่ 7
สุดทางก็แยกย้าย

สามีคุณเขาเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด  ไม่เคยสนใจคุณ  ก่อนแต่ง​ หลังแต่ง  จนมีลูก  คนที่เขาสนใจคือ  เจ้านาย​  คนเป็นทหารจะได้ดีเพราะมีนายช่วย  นายเฉดหัวเมื่อไรก็จบ  ตามนายมา​ขนาดนี้​ยังไม่ก้าวหน้าในอาชีพแปลว่าความสามารถไม่พอ  ต้องอยู่รับใช้นายไปเรื่อยๆ

เอาเป็นว่า​ คุณมีงาน​ มีเงินเดือน​ พึ่งตัวเองได้  จะอยู่​หรือจะเลิกกับสามี​ ให้คุณเลือกที่คุณสบายใจ  ความทุกข​์​ ความเศร้าเสียใจอย่าไปคิดถึงมันมาก   คิดถึงความสุข  ความสบายใจของเราเป็นหลัก

ปล.​ เสริมอีกนิด  ถ้าสุดท้ายต้องการหย่า  แต่สามียังดื้อ  วิธีจัดการ​เรื่องนี้​ไม่ยากเลย  รู้ชื่อ  ตำแหน่ง​ ที่อยู่​ของเจ้านายสามี  ก็ขอพบและควรเป็นเวลาราชการ  แจ้งความประสงค์และพฤติกรรมสามีคราวๆ  อยู่ด้วยกันไม่มีความสุขแล้ว  ต้องการหย่า​   คนรักนายแบบสามีคุณ  จะไม่เล่นตัวอีกต่อไป
ความคิดเห็นที่ 1
ชีวิตคู่ถึงทางแยกมานานแล้ว    เพียงแต่คุณไม่ยอมรับมันซักที
ความคิดเห็นที่ 11
ไม่กล้าแนะนำค่ะ เเต่ถ้าเป็นเรา เราจะอยู่กับลูกเงียบๆทำใจยอมรับสักพัก(ไม่ติดต่อกับผู้ชายเลย) เพราะมันทำใจยาก เเต่ต้องทำใจเราให้ยอมรับความจริงเเละเข็มแข็งให้ได้ก่อน พอเราเริ่มทำใจได้ เราค่อยติดต่อกับผู้ชายและนัดวันหย่าไปค่ะเราจะเป็นคนเลือกเอง ถ้าผู้ชายไม่ยอม เราจะทำเรื่องฟ้องหย่าเรียกร้องค่าเลี้ยงดูลูกค่ะ ถ้าเป็นเรา เราจะทำแบบนี้ ส่วนลูกส่วนตัวเราว่าจะบอกเหตุผลให้ลูกฟังเมื่อลูกโตจนรู้ความเเล้ว
เราคิดว่าการที่ลูกเติบโตมาโดยที่มีแม่เลี้ยงเดียว ยังดีกว่าการที่ลูกโตมากับความครัวที่พ่อแม่ทะเลาะกัน แตกแยกกัน หรือการที่ลูกเห็นแม่ไม่มีความสุขเพราะคนเป็นพ่อนะ
ความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่