ถูกหัวหน้างานข่มขู่ ดูถูก เงินไม่ขึ้น เสี้ยมเพื่อนเกลียดเรา แต่โยนงานเรื่องเงินทั้งหมดแผนกมาให้ทำ

เราทำงานในองค์กรณ์ขนาดใหญ่ เป็นบริษัทข้ามชาติ เงินเดือน 20K 
ซึ่งตำแหน่งของงานที่เราทำ ทั้งองค์กร มีเราทำตำแหน่งนี้คนเดียว
ตั้งแต่ทำงานมา คนที่นี่มักจะพูดเสมอ ว่าที่นี่เป็นโรงงานที่อยู่กันแบบครอบครัว
(ในความคิดเรา ครอบครัว แบบเอี้อย กับอ้าย ในปลาบู่ทองน่ะสิ)

สรรพนามที่ใช้เรียกแทนผู้คนในเหตุการณ์

A. คือ เจ้าของกระทู้
B. คือ น้องที่หัวหน้าดึงลงมาช่วย หัวหน้าหลอกขายฝัน ตอนนี้น้องลาออกไปได้งานใหม่ เงินเดือน 40K 
T. หัวหน้างานคนปัจจุบัน คนนี้คือประเด็นของเรื่องนี้เลย
P. มือขวาของหัวหน้า : บุคลิกขี้อิจฉา จับผิด ฟ้องนาย ขายเพื่อนพ้องน้องพี่ อ้วน และ ร้ายมาก เรื่องปาก ชอบว่าร้ายคนอื่น
S. อดีตมือซ้ายของหัวหน้างาน จากและหักหลังเพื่อนร่วมงานเดิม ไต่เต้าเข้าหาT. เพราะหวังความรุ่งโรจน์ ที่ T.คอยป้อนให้ (ขายฝัน)

เริ่มจาก...

หัวหน้างานคนเก่า เกษียณอายุตามวัย หัวหน้างานคนใหม่ หรือคนปัจจุบันนี้ เคยเป็นคนที่เราไว้ใจเหมือนกับเป็นพี่สาว เพราะคิดว่าปรึกษาได้ทุกเรื่อง
แต่มันกลับกลายเป็น เค้ารู้เรื่องของเราหมด แต่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย

และเขายังเคยปลอบโยนเรา ว่าเราไม่ผิด เราแค่ไว้ใจคนผิด

เค้าจะสไตล์ ขงเบ้ง แบบว่าพี่รู้จักหมด คนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้เป็นอย่างนั้น
(คงจะคิดว่าตัวเองประเสริฐสุด แต่ไม่รู้ว่าตัวเองในมุมมองของคนอื่น ตัวเองเป็นคนยังไง)

ต่อไปนี้เราจะขอเรียกแทนตัวเองว่า 'A'  เพื่อให้เข้าใจเรื่องได้ง่ายขึ้น 
เมื่อหัวหน้างานคนเก่าเกษียณ  T. เขาได้ดึงเอาน้องที่เก่งภาษา ขอเรียกน้องว่า 'B' ลงมาทำงานให้เค้า ด้วยการหลอกขายฝัน ว่าจะเติบโต ในสายงานใหม่
น้องก็ลงมาทำงานในแผนกใหม่ (งานเพิ่มบานเบอะ แต่ปรับขึ้นเงินเดินให้น้อง 200.- น้องเลยลาออก)

ด้วยวัย ที่ไกล้เคียงกัน ทำให้ A. และ B. สนิทสนมกันง่าย 

T. จึงไปพูดเหมือนตักเตือนน้อง B. ด้วยความหวังดี ว่า...
" B. อย่าไปไว้ใจ A.มากนะ เพราะว่า A.น่ะ เค้าไม่ธรรมดานะ! " (เราดูเหมือนเป็นมาเฟียยังไม่ไม่รู้อะ)

ในส่วนของ P. นั้น มีอายุหลัก4 กว่าแล้ว แต่บุคลิกขี้อิจฉา ถ้าทำงานกับใคร คนนั้นก็จะถูก P. จับผิดเรื่องานหมด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเพียงน้ำหยด แต่ P.จะพูดกรอกหู T. ทุกวัน และที่เจ็บที่สุด กว่าการถูก P. ใส่ร้าย

คือ เราถาม T. ว่า พี่คิดว่าหนูทำงานแย่ แบบที่ P.คอยบอกพี่หรือไม่ คำตอบจาก T. คือ ใช่

เราเลิกศรัทธาเลย เราผู้ทำงานแทนทุกคน แต่เราเงียบ ไม่บ่น  แต่แพ้ลมปากคนขี้ประจบ

P. ขี้ฟ้องเราจนคนที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้เราฟังยังมองว่า จะอะไรกับเราหนักหนา ไร้สาระ ไม่ทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่เลย

แล้วโดยส่วนตัว ถ้าเราไม่มีธุระที่จะต้องเข้าไปในแผนก เราจะไม่เดินเข้าไปประจบเหมือนกับที่ P. ชอบทำเลย

เราเคยเป็นคนเฟรนลี่ เพื่อนเยอะ สนุกสนาน แต่พอมาเรียนรู้สังคมที่นี่ ทำให้เราวางตัวมากขึ้น และไม่ค่อยเปิดใจ

จึงเหมือนกับเราหยิ่ง แต่เราจะคุยกับคนที่เราคิดว่าคุยได้ ส่วนใครที่เคยหักหลังเรา เราจะคุยเฉพาะเท่าที่จำเป็น
แต่ก็ทักทาย และคุยได้ทุกคน

B.รู้สึกว่า A. จริงใจ จึงพูดคุยกันถูกคอ น้องจึงสนิทกับเรา และนำเอาความลับที่พวกเขาพูดถึงเรา มาเล่าให้เราฟังหมดทุกเรื่อง ขอย้ำ ว่า ทุกเรื่อง จริง จริง

 1. T.  บอกกับ B. ว่าอย่าไว้ใจ A. เพราะว่า A. อ่ะ ไม่ธรรมดานะ
 2. P. บอกกับ B. ว่า คนอย่าง A. ถ้าจะลาออกไป T. ก็ไม่ได้ง้อเลยนะ
 3. P. บอกกับ B. ว่า เรื่องที่ผิดที่สุดในแผนก คือการที่หัวหน้าคนเก่า รับ A. เข้ามาทำงาน
4. T. กับ P. ซุบซิบนินทาเรื่องเงินเดือนของ A. ที่มากกว่า P. ซึ่งทำงานมา 10 กว่าปี
5. T. โปรโมท P. ปรับเงินให้ P. คนเดียว 
6. ตั้งแต่ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย จนปัจจุบันทำงานอย่างเดียว ไม่เคยมีหัวหน้าคนไหนว่า A. ทำงานแย่ มีแต่รั้งไว้ เมื่อจะออก แต่ T. เชื่อ P. ภาพลักษณ์ของ A.จึงติดลบ

A.กลายเป็นคนที่มีภาวะเครียด จนอ้วกพุ่ง วิตกกังวล แพนิค เข้ารับการรักษาโดยการทานยาจิตเวชวันละ 8 เม็ด ก่อนนอน เป็นเวลา 8 ปีแล้ว ทุกวันนี้ มีอาการง่วงซึม แต่งานไม่มีปัญหา

 ด้วยภาระที่มี และสภาวะเศรษฐกิจ ปัจจุบัน A. ซึ่งกดดันในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่าประทับใจ ยังก้าวออกมาสู่งานใหม่หรือชีวิตใหม่ไม่ได้

พยายามหางานใหม่แล้ว แต่ก็ยังคงหาไม่ได้ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เปลี่ยนหมอรักษา มา 3 คน ทุกคนพูดแบบเดียวกันหมด คืออยากให้ A. เปลี่ยนงาน

A. ไม่มีความมั่นใจในตนเอง กับการแสวงหางานใหม่ เพราะคิดว่าตัวเองด้อยคุณค่า แบบที่ P.และ T. พูด

เมื่อ B. และ S. ถูก T. และ P. หักหลัง
ทั้งสองคนจึงลาออก แล้วงานที่ทั้ง 2 เคยทำ จึงถูกกระจายออกให้ A. และ P. ทำ
P. จะเป็นคนที่ทำงานไป บ่นไป คนที่ฟังทุกคนจึงคิดว่า P. ทำงานหนักคนเดียว และน่าสงสาร 
ในขณะที่ ทุกคนรู้ ว่า T. ปรับทั้งเงิน และตำแหน่งให้กับ P. อยู่คนเดียว (เป็นต้นเหตุของการลาออกของ B. และ S.)

ต้นปี 63 T. ใส่ร้ายพนักงานอาวุโสในแผนก ให้ถูกเข้าใจผิดว่าทุจริต ทำให้แผนกบริหาร เสียหน้า จึงให้พนักงานอาวุโสกักตัว ไม่ต้องทำงานใด ๆ จนครบวันเกษียณอายุ  นี่คือสิ่งไม่ดี ที่ A. กลัว และไม่ต้องการรับผิดชอบงานเกี่ยวกับผลประโยชน์ของบริษัท

T. เคยทุจริตมาก่อน แต่สมัยนานนม ยังเป็นกระดาษ ตรวจสอบได้ยาก ปัจจุบันทุกอย่างเข้าระบบที่สามารถตรวจสอบได้ T. ซึ่งเป็นหัวหน้าแล้ว จึงไม่ต้องการถือเงิน ทั้งที่งานเหล่านี้ เป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าโดยแท้

เมื่อทั้ง B. และ S. ลาออก

T. ซึ่งเคยดูถูกความสามารถของ A. พยายามจะโยนงานเกี่ยวกับ ผลประโยชน์ และเงินทอง มาให้ A. รับผิดชอบ ซึ่ง A. ได้ปฏิเสธไป 1 ครั้งแล้ว เพราะหน้างานของ A. ไม่สะดวกที่จะต้องคิดคำนวนตัวเลขรายจ่ายของทั้งแผนก มันจะทำให้งานของ A. ผิดพลาดได้

ปัจจุบัน ในออฟฟิศจากที่เคยมี 7 คน เหลือคนทำงานเพียง 3 คน แต่ด้วยความอยากเป็นที่ประทับใจของเจ้านาย T. จึงบอกกับเจ้านาย ว่า 3 คนทำงานไหว ไม่ต้องการคนเพิ่ม เพื่ออยากก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าแผนก และปรับเงิน T. จึงทำทุกอย่าง แทบจะใส่พานถวาย เมื่อเจ้านายเรียกร้องอะไร ได้ครับพี่ ดีครับผม
 
A. เคยปฏิเสธงาน ที่ T. โยนให้มา ว่า A.ไม่มีศักยภาพพอ ทำให้ A. เบาใจไปได้ชั่วครู่ เมื่อคิดว่า ไม่ต้องไปทำงานเสี่ยงกับข้อหาการทุจริตแบบที่ T. เคยทำกับเพื่อนร่วมงานอาวุโส

แต่วันนี้ T. กลับมาขอร้องให้ A. ทำค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแผนก เพราะบอกว่าพี่ทำไม่ไหว ช่วยพี่หน่อย

A. ปฏิเสธไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ด้วยความกลัดกลุ้มใจ คือ จะทำอย่างไรดีเครียดมาก จนไม่อยากจะมีชีวิต เพื่อใช้อยูภายใต้การนำของ T. อีกแล้ว

ในใจ A.คิดเพียงว่า T. จะไม่ทำงานอะไรเลยหรือ ตั้งใจบีบ ให้ A. ออกใช่ไหม กดดันสุด สุด

ช่วยแนะนำที่ ไม่รู้ว่าจะคุย จะบอกกับใครได้ เงิน 20K สำหรับ A. แล้ว คือทั้งหมด คือครอบครัว คือปากท้อง 
และงานที่A. ทำอยู่ก็เป็นงานที่เดินทางสะดวก (ไกล้บ้าน)
 
มืด 8 ด้านจริง ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่