ชลประทานโคราช ยัน อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรไม่แตก คุมได้ ชาวบ้านยืนมุงให้ภาพเล่าเรื่อง
https://ch3plus.com/news/category/259416
ชลประทาน ยัน อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรไม่แตก ชาวบ้านโต้ลักษณะแบบนี้ชาวบ้านเรียกอ่างแตก ล่าสุดปริมาณน้ำเพิ่มเป็น 164% เร่งระบายน้ำออกจากอ่าง ขณะนี้ส่งผลกระทบพื้นที่ท้ายอ่างแล้ว
วันนี้ (27 ก.ย.64) นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา เปิดเผยสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ล่าสุดอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) มีระดับน้ำเก็บกักอยู่ที่ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 164% ของความจุอ่างทั้งหมด ซึ่งเกินระดับเก็บกักสูงสุด และมีน้ำส่วนเกินไหลล้นผ่านทางระบายน้ำล้นฉุกเฉิน (สปิลเวย์) ทำให้ทำนบชั่วคราวของพื้นที่ก่อสร้างข้างตัวประตูอ่างพังเสียหาย ความกว้างประมาณ 15 เมตร
ชลประทานจึงได้ใช้ช่องทางทำนบดินที่พังลงเพิ่มการระบายน้ำออกจากอ่าง แทนที่จะต้องใช้รถแบคโฮตัดคันดินระบายน้ำ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ปริมาณน้ำไหลออกเท่ากับหรือมากกว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่าง เพื่อรักษาความปลอดภัยของอ่างเก็บน้ำซึ่งมีความยาว 3.6 กิโลเมตร ปัจจุบันอัตราการระบายน้ำออกจากอ่างอยู่ที่ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เท่ากับอัตราการของน้ำที่ไหลเข้าอ่าง โดยขณะนี้คาดว่ายังคงมีมวลน้ำที่ไหลมาจาก จ.ชัยภูมิ และ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา กำลังไหลเติมเข้าอ่างอีกมากกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ขอยืนยันว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
โดยขณะนี้ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ด้านท้ายอ่าง 8 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอโนนไทย อำเภอพระทองคำ อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอโนนสูง อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย และอำเภอเมืองยาง โดยแจ้งเตือนประชาชนอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายสูง ให้อพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำให้เก็บสิ่งของขึ้นไว้บนที่สูงกว่าที่เคย
ขณะเดียวกันเช้าวันนี้ ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมากได้พากันแห่กันออกไปคันดินของอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ที่พังเสียหาย โดยชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การระบายน้ำออกจากอ่างอย่างที่เห็น รวมถึงคันดินผนังกั้นน้ำที่พังเสียหายเช่นนี้ ชาวบ้านก็เรียกกันว่าอ่างแตก และขณะนี้น้ำจากลำน้ำเชียงไกรได้ไหลแรงล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมหมู่บ้านในพื้นที่ท้ายอ่างแล้ว อย่างเช่นพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย ตำบลจันอัด ตำบลเมืองปราสาท และตำบลลำมูล บ้านเรือนหลายสิบหลัง คาเรือน รวมทั้งวัดกว่า 50 เซนติเมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำอยู่ติดกับลำน้ำลำเชียงไกร
อุโมงค์ลอดรถไฟทางคู่ท่วมมิด รฟท.เผยไม่อยู่ในการดูแล ชาวบ้านงง ถามต้องรอระเหยไปเอง?
https://www.matichon.co.th/region/news_2960188
อุโมงค์ลอดรถไฟทางคู่ท่วมมิด รฟท.เผยไม่อยู่ในเขตรับผิดชอบ ชาวบ้านงง หรือต้องรอระเหยไปเอง
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุโมงค์ทางลอดใต้รางรถไฟในโครงการรถไฟทางคู่ชุมทางจิระ-ขอนแก่น ในพื้นที่ของบ้านโนนมะเกลือ ตำบลดอนยาว อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากเกิดฝนตกหนัก มวลน้ำไหลบ่าเข้าท่วมจนมิดอุโมงค์ รถทุกชนิดไม่สามารถเข้าใช้งานทางลอดได้ ต้องอ้อมไปใช้สะพานข้ามที่อยู่ไกลออกไป 2-3 กิโลเมตร เป็นการชั่วคราว จนกว่าระดับน้ำในอุโมงค์จะลดจนเข้าสู่ภาวะปกติ
โดยชาวบ้านบอกว่า เดิมทีในพื้นที่ไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมขังมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งมีการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ขึ้น ซึ่งอุโมงค์ทางลอดใต้รางรถไฟฯก่อสร้างขวางทางน้ำเดิม และไม่ได้มีการก่อสร้างร่องระบายน้ำเอาไว้ ทำให้น้ำเปลี่ยนเส้นทางเข้าท่วมพื้นที่ภายในหมู่บ้าน และมีน้ำบางส่วนที่ไหลท่วมอุโมงค์ทางลอดฯ ซึ่งคราวนี้มวลน้ำมามากจนทะลักล้นเข้าท่วมถึงเครื่องควบคุมกระแสไฟฟ้าของเครื่องสูบน้ำ ทำให้เครื่องสูบน้ำไม่ทำงาน น้ำจึงท่วมขังอยู่ในทางลอดระบายไปไหนไม่ได้
และยังระบุว่า เคยประสานแจ้งปัญหาไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้ว แต่ได้แจ้งมาว่า ทางลอดทุกแห่งขณะนี้ไม่ได้อยู่ในความดูแลของการรถไฟแล้ว เนื่องจากหมดระยะเวลาสัญญาการก่อสร้างโครงการฯ อยู่ระหว่างการถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล ชาวบ้านจึงยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นผู้ดูแลแก้ไขปัญหาตรงจุดนี้ให้กับชาวบ้าน หรือต้องรอปล่อยให้แดดเผา จนน้ำในอุโมงค์ทางลอดฯ ระเหยออกไปเอง
น้องสาวติดใจการตาย พี่สาวเสียชีวิต หลังฉีดวัคซีนไขว้เข็มที่ 2 ได้สามวัน
https://ch3plus.com/news/program/259395
สุพรรณบุรี-น.ส.
จิน นามสมมุติ อายุ 56 ปี ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของนาง
จรัสศรี อายุ 60 ปี พี่สาว เนื่องจากเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนไขว้ แอสตราเซนเนก้า เข็มที่ 2 ได้เพียง 3 วัน หลังจากฉีดวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มแรก
โดยน้องสาวผู้เสียชีวิตเล่าว่า พี่สาวได้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา หลังจากฉีดวัคซีนได้ 10 ชั่วโมง พี่สาวมีอาการมีไข้แขนขาอ่อนแรง ถ่ายเหลว และอาเจียนออกมาเป็นเลือด เช้าวันที่ 23 กันยายน มีรถพยาบาลมารับมารักษาตัว ที่โรงพยาบาล สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
หลังจากพี่สาวขึ้นรถ เจ้าหน้าที่พยาบาลปั๊มหัวใจจนมาถึงโรงพยาบาล พอเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้วก็มีเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า คนไข้มีเลือดออกในกระเพาะ และสมองบวมซึ่งน่าจะเกิดจากการปั๊มหัวใจ การเต้นของหัวใจล้มเหลว จากนั้นพี่สาวก็ไม่มีการฟื้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งเสียชีวิตวันที่ 26 กันยายน เวลา 13.30 น. โดยเบื้องต้นแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า ติดเชื้อในกระแสเลือด
ตนเองสงสัยว่าสาเหตุการณ์ตายของพี่สาวตนน่าจะเกิดจากผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ซึ่งก่อนหน้านี้พี่สาวตนมีสุขภาพที่แข็งแรงดี มีเพียงโรคประจำตัวโรคเดียวคือโรคเบาหวาน เท่านั้น
ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบสาเหตุการตายของพี่สาวตนอย่างละเอียด ว่าสาเหตุเกิดจาก การฉีดวัคซีนหรือไม่ และขอให้ทางภาครัฐให้ความช่วยเหลือเยียวยาทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้บริหารของโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 อ.สองพี่น้อง เพื่อจะสอบถามว่าการเสียชีวิตขนางจรัสศรีว่า จะมาจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนหรือไม่อย่างไร แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ :
https://youtu.be/Zjon_BtPMnE
JJNY : ชลฯโคราชยันคุมได้ ชาวบ้านให้ภาพเล่าเรื่อง│อุโมงค์ลอดทางคู่ท่วมมิด│พี่สาวเสียหลังฉีดไขว้│“เอทีเค”เถื่อนเกลื่อนตลาด
https://ch3plus.com/news/category/259416
ชลประทาน ยัน อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรไม่แตก ชาวบ้านโต้ลักษณะแบบนี้ชาวบ้านเรียกอ่างแตก ล่าสุดปริมาณน้ำเพิ่มเป็น 164% เร่งระบายน้ำออกจากอ่าง ขณะนี้ส่งผลกระทบพื้นที่ท้ายอ่างแล้ว
วันนี้ (27 ก.ย.64) นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา เปิดเผยสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ล่าสุดอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) มีระดับน้ำเก็บกักอยู่ที่ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 164% ของความจุอ่างทั้งหมด ซึ่งเกินระดับเก็บกักสูงสุด และมีน้ำส่วนเกินไหลล้นผ่านทางระบายน้ำล้นฉุกเฉิน (สปิลเวย์) ทำให้ทำนบชั่วคราวของพื้นที่ก่อสร้างข้างตัวประตูอ่างพังเสียหาย ความกว้างประมาณ 15 เมตร
ชลประทานจึงได้ใช้ช่องทางทำนบดินที่พังลงเพิ่มการระบายน้ำออกจากอ่าง แทนที่จะต้องใช้รถแบคโฮตัดคันดินระบายน้ำ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ปริมาณน้ำไหลออกเท่ากับหรือมากกว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่าง เพื่อรักษาความปลอดภัยของอ่างเก็บน้ำซึ่งมีความยาว 3.6 กิโลเมตร ปัจจุบันอัตราการระบายน้ำออกจากอ่างอยู่ที่ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เท่ากับอัตราการของน้ำที่ไหลเข้าอ่าง โดยขณะนี้คาดว่ายังคงมีมวลน้ำที่ไหลมาจาก จ.ชัยภูมิ และ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา กำลังไหลเติมเข้าอ่างอีกมากกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ขอยืนยันว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
โดยขณะนี้ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่ด้านท้ายอ่าง 8 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอโนนไทย อำเภอพระทองคำ อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอโนนสูง อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย และอำเภอเมืองยาง โดยแจ้งเตือนประชาชนอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายสูง ให้อพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำให้เก็บสิ่งของขึ้นไว้บนที่สูงกว่าที่เคย
ขณะเดียวกันเช้าวันนี้ ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมากได้พากันแห่กันออกไปคันดินของอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ที่พังเสียหาย โดยชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การระบายน้ำออกจากอ่างอย่างที่เห็น รวมถึงคันดินผนังกั้นน้ำที่พังเสียหายเช่นนี้ ชาวบ้านก็เรียกกันว่าอ่างแตก และขณะนี้น้ำจากลำน้ำเชียงไกรได้ไหลแรงล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมหมู่บ้านในพื้นที่ท้ายอ่างแล้ว อย่างเช่นพื้นที่ 3 ตำบลของอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย ตำบลจันอัด ตำบลเมืองปราสาท และตำบลลำมูล บ้านเรือนหลายสิบหลัง คาเรือน รวมทั้งวัดกว่า 50 เซนติเมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำอยู่ติดกับลำน้ำลำเชียงไกร
อุโมงค์ลอดรถไฟทางคู่ท่วมมิด รฟท.เผยไม่อยู่ในการดูแล ชาวบ้านงง ถามต้องรอระเหยไปเอง?
https://www.matichon.co.th/region/news_2960188
อุโมงค์ลอดรถไฟทางคู่ท่วมมิด รฟท.เผยไม่อยู่ในเขตรับผิดชอบ ชาวบ้านงง หรือต้องรอระเหยไปเอง
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุโมงค์ทางลอดใต้รางรถไฟในโครงการรถไฟทางคู่ชุมทางจิระ-ขอนแก่น ในพื้นที่ของบ้านโนนมะเกลือ ตำบลดอนยาว อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากเกิดฝนตกหนัก มวลน้ำไหลบ่าเข้าท่วมจนมิดอุโมงค์ รถทุกชนิดไม่สามารถเข้าใช้งานทางลอดได้ ต้องอ้อมไปใช้สะพานข้ามที่อยู่ไกลออกไป 2-3 กิโลเมตร เป็นการชั่วคราว จนกว่าระดับน้ำในอุโมงค์จะลดจนเข้าสู่ภาวะปกติ
โดยชาวบ้านบอกว่า เดิมทีในพื้นที่ไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมขังมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งมีการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ขึ้น ซึ่งอุโมงค์ทางลอดใต้รางรถไฟฯก่อสร้างขวางทางน้ำเดิม และไม่ได้มีการก่อสร้างร่องระบายน้ำเอาไว้ ทำให้น้ำเปลี่ยนเส้นทางเข้าท่วมพื้นที่ภายในหมู่บ้าน และมีน้ำบางส่วนที่ไหลท่วมอุโมงค์ทางลอดฯ ซึ่งคราวนี้มวลน้ำมามากจนทะลักล้นเข้าท่วมถึงเครื่องควบคุมกระแสไฟฟ้าของเครื่องสูบน้ำ ทำให้เครื่องสูบน้ำไม่ทำงาน น้ำจึงท่วมขังอยู่ในทางลอดระบายไปไหนไม่ได้
และยังระบุว่า เคยประสานแจ้งปัญหาไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้ว แต่ได้แจ้งมาว่า ทางลอดทุกแห่งขณะนี้ไม่ได้อยู่ในความดูแลของการรถไฟแล้ว เนื่องจากหมดระยะเวลาสัญญาการก่อสร้างโครงการฯ อยู่ระหว่างการถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล ชาวบ้านจึงยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นผู้ดูแลแก้ไขปัญหาตรงจุดนี้ให้กับชาวบ้าน หรือต้องรอปล่อยให้แดดเผา จนน้ำในอุโมงค์ทางลอดฯ ระเหยออกไปเอง
น้องสาวติดใจการตาย พี่สาวเสียชีวิต หลังฉีดวัคซีนไขว้เข็มที่ 2 ได้สามวัน
https://ch3plus.com/news/program/259395
สุพรรณบุรี-น.ส.จิน นามสมมุติ อายุ 56 ปี ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของนางจรัสศรี อายุ 60 ปี พี่สาว เนื่องจากเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนไขว้ แอสตราเซนเนก้า เข็มที่ 2 ได้เพียง 3 วัน หลังจากฉีดวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มแรก
โดยน้องสาวผู้เสียชีวิตเล่าว่า พี่สาวได้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา หลังจากฉีดวัคซีนได้ 10 ชั่วโมง พี่สาวมีอาการมีไข้แขนขาอ่อนแรง ถ่ายเหลว และอาเจียนออกมาเป็นเลือด เช้าวันที่ 23 กันยายน มีรถพยาบาลมารับมารักษาตัว ที่โรงพยาบาล สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
หลังจากพี่สาวขึ้นรถ เจ้าหน้าที่พยาบาลปั๊มหัวใจจนมาถึงโรงพยาบาล พอเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้วก็มีเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า คนไข้มีเลือดออกในกระเพาะ และสมองบวมซึ่งน่าจะเกิดจากการปั๊มหัวใจ การเต้นของหัวใจล้มเหลว จากนั้นพี่สาวก็ไม่มีการฟื้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งเสียชีวิตวันที่ 26 กันยายน เวลา 13.30 น. โดยเบื้องต้นแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า ติดเชื้อในกระแสเลือด
ตนเองสงสัยว่าสาเหตุการณ์ตายของพี่สาวตนน่าจะเกิดจากผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ซึ่งก่อนหน้านี้พี่สาวตนมีสุขภาพที่แข็งแรงดี มีเพียงโรคประจำตัวโรคเดียวคือโรคเบาหวาน เท่านั้น
ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบสาเหตุการตายของพี่สาวตนอย่างละเอียด ว่าสาเหตุเกิดจาก การฉีดวัคซีนหรือไม่ และขอให้ทางภาครัฐให้ความช่วยเหลือเยียวยาทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้บริหารของโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 อ.สองพี่น้อง เพื่อจะสอบถามว่าการเสียชีวิตขนางจรัสศรีว่า จะมาจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนหรือไม่อย่างไร แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Zjon_BtPMnE