สาเหตุที่ต้องขลิบ
เนื่องจาก ตัวผมเอง มีปัญหาทางด้านอวัยวะเพศ คือ หนังหุ้มปลายตีบ ไม่สามารถรูดเปิดหัวได้เลย!! ผมสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ปัสสาวะได้ ช่วยตัวเองได้ แต่ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงได้(ซึ่งผมก็ไม่เคยลองอะนะ กลัวเจ็บด้วย กลัวไม่สะอาดพอด้วย)
ตัวผมก็ได้ศึกษาหาข้อมูลอยู่หลายปีพอสมควร เพราะเมื่อก่อน ตัวผมอยู่ต่างจังหวัด แล้วไม่ค่อยมีโรงพยาบาลหรือคลินิก ไม่รู้ว่า รพ. ที่มีอยู่เค้ารับขลิบมั้ย ไม่กล้าเดินเข้าไปติดต่อเพราะห้องติดต่อ-สอบถาม อยู่โซนด้านหน้าทำให้ผมกลัว ไม่รู้จะพูดยังไงดี
เมื่อเข้าสู่ช่วงโควิดปี64 ทำให้ผมมีความจำเป็นที่จะต้องย้ายเข้ามาอยู่กับญาติที่ นนทบุรี งานก็ไม่ค่อยมีทำ ก็เลยคิดว่าช่วงนี้แหละน่าจะเหมาะที่จะต้องไปขลิบเพราะไม่ได้ไปไหน ก็เลยเริ่มหาข้อมูล ทั้งวิธีการขลิบ สถานที่ขลิบ การเข้าไปติดต่อ อ่านประสบการณ์การขลิบของคนอื่นบ้าง จนไปเจอโฆษณานึงเขียนไว้ว่า โปรโมชั่นการขลิบ เริ่มต้นที่ 5,900.- ขลิบไร้เลือด 9,900.- ติดต่อไลน์หมอ.... (ประมาณนี้) ก็เลยแอดไลน์หมอไป ไลน์หมอมีชื่อว่า "DR.K" ชื่อคลินิก "RYT CLINIC DR.K" (ไปค้นหาได้ใน Google) ก็เข้าไปอ่านโฆษณาดูรีวิวต่างๆ ในตอนนั้นก็รู้สึกว่าราคาแพงอยู่ ทางที่บ้านผมให้ลองไปติดต่อที่โรงพยาบาลดูอาจจะถูกกว่า ผมก็ไปที่โรงพยาบาลประจำแห่งหนึ่ง ซึงทางพยาบาลก็บอกว่า "ในช่วงโควิดนี้ ทางโรงพยาบาลจะไม่รับเคสผ่าติดทุกกรณี ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน" ดังนั้น ผมก็เหลือที่พึ่งเดียวละคือ คลินิกของ DR.K ก็เลยทำการทักไปสอบถามรายละเอียดโปรโมชั่นการขลิบไร้เลือด 9,900.- (ผมกลัวการผ่าตัดพอสมควรเลย ก็เลยเลือกขลิบไร้เลือด ราคาสูงหน่อยแต่เพื่อความสบายใจเรา เราจ่ายไหว) ก็นัดวันผ่าตัดกับหมอไป ได้วันเสาร์ที่ 11 กันยายน 64 ก็ส่งข้อมูลส่วนตัวให้หมอ พร้อมทั้งโอนมัดจำเรียบร้อย 2,000.- หมอก็ส่งข้อมูลการเตรียมตัวก่อนขลิบมาให้อ่านว่าควรเตรียมตัวยังไง อะไรควรกิน/ไม่ควรกิน หลังผ่าตัดจะเป็นยังไงแนะนำข้อมูลต่างๆ (หมอให้ข้อมูลครบมากๆ)
ขลิบ วันที่ 1 เริ่มต้นวันด้วยความร่าเริง (กลบเกลื่อนความกลัวของตัวเอง) ให้เพื่อนเป็นคนขับรถให้พาไป (เพราะรีวิวบอกมาว่า หลังผ่าตัดเสร็จแล้วจะเจ็บมากๆ) เดินทางจาก "บางบัวทอง" ไปที่คลินิก "RYT CLINIC DR.K" ไปถึงประมาณ 9 โมงครึ่ง ก็ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ให้เรียบร้อยว่ามาทำอะไร นัดไว้ยังไงบ้าง พร้อมชำระเงินที่เหลือ 7,900.- รอจนถึงคิว ก็จะมีผู้ช่วยหมอ(แพทย์หญิง) เรียกไปเปลี่ยนชุด(เป็นชุดผ่าตัดเขียวๆ) รอเข้าห้องผ่าตัด (ระหว่างนี้ก็นั่งสงบสติตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่านเกินไป) พอถึงคิวเข้าห้องผ่าตัดก็รู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆไม่รู้จะเจออะไรบ้าง 5555 เข้าไปในห้องก็จะเจอคนอยู่ 3 คน คือ หมอผู้ชาย / ผู้ช่วยหมอเป็นผู้หญิง / ผู้ช่วยของผู้ช่วยอีกที(คิดว่าน่าจะใช่นะ เค้าจะยืนห่างๆ) หมอก็ให้ขึ้นเตียง พร้อมถอดกางเกงเพื่อตรวจแล้วทำการผ่าตัดด้วยเครื่อง เราก็ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์อะ ไม่เขินไม่อายไม่สงสัยเลย รับคำสั่งอย่างเดียว 5555 (ระหว่างนี้หมอก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ ก็ดีฮะ ถามนู่นนี่นั่น ทำให้เราผ่อนคลายไม่เกร็ง) หมอก็ฉีดยาชาไปเรื่อยๆถามเราว่าเจ็บมั้ย เราก็เจ็บบ้าง ไม่เจ็บบ้าง ฉีดเสร็จหมอก็บีบๆให้ยาชาทำงาน (ยาชาออกฤทธิ์เร็วมาก) หลังจากนี้ก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บละ แต่ยังรู้สึกว่ามีคนมาจับๆทำนู่นนี่นั่นอยู่ แล้วหมอก็เริ่มทำการผ่าตัดโดยใช้เครื่องครอบไปที่บริเวณหัวอวัยวะเพศเรา หมอก็ทำตามขั้นตอนของหมอไปเรื่อยๆ เราก็กลัวไม่กล้าดู ทำได้แค่นอนนิ่งๆทำตัวให้ผ่อนคลาย (ปกติแล้วการผ่าตัดแบบไร้เลือดจะเป็นแม็กเย็บแผลเย็บรอบๆ แต่ของเรา หมอใช้ไหมเย็บแผลเย็บเข้าไปอีเพิ่มความแน่นหนา สรุปเราได้ทั้งไหมเย็บแผล+แม็กเย็บแผลอีกประมาณ 20 ตัว) พอผ่าตัวเสร็จหมอก็พันผ้าก๊อซไว้ค่อนข้างแน่นเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ หมอก็บอกว่าเสร็จเรียบร้อยให้ออกไปนั่งรอดูอาการ พร้อมรอให้ปวดปัสสาวะเพื่อเช็คว่าพันผ้าก๊อซแน่นไปจนทำให้ปัสสาวะไม่ออกรึป่าว ระหว่างรอปัสสาวะผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไป ได้แอบคิดในใจ ผ่าตัดมาแล้วก็ไม่เห็นเจ็บนี่หว่าก็แต่ปวดๆตุ้บๆ คนอื่นแม่งกระจอก
จนรู้สึกว่าเราไม่ปวดปัสสาวะสักที เพราะตั้งแต่เช้าเรายังไม่ได้กินน้ำเลยนี่หว่า ก็เลยออกไปเอาน้ำที่รถ กระดกไปประมาณ 800 มล. แถมบอกเพื่อนด้วยว่า ไม่เห็นเจ็บเลยชิวๆสบายๆ 5555 ก็กลับมานั่งรอ ระหว่างนั่งรอก็รู้สึกแสบๆแผลขึ้นมานิดๆละคิดว่าเราต้องรีบกลับบ้าน แต่ก็ไม่ปวดฉี่สักทีก็เลยเดินไปห้องน้ำ คิดว่าถ้าไปเข้าห้องน้ำน่าจะปวด ซึ่งผมก็ปวดฉี่จริงๆ ก็ลองฉี่ก็ออกปกติ ตอนนี้คือเริ่มแสบมากๆแล้ว ควรรีบกลับบ้าน (ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ 5555) บอกผู้ช่วยที่หน้าเคาน์เตอร์ว่า "ผมปัสสาวะออกปกตินะครับ กลับบ้านได้เลยมั้ย" หมอก็อนุญาตให้กลับได้ เดินกลับมาที่รถคือต้องกางขาเดิน ห้ามให้มันแกว่ง ระหว่างทางกลับบ้านก็คือปรับเบาะนอนตลอดทาง ทั้งปวดทั้งแสบทั้งเจ็บจนต้องตะโกนในรถ (ที่เค้าบอกว่าเจ็บ
คือตรงนี้นี่เอง 5555) จนมาถึงบ้านก็ขึ้นห้องเลยครับ ถอดกางเกงออกหมด นอนแผ่นิ่งๆบนเตียง หมอก็ไลน์มาบอกว่า "พรุ่งนี้อย่าลืมแกะผ้าออกแล้วล้างแผล แล้วถ่ายแผลมาให้หมอตรวจทุกวันด้วยนะครับ" ซึ่งเราก็พึ่งเคยเจอหมอตามแผลเราขนาดนี้ (ไม่รู้ว่าเป็นปกติมั้ย แต่ผมรู้สึกว่าเป็นบริการที่ดีเอามากๆ) เราก็โอเค
ขลิบ วันที่ 2 ตื่นเช้ามาเพราะอวัยวะเพศแข็งตัวแล้วเจ็บแผลก็เลยต้องตื่น 5555 เราก็รู้สึกว่าตอนปกติแผลเราก็ไม่ค่อยเจ็บแล้วนี่หว่า สามารถเดินได้ถ้าแผลไม่สัมผัสกับกางเกง เราก็เลยอาบน้ำ(ห้ามแผลโดนน้ำ) เราก็ดูผ้าก๊อซแล้วไม่ค่อยมีเลือดออกนะ(น้อยมากๆ) แล้วทำการล้างแผล (เป็นการล้างแผลที่ตื่นเต้นมากๆ และลำบากมากๆเช่นกันเพราะต้องก้มหน้าลงไปมองแผลแล้วเช็ด เวลาสำลีไปโดนแผลคือโคตรเจ็บ) ก็ค่อยๆล้างใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ล้างเสร็จก็ถ่ายรูปรอยแผลส่งให้หมอตรวจ หมอก็บอกว่าโอเค เราก็พันผ้าก๊อซไว้ นอนนิ่งๆปกติ ที่บ้านก็เดินมาบอกว่า จะออกไปกินข้าวนอกบ้านไปไหวมั้ย เราก็รู้สึกว่า เราก็พอเดินได้อยู่นะ ก็เลยไป (ซึ่งหมอแนะนำไว้ว่าช่วง 3 วันแรกหลังการผ่าตัด อย่าเดินหรือนั่งนานๆ อาจจะทำให้แผลบวมหรือเลือดออกได้) แต่เราไปเดินห้างนั่งกินอาหารตั้งแต่วันที่ 2 เลย โคตรดื้อ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดนอกจากเสียวแปล๊บๆที่หัวอวัยวะเพศเอามากๆ
ขลิบ วันที่ 3 ตื่นขึ้นมาเพราะอวัยวะเพศแข็งตัวเหมือนเดิม เจ็บสัส 5555 เราก็ไปอาบน้ำเหมือนเดิม อาบน้ำเสร็จก็ล้างแผลต่อ ถ่ายรูปส่งให้หมอเหมือนเดิม แต่รอบนี้หมอบอกว่า "ล้างแผลให้สะอาดกว่านี้หน่อยนะครับ" ก็คือคราบเลือดดำๆพยายามเช็ดออก เราก็โอเค หาอาหารกิน แล้วก็มานอนดูหนังชิวๆ จนหมดวัน
ขลิบ วันที่ 4 ตื่นขึ้นมาเพราะอวัยวะเพศแข็งตัวเหมือนเดิม เราเริ่มหงุดหงิดละอยากเอาแม็กเย็บออกเพราะมันตึงมากเวลาแข็งตัว ไลน์ไปถามหมอ หมอก็บอกว่า อีกประมาณ 2 สัปดาห์มันก็จะค่อยๆหลุด ผมก็ อาบน้ำ ล้างแผล นอนดูหนังปกติ แต่การล้างแผลนานกว่าเดิม ประมาณ 3 ชม. (เพราะพยายามเช็ดคราลัวแผลบเลือดออก) แต่มันก็ไม่ออก ตอนนั้นเครียดมาก กจะติดเชื่อ ก็เอาเท่าที่ไหว ก็ถ่ายส่งให้หมอดูพร้อมบอกหมอว่า ผมขอค่อยๆเอาคราบออกได้มั้ย เพราะมันออกยากมาก หมอก็โอเค
ขลิบ วันที่ 5 เหมือนวันที่ 4 ทุกอย่าง แต่ความเครียดความกังวลเราเพิ่มขึ้น ก็เลยไลน์ไปหาหมอว่า วันเสาร์นี้ขอเข้าไปล้างแผลที่คลินิกได้มั้ย เพราะกลัวไม่สะอาดพอ หมอก็โอเค
ขลิบ วันที่ 6-7 เราก็พยายามเช็ดแผลด้วยสำลีชุบน้ำเกลือทุกวันๆ ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วก็นอนดูหนังต่อ
ขลิบ วันที่ 8 ไปคลินิกตามที่นัดหมอไว้ หมอก็ถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็อธิบายไปว่าเจ็บตรงนั้น เวลาแข็งตัวจะตึงตรงนี้ หมอก็ตรวจไป หมอก็บอกว่าปกติดี แผลไม่ได้มีปัญหาอะไร หลังจากนี้ก็ไม่ต้องพันผ้าก๊อซแล้วเพราะแผลแห้งและดีขึ้นมาก ด้วยความที่เราก็รีบไปทำธุระต่อ หมอก็ไม่ได้ล้างแผลให้ แต่หมอก็บอกมาว่า ให้ใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือแล้วพันแผลทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที คราบเลือดจะได้อ่อนตัวแล้วจะหลุดง่ายขึ้น เราก็รับทราบ แล้วมาล้างแผลต่อที่บ้านตามที่หมอแนะนำมา
ขลิบ วันที่ 9 ตื่นมาเพราะอาการอวัยวะเพศแข็งตัวเหมือนเดิม แต่รอบนี้ไม่ตึงเหมือนเดิมแล้ว ไม่ค่อยเจ็บแล้วด้วย ก็ไปอาบน้ำ แผลโดนน้ำได้ปกติ แต่ห้ามฟอกสบู่ อาบเสร็จก็กลับห้องมาล้างแผลต่อ แต่ในระหว่างล้างแผลเช็ดไปเช็ดมา อ้าว...แม็กหลุดเฉย หลุดออกมา 3 ตัว ก็เช็ดต่อไป ลองสกิดแม็กตัวอื่นๆ ก็หลุดออกมาอีก 3 ตัว 5555 เริ่มมีความสุขละแม็กกำลังหลุด
ขลิบ วันที่ 10-14 เริ่มสบายมากๆละไม่เจ็บเลย ในระหว่างที่เช็ดแผลในทุกๆวันคราบเลือด กับ แม็กก็หลุดออกมาวันละ 2-3 ตัว จนหมด พร้อมทั้งไหมเย็บด้วย เรารู้สึกว่ามันรั้งแม็กไว้ ทำให้แม็กไม่หลุด เราก็เอากรรไกรล้างแอลกอฮอลล์ให้สะอาด ตัดไหมเองเลย 5555 (ไม้รู้นะว่าควรทำรึป่าว แต่ถ้าผมไม่ทำ แม็กมันจะไม่หลุดแล้วก็จะห้อยอยู่)
ขลิบ วันที่ 15 หมอนัดเช็คแผลที่คลินิก เราก็ไปตามปกติ รู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่เส้นสองสลึง เวลามันโดนกางเกงเพราะมันยังเป็นแผลอยู่ เราเห็นคนไข้ที่เป็นผู้ชายมาที่คลินิกเยอะอยู่ ทำให้เรารู้ว่า คนอื่นๆก็ขลิบเยอะเหมือนกันเนอะ ไม่เห็นต้องเขินอายเลย เป็นเรื่องที่เราควรที่จะรับผิดชอบตัวเองมากกว่า รอคิวประมาณ 1 ชม.กว่าๆ ก็เข้าห้องไปให้หมอตรวจ หมอก็บอกว่า "ดูแลแผลดีมากเลย แผลหายเร็วมากเลยนะเนี่ย" ผู้ช่วยหมอก็เอาสำลีมาเช็ดทำความสะอาดแผล ระหว่างนั้นหมอก็ถามอาการไปเรื่อยๆว่ายังเจ็บอยู่มั้ย? "ให้พยายามนวดรอยแผลบ่อยๆ แผลจะได้นุ่ม ประมาณ 1 เดือนก็ค่อยเอายาทาแผลเป็นมาทา" พอทำความสะอาดแผลเสร็จ หมอก็บอกว่า "เรียบร้อยแล้ว กลับบ้านได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" เราก็โล่งใจกลับบ้านได้ (รอ 1 ชม.กว่าๆ เข้าห้องตรวจ 5 นาที)
สรุป เป็นการขลิบครั้งแรก และครั้งเดียว การขลิบมีประโยชน์หลายอย่าง ทำเถอะครับ เพื่อสุขอนามัยของเราเอง ลดการสะสมของเชื้อโรคด้วยนะครับ อาจจะมีอาการเสียวบริเวณหัวอวัยวะเพศในช่วงสัปดาห์แรก เพราะน้องพึ่งออกมาหายใจ แต่เดี๋ยวก็ชินไปเอง 5555
*** นี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกของเราเอง ขออภัยล่วงหน้า หากอ่านแล้ว งง หรือสงสัยตรงไหน ถามได้นะครับ ***
ประสบการณ์การขลิบ + สถานที่ขลิบ
เนื่องจาก ตัวผมเอง มีปัญหาทางด้านอวัยวะเพศ คือ หนังหุ้มปลายตีบ ไม่สามารถรูดเปิดหัวได้เลย!! ผมสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ปัสสาวะได้ ช่วยตัวเองได้ แต่ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงได้(ซึ่งผมก็ไม่เคยลองอะนะ กลัวเจ็บด้วย กลัวไม่สะอาดพอด้วย)
ตัวผมก็ได้ศึกษาหาข้อมูลอยู่หลายปีพอสมควร เพราะเมื่อก่อน ตัวผมอยู่ต่างจังหวัด แล้วไม่ค่อยมีโรงพยาบาลหรือคลินิก ไม่รู้ว่า รพ. ที่มีอยู่เค้ารับขลิบมั้ย ไม่กล้าเดินเข้าไปติดต่อเพราะห้องติดต่อ-สอบถาม อยู่โซนด้านหน้าทำให้ผมกลัว ไม่รู้จะพูดยังไงดี
เมื่อเข้าสู่ช่วงโควิดปี64 ทำให้ผมมีความจำเป็นที่จะต้องย้ายเข้ามาอยู่กับญาติที่ นนทบุรี งานก็ไม่ค่อยมีทำ ก็เลยคิดว่าช่วงนี้แหละน่าจะเหมาะที่จะต้องไปขลิบเพราะไม่ได้ไปไหน ก็เลยเริ่มหาข้อมูล ทั้งวิธีการขลิบ สถานที่ขลิบ การเข้าไปติดต่อ อ่านประสบการณ์การขลิบของคนอื่นบ้าง จนไปเจอโฆษณานึงเขียนไว้ว่า โปรโมชั่นการขลิบ เริ่มต้นที่ 5,900.- ขลิบไร้เลือด 9,900.- ติดต่อไลน์หมอ.... (ประมาณนี้) ก็เลยแอดไลน์หมอไป ไลน์หมอมีชื่อว่า "DR.K" ชื่อคลินิก "RYT CLINIC DR.K" (ไปค้นหาได้ใน Google) ก็เข้าไปอ่านโฆษณาดูรีวิวต่างๆ ในตอนนั้นก็รู้สึกว่าราคาแพงอยู่ ทางที่บ้านผมให้ลองไปติดต่อที่โรงพยาบาลดูอาจจะถูกกว่า ผมก็ไปที่โรงพยาบาลประจำแห่งหนึ่ง ซึงทางพยาบาลก็บอกว่า "ในช่วงโควิดนี้ ทางโรงพยาบาลจะไม่รับเคสผ่าติดทุกกรณี ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน" ดังนั้น ผมก็เหลือที่พึ่งเดียวละคือ คลินิกของ DR.K ก็เลยทำการทักไปสอบถามรายละเอียดโปรโมชั่นการขลิบไร้เลือด 9,900.- (ผมกลัวการผ่าตัดพอสมควรเลย ก็เลยเลือกขลิบไร้เลือด ราคาสูงหน่อยแต่เพื่อความสบายใจเรา เราจ่ายไหว) ก็นัดวันผ่าตัดกับหมอไป ได้วันเสาร์ที่ 11 กันยายน 64 ก็ส่งข้อมูลส่วนตัวให้หมอ พร้อมทั้งโอนมัดจำเรียบร้อย 2,000.- หมอก็ส่งข้อมูลการเตรียมตัวก่อนขลิบมาให้อ่านว่าควรเตรียมตัวยังไง อะไรควรกิน/ไม่ควรกิน หลังผ่าตัดจะเป็นยังไงแนะนำข้อมูลต่างๆ (หมอให้ข้อมูลครบมากๆ)
ขลิบ วันที่ 1 เริ่มต้นวันด้วยความร่าเริง (กลบเกลื่อนความกลัวของตัวเอง) ให้เพื่อนเป็นคนขับรถให้พาไป (เพราะรีวิวบอกมาว่า หลังผ่าตัดเสร็จแล้วจะเจ็บมากๆ) เดินทางจาก "บางบัวทอง" ไปที่คลินิก "RYT CLINIC DR.K" ไปถึงประมาณ 9 โมงครึ่ง ก็ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ให้เรียบร้อยว่ามาทำอะไร นัดไว้ยังไงบ้าง พร้อมชำระเงินที่เหลือ 7,900.- รอจนถึงคิว ก็จะมีผู้ช่วยหมอ(แพทย์หญิง) เรียกไปเปลี่ยนชุด(เป็นชุดผ่าตัดเขียวๆ) รอเข้าห้องผ่าตัด (ระหว่างนี้ก็นั่งสงบสติตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่านเกินไป) พอถึงคิวเข้าห้องผ่าตัดก็รู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆไม่รู้จะเจออะไรบ้าง 5555 เข้าไปในห้องก็จะเจอคนอยู่ 3 คน คือ หมอผู้ชาย / ผู้ช่วยหมอเป็นผู้หญิง / ผู้ช่วยของผู้ช่วยอีกที(คิดว่าน่าจะใช่นะ เค้าจะยืนห่างๆ) หมอก็ให้ขึ้นเตียง พร้อมถอดกางเกงเพื่อตรวจแล้วทำการผ่าตัดด้วยเครื่อง เราก็ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์อะ ไม่เขินไม่อายไม่สงสัยเลย รับคำสั่งอย่างเดียว 5555 (ระหว่างนี้หมอก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ ก็ดีฮะ ถามนู่นนี่นั่น ทำให้เราผ่อนคลายไม่เกร็ง) หมอก็ฉีดยาชาไปเรื่อยๆถามเราว่าเจ็บมั้ย เราก็เจ็บบ้าง ไม่เจ็บบ้าง ฉีดเสร็จหมอก็บีบๆให้ยาชาทำงาน (ยาชาออกฤทธิ์เร็วมาก) หลังจากนี้ก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บละ แต่ยังรู้สึกว่ามีคนมาจับๆทำนู่นนี่นั่นอยู่ แล้วหมอก็เริ่มทำการผ่าตัดโดยใช้เครื่องครอบไปที่บริเวณหัวอวัยวะเพศเรา หมอก็ทำตามขั้นตอนของหมอไปเรื่อยๆ เราก็กลัวไม่กล้าดู ทำได้แค่นอนนิ่งๆทำตัวให้ผ่อนคลาย (ปกติแล้วการผ่าตัดแบบไร้เลือดจะเป็นแม็กเย็บแผลเย็บรอบๆ แต่ของเรา หมอใช้ไหมเย็บแผลเย็บเข้าไปอีเพิ่มความแน่นหนา สรุปเราได้ทั้งไหมเย็บแผล+แม็กเย็บแผลอีกประมาณ 20 ตัว) พอผ่าตัวเสร็จหมอก็พันผ้าก๊อซไว้ค่อนข้างแน่นเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ หมอก็บอกว่าเสร็จเรียบร้อยให้ออกไปนั่งรอดูอาการ พร้อมรอให้ปวดปัสสาวะเพื่อเช็คว่าพันผ้าก๊อซแน่นไปจนทำให้ปัสสาวะไม่ออกรึป่าว ระหว่างรอปัสสาวะผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไป ได้แอบคิดในใจ ผ่าตัดมาแล้วก็ไม่เห็นเจ็บนี่หว่าก็แต่ปวดๆตุ้บๆ คนอื่นแม่งกระจอก จนรู้สึกว่าเราไม่ปวดปัสสาวะสักที เพราะตั้งแต่เช้าเรายังไม่ได้กินน้ำเลยนี่หว่า ก็เลยออกไปเอาน้ำที่รถ กระดกไปประมาณ 800 มล. แถมบอกเพื่อนด้วยว่า ไม่เห็นเจ็บเลยชิวๆสบายๆ 5555 ก็กลับมานั่งรอ ระหว่างนั่งรอก็รู้สึกแสบๆแผลขึ้นมานิดๆละคิดว่าเราต้องรีบกลับบ้าน แต่ก็ไม่ปวดฉี่สักทีก็เลยเดินไปห้องน้ำ คิดว่าถ้าไปเข้าห้องน้ำน่าจะปวด ซึ่งผมก็ปวดฉี่จริงๆ ก็ลองฉี่ก็ออกปกติ ตอนนี้คือเริ่มแสบมากๆแล้ว ควรรีบกลับบ้าน (ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ 5555) บอกผู้ช่วยที่หน้าเคาน์เตอร์ว่า "ผมปัสสาวะออกปกตินะครับ กลับบ้านได้เลยมั้ย" หมอก็อนุญาตให้กลับได้ เดินกลับมาที่รถคือต้องกางขาเดิน ห้ามให้มันแกว่ง ระหว่างทางกลับบ้านก็คือปรับเบาะนอนตลอดทาง ทั้งปวดทั้งแสบทั้งเจ็บจนต้องตะโกนในรถ (ที่เค้าบอกว่าเจ็บคือตรงนี้นี่เอง 5555) จนมาถึงบ้านก็ขึ้นห้องเลยครับ ถอดกางเกงออกหมด นอนแผ่นิ่งๆบนเตียง หมอก็ไลน์มาบอกว่า "พรุ่งนี้อย่าลืมแกะผ้าออกแล้วล้างแผล แล้วถ่ายแผลมาให้หมอตรวจทุกวันด้วยนะครับ" ซึ่งเราก็พึ่งเคยเจอหมอตามแผลเราขนาดนี้ (ไม่รู้ว่าเป็นปกติมั้ย แต่ผมรู้สึกว่าเป็นบริการที่ดีเอามากๆ) เราก็โอเค
ขลิบ วันที่ 2 ตื่นเช้ามาเพราะอวัยวะเพศแข็งตัวแล้วเจ็บแผลก็เลยต้องตื่น 5555 เราก็รู้สึกว่าตอนปกติแผลเราก็ไม่ค่อยเจ็บแล้วนี่หว่า สามารถเดินได้ถ้าแผลไม่สัมผัสกับกางเกง เราก็เลยอาบน้ำ(ห้ามแผลโดนน้ำ) เราก็ดูผ้าก๊อซแล้วไม่ค่อยมีเลือดออกนะ(น้อยมากๆ) แล้วทำการล้างแผล (เป็นการล้างแผลที่ตื่นเต้นมากๆ และลำบากมากๆเช่นกันเพราะต้องก้มหน้าลงไปมองแผลแล้วเช็ด เวลาสำลีไปโดนแผลคือโคตรเจ็บ) ก็ค่อยๆล้างใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ล้างเสร็จก็ถ่ายรูปรอยแผลส่งให้หมอตรวจ หมอก็บอกว่าโอเค เราก็พันผ้าก๊อซไว้ นอนนิ่งๆปกติ ที่บ้านก็เดินมาบอกว่า จะออกไปกินข้าวนอกบ้านไปไหวมั้ย เราก็รู้สึกว่า เราก็พอเดินได้อยู่นะ ก็เลยไป (ซึ่งหมอแนะนำไว้ว่าช่วง 3 วันแรกหลังการผ่าตัด อย่าเดินหรือนั่งนานๆ อาจจะทำให้แผลบวมหรือเลือดออกได้) แต่เราไปเดินห้างนั่งกินอาหารตั้งแต่วันที่ 2 เลย โคตรดื้อ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดนอกจากเสียวแปล๊บๆที่หัวอวัยวะเพศเอามากๆ
ขลิบ วันที่ 3 ตื่นขึ้นมาเพราะอวัยวะเพศแข็งตัวเหมือนเดิม เจ็บสัส 5555 เราก็ไปอาบน้ำเหมือนเดิม อาบน้ำเสร็จก็ล้างแผลต่อ ถ่ายรูปส่งให้หมอเหมือนเดิม แต่รอบนี้หมอบอกว่า "ล้างแผลให้สะอาดกว่านี้หน่อยนะครับ" ก็คือคราบเลือดดำๆพยายามเช็ดออก เราก็โอเค หาอาหารกิน แล้วก็มานอนดูหนังชิวๆ จนหมดวัน
ขลิบ วันที่ 4 ตื่นขึ้นมาเพราะอวัยวะเพศแข็งตัวเหมือนเดิม เราเริ่มหงุดหงิดละอยากเอาแม็กเย็บออกเพราะมันตึงมากเวลาแข็งตัว ไลน์ไปถามหมอ หมอก็บอกว่า อีกประมาณ 2 สัปดาห์มันก็จะค่อยๆหลุด ผมก็ อาบน้ำ ล้างแผล นอนดูหนังปกติ แต่การล้างแผลนานกว่าเดิม ประมาณ 3 ชม. (เพราะพยายามเช็ดคราลัวแผลบเลือดออก) แต่มันก็ไม่ออก ตอนนั้นเครียดมาก กจะติดเชื่อ ก็เอาเท่าที่ไหว ก็ถ่ายส่งให้หมอดูพร้อมบอกหมอว่า ผมขอค่อยๆเอาคราบออกได้มั้ย เพราะมันออกยากมาก หมอก็โอเค
ขลิบ วันที่ 5 เหมือนวันที่ 4 ทุกอย่าง แต่ความเครียดความกังวลเราเพิ่มขึ้น ก็เลยไลน์ไปหาหมอว่า วันเสาร์นี้ขอเข้าไปล้างแผลที่คลินิกได้มั้ย เพราะกลัวไม่สะอาดพอ หมอก็โอเค
ขลิบ วันที่ 6-7 เราก็พยายามเช็ดแผลด้วยสำลีชุบน้ำเกลือทุกวันๆ ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วก็นอนดูหนังต่อ
ขลิบ วันที่ 8 ไปคลินิกตามที่นัดหมอไว้ หมอก็ถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็อธิบายไปว่าเจ็บตรงนั้น เวลาแข็งตัวจะตึงตรงนี้ หมอก็ตรวจไป หมอก็บอกว่าปกติดี แผลไม่ได้มีปัญหาอะไร หลังจากนี้ก็ไม่ต้องพันผ้าก๊อซแล้วเพราะแผลแห้งและดีขึ้นมาก ด้วยความที่เราก็รีบไปทำธุระต่อ หมอก็ไม่ได้ล้างแผลให้ แต่หมอก็บอกมาว่า ให้ใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือแล้วพันแผลทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที คราบเลือดจะได้อ่อนตัวแล้วจะหลุดง่ายขึ้น เราก็รับทราบ แล้วมาล้างแผลต่อที่บ้านตามที่หมอแนะนำมา
ขลิบ วันที่ 9 ตื่นมาเพราะอาการอวัยวะเพศแข็งตัวเหมือนเดิม แต่รอบนี้ไม่ตึงเหมือนเดิมแล้ว ไม่ค่อยเจ็บแล้วด้วย ก็ไปอาบน้ำ แผลโดนน้ำได้ปกติ แต่ห้ามฟอกสบู่ อาบเสร็จก็กลับห้องมาล้างแผลต่อ แต่ในระหว่างล้างแผลเช็ดไปเช็ดมา อ้าว...แม็กหลุดเฉย หลุดออกมา 3 ตัว ก็เช็ดต่อไป ลองสกิดแม็กตัวอื่นๆ ก็หลุดออกมาอีก 3 ตัว 5555 เริ่มมีความสุขละแม็กกำลังหลุด
ขลิบ วันที่ 10-14 เริ่มสบายมากๆละไม่เจ็บเลย ในระหว่างที่เช็ดแผลในทุกๆวันคราบเลือด กับ แม็กก็หลุดออกมาวันละ 2-3 ตัว จนหมด พร้อมทั้งไหมเย็บด้วย เรารู้สึกว่ามันรั้งแม็กไว้ ทำให้แม็กไม่หลุด เราก็เอากรรไกรล้างแอลกอฮอลล์ให้สะอาด ตัดไหมเองเลย 5555 (ไม้รู้นะว่าควรทำรึป่าว แต่ถ้าผมไม่ทำ แม็กมันจะไม่หลุดแล้วก็จะห้อยอยู่)
ขลิบ วันที่ 15 หมอนัดเช็คแผลที่คลินิก เราก็ไปตามปกติ รู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่เส้นสองสลึง เวลามันโดนกางเกงเพราะมันยังเป็นแผลอยู่ เราเห็นคนไข้ที่เป็นผู้ชายมาที่คลินิกเยอะอยู่ ทำให้เรารู้ว่า คนอื่นๆก็ขลิบเยอะเหมือนกันเนอะ ไม่เห็นต้องเขินอายเลย เป็นเรื่องที่เราควรที่จะรับผิดชอบตัวเองมากกว่า รอคิวประมาณ 1 ชม.กว่าๆ ก็เข้าห้องไปให้หมอตรวจ หมอก็บอกว่า "ดูแลแผลดีมากเลย แผลหายเร็วมากเลยนะเนี่ย" ผู้ช่วยหมอก็เอาสำลีมาเช็ดทำความสะอาดแผล ระหว่างนั้นหมอก็ถามอาการไปเรื่อยๆว่ายังเจ็บอยู่มั้ย? "ให้พยายามนวดรอยแผลบ่อยๆ แผลจะได้นุ่ม ประมาณ 1 เดือนก็ค่อยเอายาทาแผลเป็นมาทา" พอทำความสะอาดแผลเสร็จ หมอก็บอกว่า "เรียบร้อยแล้ว กลับบ้านได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" เราก็โล่งใจกลับบ้านได้ (รอ 1 ชม.กว่าๆ เข้าห้องตรวจ 5 นาที)
สรุป เป็นการขลิบครั้งแรก และครั้งเดียว การขลิบมีประโยชน์หลายอย่าง ทำเถอะครับ เพื่อสุขอนามัยของเราเอง ลดการสะสมของเชื้อโรคด้วยนะครับ อาจจะมีอาการเสียวบริเวณหัวอวัยวะเพศในช่วงสัปดาห์แรก เพราะน้องพึ่งออกมาหายใจ แต่เดี๋ยวก็ชินไปเอง 5555
*** นี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกของเราเอง ขออภัยล่วงหน้า หากอ่านแล้ว งง หรือสงสัยตรงไหน ถามได้นะครับ ***